ปวดหลังซ้ำซาก รักษาอาการปวดหลังไม่ชนะสักที อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้น การรักษา ด้วยการค้นหาสาเหตุของโรคอย่างแท้จริง จะทำให้คุณอาจออกจากลูปปวดหลังได้
อาการปวดหลัง หลายคนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาตามวัฏจักรร่างกายของมนุษย์ แต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่อาการปวดหลังไปกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน จนทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเดิม บางรายเมื่อมีอาการปวดหลังใช้วิธีทานยาและทำกายภาพ สุดท้ายก็กลับมาปวดอีกเหมือนเดิม
การรักษาที่ต้นเหตุเป็นสิ่งสำคัญหากไม่ได้รักษาอาการปวดหลังที่ต้นเหตุก็จะติดอยู่กับการรักษาอาการปวดแบบเดิมๆ ที่ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่การทำกายภาพบำบัด การรับประทานยา การฝังเข็ม แต่ไม่มีวิธีใด ที่จะช่วยให้หายจากอาการปวดได้อย่างถาวร เหมือนติดอยู่ในลูปของความเจ็บปวดที่ไม่มีวันสิ้นสุด บางรายมีโรคแทรกซ้อนอื่นเพิ่มขึ้น เช่น ซึมเศร้า อัมพฤกษ์ หรืออัมพาต
นายแพทย์ชุมพล คคนานต์ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังโรงพยาบาลเอส สไปน์ เผยว่า เนื่องจากอาการปวดหลัง มีสาเหตุจากหลายปัจจัย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการปวดหลังแบบไหนเข้าขั้นวิกฤต ในเรื่องนี้ข้อมูลจากโรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกในประเทศไทย พบอาการปวดหลังเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ แต่ในบางครั้งก็ไม่สามารถระบุได้ว่า อาการปวดเกิดจากอะไร บางครั้งอาจเกิดจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บขณะเล่นกีฬาออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ แต่ก็มีผู้ป่วยบางรายที่ปวดหลังรุนแรงจนต้องเข้าพบแพทย์ ซึ่งการหาสาเหตุของอาการปวดหลังนั้นมีหลายวิธีการตรวจด้วยเครื่อง X-ray และ MRI เป็นวิธีการหาสาเหตุที่แม่นยำและตรงจุด เพราะจะทำให้เห็นว่าข้างในร่างกายของเรามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ โดยส่วนใหญ่ที่พบจะเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นกดทับเส้นประสาท, โพรงไขสันหลังตีบแคบ ข้อกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือ กระดูกสันหลังคดรวมถึงโรคอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง
การตรวจด้วยเครื่อง MRI จะต้องใช้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กแรงสูง เพื่อให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน และด้วยข้อจำกัดทางด้านเทคนิคของการออกแบบเครื่อง MRI ทำให้พื้นที่ของการสแกนแคบ ผู้ป่วยอาจรู้สึกอึดอัดและเกิดภาวะกลัวที่แคบได้ ทั้งนี้ การตรวจด้วยท่านอนอาจไม่พบความผิดปกติของรอยโรคในบางกรณี
ปัจจุบันเครื่อง MRI ที่มีอยู่ทั่วโลกประมาณ 90% เป็นแบบอุโมงค์ ซึ่งต่างจากเครื่อง MRI แบบยืนที่มีจำนวนไม่มากแต่ที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังได้ เล็งเห็นประโยชน์ของเครื่อง MRI แบบยืน จึงนำมาใช้ในการตรวจผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านกระดูกสันหลัง ซึ่งมีเพียงเครื่องเดียวในประเทศไทย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำและตรงจุด แก้ปัญหาที่ต้นเหตุและเหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะกลัวที่แคบ
“หมอเคยเจอเคสผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังและชาลงบริเวณเท้าขวาซึ่งผู้ป่วยมีอาการนี้มาเป็นเวลา 1 ปี รักษาที่อื่นมาก็อยู่ในลูปเดิมๆ คือปวดหลังไม่จบไม่สิ้น แต่เมื่อมารักษาที่ เอส สไปน์แพทย์จึงทำการเอกซเรย์ร่วมกับการทำMRI ก็พบว่าผู้ป่วยมีหมอนรองกระดูกระหว่าง L4-L5 ปลิ้นกดทับตัวเส้นประสาทนอกจากนี้ ยังมีภาวะโพรงเส้นประสาทที่ตีบแคบด้วย ทำให้เส้นประสาท ถูกเบียดแทบจะสนิท ผู้ป่วยรายนี้เคยรักษาที่อื่นโดยใช้วิธีทานยาร่วมกับการทำกายภาพมาประมาณปีกว่า แต่มาที่รพ.เอส สไปน์ เราตัดสินใจใช้วิธีการผ่าตัดด้วยเทคนิค PSLD ปัจจุบันผู้ป่วยรายดังกล่าว อาการดีขึ้นตามลำดับซึ่งโดยรวมแล้วคิดเป็น 95%” นายแพทย์ชุมพล กล่าว
ที่ผ่านมา โรงพยาบาล เอส สไปน์ คือโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาเพียง 7 ปี ผ่าตัดผู้ป่วยกระดูกสันหลังไปมากกว่า 12,000 เคส เพราะให้ความสำคัญในเรื่องเทคโนโลยี เครื่องมือทางการแพทย์อย่างมาก เพราะเมื่อมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ จะเข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมการงานของแพทย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญในการเลือกใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยี ในการรักษาก่อให้เกิดประโยชน์ สูงสุดกับผู้ป่วยเป็นหลัก
นอกจากนี้ การหาข้อมูลการรักษาที่ถูกต้อง การพบแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง จึงเป็นทางเลือกอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณได้ทราบถึงสาเหตุของการรักษา การทำ X-ray และ MRI เพื่อค้นหาสาเหตุของอาการปวดหลัง อย่างตรงจุด พร้อมวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง จะทำให้ คุณกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ เหมือนกับการออกจากลูปของความเจ็บปวด ที่ช่วยให้คุณกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ อย่าปล่อยให้ความเจ็บปวดกลายเป็นอุปสรรคในชีวิตของคุณอีกต่อไป ทั้งนี้ ผู้มีปัญหาปวดหลังเรื้อรัง สามารถสอบถามเพื่อขอรับคำปรึกษาได้ที่โทร. 02-0340808
เพราะความหวานช่วยเติมความสุขในชีวิตให้ใครหลายๆ คน ขนมหวานและเครื่องดื่มยอดฮิตอย่างชานมไข่มุก หรือน้ำอัดลม จึงกลายเป็นของมันต้องมีดีต่อใจ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน บางคนแทบขาดความหวานไม่ได้เลย ซึ่งจากการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมติดหวาน กินน้ำตาลเฉลี่ยวันละ 25 ช้อนชา มากกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชาถึง 4 เท่า ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพของคนไทย
รู้หรือไม่? ทำไมกินขนมหวานและเครื่องดื่มที่อุดมด้วยน้ำตาลทำให้ฟิน
นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH -Bangkok Mental Health Hospitalให้ข้อมูลว่า เพราะน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นในกระแสเลือดมีผลต่อสารสื่อประสาทและอารมณ์ในเชิงบวก ไปกระตุ้นให้หลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่า “โดพามีน” ซึ่งมีหน้าที่โดดเด่นคือ ควบคุมอารมณ์ ทำให้เกิดความพึงพอใจ มีส่วนช่วยคลายเครียด ลดอาการหงุดหงิดได้
