ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



คลื่นความร้อนเล่นงานเอเชียอาคเนย์ ลาว-เวียดนามร้อนทุบสถิติสูงสุด

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ภายใต้อิทธิพลของคลื่นความร้อน ซึ่งทำให้หลายประเทศมีอุณหภูมิสูง ชนิดทุบสถิติตลอดกาลของประเทศตัวเอง

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานเมื่อ 8 พ.ค. 2566 ว่า เวียดนาม, สปป.ลาว กับกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไทย กำลังเผชิญอุณหภูมิสูงทุบสถิติ จากอิทธิพลของคลื่นความร้อนที่มาพร้อมๆ กับฤดูฝุ่นควันรุนแรง ซึ่งทำให้ระดับมลภาวะในอากาศพุ่งขึ้นไปอีก ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคน

ที่เวียดนาม อุณหภูมิในเขตเตืองเดื่อง (Tuong Duong) ทางเหนือของประเทศ พุ่งไปแต่ 44.2 องศาเซลเซียสเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 พ.ค.) กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ของประเทศ

ขณะที่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว ที่เมืองหลวงพระบางมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 43.5 องศาเซลเซียสเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำลายสถิติสูงสุดของประเทศที่เคยทำไว้ 42.7 องศาเซลเซียสซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนไปอย่างราบคาบ ส่วนที่กรุงเวียงจันทน์ก็ทำสถิติอุณหภูมิสูงสุดใหม่ของเมืองเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ โดยวัดได้ 42.5 องศาเซลเซียส

ส่วนที่ประเทศไทย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอุณหภูมิในกรุงเทพมหานครทำสถิติสูงสุดของตัวเอง ที่ 41 องศาเซลเซียส นอกจากนั้น เมืองหลวงแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในหลายพื้นที่ของไทยที่กำลังเผชิญสภาพอากาศร้อนอุณหภูมิ 30 องศาตอนปลายไปจนถึง 40 องศามาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม

เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา จังหวัดตากทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ก็กลายเป็นจังหวัดแรกของไทยที่มีอุณหภูมิเกิน 45 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ ช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมถือเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดสำหรับภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียอาคเนย์ โดยอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นก่อนที่ฤดูมรสุมประจำปีจะมาช่วยบรรเทาความร้อน

ด้านผู้เชี่ยวชาญคาดว่า อุณหภูมิในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะลดลงเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้

ที่มา : cnn


ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน เฉลยคำถามโลกแตก พร้อมเหตุผลประกอบ

ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน คำถามโลกแตกที่มักได้ยินกันบ่อยครั้ง ทั้งในรูปแบบคำถามจริงจังและคำถามไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันฮาๆ ยียวน ชวนให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิด เนื่องจากยิ่งคิด ยิ่งไม่พบคำตอบ ซึ่งล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาชี้แจงคำตอบไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน พร้อมเหตุผลประกอบแล้ว

ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน เฉลยเข้าใจง่าย

ช่วงปี 2010 นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยวอร์ริกและมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ ได้ออกมาเฉลยไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน พร้อมเหตุผลประกอบ โดยระบุว่า โปรตีน Ovocleidin (OC-17) ที่พบในรังไข่ของไก่ มีความจำเป็นต่อการสร้างไข่ 1 ฟอง เนื่องจากโปรตีนเหล่านี้จะมีส่วนในการสร้างเปลือกไข่ เพื่อปกป้องของเหลวด้านใน ดังนั้น ในทางวิทยาศาสตร์หาถามว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน คำตอบคือ ไก่เกิดก่อนไข่ เนื่องจากไข่จะถูกสร้างโดยโปรตีนที่มีในไก่เท่านั้น

วิธีตอบคําถามไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน

วิธีตอบคําถามไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคำถามนั้นๆ โดยอาจจะเลือกตอบจากข้อมูลอ้างอิงของนักวิทยาศาสตร์ ตอบในเชิงกำกวม หรือตอบกวนๆ เรียกเสียงฮา เช่น สระใอไม้ม้วนเกิดก่อน เนื่องจากอยู่บริเวณด้านหน้าสุดของคำว่า “ไก่” และ “ไข่” ก็ได้เช่นกัน

ไก่ตัวแรกของโลกเกิดมาจากอะไร

ไก่เกิดจากอะไร เป็นหนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัย ซึ่งตามปกติ มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตบนโลกจะมีการสืบพันธุ์ เพื่อสืบทอดสายพันธุ์ของตัวเอง โดยในการสืบพันธุ์แต่ละครั้ง DNA จากบรรพบุรุษจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และมีการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

