ผมว่า แทบไม่มีใคร “คนไทย” ในอเมริกาไม่รู้จัก “แอล.เอ.” ดินแดนที่ อรรคเดช ศรีพิพัฒน์ หรือ “พี่แตน” บรรณาธิการและเจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของที่นั่น “สยามมีเดีย” เคยให้ความหมายกับผมว่า เป็นดินแดนแห่งตำนานคนไทย เขาพยายามกระตุ้นให้ผมนำเสนอทั้งมุมตรงและมุมกลับของบรรยากาศชุมชนวิถีคน และอะไรอีกหลายอย่าง อันเป็นการจำเพาะ แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่มีโอกาสที่ว่านั้น
ไม่น้อยไปกว่า สมเจตน์ พยัคฆฤทธิ์ หรือ “พี่เจตน์” บรรณาธิการใหญ่ของ “เสรีชัย” ผู้ใช้ชีวิตอย่างอาจอง คร่ำหวอดอยู่กับสังคมท้องถิ่นของแอล.เอ.มาอย่างคนที่ไร้บริบทของความแปลกแยก กับชุมชนไทยเราที่นั่น เขาผนึกชีวิตของเขาเองกับสภาพแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน ลงตัว รู้เท่าและบริบูรณ์ ,หากเป็นในเชิงการใช้ชีวิต หาใช่บริบทเศรษฐกิจส่วนตัวก็หาไม่
สมเจตน์ สัมผัสกับ “ไทยอพยพ” มาหลายรุ่น เหมือนที่ครั้งหนึ่ง ณ ร้านอาหาร “สวนตาล” ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายหลักฝั่งอิสต์ ฮอลลีวูด ดินแดนไทยทาวน์ ที่เขาเคยวาทกรรมเอาไว้ว่า “เป็นจอมยุทธ” นอก จากใช้ดาบเป็นอย่างคล่องแคล่วแล้ว ถึงคราวต้องไถนา มันก็ต้องไถนาได้ด้วย และเมื่อถึงคราวต้องจับดาบอีกก็สามารถใช้มันอย่างคล่องแคล่วเช่นกัน”
วาทกรรมนั้นของสมเจตน์ เสมือนภาพเขียนชีวิต ไม่ก็นาฏกรรมชีวิตที่ชัดเจนอะไรเยี่ยงนี้
เพราะในอเมริกา มีเหล่าจอมยุทธ์หลากหลายที่ต้องมาไถนา ซึ่งก็มีประเภทที่มีความหวังรอจับดาบคืน และประเภทที่ไร้ความหวังจับดาบคืน ประเภทที่อยู่เพื่อที่จะหวนกลับไปท่องยุทธจักร ได้จับดาบอีกครั้งนั้น อยู่ได้ด้วย “Hope”
ชีวิตครับ ถ้าใจเสาะไม่สู้มันก็ต้องตายไปเท่านั้นเอง
การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นตั้งแต่ในครัว ในร้านอาหาร ในโรงงาน ในห้องส้วม ในบ่อน ในไร่นา บนถนน สารพัดที่ สารพัดประเภทแรงงานอาชีพพื้นฐานในอเมริกา
ผมว่า “ไถนา” ของสมเจตน์ไม่ยากที่กาย แต่ไปยากตรงที่ใจ ตะหาก , สมดังคำว่า มีใจเป็นประธาน มีใจเป็นเอก ซึ่งเหล่าจอมยุทธ์ ผู้ที่ผ่านเรื่องนี้มา ย่อมเข้าใจดีว่า อะไรเป็นอะไร
จากจอมยุทธ์ผู้เคยจับดาบและมีชีวิตโลดแล่น มาเป็นชาวนา , ไม่ใช่ว่าชาวนาจะไร้เกียรติ เป็นแต่งานที่ลงมาทำนั้นมีวิธีการทำ การจัดการต่อตัวเองแตกต่างกัน แม้จะไม่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม
ตรงกันข้ามในความคิดของผมกลับมองว่า การลงมาทำนาของจอมยุทธ์ เป็นการฝึกวรยุทธ์ขั้นสูงหรือชั้นเลิศ เป็นการผึกใจ ฝึกตบะ การละวางเรื่องตัวตน อ่อน แข็ง แปรผันตามสภาพ
นี่ไม่ใช่ความหมายของการใช้ชีวิต“ในขั้นเทพ” ดอกหรือ??ใครที่ผ่านการใช้ชีวิตและมีมุมมองภายในเยี่ยงนี้ ย่อมกลาย เป็นจอมยุทธ์เหนือจอมยุทธ์ กลายเป็น “เซียนน้อย” ในบางด้าน ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ก็คุณธรรมการดำรงตน มีครบหรือแทบครบถ้วน ไหนจะหน้าที่ความรับผิดชอบต่อตนเองครอบครัวและสังคม(มนุษยธรรม) ไหนจะความอดทน(ขันติ) ไหนจะความเพียร(วิริยะ) ไหนจะการควบคุมจิตใจตัวเองให้ได้(ทมะ) ไหนจะต้องใส่ใจ มุ่งมั่นต่อหน้าที่การงาน(จิตตะ) ไหนจะต้องใคร่ครวญ วางแผนการใช้ชีวิต และวางแผนเรื่องความเป็นอยู่ต่างๆ(วิมังสา) ฯลฯ
นี่ล่ะ ความหมายของชีวิตที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นตัวแทนความหมาย ชีวิตคนไทยในแอล.เอ.และชีวิตคนไทยในอเมริกายุค 30 กว่าปีที่แล้วไล่ลงมาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่การเป็นจอมยุทธ์นั้น ชีวิตมีความท้าทาย เข้มข้นและเคี่ยวกรำ มากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!ชีวิตเมื่อก่อนนับว่ายากยิ่งแล้ว ชีวิตยุคหลังนับว่า ยากยิ่งกว่า คนไทยเราส่วนใหญ่ก็ไม่แตกต่างไปจากคนอีกหลายเชื้อชาติที่อยู่รวมกันในดินแดน ที่เรียกว่า ดินแดนแห่งเสรีภาพ ซึ่งสำหรับบางมิติแล้ว ไม่สามารถรู้ได้เช่นกันว่า ในความเป็นจริงของชีวิตแล้วมันเสรีจริงๆ ตามที่พูดกัน หรือเสรีแบบหลอกๆ
เสรีภาพ คงไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ เสรีภาพเกิดขึ้นได้เพราะมีองค์ประกอบตะหาก
ในอเมริกา น่าสนว่า หากคุณมีไม่ครบองค์ประกอบแห่งเสรีภาพ คุณก็อย่าไปคาดหวังว่าจะได้เสรีภาพอย่างที่คาดฝัน
ลึกลงไป แม้แต่คุณ มีองค์ประกอบแห่งเสรีภาพอยู่อย่างครบครันก็ตาม แต่ก็ยังมีเงื้อมมือของกฎระเบียบต่างๆ ควบคุมคุณเอาไว้อย่างแน่นหนา ในนามของ กฎหมายหรือแม้แต่จารีตอเมริกัน
ฝันจึงมีได้ แค่ตอนหลับตาเท่านั้น ขณะลืมตาหรือตื่น มันคือ ความจริง
ความจริง คือ การทำงานหนักและการเอาตัวรอดรายวันของคนส่วนใหญ่ที่นี่ แม้จะยอมรับได้ว่า มีคนไทยจำนวนหนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่มาก ก้าวข้ามพันธนาการด้านเศรษฐกิจส่วนตัวไปได้ อันหมายถึงได้รับการสนับสนุนจากคนหรือญาติทางเมืองไทย
