ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



'จิระนันท์'อดีตผู้อัญเชิญพระเกี้ยว ชี้ ปี 2515 จุฬาฯไม่แบกเสลี่ยง เปลี่ยนได้ตามยุคสมัย

วันที่ 2 เมษายน 2567 จากกรณีประเด็นที่กำลังถูกดราม่าในสังคมโซเชียล นั่นคือการที่นักศึกษา “จุฬาฯ” ใช้รถกอล์ฟในการอัญเชิญพระเกี้ยว ที่ปรับเปลี่ยนจากให้นิสิตแบกเสลี่ยงขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวนั้น

ล่าสุด จิระนันท์ พิตรปรีชา อดีตผู้อัญเชิญพระเกี้ยว ได้แชร์คลิปวิดีโอจากหอภาพยนตร์ เป็นภาพบรรยากาศงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 32 ปี พ.ศ.2515 ซึ่ง จิระนันท์ เป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในปีดังกล่าว พร้อมข้อความว่า

“ปี 2515 จุฬาฯ ไม่แบกเสลี่ยงค่ะ.. ส่วนธรรมศาสตร์ เชิญถ้วยที่ได้ครองปีก่อนโดยให้นางนพมาศแต่งเป็นคลีโอพัตรา นั่งเสลี่ยงทรงเก้าอี้บัลลังก์มีคานหามแบบในหนัง (จำไม่ได้ว่าดาว มธ.เชิญธรรมจักรด้วยพาหนะแบบไหน ที่แน่ๆ คือแต่งตัวเป็นเทพี / นางพญาโรมัน)

ส่วนตัวเห็นว่าการแบกเสลี่ยงเชิญตราสัญลักษณ์ไม่ใช่ “ประเพณี” ที่ตายตัวของสถาบันทั้งสอง หลังจากนั้นก็ใช้รถบ้างแบกบ้าง นั่งหลังช้างยังมีเลย.. ตามแต่ยุคสมัยและทีมจัดงานออกแบบ

*ขอให้ข้อมูลหลักฐาน จะได้ไม่มั่วโมเมเวลากล่าวหาหรือโต้เถียงกันค่ะ”


อุทาหรณ์แดดร้อนจัด จอดรถไว้กลางแจ้ง ไฟลามติดกระดาษทิชชู่หวิดวอดทั้งคัน

ผู้ใช้ TikTok ชื่อว่า tawan_pick ได้เผยภาพเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เป็นสภาพความเสียหายของรถยนต์ที่เจ้าตัวระบุว่า จอดไว้กลางแจ้งท่ามกลางอากาศร้อนจัด " โชคดีมาก ที่มีคนเห็นละจอดใกล้กับสถานนีดับเพลิง ขอบคุณทุก ๆ ท่านครับ ที่ช่วยเหลือ "

เจ้าของรถเล่าว่า อากาศร้อนมาก จอดรถกลางแดด พบว่าไฟเริ่มติดที่กระดาษทิชชู่ เมื่อมีผู้พบเห็นจึงรีบมาเปิดรถ ขณะที่ไฟเริ่มไหม้ ควันเยอะมาก ไฟเริ่มลามติดพลาสติกของไม้จิ้มฟัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมสกัดเพลิงไหม้ไว้ได้ทันเวลา

ขณะที่ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า เปิดกระจกไว้ นิดนึงช่วยลดอุณภูมิในรถได้มากอยู่ , อะไรสักอย่างในรถ ทำให้มีจุดรวมแสงล้านเปอร์เซ็นต์ , ระวังจุดรวมแสงด้วยคับ เช่น ขวดน้ำดื่ม ฝาครอบใสพระ เป็นต้น


นักวิทย์จำลองรูปลักษณ์'จักรพรรดิจีนโบราณ' พบต่างจากที่เคยคาดคิดไว้

1 เมษายน 2567 คณะนักโบราณคดีท้องถิ่นของจีนเปิดเผยการตรวจสอบรายละเอียดทางพันธุกรรม (genetic profile) ของจักรพรรดิกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยในยุคจีนโบราณผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมหรือจีโนม จักรพรรดิอู่แห่งราชวงศ์โจวเหนือที่นำโดยกลุ่มชาติพันธุ์เซียนเปย (ปี 557-581) หรือที่รู้จักในชื่อ "อวี่เหวินยง" เป็นผู้นำที่มีความทะเยอทะยาน ซึ่งสิ้นพระชนม์ตอนพระชนมายุ 36 พรรษา

โดยพระองค์ทรงเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เซียนเปยที่มีต้นกำเนิดจากที่ราบสูงมองโกเลีย มีการค้นพบกะโหลกและกระดูกของอวี่เหวินยงระหว่างการขุดค้นสุสานของเขาในปี 1994 และ 1995 โดยทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดยเหวินเส่าชิง จากสถาบันโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในนครเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลา 6 ปีในการศึกษาดีเอ็นเอที่พบในซากศพ และสามารถถอดลักษณะสำคัญของอวี่เหวินยง ทั้งสีผม สีผิว และสีนัยน์ตา ใบหน้าที่จำลองขึ้นมาใหม่เผยให้เห็นว่าอวี่เหวินยงมีผมสีดำ ผิวสีเหลือง และนัยน์ตาสีน้ำตาล ส่วนรูปร่างหน้าตาเป็นแบบคนทั่วไปในภูมิภาคตะวันออกหรือตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย ซึ่งแตกต่างจากที่บางคนเคยจินตนาการว่ากลุ่มชาติพันธุ์เซียนเปยมีหน้าตาเป็นอย่างไร

เหวิน กล่าวว่าหลายคนเชื่อว่าอวี่เหวินยงมีรูปลักษณ์แปลกตาแตกต่างจากคนพื้นเมือง แต่ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์นั้นกลับต่างจากที่พวกเขาคาดคิดไว้อย่างมาก โดยเขามีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมใกล้ชิดกับตัวอย่างของชนเผ่าเร่ร่อนชี่ตัน (Khitan) กลุ่มชาติพันธุ์เฮยสุ่ย โม่เหอ (Heishui Mohe) ในสมัยโบราณ ประชากรชาวต๋าว่อและมองโกเลียในสมัยใหม่ รวมถึงเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเหลืองยุคโบราณ

อนึ่ง รูปลักษณ์ของชาวเซียนเปยเป็นประเด็นที่เกิดการถกเถียงมานาน โดยบันทึกทางประวัติศาสตร์บางส่วนชี้ว่ารูปลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์นี้คือหนวดเคราหนา ผมสีเหลือง และจมูกโด่ง ทว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ชี้ว่าชาวเซียนเปยไม่ได้มีรูปลักษณ์แตกต่างจากผู้คนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย ซึ่งเหวินระบุว่าการค้นพบของพวกเขาสอดคล้องกับมุมมองที่สองมากกว่า สำหรับหลุมศพของอวี่เหวินยงถูกค้นพบในปี 1993 ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเสียนหยาง มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

เหวิน กล่าวว่าหลายคนเชื่อว่าอวี่เหวินยงมีรูปลักษณ์แปลกตาแตกต่างจากคนพื้นเมือง แต่ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์นั้นกลับต่างจากที่พวกเขาคาดคิดไว้อย่างมาก โดยเขามีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมใกล้ชิดกับตัวอย่างของชนเผ่าเร่ร่อนชี่ตัน (Khitan) กลุ่มชาติพันธุ์เฮยสุ่ย โม่เหอ (Heishui Mohe) ในสมัยโบราณ ประชากรชาวต๋าว่อและมองโกเลียในสมัยใหม่ รวมถึงเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเหลืองยุคโบราณ

อนึ่ง รูปลักษณ์ของชาวเซียนเปยเป็นประเด็นที่เกิดการถกเถียงมานาน โดยบันทึกทางประวัติศาสตร์บางส่วนชี้ว่ารูปลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์นี้คือหนวดเคราหนา ผมสีเหลือง และจมูกโด่ง ทว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ชี้ว่าชาวเซียนเปยไม่ได้มีรูปลักษณ์แตกต่างจากผู้คนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย ซึ่งเหวินระบุว่าการค้นพบของพวกเขาสอดคล้องกับมุมมองที่สองมากกว่า สำหรับหลุมศพของอวี่เหวินยงถูกค้นพบในปี 1993 ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเสียนหยาง มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

ทีมงานของเหวินยังค้นพบว่าองค์ประกอบทางบรรพบุรุษของอวี่เหวินยงส่วนใหญ่ราวร้อยละ 61 มาจากชาวเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือในสมัยโบราณ ทำให้เห็นความหลากหลายทางพันธุกรรมจากหลายภูมิภาคในกลุ่มชาติพันธุ์เซียนเปยโบราณ และการก่อตั้งกลุ่มชาติพันธุ์เซียนเปยอาจเป็นกระบวนการเชิงพลวัตที่ได้รับอิทธิพลจากการผสมผสานกับประชากรโดยรอบ

นอกจากนั้นอวี่เหวินยงอาจสิ้นพระชนม์ด้วยพิษสารหนูเรื้อรัง เนื่องจากเสวยยาลูกกลอนเป็นเวลานาน ซึ่งคนโบราณเชื่อกันว่าหากกินแล้วจะสามารถมีชีวิตเป็นอมตะคณะนักโบราณคดีเชื่อว่าการวิจัยเกี่ยวกับอวี่เหวินยงเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจการบูรณาการทางชาติพันธุ์ในประวัติศาสตร์จีน โดยเฉพาะการบูรณาการของประชากรชาวฮั่นส่วนใหญ่กับกลุ่มชาติพันธุ์เร่ร่อนทางตอนเหนือ ขณะเดียวกันการวิจัยนี้ถือเป็นความก้าวหน้าในการศึกษาทางโบราณคดี เพราะจีนมีหลักฐานสำหรับการวิจัยอยู่มากมาย


รู้จัก "ครูเร" ตชด. หน่วย EOD ถอดเสื้อให้ นักเรียน เข้าสอบ ตำรวจ

ผู้ใช้ติ๊กต๊อก m.mmnee1999 โพสต์คลิป เจ้าหน้าที่ "ตำรวจ" รายหนึ่ง ถอดเสื้อยืดให้นักเรียนที่เข้าสอบ "ตำรวจ" ใส่แทน เสื้อ ตัวเดิม เพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบและสามารถเข้าสอบได้ทัน สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น

โดยตำรวจที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว คือ ร.ต.อ.เรวัชร์ ก่อแก้ว หรือ ครูเร รองสารวัตรกลุ่มงานเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กก.3 บก.สอ.ตชด. หรือที่เรียกทั่วไปว่า ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร ตั้งอยู่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ร.ต.อ.เรวัชร์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนและทีมงาน ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เข้าสอบเป็นข้าราชการ "ตำรวจ" ระดับสิบตำรวจ สังกัด ตำรวจตระเวนชายแดน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเทคโนโลยีราชมงคล คลอง 6 ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี ไม่ทราบมาก่อนว่ามีคนถ่ายคลิปวิดีโอ มารู้ทีหลังเนื่องจากเพื่อนและลูกสาวมาบอก

เผยถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า ตนปฏิบัติหน้าที่ดูแลคุณสมบัติผู้เข้าสอบเบื้องต้น และพบเห็นว่าน้องคนดังกล่าวใส่ เสื้อ โปโลคอปกสีขาว ซึ่งไม่ตรงกับระเบียบการแต่งการผู้สมัครที่กำหนดไว้ว่า ต้องสวมเสื้อยืด และกางเกงวอร์ม ช่วงแรกได้พยายามช่วยติดต่อฝ่ายอำนวยการเพื่อสอบถาม แต่ฝ่ายอำนวยการยืนยันต้องดำเนินการตามระเบียบ จึงแนะนำให้น้องคนดังกล่าวไปหา เสื้อยืด มาเปลี่ยน

กระทั่งเหลือเวลาอีกประมาณ 5 นาที ที่ต้องเข้าห้องสอบ และฝ่ายอำนวยการเริ่มนับเวลาถอยหลังการเข้าสอบแล้ว เห็นน้องยังใส่ เสื้อโปโล ตัวเดิม จึงเข้าไปสอบถาม น้องก็บอกว่าหา เสื้อยืด เปลี่ยนไม่ได้ และเหมือนจะร้องไห้

ตนเกรงว่าน้องจะเสียสิทธิ์ไม่ได้สอบ จึงรีบถอด เสื้อยืด ที่สวมอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นเสื้อยืดคอกลมสีเขียว ของหน่วย EOD หรือหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของตน มอบให้น้องรีบเปลี่ยน และไล่ให้รีบขึ้นไปเข้าห้องสอบทันที ซึ่งน้องก็รีบเปลี่ยนเสื้อแล้วรีบวิ่งไปรายงานตัวเข้าห้องสอบทันที แทบจะเป็นคนสุดท้าย

ผมรับราชการ "ตำรวจ" ตระเวนชายแดนมา 29 ปี ภูมิใจในอาชีพ "ตำรวจ" มาก วันที่เกิดเหตุการณ์นั้นไม่เคยรู้จักน้องมาก่อน แต่รู้สึกดีใจตั้งแต่แรกที่เห็นน้องๆ จำนวนมากจากหลากหลายพื้นที่ มีความตั้งใจที่จะมาสอบเพื่อเข้ารับเป็นข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะ "ตำรวจ" ตระเวนชายแดน

จึงพยายามอำนวยความสะดวก แนะนำ และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อยากให้น้องได้เข้าไปใช้สิทธิ์ทดสอบความรู้ ความสามารถของตัวเอง ให้สมกับความตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมตัวมาเป็นปีๆ เป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้

เป็น เสื้อ ตัวแรกที่ถอดให้คนอื่น แม้เสื้อที่ให้น้องไปจะเป็นเสื้อเฉพาะหน่วย มีจำนวนน้อย แต่ไม่เสียดาย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาส ให้น้องได้ทำตามที่ตั้งใจ และสร้างกำลังใจให้น้อง ขอให้สอบได้และเป็นข้าราชการตำรวจ ไม่แน่ในอนาคตเราอาจได้เจอกันอีกที่ค่ายนเรศวรแห่งนี้


รู้จัก 'ศิรินัดดา หักพาล' หลังบ้านคนเก่ง 'บิ๊กโจ๊ก' ดีกรี ดอกเตอร์

ถึงแม้เส้นทางชีวิตของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูเหมือนจะประสบพบเจอแต่ขวากหนาม แต่ชีวิตรักของเขา กับ “ศิรินัดดา หักพาล” ผู้หญิงข้างกาย ที่เป็นคู่ชีวิต ทั้งสวย เก่ง ครบเครื่อง มีดีกรีเป็นถึงดอกเตอร์ กลับเป็นความรักที่ยาวนาน คมชัดลึก พาไปทำความรู้จักกับ หลังบ้านคนเก่ง ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับความรักที่มาราธอน 32 ปี

“ศิรินัดดา หักพาล” หรือ กุ๊บ ทายาทเจ้าของธุรกิจท่ารถโดยสารใหญ่ที่สุดใน จ.สงขลา ชีวิตวัยเด็กเริ่มต้นศึกษาโรงเรียนวรนารีเฉลิม ก่อนไปต่อปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต, ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม มหาลัยมหิดล, ปริญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย

หลังจากเรียนจบ คุณกุ๊บ กลับมาเป็นอาจารย์สอนอาชญวิทยาประจำหลักสูตรรัฐประศาสตร์ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ, อาจารย์ประจำวิชาทฤษฏีรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก และควบคุมการทำสารนิพนธ์และวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก และมหาวิทยาลัยต่างประเทศ 2 แห่ง คือ llC University พนมเปญ ประเทศกัมพูชา และ International University of Morality (IUM) เป็นประธานอาจารย์พิเศษ คุมวิทยานิพนธ์ คณะศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ก่อนที่เธอจะวางมือในบทบาทอาจารย์พิเศษ หันมาทำธุรกิจส่วนตัว ด้านนำเข้าอุปการณ์เครื่องมือแพทย์ เปิดคลินิกเสริมความงาม นามบริษัท ชวิศพร จำกัด อีกทั้ง นำเอาผลิตภัณฑ์ยาสีฟัน และแชมพูสมุนไพร “ศิริชมพู” สูตรดั้งเดิมตั้งแต่สมัยคุณยาย ออกจำหน่ายยังต่างประเทศ นอกจากนั้น เธอยังเคยเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย

เส้นทางความรักมาราธอนเพราะเทนนิส

“บิ๊กโจ๊ก” ถือเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียว ที่กุมหัวใจของ “ศิรินัดดา หักพาล” เพราะเริ่มรู้จักกันตั้งแต่ที่เธอยังเรียนอยู่ชั้น ม.3 ส่วนบิ๊กโจ๊ก ยังเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ที่ใกล้แยกเหล่าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ การเจอกันครั้งแรก น่าจะเรียกได้ว่าเป็นมนต์รักเทนนิส ก็ว่าได้ เพราะช่วงปิดเทอม เธอเลือกไปเรียนเทนนิส ฝึกตีทุกวันเป็นร้อยลูก อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีผู้ชายตัวเล็กๆ ดำๆ มาช่วยเก็บลูกเทนนิสใส่ตะกร้าให้ จากนั้น ก็มาช่วยฝึกน็อกบอร์ด แถมช่วยติวเรื่องเรียนให้อีก จนคนที่สนามลือกระฉ่อนว่า เป็นแฟนกัน