แม้การติดหวาน จะสร้างความฟินแต่เป็นพฤติกรรมการกินที่ควรหลีกเลี่ยง!เพราะเป็นการเปิดประตูรับตัวก่อการร้ายเข้ามาทำลายสุขภาพ เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs อาทิ โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิต หัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งทำให้คนเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลกนอกจากนี้ โรคเรื้อรังเหล่านี้ ยังส่งผลกระทบกับสุขภาพจิตอีกด้วย
ใครที่อยากให้ร่างกายมีสุขภาพดีหนีห่างจากโรคร้าย แต่หักดิบเลิกกินน้ำตาลทันทีไม่ไหว ลองมาทำตามคำแนะนำดีๆ ที่ทำให้ยังสามารถสุขใจไปกับความหวานต่อได้ โดยไม่หงุดหงิดจิตว้าวุ่น เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อโรคทั้งทางกาย และทางใจ
ลดหวานวันละนิดค่อยๆ พิชิตเป้าหมาย
เมื่อฟินกับความหวานมายาวนานอยู่ๆ จะให้เลิกแบบฉับพลันนั้น คงเป็นเส้นทางที่บั่นทอนความสุขใจและไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ดังนั้น การค่อยๆ ทยอยลดปริมาณน้ำตาลลงทีละน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไป จะตอบโจทย์ความต้องการของร่างกาย รวมถึงจิตใจได้ดีกว่าแบบเลิกรากันไปเลย
หวานเหมือนเดิม เพิ่มเติมไม่พึ่งพาน้ำตาล
ความหวานไม่ได้มาจากน้ำตาลอย่างเดียว ลองใช้น้ำผึ้งแทนจะดีกว่า เพราะเป็นน้ำตาลฟรักโทสที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลกลูโคส จึงใช้ในปริมาณที่น้อยกว่า นอกจากนี้ ยังมีสารอื่นที่ช่วยสร้างความสดชื่นและความฟินให้กับคนติดหวานได้ เช่น คนติดน้ำอัดลมก็มีทางเลือกจากเครื่องดื่มรสหวานที่ไร้น้ำตาล โดยเติมสารอื่นที่ให้ความหวานมาทดแทน
น้ำหมักผลไม้ สดชื่นได้ไม่ต้องเติมน้ำตาล
น้ำหมักผลไม้ หรือ Infused Water เป็นเครื่องดื่มที่นำผลไม้ ผักหรือสมุนไพรที่ชื่นชอบ เช่น ส้ม สับปะรดมะนาว สตรอว์เบอร์รี่ เป็นต้น ใส่ลงไปในน้ำเปล่า เพื่อเพิ่มรสชาติ มีความหวานเปรี้ยวจากตัวผลไม้ที่เติมลงไปโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล แต่สร้างความสดชื่นได้ลดการโหยหาความหวานได้เป็นอย่างดี หรือจะกินผลไม้ที่ให้ความหวานไปเลยก็ดี เพราะไฟเบอร์ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย
ผ่อนคลาย มีความสุขด้วย ดาร์กช็อกโกแลต
ดาร์กช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตดำ ตัวแทนความหวานที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ย้ำว่าต้องมีโกโก้เป็นส่วนประกอบหลักไม่ต่ำกว่า70 เปอร์เซ็นต์ เพราะสารฟลาโวนอยด์(Flavoniod) ในโกโก้สามารถช่วยป้องกันภาวะดื้ออินซูลิน ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ที่สำคัญยังทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข
ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ ให้เพียงพอต่อร่างกาย
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยเฉพาะในมื้อที่กินของหวาน นอกจากน้ำเปล่าจะไม่ให้พลังงานแล้ว ยังช่วยให้อัตราการเผาผลาญพลังงานแคลอรี่เพิ่มสูงขึ้น เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ขับแบคทีเรียจากกระเพาะปัสสาวะ และควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ด้วย