แม้รายละเอียดของแต่ละชีวิตแตกต่างกัน แต่วิถีชีวิตที่นี่ถูกกำหนดให้เดินไปอย่างคล้ายคลึงหรือในท่วงทำนองเดียวกัน
ทุน ปัจเจกและรัฐ เป็นสายสัมพันธ์ที่แยกไม่ออก
ปัจเจก อย่างมดงาน ที่ไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่ขนเสบียงกรังกันไปได้นานขนาดไหน
แต่ผมก็เชื่อว่า มดงานเหล่านี้ ทำหน้าที่ได้อย่างสง่า และอย่างภาคภูมิยิ่ง
เพราะชีวิต เป็นทั้งของง่ายและเป็นทั้งของยาก ในเวลาเดียวกัน ตามคำพูดล้อเลียนที่ว่า “เวลานี้อย่าว่าแต่เพื่อนตายเลย แม้แต่เพื่อนกินยังหาแทบไม่ค่อยจะได้”
ขณะเดียวกัน การทำหน้าที่นักสู้ในฐานะมนุษย์ผู้เกิดมาไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมต่างหาก ที่สำคัญกว่า
นี่ย่อมเป็นเครื่องการันตีความเป็นคนและศักดิ์ศรีความเป็นคน อย่างแท้จริง
นาทีนี้ ผมจึงเชื่ออย่างสุดขั้วหัวใจ แม้จะไม่ใช่ในฐานะรุ่นน้องและเพื่อนพ้องที่คบหากันมาอย่างค่อนข้างสนิทสนมใน ช่วงที่อยู่แอล.เอ.ว่า สรรชัย โกรานนท์ หรือ “พี่สรรชัย” อยู่ในมณฑลที่ว่า
แม้ถึงนาทีนี้ ที่ปรากฎความไร้ซึ่งตัวตนของสรรชัยอย่างไม่หวนคืนเสียแล้ว
ไม่มีหรอกชีวิตที่สมบูรณ์ มีแต่ชีวิตที่มีทุกข์มีสุขคละเคล้ากันไป เป็นธรรมดา กับท่วงท่าอันถ่อมเนื้อถ่อมตัว นิ่มนวลของเขา(สรรชัย) ผมจำได้แม่น
เขายังเป็น “ทรายใต้ถุนตึก” อย่างเสมอต้นเสมอปลาย นับตั้งแต่วันแรกที่ผมกับเขาเจอกัน ผ่าน สมเจตน์ พยัคฆฤทธิ์ เมื่อช่วงต้นปี 2541 ขณะที่สมรภูมิชีวิตของเขาและของพวกเรากำลังเดือดพล่าน แทบไม่แตกต่างกัน
เฉกหนึ่งของชีวิต นาทีนั้น ผมเองกำลังจะกระโจนเข้าสู่สมรภูมิ
คนคนหนึ่งสามารถใช้ชีวิตอยู่ในยุทธภพอย่างแอล.เอ. ได้นับสิบๆปี จะไม่นับถือว่า เป็นจอมยุทธ์ได้อย่างไรกันเล่า
ภาวะร้อนสุดขั้ว ภาวะหนาวสุดขั้ว และภาวะอุณหภูมิใดย่อมต้องผ่านมาไม่มากก็น้อย
สรรชัย คือ ใช่ และเขาก็ผ่านมามาก
สื่อหนังสือพิมพ์ที่เขาเคยทำและเป็นเจ้าของอย่าง “ไทยไทม์” เป็นแค่ชื่อ แต่จริงๆแล้วสำหรับเขาไม่ได้มีแค่ ไทยไทม์ แต่มันเป็น “ไลฟ์ไทม์”
คนทุกคน คงไล่จับความฝันของตัวเองได้ไม่หมดเป็นแน่ แต่อย่างน้อยสรรชัย ก็คว้าได้ความฝันหลายส่วนตามที่เขาต้องการ และมันเป็นความฝันสำคัญของเขาเสียด้วยสิ
บัดนี้ เขาอยู่ในภาวาการหลับยาว ขณะภาระกิจและพันธะกิจอันแสนเหนื่อยล้าในแอล.เอ.ดินแดนที่เขาเคยบอกผมว่า เขารักการใช้ชีวิตที่นี่ กำลังดำเนิน
ฤาระหว่างจอมยุทธ์กับชาวนา ที่แท้หามีวิถีที่แตกต่างกันไม่…