ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



เอช เซม มอเตอร์ สยายปีก เปิดสถานีเปลี่ยนแบตฯ

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายและผู้ให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เอช เซม เปิดเผยว่า เอช เซม เดินหน้าลุยปูพรมธุรกิจ ปี 2567 เปิดรับพันธมิตรเป็นตัวแทน ตั้งสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ ภายใต้รูปแบบธุรกิจ MOVE EV X(มูฟ-อี-วี-เอกซ์) ด้วยแนวคิดเปลี่ยนแบตฯ ภายใน 3 นาทีคุ้มกว่าชาร์จแบตฯ เอง 6 ชั่วโมง ตั้งเป้าเพิ่ม 80 ตู้ มูลค่ารวม 120 ล้านบาท ภายในปีนี้

“เอช เซม มีสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งสำนักงานสาขาของ เอช เซม ธนาคารปั๊มน้ำมัน ซูเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้ มอลล์ ถึงแม้จำนวนสถานีจะเพิ่มมากขึ้นแต่จากข้อมูลตัวเลขการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเอช เซม ในช่วงปี 2564-เดือนมกราคม 2567 มียอดสะสมการเปลี่ยนแบตฯ สูงกว่า4,000,000 ครั้ง สามารถแจกแจงเพื่อให้เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนโดยปีแรก 2564 จำนวนการเปลี่ยนแบตฯ 17,505 ครั้ง ปีต่อมา2565 ยอดการใช้งานสูงถึง 777,627 ครั้ง เท่ากับมียอดเติบโตสูงขึ้น 4,342%”

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ที่ผ่านมา มียอดการใช้งาน 2,781,001 ครั้ง เท่ากับการใช้งานสูงขึ้น 258% และในเดือนมกราคม 2567 จำนวนการเปลี่ยนแบตฯ 428,551 ครั้ง ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ มีความสำคัญ และมีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน

สำหรับรูปแบบธุรกิจ “MOVE EV X” มีให้เลือก 2 แบบแบบแรกผู้ประกอบการมีความพร้อมทั้ง เงินลงทุนและพื้นที่ (เฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล) โดยธุรกิจสามารถเริ่มต้นด้วยพื้นที่เพียง 8 ตารางเมตร เท่านั้น ส่วนแบบที่ 2 จะเป็นการจับคู่ธุรกิจ หากผู้ประกอบการไม่มีพื้นที่แต่มีความสนใจทำธุรกิจ MOVE EV X ได้คัดเลือกและรวบรวมพื้นที่สำหรับติดตั้งตู้ให้ผู้สนใจเช่าพื้นที่เพื่อเริ่มธุรกิจได้เช่นกัน โดย MOVE EV X จะเป็นจุดนัดพบให้กับเจ้าของพื้นที่ และผู้สนใจทำธุรกิจได้พบและเจรจาธุรกิจกัน โดยงบประมาณในการลงทุนเริ่มต้นที่ 700,000 บาท และสูงสุดที่ 2.4ล้านบาท ทำสัญญา 5 ปี และจะคืนทุนภายในเวลา 2 ปี

สอบถามรายละเอียด หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.moveevx.com และ Line : @moveevx


มข. ฟ้องกองประกวด "Miss Global" กัมพูชา ละเมิดลิขสิทธิ์นักศึกษา

มข. ยื่นเอาผิดกองประกวด "Miss Global" หลังพบนำผลงานนักศึกษาไปใช้ในการประกวด รอบชิงชนะเลิศ ที่กัมพูชา โดยไม่ได้รับอนุญาต ยืนยันทำเพื่อลิขสิทธิ์คนไทยและผลงานของนักวิจัย

วันที่ 20 ก.พ. 2567 ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผศ.ดร.พชญ อัคพราหมณ์

รองคณบดีฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และศิลปวัฒนธรรม คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น (มข.) ได้นำผลงานวิจัยและคลิปบันทึกผลงานของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 รายวิชานาฏศิลป์อีสานและดนตรีพื้นเมือง 2 สาขาหลักสูตรศิลปการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น ประจำปีการศึกษา 2564 ในชื่อชุด "กรรมาระเตง ชะคะตะ ศรีศิขรีศวร" (Apsara Thai Traditional Dance) มาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันถึงผลงานวิจัยของนักศึกษา และขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมายเอาผิด กองประกวด Miss Global รอบชิงชนะเลิศ ที่ประเทศกัมพูชา หลังพบว่ามีการนำผลงานดังกล่าว ไปใช้ในการประกวดโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของผลงาน และคณะศิลปกรรมศาสตร์ มข.