ในจุดนี้ใครที่ปล่อยใจฟินกินหวานจนเกินไป หากต้องการหนีห่างจากโรคร้ายทางกายที่ยากเยียวยา แถมอาจนำพาสู่ความว้าวุ่นทางใจคงต้องระมัดระวังเอาใจใส่กับอาหารการกินมากขึ้น และควรตระหนักด้วยว่าความหวานไม่ได้มาจากน้ำตาลเท่านั้น แต่อาหารจำพวกแป้งก็ย่อยสลายเป็นน้ำตาลด้วยเช่นกัน
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ชาวโซเชียลต่างแชร์ภาพกันอย่างล้นหลาม เมื่อ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Feaw Saharat” ได้ออกมาโพสต์ปล่อยเสื้อลายหายาก ซึ่งมีด้วยกันถึง 3 ตัว 3 สี (เขียว,ส้ม,ฟ้า)
โดยระบุข้อความว่า “ขายครับ เสื้อไดโนเสาร์,ไดโนพาร์ค มี 3 สี ราคาตัวละ 12,000.-฿ (หนึ่งหมื่นสองพันบาทถ้วน)
ความหายากไม่ต้องพูดถึงรุ่นนี้หากันให้ควัก คนเล่นเขารู้กัน เสื้อ OVP สกรีนเต็มสวยจัด ๆ ใส่ไปไหนคนมองทุกที่ สินค้าหายากแล้วนะครับ สนใจเป็นเจ้าของ INBOX มาได้เลยครับ รับประกันของแท้จากโรงงานขนมโดยตรง”
หลังจากเโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัล มียอดแชร์กว่า 5,000 ครั้ง ชาวเน็ตต่างเข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก ของคนต่างกันแซว ถึงความน่ารักของเสื้อลายดังกล่าว
วันที่ 23 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ในพื้นที่บ้านระเวิง หมู่ 3 ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง มีโจรมาลักหม้อแปลงไฟฟ้า แต่ก่อเหตุไม่สำเร็จ โจรได้ทิ้งหม้อแปลงและร่องรอยเอาไว้แล้วเผ่นหนี โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยกองช่าง อบต.ปลวกแดง ได้ลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุ
ขณะเจ้าหน้าที่กองช่าง อบต.ปลวกแดง เข้าตรวจสอบพบหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าขนาดใหญ่ถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าด้านบนเสาไฟฟ้ามีสายไฟห้อยระโยงรยาง ด้านล่างมีเศษซากสายไฟจากการถูกตัดเกลื่อน นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสะพายตกอยู่ 1 ใบ มีรอยเท้าคนคาดว่าไม่ต่ำกว่า 4 คนคงปีนไปตัดสายไฟและผลักหม้อแปลงร่วงลงมา
นอกจากนี้ยังพบรอยรถยนต์กระบะวิ่ง ส่วนหม้อแปลงไฟฟ้าลูกดังกล่าวเป็นของประปาหมู่บ้านในพื้นที่จุดเกิดเหตุ ตัวหม้อแปลงยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่จึงใช้รถเครนยกหม้อแปลงขึ้นรถและนำไปเก็บรักษาไว้ยัง อบต.ปลวกแดง ตรวจสอบบริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูงตรงจุดที่หม้อแปลงเคยติดตั้งอยู่
ชาวบ้านที่อยู่ไกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา (23 ก.ค.) ขณะตนหลับอยู่ในบ้านสุนัขที่เลี้ยงไว้กว่า 10 ตัวได้วิ่งฮือกันเห่าอะไรบางอย่าง ตนจึงลุกขึ้นมาส่องไฟฉายดูไปตามทิศทางที่สุนัขเห่า คิดว่ามีคนแอบมาแน่ๆ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หมาเห่าแบบนี้เหมือนกัน ตนคิดว่าครั้งนี้พวกโจรน่าจะมาลงมือขโมยของแล้ว ตนจึงเอาไฟส่องก็เห็นเงาดำคาดว่าโจรคงตกใจพากันทิ้งของและวิ่งหนีไป ถ้าไม่มีน้องหมาพันธุ์ไทยช่วยกันวิ่งไล่และเห่าส่งเสียงตนก็ไม่รู้เรื่องเลยเพราะนอนหลับ พวกโจรก็คงขโมยหม้อแปลงไปได้ โชคดีที่สุนัขได้ช่วยไว้ได้ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เจ้าหน้าที่กองช่าง อบต.ปลวกแดง จะประสานแจ้งทางการไฟฟ้าอำเภอปลวกแดง ให้มาช่วยดูและดำเนินการแจ้งความที่ สภ.ปลวกแดง เพื่อเร่งดำเนินการติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เกิดเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ หลังแฟนๆ ได้ดูคลิปล่าสุดในช่อง Cullen Hateberry ของ คัลแลน และ พี่จอง ที่ไปเที่ยวทริปเกาะปันหยี จังหวัดพังงา
