ชีวิตต้องสู้ ถึงจะชนะ… สดุดี ตั่วเฮีย สุทิน ทิวาศาสตร์

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปของพี่ใหญ่ของพวกเรา พี่สุทิน ทิวาศาสตร์ ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลท่านหนึ่งในสังคมชาวไทยในสหรัฐอเมริกา ที่ได้สั่งสมคุณงามความดีมาตลอดชีวิตของท่าน ขอฝากบทกลอนนี้ให้พี่ครับ


สุดอาลัย    พี่สุทิน    ที่เคารพ

พึ่งเห็นกัน    หยกๆ    เพลินหรรษา

ก็มาด่วน    จากกัน    เสียแล้วหนา

ขอให้พี่    ไปดี    สู่สรวงสวรรค์

ขอเทวดา    ฟ้าดิน    ช่วยคุ้มครอง

เพราะพี่นั้น    เป็นคนดี    ศรีสังคม


ผมมีโอกาสได้ทำงานกับตั่วเฮียสุทิน ในช่วงระหว่างปี 2010-2012 ในฐานะเป็นเลขาธิการสภาหอการค้าไทย-อเมริกัน แห่งแคลิฟอร์เนีย ในขณะที่ตั่วเฮียยอมเสียสละมานั่งเป็นประธาน ในขณะที่สถานการณ์กำลังวิกฤต คือ พี่ดอน จิว แห่ง บริษัท K & D Graphics เมืองออเร้นจ์ ลาออกกะทันหัน พี่สุทิน จึงอาสาเข้ามาเป็นประธาน และตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยกัน ท่านมีบุคลิกที่เรียกได้ว่า “พูดน้อย ต่อยหนัก” ในระหว่างที่ทำงานคือเป็นคนพูดน้อย มีความนิ่ง สุขุม ซึ่งทำให้คนข้างๆ มีความเกรงใจ และยินดีที่จะทำงานถวายหัวให้มากกว่าเจ้านายที่พูดมากหรือพูดเก่ง จากจุดเด่นนี้ ตั่วเฮียต้องการที่จะให้สมาชิกสภาหอการค้าฯ มีความรู้ มีการพัฒนาทักษะในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านกฎหมายแรงงาน อิมมิเกรชั่น เทคนิคใหม่ๆ ในการทำธุรกิจให้ถูกต้อง โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้ามาตรวจสอบ โดยอนุญาตให้ผมจัดหาเจ้าหน้าที่ ทนายความ นักบัญชี มาใช้สถานที่ในโรงแรมของพี่ คือ ลินคอล์น พลาซ่า มอนเทอเร่ย์พาร์ค โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังให้ห้องในโรงแรมเป็นสำนักงานถาวร แทนที่จะไปใช้บ้านของประธานหรือนายก เหมือนสมาคมต่างๆ ที่ทำกันอยู่ พี่สุทินยังเล็งเห็นความสำคัญในการรู้จักและคบหาสมาคมกับนักการเมืองระดับประเทศ หรือระดับท้องถิ่น ช่วยสนับสนุนให้ทุนการหาเสียงกับผู้สมัครหลายๆ คน เพื่อให้พวกเรามีคอนเนคชั่นเมื่อเรามีปัญหา ด้วยเหตุผลดังกล่าว สภาหอการค้าไทย-อเมริกัน ในยุคท่านสุทิน ทิวาศาสตร์ จึ่งมีความก้าวหน้ารุ่งเรืองที่สุดในช่วง 2010-2012 ด้วยความประสงค์ของอดีตกงสุลใหญ่ ดำรง ใคร่ครวญ ที่นำสภาหอการค้าไทย-อเมริกัน มาปัดฝุ่น หลังจากก่อตั้งมาหลายสิบปี จนกระทั่งมีสมาชิกกว่า 100 ธุรกิจ ที่เข้าร่วมสนับสนุน เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมบริหารพี่สุทิน และได้สะสมทุนกว่า $70,000 ให้ประธานคนต่อไปบริหารต่อ นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพี่สุทิน เป็นที่ประจักษ์ในการบริหารจัดการองค์กรจนถึงทุกวันนี้

ในเรื่องส่วนตัว พี่สุทินมาอเริกาพร้อมครอบครัวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1968 แต่งงานกับพี่สุรภี คงคาสวัสดิ์ (นามสกุลเดิม) หนึ่งปีก่อนอพยพมาเริ่มธุรกิจด้านกระดาษตลอดกว่า 30 ปี และเมื่อมีโอกาส ก็ซื้อโรงแรมลินคอล์น พลาซ่า ที่มีปัญหา เสื่อมโทรม ในราคาถูก แบบมีการลบหนี้กันด้วย โดยตั่วเฮียมาจัดการบริหารเอง ตกแต่งใหม่ มีห้องพัก 112 ห้อง มีห้องจัดงานเลี้ยงและอื่นๆ ทำให้เป็นที่รู้จักของชุมชนไทยมาตลอด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเมืองไทยจะกรอกที่อยู่ที่พำนักที่นี่กันมาก จนทางอิมมิเกรชั่นที่สนามบิน LAX สงสัยว่าทำไมนักท่องเที่ยวไทยแทบทุกคน ถึงใส่ที่อยู่ว่ามาพักที่โรงแรมลินคอล์น พลาซ่า เลขที่ 123 S.Lincoln Ave, Monterey Park ทำให้เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นจำต้องมาเยี่ยมพี่สุทิน สอบถามว่ามันเป็นโรงแรมจริงหรือเปล่า หรือมาอยู่กันจริงหรือเปล่า สรุปคือคงเพราะจำเลขที่โรงแรมได้ง่ายและเป็นโรงแรมคนไทยด้วย ก็เป็นเรื่องราวที่โรงแรมชื่อดังมากกับนักท่องเที่ยวไทยไว้อ้างอิงกรอกเอกสาร

เมื่อหลายปีก่อน มีผู้ใหญ่เสนอขอซื้อโรงแรมลินคอล์น พลาซ่า ให้กำไรหลายเท่าตัว แต่เนื่องจากความรักศรีภรรยา พี่สุรภี จึงขอกลับไปถามปรึกษาก่อน พี่สุทินก็มาเล่าให้ผมฟังว่า ไปถามพี่สุรภีว่า “จะเอากล่องหรือจะเอาตังค์” ปรากฏว่าพี่สุรภี ขอเอากล่อง เลยจบเจรจาการขาย และเป็นเจ้าของโรงแรมมาจนทุกวันนี้

พี่สุทินเป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 5 คน เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2484 ที่กรุงเทพมหานคร แต่งงานกับภรรยาคนสวย คุณพี่สุรภี ทิวาศาสตร์ (คงคาสวัสดิ์ นามสกุลเดิม) เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2510 มีบุตรชาย 3 คน พี่สุทินจบการศึกษาที่กรุงเทพฯ โรงเรียนปานะพันธุ์วิทยา ที่ลาดพร้าว และต่อปริญญาตรี ที่ St. Louis University, Philippines และปริญญาโท MBA ที่มหาวิทยาลัยซานดิเอโกในปี 1971

จำได้แม่น เมื่อผมได้รับเชิญไปงานฉลองครบรอบวันเกิด 80 ปี ของพี่สุรภี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่โรงแรมลินคอล์น พลาซ่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่นกับผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานกว่า 200 ท่าน ก่อนกลับพี่สุทินมากระซิบกับผมว่า สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนี้ต้องไปฟอกไตอาทิตย์ละ 3 วัน เหนื่อยมาก ผมก็พยายามให้กำลังใจท่านว่า ไม่เป็นไรตั่วเฮีย มีคนฟอกไตอยู่ได้เป็น 10 ปี ก็มีนะ ที่สุทินยิ้มๆ และเราก็ได้ติดต่อกันตลอดผ่านทางไลน์อย่างต่อเนื่อง

และในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2567 ตั่วเฮียของพวกเราก็ต้องจากเราไปอย่างสงบ ด้วยสิริอายุ 82 ปี ขอขอบพระคุณในมิตรภาพ ความเมตตา ไมตรีจิต ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ให้กับผม ขอให้พี่หลับให้สบาย ขอให้ดวงวิญญาณของพี่ไปสู่ภพภูมิที่ดี

ด้วยรักและอาลัยรักตั่วเฮียเสมอ

คิด ฉัตรประภาชัย