ผศ.ดร.พชญ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้นำผลงาน รวมทั้งเอกสารหลักฐานงานวิจัย และผลงานของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในปีการศึกษา 2564 ทั้งหมดที่สำเร็จการศึกษาแล้ว ส่งมอบต่อกองกฎหมายของ มข. โดยได้นำเรื่องทั้งหมดหารือและขอรับคำแนะนำจาก คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ และอธิการบดี มข. แล้ว ซึ่งทุกท่านเห็นด้วยในการรักษาลิขสิทธิ์ของคนไทย และผลงานวิจัยของนักศึกษา มข. ที่ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้มีการขออนุญาตที่ถูกต้อง

ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นในกองประกวด ที่กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพบว่ามีการนำเอาเฉพาะเสียงดนตรีและจังหวะดนตรี ที่เป็นผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นจากการค้นคว้า และคณะอาจารย์ มข. ในปี 2564 มาเป็นเพลงประกอบในช่วงการประกวดรอบชุดประจำชาติ ซึ่งเปิดถึง 2 ครั้ง และมีการนำเพลงประกอบไปใช้ในการจัดทำคลิปของกองประกวดด้วย

"การประกวดดังกล่าวเป็นที่จับตามองของคนทั่วทั้งโลก และรอบชิงชนะเลิศ หรือรอบสุดท้ายนั้น จัดการประกวดที่ประเทศกัมพูชา และพบว่ามีการนำเอาเพลง ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษาของ มข. ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของคณะฯ และมหาวิทยาลัยฯ ไปใช้งาน จึงได้สอบถามไปยัง นายณัฐพงษ์ เดชบุญ เจ้าของผลงาน ซึ่งขณะนี้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของคณะฯ ซึ่งได้ร่วมกับเพื่อนนำผลงานกลุ่มในรายวิชานาฏศิลป์อีสานและดนตรีพื้นเมือง 2 ซึ่งได้เสนอเค้าโครงการงานวิจัยที่เป็นศิลปะของกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ ซึ่งคณะอาจารย์ได้ตรวจสอบเค้าโครง และการถ่ายทำทั้งหมด ยืนยันว่าเป็นผลงานของกลุ่มวัฒนธรรมอีสานใต้

เนื่องจากนักศึกษากลุ่มดังกล่าวชื่นชอบปราสาท ชื่นชอบวัฒนธรรมของกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ จึงขอทำวิจัยในศิลปวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพระศิวะ การดำรงชีวิตของคนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดอีสานใต้ที่มีต่อขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมไทย จนกลายเป็นผลงาน ชุด กรรมาระเตง ชะคะตะ ศรีศิขรีศวร (Apsara Thai Traditional Dance) โดยในช่วงปี 2564 นั้นเกิดโควิด การส่งงานจึงทำและบันทึกลงเป็นคลิปส่งงานของนักศึกษาทุกกลุ่มและทุกชั้นปี และทุกรายวิชา ผ่านเพจและยูทูปของคณะฯ ในชื่อ นาฏศิลป์สินไซ"

ผศ.ดร.พชญ กล่าวต่ออีกว่า ผลงานชิ้นดังกล่าวเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก โดยมียอดชมเกือบ 2 ล้านครั้ง และมีการคอมเมนต์และแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของนักศึกษาฯ คณะฯ และมหาวิทยาลัย ที่วิจัยด้านศิลปวัฒธรรมไทย กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งพบว่าในการประกวดที่มีการไลฟ์สดในเพจของกองประกวด และเพจต่างๆ อีกรวมกว่า 7-8 เพจ เท่าที่ตรวจสอบได้ โดยสอบถามนักศึกษาเจ้าของผลงาน, กลุ่มนักศึกษา รวมทั้งคณะฯ หรือมหาวิทยาลัย รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลงานดังกล่าว ล้วนต่างยืนยันว่า ไม่ได้รับการประสานจากกองประกวดแต่อย่างใด จึงตัดสินใจรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับกองประกวด

ซึ่งขณะนี้ผ่านขั้นตอนของกองกฎหมายมหาวิทยาลัยแล้ว และจะเข้าสู่การยื่นเรื่องกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. เพื่อเอาผิดทางกฎหมาย แต่ด้วยเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ก็ยังคงหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงวัฒนธรรม หรือหน่วยงานต่างๆ จะเข้ามาปกป้องผลงานวิจัย ผลงานของนักศึกษา ที่เป็นลิขสิทธิ์ของคนไทยในครั้งนี้ร่วมกัน


ฮือฮา ปรากฏการณ์ "กั้งหางแดง" หรือ แม่หอบอ่อน ลอยเกลื่อนทะเลบางแสน

ชาวประมงฮือฮา "กั้งหางแดง" หรือ "แม่หอบอ่อน" ขึ้นมาลอยเกลื่อนทะเลบางแสน รีบไปช้อนมาขาย ด้านนักวิชาการเผย ปกติจะอยู่ในรู ไม่ขึ้นมาอยู่ในน้ำ ยันกินได้ ไม่มีพิษ พร้อมเร่งหาสาเหตุต่อไป

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 มีรายงานว่า จากกรณีที่มีเฟซบุ๊ก Suwanan Saehueng ได้โพสต์ข้อความว่า "กุ้งต๊อกหรือกั้งต๊อก หลาย 10 ปี เพิ่งเคยเจอใครอยากได้มาช้อนเอาเลย" พร้อมกับคลิปวิดีโอที่ชาวประมงกำลังใช้สวิงช้อนกั้งหางแดงหรือแม่หอบอ่อน อย่างคึกคักที่กำลังมาลอยตัวบนผิวน้ำจำนวนมากจนมีชาวเน็ตแห่ถามถึงจุดที่พบกั้งหางแดงดังกล่าว

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบริเวณชายหาดทะเลบางแสนช่วงจุดชมวิวแหลมแท่น เขตเทศบาลตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ได้พบกับกลุ่มชาวประมง กำลังใช้สวิงตักกั้งหางแดง หรือแม่หอบอ่อน อยู่ริมทะเลตามโขดหินซึ่งพบว่าเต็ม 2 กะละมังใหญ่ จำนวนหลายสิบกิโลกรัม

จากการสอบถาม นางสาวสุวนันท์ แซ่ฮึง อายุ 25 ปี เจ้าของโพสต์และเป็นลูกสาวของชาวประมง เล่าว่า ตนได้ส่งรูปไปสอบถามข้อมูลยังเพจของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งก็ได้คำตอบว่าสัตว์ชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า "กั้งหางแดง" หรือ "แม่หอบอ่อน" เป็นสัตว์ตระกูลกุ้งและกั้งหากินได้ยากเพราะอยู่ในรูในทะเลจะไม่ค่อยเจอตัวแต่สาเหตุที่กั้งหางแดงออกมาลอยเหนือน้ำเป็นเพราะปรากฏการณ์ทางทะเล คาดว่าเพราะพื้นทะเลร้อนระอุทำให้กั้งหางแดงออกจากรูมาลอยเหนือน้ำ

ทางด้านนางสาวพรวิไล สาครรัตน์ อายุ 35 ปี เปิดเผยว่าตนไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนตอนนี้ 35 ปีแล้วเพิ่งจะเคยเห็น ซึ่งชาวประมงจะเรียกว่า กั้งหางแดง และหายากมากและก็จะมีราคาตอนนี้ได้ขายเป็นตัวในราคาตัวละ 2 บาท ส่วนใหญ่คนจะนิยมไปตกปลา และเอาไปชุบแป้งทอด เพราะกั้งหางแดงมีไข่เต็มท้องก็จะมีรสชาติที่อร่อยติดมัน

ทางด้านนายสังข์ ชูศรี อายุ 65 ปี ชาวประมงในพื้นที่ ได้เล่าว่าตนเป็นชาวประมงมากว่า 60 ปีแล้วตนก็ไม่เคยพบเห็นกั้งหางแดงมาลอยเหนือผิวน้ำแบบนี้มาก่อนเพราะสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ชนิดเดียวกันกับกุ้ง และกั้งแต่จะตัวเล็กกว่า และมีไข่เต็มท้อง ปกติถ้าออกเรือหาปลาหรือลากอวน ก็จะเจอครั้งละไม่ถึง 10 ตัวถือว่าหากินยากแต่พอเกิดปรากฏการณ์ทางทะเลทำให้กั้งหางแดงออกจากรูลอยเหนือทะเลจนก็พบเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกันและสัตว์ชนิดนี้กินได้และอร่อยแต่ส่วนใหญ่จะหากินยากครั้งนี้เป็นครั้งแรกในทะเลบางแสนชลบุรีที่พบกั้งหางแดงขึ้นมาปรากฏตัวบนผิวน้ำให้เห็น

ทั้งนี้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้สอบถาม ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถึงปรากฏการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ในคลิปคือ "แม่หอบอ่อน" เป็นสัตว์มีเปลือกกลุ่มกุ้งปู เป็นญาติของแม่หอบที่อยู่ในป่าชายเลน แต่ไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน

คนแถวนั้นเรียก "กั้งหางแดง" หรือชื่ออื่นๆ แต่ไม่ใช่กั้ง เป็นสัตว์กลุ่มแม่หอบ ซึ่งแม่หอบอ่อน แม่หอบทราย (ghost shrimp) อยู่ใน Fam. Callianassidae, Infraorder Axiidea เป็นเครือญาติห่างๆ กับแม่หอบที่สร้างจอมหอบ (Mangrove lobster, Mud lobster) อยู่ใน Fam Thalassinidae, Infraorder Gebiidea

"แม่หอบอ่อน" เรียกเช่นนี้เพราะตัวอ่อนนุ่ม ในเมืองไทยมีรายงานประมาณ 20 ชนิด แม่หอบอ่อนมักฝังตัวอยู่ตามพื้นทราย/พื้นเลน อยู่ในรู กินสัตว์เล็ก และซากต่างๆ เหมือนกุ้งทั่วไป

ปกติจะไม่ขึ้นมาอยู่ในน้ำ และต่อให้ขึ้นมา ก็ไม่เข้ามารวมกันเยอะขนาดนี้ อาจมีปัจจัยบางประการที่ทำให้แม่หอบอ่อนไม่อยู่ในรู แต่หนีออกมาอยู่ในมวลน้ำเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำร้อนจัด น้ำเสีย ฯลฯ ที่ไม่สามารถตอบได้

ในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จะไปจับตามรู นำมาทอด ในเมืองไทยอาจเป็นอาหารประจำถิ่นเฉพาะพื้นที่ สามารถกินได้ ไม่มีพิษ แต่สาเหตุที่ออกมาอยู่ในน้ำจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป.


ปณท เปิดตัว แสตมป์ ผิวสัมผัสเหมือนขนสัตว์ ต้อนรับวัน 'วันรักสัตว์เลี้ยงโลก'

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดตัว แสตมป์ “วันรักสัตว์เลี้ยงโลก” ภาพน้องหมาเมิร์ลและเหมียวอัลโบ้จากเพจ Gluta Story พิมพ์บนกระดาษกำมะหยี่ที่ให้ผิวสัมผัสเหมือนขนสัตว์จริงๆ เพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อถึงความรักระหว่างสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปสมทบทุนมูลนิธิ The Voice (เสียงจากเรา) เพื่อช่วยเหลือสัตว์จรจัด