ซึ่งมีเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ ที่ถูกแคปออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งแต่ช็อตแรกคือค่าเรือที่เดินทางไปที่เกาะ ค่าเรือแพง 1,000 บาท
และก็ยังมีตอนที่ คัลแลนและพี่จอง ไปเลือกซื้อของฝาก เป็นพวกเครื่องประทับ เปลือกหอยมุก ซึ่งแม่ค้าบอกราคา สร้อยข้อมือ 300 บาท เปลือกหอยมุก 500 บาท รวมราคาแล้ว 800 บาท และเมื่อขอลดราคา เจ้าของร้านบอกว่า แถมไป 1 อัน รวมเป็น 1,000 บาท จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการขายของที่ระลึกในราคานี้ มันแพงเกินเหตุไปหรือไม่
อย่างไรก็ตามหลังที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าทาง FC และชาวโซเชียล ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็บอกว่า ราคาแพงเกิดจริง พฤติกรรมไม่น่ารัก เอาเปรียบนักท่องเที่ยว
ในโลกออนไลน์ก็มีการมาแชร์ประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยไปเที่ยวเกาะแห่งนี้ และเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องราคาอาหารและสินค้า หลายเสียงพูดตรงกันว่าของแพงมากจริงๆ
โดยหลายคอมเมนต์ระบุว่า เกาะสวย สถานที่สวย เด็กๆ น่ารัก วิวธรรมชาติดีมากๆ แต่แม่ค้าเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเกินไป ไม่อยากให้พี่จอง คัลแลนต้องออกมาชี้แจงรับผิดชอบแทนใครอีก เข้าใจดีว่ามีกำลังทรัพย์จ่าย ยินดีที่จะจ่าย แต่อันนี้คือเป็นห่วงนักท่องเที่ยวคนอื่นที่เขาไปเที่ยว ที่นี่ ไม่ได้ดราม่ารอบนี้รอบแรก แต่ดราม่ามาหลายครั้งมาก ทั้งต่างชาติหลายๆ ชาติที่เขามาเที่ยวมาถ่ายโดนหมด ปีก่อนๆ ก็มีดราม่าชาร์จนักท่องเที่ยวแพง
ปัญหาการระบาดของ "ปลาหมอคางดำ" ที่ส่งให้ระบบนิเวศถูกทำลาย จนทำให้ทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและประชาชนต้องออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ โดยหนึ่งในคนที่ออกมาเคลื่อนไหว คือนักแสดงตลกชื่อดัง "จตุรงค์ ม๊กจก" ที่ผุดสโลแกน "แดกมันให้สิ้นซาก"
"ลุงรงค์" หรือ "จตุรงค์" นักแสดงตลกชื่อดัง และเป็นเจ้าของร้านอาหาร "ครัวลุงรงค์" ได้เปิดใจว่า ที่ขึ้นเมนูอาหารจาก "ปลาหมอคางดำ" เกิดจากความตั้งใจอยากจะช่วยระบบนิเวศน์ อยากให้ประเทศไทย เป็นในน้ำมีปลา ในนามีข้าวดังเดิม ไม่ใช่แค่ในน้ำมีแต่ ปลาหมอคางดำ ต้องมีหลากหลายปลา ตอนนี้มันมีแต่ปลาหมอคางดำ ราคาปลาหมอคางดำไม่น่าจะแพง อย่างที่ซื้อมาก็ซื้อในราคากิโลกรัมละ 20 บาท ถ้าร้านค้าทุกร้านขึ้นเป็นเมนู ขายในราคาถูก และอร่อย ก็จะช่วยเรื่องนี้ได้
ทั้งนี้ "ลุงรงค์" ยังเปิด 4 เมนู "ปลาหมอคางดำ" ของครัวลุงรงค์ พร้อมแคปชันว่า "มาช่วยกันกินให้มันสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย เพื่อให้ปลาสายพันธ์ไทยยังคงอยู่ "
1. ฉู่ฉี่ปลาหมอคางดำ
2. ปลาหมอคางดำทอดกระเทียมพริกไทย
3. ปลาหมอคางดำทอดน้ำปลา
4. ปลาหมอคางดำราดพริก
ซึ่งมีคนมาสั่งทั้ง 4 เมนูนี้กินอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง "ลุงรงค์" ยังฝากบอกอีกว่า อยากให้คนไปจับปลาหมอคางดำจากคูคลอง ไม่ใช่เลี้ยงในบ่อ เพราะทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไร