มาร่วมรณรงค์เพื่อหยุดการเหยียดเชื้อชาติ ชาวเอเชีย กันเถิด!

การทำร้ายชุมชนชาวเอเชีย ทั้งวาจา และร่างกาย พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อโควิด-19 จนถึงขั้นเสียชีวิตของคุณลุงวิชา รัตนภักดี อายุ 84 ปี อาศัยอยู่ในเมืองซาน ฟรานซิสโก อดีตเจ้าหน้าที่แบงก์กสิกรไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มกราคม 64 ได้สร้างความเศร้าสลดใจกับชุมชนไทย และชาวเอเชีย

สถิติขององค์กรอิสระ www.STOPAAPIHATE.org (AAPI = Asian Americans Pacific Islanders – รวมถึงประเทศในเขตเอเชียยตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด) จากรายงานทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา มีการกระทำการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชียที่ได้รับแจ้งจากเหยื่อ (ไม่ได้แจ้งเหตุอีกเท่าไรไม่ได้บอก) ในช่วงเดือนมีนาคม 2020 ถึง กุมภาพันธ์ 2021 มีถึง 3,795 ครั้ง แยกเป็นประเภทการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชียดังนี้:

1. จากการพูดดูถูกเสียดสีเหยียดหยาม 68.1% (Verbal Harassment)

2. จากการแสดงกิริยารังเกียจ ออกห่าง ดูถูกชาวเอเชีย 20.5% (Shunning)

3. จากการทำร้ายร่างกาย 11.1% (Physical Assault)

4. จากการลิดรอนสิทธิ์ของชาวเอเชีย 8.5% (Civil Rights Violations)

5. จากการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชียออนไลน์ 6.8% (Online Harassment)

ล่าสุดที่เป็นข่าวใหญ่ คือการฆ่าหมู่ชาวเอเชีย 8 ศพ ในสถานบริการนวด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2021 ในเมือง Atlanta, Georgia ซึ่งหกคนในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงนวดชาวเอเชีย (เกาหลี) จากน้ำมือของวัยรุ่นผิวขาว ที่มีการใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติในที่เกิดเหตุอีกด้วย

ผมได้รับคำถามบ่อยๆ จากคนไทยมากเหมือนกันว่า ไปร่วมชุมนุมแล้วได้อะไร จนผมต้องถามกลับไปว่า ถ้าไม่ไปใช้สิทธิ์ หรือออกมาร่วมแสดงพลังชุมชนไทยเหมือนดังชุมชนอื่นๆ แล้ว คุณมาเป็นพลเมืองอเมริกันทำไมล่ะ หรือเพียงต้องการการอยู่แบบถูกต้องตามกฎหมาย กลับไปเที่ยวเมืองไทยได้ หรือเพียงต้องการประกันสังคมสุขภาพ (Medicare) พอแก่ตัวมีเงินโซเชียลกินแค่นั้นหรือ ไหนชอบบอกว่ารักประชาธิปไตย แต่ยังไม่เคยออกมาเลือกตัวแทนในเขตของคุณเลย หรือไม่เคยไปลงจดทะเบียนเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอะไรเลย และไม่รู้หน้าที่ของการเป็นพลเมืองของประเทศนี้ คืออะไร บางครั้งรัฐบาลต้องบังคับให้ไปทำหน้าที่เสียด้วย เช่น การมารับใช้สังคมโดยการเป็นลูกขุนในศาล เพื่อเป็นผู้ตัดสินคดีต่างๆ ว่าใครผิดใครถูก คนไทยบางคนกลับหลบหลีก จนถูกจับดำเนินคดีอาญามาแล้วก็หลายราย

ขออนุญาตนำคำตอบของอดีตกงสุลใหญ่นครลอสแอนเจลิส ท่านสุพจน์ ธีรเกาศัลย์ (1995-1999) และอดีตทูตมอสโค รัสเซีย ในคำถามเมื่อเร็วๆนี้ ที่ว่า… ไปร่วมแล้วได้อะไร...