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ ไปรษณีย์ไทย จัดทำ แสตมป์ ที่ระลึกในวาระ วันรักสัตว์เลี้ยงโลก วันสำคัญสากลสำหรับคนรักสัตว์โดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากเราจะเล็งเห็นถึงความสำคัญของสัตว์เลี้ยง ที่เป็นเพื่อนซี้และสมาชิกที่รักของหลายๆ ครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีสัตว์จรจัดที่ถูกทอดทิ้งอยู่ไม่น้อย อีกทั้งพี่ไปรฯ หรือบุรุษไปรษณีย์ของเราก็มีความผูกพันใกล้ชิดกับเหล่าน้องๆ สี่ขา นอกเหนือจากการให้บริการส่งของแล้ว พี่ไปรฯ หลายท่านก็มีโมเมนต์ที่น่ารักและคุ้นเคยกับสัตว์เลี้ยงของผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี ไปรษณีย์ไทยจึงได้นำภาพคู่ซี้สี่ขาในอิริยาบถสุดน่ารักมาพิมพ์ลงบนกระดาษกำมะหยี่ที่มีผิวสัมผัสใกล้เคียงกับขนสัตว์ เพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อถึงความรักระหว่างสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายจะนำไปสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือหมาแมวจรจัดผ่านมูลนิธิ The Voice (เสียงจากเรา) อีกด้วย

สำหรับ แสตมป์ ชุด “วันรักสัตว์เลี้ยงโลก” จำหน่ายราคาแผ่นละ 25 บาท ซองวันแรกจำหน่าย 38 บาท โดยพร้อมจำหน่าย 20 ก.พ.นี้ ที่ไปรษณีย์ในกรุงเทพฯ และไปรษณีย์ประจำจังหวัด หรือทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน/เว็บไซต์ www.thailandpostmart.com สอบถามโทร. 0-2573 -5480, 0-2573-5463


ทริค ทำบุญ เสริมดวง 'วันมาฆบูชา 2567' เตรียมตัวอย่างไรให้ได้บุญกุศลสูงสุด

วันมาฆบูชา อีกหนึ่งวันสำคัญทางศาสนา ที่ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 โดยในวัน มาฆบูชา มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 1,250 รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์

ในปีนี้ "วันมาฆบูชา 2567" ตรงกับ วันเสาร์ที่ 24 ก.พ. 2567 สำหรับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่จะต้องเตรียมตัวทำบุญ ปาวารณาในวันดังกล่าว

สำหรับเคล็ดลับการทำบุญในวัน "วันมาฆบูชา 2567" นี้ ประชาชนสามารถทำบุญ ตักบาตร และเวียนเทียน รวมทั้งนั่งสมาธิ เพื่อเจริญภาวะนา โดยข้อปฏิบัติสำหรับชาวพุทธที่สามารถทำได้ในวันมาฆบูชา มีดังนี้

เตรียมเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน ข้าวของสำหรับใส่บาตร หรือ เตรียมตัวเข้าฟังโอวาทหรือพระธรรมเทศนา และเวียนเทียน

เตรียมร่างกายให้พร้อม โดยเฉพาะก่อนออกจากบ้านจะต้องทำการชำระล้างร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้ผ่องใส

สำรวมร่างกายและจิตใจ เมื่อถึงวัดแล้วไม่พูดคุยหยอกล้อกัน หรือกระทำการอันใดที่เป็นการรบกวนคนอื่น

ระหว่างการสวดมนต์ ให้ตั้งจิตอธิษฐานให้ดี ระหว่างกล่าวนำคำบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา และคำบูชาพระรัตนตรัย ให้ทุกคนจุดธูปเทียนประนมมือ กล่าวตามด้วยความเคารพ

อย่างไรก็ตามในวัน "วันมาฆบูชา 2567" กิจกรรมสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ เวียนเทียน โดยปกติแล้วการเวียนเทียนใน วันมาฆบูชา จะเวียนทั้งหมด 3 รอบ ซึ่งแต่ละรอบก็จะมีความหมาย และมีบทสวดที่แตกต่างกันไป โดยพุทธศาสนิกชนสามารถทำได้ดังนี้

รอบที่ 1 ให้รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาคาถา บทอิติปิโส ภควาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ

รอบที่ 2 ให้รำลึกถึงคุณพระธรรม โดยภาวนาคาถา บทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ จนจบรอบ

รอบที่ 3 ให้รำลึกถึงคุณพระสงฆ์ โดยภาวนาคาถา บทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ จนจบรอบ