ความรักที่ต้องเจอกับอุปสรรค

แต่กว่าจะได้คบกันเป็นแฟน ก็ต้องเจออุปสรรคไม่น้อย เมื่อพ่อของคุณกุ๊บ ยังไม่อยากให้ลูกสาวคบหาผู้ชาย เพราะยังอยู่ในวัยเรียน ถึงขนาดเรียกไปยื่นคำขาด แต่เนื่องจากความดื้อ เธอยังแอบคบหากัน จนถึงขนาดยอมซื้อวิทยุสื่อสาร มาใช้พูดคุยกันแทนโทรศัพท์บ้าน ที่มักจะถูกดักฟัง จนเรียนรู้กันไปพักใหญ่ สุดท้ายพ่อของเธอก็ยอมอ่อน ให้คบหากัน เพราะความเป็นคนสม่ำเสมอของบิ๊กโจ๊ก

แต่ที่เรียกว่าเป็นความรักมาราธอน เพราะคบกันมานานเกือบ 20 ปี ถึงเพิ่งตัดสินใจแต่งงาน เนื่องจากปัญหาความไม่พร้อม และเป็นช่วงคาบเกี่ยว ที่ “บิ๊กโจ๊ก” เผชิญมรสุมในชีวิตราชการ จึงไม่อยากดึงคนรักเข้ามาเป็นทุกข์ด้วย ทั้งที่เธอเต็มใจจะร่วมฝ่าอุปสรรคที่เข้ามาพร้อมกันอยู่แล้ว

ตลอดชีวิตของชีวิตคู่ ตามหน้าสื่อ อาจจะไม่ค่อยได้เห็น “ศิรินัดดา หักพาล” เท่าไรนัก แต่หลังบ้านแล้ว คุณกุ๊บ เป็นคนที่อยู่เคียงข้าง “บิ๊กโจ๊ก” ในทุกช่วงชีวิต ที่ต้องเจอกับมรสุม รวมทั้ง กับมรสุมชีวิตครั้งล่าสุด ที่เป็นครั้งสะเทือนเก้าอี้ของบิ๊กโจ๊ก ก็ปรากฎภาพของ “ศิรินัดดา หักพาล” เคียงข้างสามีไปทำบุญเหมือนเช่นเคย


หนุ่มเผยเหตุผล เทน้ำประกาศอิสรภาพ หลังจดทะเบียนหย่ากับอดีตภรรยา

วันนี้ที่รอคอย เปิดใจหนุ่ม เทน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอ หลังได้จดทะเบียนหย่ากับอดีตภรรยา บอกประกาศอิสรภาพที่อัดอั้นมานาน

กลายเป็นคลิปไวรัลที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้บัญชี TikTok @boydiesel2 ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ขณะเทน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยอีกมือถือใบสำคัญการหย่า พร้อมกล่าวว่า "ต่อแต่นี้ไปเบื้องหน้า ข้าพเจ้าและอดีตภรรยา ได้หย่าขาดจากกันนับแต่บัดนี้ ชั่วกัลปาวสาน"

ซึ่งหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ ใจพี่มันได้จริงๆ จ้า คงเจ็บมามากพอสมควรขอให้เจอคนที่ศีลเสมอกันนะคะ ขออนุญาตแชร์นะคะชอบๆ คักๆ จ้า, ของแทร่ นี้แหละนักรบ ตัดแล้วไม่คืนคำ, ยินดีด้วยค่ะ, เป็นกำลังใจให้นะคะขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ, ของแทร่ นี้แหละนักรบ ตัดแล้วไม่คืนคำ ฯลฯ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ทางเจ้าของคลิปได้เปิดใจกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเทน้ำในคลิปว่า ตามคลิปครับ ประกาศอิสรภาพที่อัดอั้นมานาน เนื่องจากเลิกกันไปนาน 8 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นใบหย่า อยู่กันจริงๆ น่าจะได้แค่ 2 ปี แล้วเขาไปทำงานต่างประเทศอีก 2 ปี ตอนหย่านัดกันไปยากครับ เพราะต้องรอเขาบินกลับมาตอนที่เขาพัก ไว้เป็นอุทาหรณ์เครื่องเตือนใจดีกว่าครับ ว่าจะต้องคบหาดูใจกันให้แน่ใจก่อนค่อยจดทะเบียน ฟังเหตุผลของกันและกัน และไม่ดื้อรั้นอยู่ฝ่ายเดียวครับ