“ถ้าไม่แสดงตัว ไม่ช้าเราก็อยู่ในมุมมืด เป็นกลุ่มชนที่เขาไม่ต้องเกรงใจ เราต้องให้เขารู้ และเข้าใจว่า คนไทยรักษาสิทธิ์ที่จะอยู่ร่วมในสังคมอย่างสันติ ไม่ยอมให้ใครมารังแก เราจะร่วมกันต่อสู้และร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐที่จะทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์และคุ้มครองผลประโยชน์ และครอบครัว ตลอดจนชุมชนของเรา เราเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐ มีสิทธิ์ที่จะดำรงชีพอย่างสุจริต และปลอดพ้นจากภัยคุกคาม และความหวาดกลัวใดๆ ทุกคนเสมอภาคมีอิสระเสรี มีชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมกันภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐ

ดังนั้น เราต้องก้าวออกไปร่วมแสดงพลัง และศักยภาพของชุมชนไทย ไม่มีใครจะมาเคารพนับถือเราได้ หากเรายังไม่รู้จักที่จะปกป้องตนเองและสิทธิเสรีภาพอันล้ำค่าด้วยตัวเรา มาร่วมกันแสดงสิทธิ์ที่มีพลังของตนเอง และทำให้พวกเขาจะได้รู้จักมีความเคารพเรา ออกมาประสานมือส่งเสียงและร่วมมือผนึกกำลังอย่างเข้มแข็ง พิทักษ์ผลประโยชน์ของเรา

ถึงเวลาแล้วที่เราคนไทยในสหรัฐจะแสดงความรักเผ่าพันธุ์เรา และความรักที่เรามีต่อสหรัฐอเมริกา ก้าวออกมาและควักหัวใจที่แท้จริงให้เขาได้รู้ เราจะสู้เพื่อสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายเสมอ ไม่ยืนเป็นง่อยให้เขามารังแกเรา พวกเราสู้ๆ แสดงสิทธิเต็มๆ เทิดทูนความเสมอภาคทุกเผ่าพันธุ์ในสหรัฐอเมริกานี้ครับ”

ขอกราบขอบพระคุณอดีตท่านฑูตสุพจน์ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งมากว่า 240 ปี ประกาศเอกราชโดยมีหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเสมอภาคที่เท่าเทียมกันทุกคน ระบุในรัฐธรรมนูญชัดเจนโดยมีกฎหมายรับรองความเสมอภาคออกมามากหลาย (The Civil Rights Act of 1964) (Equal Employment Opportunity) แต่ในทางปฏิบัติ คนที่ไม่ใช่คนผิวขาว ก็ยังถูกเหยียดหยามเกลียดชังทั้งทางตรงหรือทางอ้อมมาโดยตลอด

ผมเองทำงานในกรมสรรพากร ของงรัฐบาลแคลิฟอร์เนีย มา 30 ปี ยังจำได้แม่นเลย ตอนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Tax Compliance Specialist) ซึ่งในเขตหนึ่งมีเพียงคนหรือสองคนเท่านั้น จากจำนวนเจ้าหน้าที่นับร้อย แต่ด้วยการทำงานที่เข้าตานาย หนักเอาเบาสู้ อาสารับงานเพิ่มมาโดยตลอด และสอบผ่านเข้าหลักเกณฑ์ที่ แต่งตั้งได้ วันที่ได้เข้านั่งในห้องทำงานใหม่ เจอบัตรสนเท่ห์เขียนว่า “Whose ass did you have to kiss?” แปลว่า คุณต้องไปเชลียก้นใครถึงได้ตำแหน่งนี้ ไม่มีลายเซ็น หรือมีใครยอมรับ แต่ผมก็รู้ๆ ว่าเป็นฝีมือของพวกคนขาวที่ผิดหวัง เพราะหัวหน้ารับผมแทน แต่ก็ฝ่าฟันอุปสรรคมา ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ฉันใดฉันนั้น ฉะนั้นการเหยียดผิวและเกลียดชัง (Racism) มีมาช้านาน เรื่องที่เกิดกับผมเมื่อ 20 ปีกว่าที่แล้ว ปัจจุบันการกีดกันเหยียดเชื้อชาติ ก็ยังเห็นอยู่บ่อยๆ มีการฟ้องร้องกัน ทั้งๆ ที่มีกฎหมายห้ามการกระทำบนพื้นฐาน เชื้อชาติ สัญชาติ หรือชาติพันธุ์ ศาสนา เพศวิถี ความพิการ เพศ ก็ตาม พวกเอเชียโดยเฉพาะคนไทย มีความขยันอดทน ทำงานหนักเอา เบาสู้ เรียนหนังสือเก่ง แต่ไม่ค่อยชอบคบค้าสมาคมกับชุมชนอื่นๆ อยู่แต่กับชุมชนของตนเอง เวลามีการคัดเลือกการแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งที่สำคัญ เจ้านายถึงไม่ค่อยอยากตั้ง ทั้งๆ ที่พวกเรามีคุณสมบัติครบถ้วน เพราะเขากลัวว่า ตั้งไปแล้วไม่มีลูกน้องเกรงใจ หรือให้การร่วมมือ ซึ่งอาจทำให้องค์กรเสียหาย และอีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ชาวอเมริกันเกลียดชังชาวเอเชียมากขึ้น คือ เมื่ออดีตประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์ทุกครั้งว่า ไวรัสโควิด-19 มาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และยังเรียกว่า Chinese Virus, Virus Wuhan, Kung flu ทำให้ผู้ที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ หลายสิบล้านคนที่เป็นชาวผิวขาวเชื่อว่าชาวจีน เหมารวมชาวเอเชียโดยรวม เป็นผู้ที่นำไวรัสโคโรน่า จากจีนเข้ามาที่สหรัฐฯ

ประเภทของอาชญากรรมการเหยียดเชื้อชาติ หรือเกลียดชังชาวเอเชีย มีสองประเภท :

1. Hate Incident เป็นการเกลียดชัง เหยียดเชื้อชาติ ด้วยการใช้คำพูดดูถูก ชูป้าย แสดงความอคติ ซึ่งยังไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะมีการปกป้องตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ คือ อิสรภาพในการแสดงออก โดยไม่ละเมิดถึงการข่มขู่ คุกคาม หรือการทำความเสียหายต่อทรัพย์สิน ตัวอย่างคือ เราจอดรถอยู่ที่สี่แยก มารอไฟเขียว แล้วมีรถคนผิวขาวหรือเชื้อชาติอื่น ๆ อีกคันมาจอดขนานกับรถเรา เปิดกระจกด่า ชูนิ้วมาเป็นชุดๆ อันนี้ก็ยังไม่ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา แต่เราควรโทรแจ้งตำรวจ 911ทันที ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำรายงานสืบหาตัวผู้ถูกกล่าวหา ถ้าหาตัวเจอ ก็มาพูดคุยว่า เหตุผลอะไรที่ทำไปเป็นต้น

2. Hate Crime เป็นการเกลียดชัง เหยียดเชื้อชาติ ต้องมีการกระทำและเจตนาที่ผิดกฎหมายอาญาเข้ามา เช่น การทำร้ายร่างกาย การฆาตกรรม การลอบวางเพลิง การทำลายทรัพย์สิน ฉีดสเปรย์ตามอาคางห้างร้าน หรือการข่มขู่จะเอาชีวิต ทางตำรวจและอัยการสามารถเพิ่มข้อหา Hate Crime ร่วมกับการกระทำอื่นๆ เพื่อให้ศาลพิจารณาเพิ่มโทษให้หนักขึ้น เพราะการกระทำมาจากเจตนาการเหยียดเชื้อชาติ เป็นเหตุจูงใจ (Motive) ท่านสามารถแจ้งเหตุทันทีได้โดยโทร 911 ตำรวจจะมาที่เกิดเหตุ


สิ่งที่ควรกระทำ

1. ถ้าบาดเจ็บ แจ้ง 911 ขอรถพยาบาลด้วย หรือช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ

2. เขียนบันทึก ทุกคำพูดที่ผู้ต้องหาใช้กับเรา

3. ข้อมูลพยานที่หาได้ ขอเบอร์โทรศัพท์ ชื่อ ที่อยู่ และข้อความที่เขาได้ยิน และคลิปที่เขาอัดไว้

4. ข้อมูลของยานพาหนะที่ผู้ต้องหาใช้หลบหนี ถ้ามีรูปถ่ายไว้ก็จะดี

5. โทรหาองค์กร www.stopaapihate.org

ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแส ของผู้กระทำผิด มีรางวัลให้โดยไม่ต้องให้ชื่อ www.lacrimestoppers.org 1-800-222-8477 ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ให้ข้อมูลเพื่อนำมาซึ่งการจับกุมผู้กระทำผิด ถึงเป็นความลับ คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับรางวัลสมนาคุณสูงสุด $1,000

สุดท้าย ช่วยกันออกมาแสดงพลังของชุมชนไทย เพื่อตัวเราและลูกหลานเราในรุ่นต่อ ๆ ไป มาเรียกร้องสิทธิ์ของเราที่ควรจะได้รับการคุ้มครองจากผู้รักษากฎหมายในทุกระดับ

“ความปลอดภัยของชุมชนไทย ต้องเริ่มที่คนไทยก่อน”

โชคดีครับ

คิด ฉัตรประภาชัย