จากการศึกษาและวิจัยของนักวิทยาศาสตร์พบว่า ในอดีตประมาณ 150 ล้านปีก่อน มีสัตว์ปีกโบราณวิวัฒนาการจากสัตว์เลื้อยคลานจำพวก "อาร์คีออพเทอริกซ์" (Archaeopteryx) ประกอบด้วยเหล่าและวงศ์ที่หลากหลาย หนึ่งในเหล่าของสัตว์จำพวกนี้คือ "ไก่" หรือ "แกลิฟอร์ม" (Galliformes) แบ่งเป็นหลายวงศ์ ซึ่งภายหลังได้มีการผสมพันธุ์ และวิวัฒนาการเรื่อยมา จนเกิดเป็นไก่ในปัจจุบัน

ไข่เกิดมาจากอะไร

ตามหลักวิทยาศาสตร์ ไข่ คือ เซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมีย ทำหน้าที่สืบพันธุ์ เมื่อผสมกับเซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมีย จะพัฒนาเป็นตัวอ่อนด้านในในบลาสโตดิสก์ ซึ่งล้อมรอบด้วยไข่แดง ถัดจากไข่แดงคือ ไข่ขาว และด้านนอกสุดคือ เปลือกไข่

แม้ว่าจะมีเฉลยและเหตุผลประกอบของคำถาม "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน" แล้ว แต่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นคำถามที่มักจะได้รับคำตอบแตกต่างกันเสมอ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมุมมองและเหตุผลของแต่ละบุคคล

ที่มา : งานวิจัย Structural Control of Crystal Nuclei by an Eggshell Protein, สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และคลังความรู้ดิจิทัลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


สี 'ครุฑ' บน 'โฉนดที่ดิน' แตกต่างกันอย่างไร รู้ไว้ ไม่โดนโกง

ไขข้อข้องใจ สี 'ครุฑ' บน 'โฉนดที่ดิน' ครุฑแดง ครุฑดำ ครุฑเขียว แตกต่างกันอย่างไร รู้ไว้ ก่อน โอนกรรมสิทธิ จะได้ไม่ถูก โกง

"โฉนดที่ดิน" เชื่อว่าหลายคน โดยเฉพาะมือใหม่ ที่กำลังจะซื้อบ้าน หรือ ที่ดิน คงไม่รู้ว่า โฉนดที่ดิน ที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ แท้จริงแล้วมีหลากหลายประเภท แถมโฉนดที่ดินแต่ละประเภท ก็จะมีตรา "ครุฑ" ที่มีสีกำกับเอาไว้ ทั้ง ครุฑแดง ครุฑดำ และ ครุฑเขียว ซึ่งก็จะมีความสำคัญ และหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร และมีข้อควรระวังในการซื้อขายโอนกรรมสิทธิอย่างไรนั้น ลองอ่านกันในบทความนี้ได้เลย ป้องกันการถูกฉ้อโกงได้

โดยทั่วไปแล้วหลักๆ "โฉนดที่ดิน" จะมีด้วยกัน 4 ประเภท และแต่ละประเภท จะมีสีครุฑกำกับเอาไว้ ซึ่งก็จะมีความสำคัญ และหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้

โฉนดที่ดิน ครุฑแดง (น.ส.4)

เป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิที่ชัดเจนที่สุด ทุกคนส่วนใหญ่มีครอบครอง ผู้ถือครอง มีกรรมสิทธิ 100% มีสิทธิในการใช้สอย ทำกิน อยู่อาศัย และใช้ประโยชน์เต็มรูปแบบ สามารถซื้อ ขาย โอน จำนอง ได้ ถูกต้องตามกฏหมาย มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ รู้ตำแหน่ง เนื้อที่ ขอบเขตชัดเจน ส่วนใหญ่โฉนดในตัวเมืองเกือบทั้งหมดจะเป็นครุฑแดง โฉนดบางฉบับเรียกว่า โฉนดหลังแดง จะเป็นเอกสาร นส.4 ระบุด้านหลังว่า ห้ามโอนภายใน 5-10 ปี ขอบเขต และขนาดที่ดิน “ชัดเจน” สิทธิหมดลงเมื่อถูกครอบครองปรปักษ์ติดต่อกันนาน 10 ปี

หมายเหตุ สิ่งที่ควรระวัง หมดสิทธิครอบครอง เมื่อผู้อื่นครอบครองอย่างเปิดเผยติดต่อกัน 10 ปี

โฉนดที่ดิน "ครุฑแดง"

ครุฑเขียว (น.ส.3 ก.)

เป็นเอกสาร ไม่ใช่ "โฉนดที่ดิน" และไม่ถือเป็น "กรรมสิทธิ" ผู้ถือครองมีสิทธิครอบครองเพื่อทำประโยชน์ในที่ดิน ซื้อขาย ให้เช่า ขับไล่ผู้บุกรุก เป็นหนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ว่าเราได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นๆ มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ รู้ตำแหน่ง เนื้อที่ ขอบเขตชัดเจน คุณสมบัติใกล้เคียงกับโฉนด ซื้อ-ขาย จำนองธนาคารได้ ถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถไปยื่นเรื่องเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินได้ในอนาคต (ครุฑแดง) สามารถยื่นเรื่องเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินได้ สิทธิหมดลงเมื่อถูกครอบครองปรปักษ์ติดต่อกัน 1 ปี

หมายเหตุ สิ่งที่ควรระวัง หมดสิทธิครอบครอง เมื่อผู้อื่นครอบครองอย่างเปิดเผยติดต่อกัน 1 ปี

โฉนดที่ดิน "ครุฑเขียว"

ครุฑดำ (น.ส./น.ส.3 ข.) เป็นหนังสือรับรองจะแสดงถึงสิทธิการครอบครองของเจ้าของ แต่ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศที่แน่ชัด ซื้อขายต้องรอประกาศจากราชการ 30 วัน ผู้ถือครองมีสิทธิครอบครองเพื่อทำประโยชน์ในที่ดิน ซื้อขาย ให้เช่า ขับไล่ผู้บุกรุก สามารถซื้อ ขาย โอน จำนอง ได้ แต่ต้องรังวัดที่ดิน และรอประกาศจากทางราชการ 30 วัน สามารถยื่นเรื่องเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินได้ ขอบเขต ขนาดที่ดิน “ไม่ชัดเจน” สิทธิหมดลงเมื่อถูกครอบครองปรปักษ์ติดต่อกัน 1 ปี

สำหรับความแตกต่างของทั้ง 2 ประเภทย่อยนี้ จะต่างกันที่หน่วยงานที่มีอำนาจการออกหนังสือ กล่าวคือ นส. 3 จะออกโดยนายอำเภอท้องที่ ส่วน นส. 3 ข เจ้าหน้าที่ที่ดินจะเป็นผู้ออกให้ แต่จะถือว่ายังไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการ

โฉนดที่ดิน "ครุฑดำ"

ครุฑสีน้ำเงิน (ส.ป.ก.4-01) เอกสารที่ออกให้เจ้าของมีสิทธิในการทำเกษตรกรรม หรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งมีข้อจำกัดว่า “ห้ามผู้ใดซื้อ ขาย โอน นอกจากทายาทเจ้าของสิทธิ์เท่านั้น” โดยทั่วไปแล้วโฉนดที่ดินประเภทนี้ จะออกให้กับเกษตรกรที่มีฐานะยากจน ครอบครัวละไม่เกิน 50 ไร่

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นข้อควรรู้ เกี่ยวกับบรรดาสีของครุฑ บนโฉนดที่ดินแต่ละสีกันไปแล้ว ต่อไปหากต้องไปติดต่อ หรือดำเนินการจัดการที่ดิน ก็จะได้มีความรู้ในการดำเนินการ โดยไม่นำไปใช้ผิดประเภท ให้ต้องเสียสิทธิที่พึงมีกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก Isara Property


งานวิจัยชี้ ผู้ชาย IQ ต่ำ แนวโน้มนอกใจคนรัก - ชอบคบซ้อนสูง

ทำไมคบใครก็ไม่รอด? เมื่อสติปัญญาส่งผลต่อรูปแบบความสัมพันธ์ เพราะมีงานวิจัยออกมาเปิดเผย ของ ดร.ซาโตชิ คานาซาวา (Dr. Sotoshi Kanazawa) นักจิตวิทยาที่ศึกษาด้านพฤติกรรม และการรับรู้ของมนุษย์ จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์จากแห่งลอนดอน (LSE) พบว่า ผู้ชายที่ IQ ต่ำ มีแนวโน้มที่จะนอกใจคนรักสูง

ในขณะที่ผู้ชาย IQ สูง ยิ่งฉลาดเท่าไร ให้ความสำคัญกับการมีคู่เพียงคนเดียว จะมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางนอกใจภรรยาน้อยลงเท่านั้น

โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างชายวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่หลายพันคนในสหรัฐฯ ซึ่งผลวิจัยได้สรุปข้อมูลเอาไว้อย่างน่าสนใจ

“ผู้ชายที่ฉลาด มีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับการมีคู่ รวมถึงการผูกขาดทางเพศกับคู่เพียงคนเดียว มากกว่าผู้ชายที่ฉลาดน้อยกว่า”

แต่อย่างไรก็ตาม งานศึกษาชิ้นนี้ ไม่สามารถนำมาใช้กับผู้หญิงได้ เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ถูกคาดหวังให้มีพฤติกรรมที่รักเดียวใจเดียวต่อคู่ครองอยู่แล้ว แม้ว่าจะอยู่ในสังคมที่ยอมรับการมีภรรยาหลายคนก็ตาม


นาซาปล่อยดาวเทียมขนาดเล็ก 2 ดวงขึ้นสู่วงโคจร เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวพายุเฮอริเคน

นาซาปล่อยดาวเทียมขนาดเล็ก 2 ดวงที่ออกแบบมาเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวพายุหมุนเขตร้อนแบบชั่วโมงต่อชั่วเอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 กล่าวว่า องค์การนาซา (NASA) ปล่อยดาวเทียมขนาดเล็ก 2 ดวงจากฐานปล่อยจรวดในนิวซีแลนด์ เพื่อใช้ในภารกิจติดตามความเคลื่อนไหวของพายุหมุนเขตร้อน

ดาวเทียมขนาดเล็กดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับปรุงการพยากรณ์อากาศสำหรับพายุรุนแรงที่มีอำนาจทำลายล้างสูงอย่างเฮอริเคน, ไต้ฝุ่น หรือไซโคลน

เครื่องติดตามพายุชนิดใหม่ซึ่งถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรอวกาศพร้อมจรวดที่สร้างโดยบริษัทร็อคเกต แล็บ ของสหรัฐฯ มีความสามารถในการเคลื่อนตัวตามพายุเฮอริเคน (หรือไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก) ได้แบบชั่วโมงต่อชั่วโมง ซึ่งแม่นยำกว่าดาวเทียมปัจจุบันที่ติดตามความเคลื่อนไหวทุกๆ 6 ชั่วโมง

วิล แมคคาร์ตี นักวิทยาศาสตร์ของนาซากล่าวว่า นอกจากนักวิจัยจะสามารถเห็นพายุเคลื่อนตัวเป็นรายชั่วโมงแล้ว ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมให้กับดาวเทียมดวงอื่นที่มีอยู่แล้วได้อีกด้วย

นาซามีกำหนดส่งจรวดลำที่สอง พร้อมดาวเทียมขนาดเล็กอีก 2 ดวง ขึ้นสู่วงโคจรในอีกประมาณสองสัปดาห์ เพื่อนำไปรวมกลุ่มกับดาวเทียม 2 ดวงที่ส่งขึ้นไปก่อน ให้กลายเป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กที่มีดาวเทียมติดตามพายุ 4 ดวง

ข้อมูลที่ได้มาจะเป็นการรวบรวมเกี่ยวกับปริมาณน้ำฝน, อุณหภูมิ และความชื้น ซึ่งจะสามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ระบุได้ว่าพายุเฮอริเคนจะขึ้นฝั่งที่ใดและจะรุนแรงเพียงใด อีกทั้งยังช่วยให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพที่อาจเกิดขึ้นได้ดีขึ้น

"องค์กรปฏิบัติการหลายแห่ง เช่น ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ, ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นร่วม และอีกหลายแห่ง พร้อมที่จะรับข้อมูลและภาพถ่ายเพื่อช่วยในการพยากรณ์" เบน คิม ผู้บริหารโครงการของนาซากล่าว พร้อมเสริมว่า ในระยะยาว ความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการก่อตัวและวิวัฒนาการของพายุเหล่านี้ จะสามารถช่วยปรับปรุงแบบจำลองสภาพภูมิอากาศได้

เดิมทีโครงการนี้ตั้งใจให้มีดาวเทียม 6 ดวง ไม่ใช่ 4 ดวง แต่ 2 ดวงแรกสูญหายไปกับจรวดแอสตรา (Astra) ของสหรัฐ ที่ทำงานผิดพลาดหลังจากปล่อยขึ้นได้ไม่นานเมื่อปีที่แล้ว.