ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



รู้จักภาวะ ‘Smiling Depression’ รอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า

ในสังคมปัจจุบัน ผู้คนมักเผชิญความกดดันและความเครียดมากมายเช่น ปัญหาเศรษฐกิจ การทำงานทำให้หลายคนจึงเลือกสวมหน้ากากปกปิดอารมณ์ที่แท้จริงหนึ่งในหน้ากากที่พบได้บ่อยคือ “รอยยิ้ม” ที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า หรือที่เรียกว่า “Smiling Depression” มาเช็คดูว่าตัวคุณเข้าข่ายภาวะนี้กันหรือไม่

แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH- Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า Smiling depression คือ คนที่ซึมเศร้า แต่จะแสดงออกภายนอกว่าร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ภายในจิตใจกลับรู้สึกเศร้าโศก หดหู่ ไร้ความสุข สิ้นหวัง คล้ายกับโรคซึมเศร้าทั่วไป แต่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้อย่างแนบเนียน ซึ่งจะพบได้บ่อยในผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองต้องแสดงออกให้คนอื่นเห็นแต่ด้านที่ดีของตัวเองเท่านั้น กลัวว่าคนรอบข้างจะมองว่าตัวเองอ่อนแอหรือเป็นภาระ

สาเหตุของภาวะ Smiling depression 1.ผู้ที่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ หรือ Perfectionist เมื่อประสบปัญหา คนกลุ่มนี้จึงเลือกที่จะแสดงออกว่ามีความเข้มแข็งมากกว่า 2.ไม่ต้องการรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของผู้อื่นไม่ต้องการให้ผู้อื่นต้องเป็นห่วงตัวเอง และบางครั้งยังต้องรับฟังปัญหาของผู้อื่นอีกด้วย 3.มีความรับผิดชอบสูง ทั้งในหน้าที่การงาน ครอบครัว หรือกับสังคมรอบตัว จึงเลือกที่จะไม่แสดงออกความรู้สึกของตนเอง ที่จะกระทบผู้คนรอบข้าง

สัญญาณภาวะ Smiling depression มีดังนี้ ยิ้ม แต่สายตาดูไม่สดใส, ดำเนินชีวิตได้ปกติแต่ข้างในรู้สึกเศร้า, เป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ทุกคนคอยเข้าหาแต่ไม่ค่อยพูดเรื่องของตัวเอง, ไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระ, ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองไม่สมบูรณ์แบบ หรือรู้สึกอ่อนแอ, คาดหวังให้คนอื่นมีความสุขส่วนตัวเองเก็บความรู้สึกไว้, นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป, รู้สึกตัวเองไร้ค่า สิ้นหวัง รู้สึกผิด หรือแม้กระทั่งมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่, ไม่อยากทำอะไร อ่อนเพลีย หรือรู้สึกไม่สนใจ เพลินเพลิดกับกิจกรรมที่เคยชอบทำ

การรักษาภาวะ Smiling depression ประกอบไปด้วยการใช้ยาต้านซึมเศร้าและการบำบัดทางจิต โดยการใช้ยาต้านเศร้า จะออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมกลับของสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง เช่น สารเซโรโทนิน และสารนอร์เอพิเนฟริน ยาต้านซึมเศร้ามักใช้ร่วมกับการให้คำปรึกษาและบำบัดทางจิต ระยะเวลาในการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ

การบำบัดอาการทางจิต เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์จะเป็นผู้ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจสาเหตุของอาการซึมเศร้า และเรียนรู้วิธีรับมือกับความรู้สึกของตัวเอง เช่น การบำบัดแบบจิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) ช่วยผู้ป่วยสำรวจความคิดและความรู้สึกที่ซ่อนเร้น, การบำบัดแบบพฤติกรรมทางปัญญา (Cognitive Behavioral Therapy, CBT) ช่วยผู้ป่วยเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่ส่งผลต่ออารมณ์และการบำบัดกลุ่ม (Grouptherapy) ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง

สำหรับการดูแลตัวเองเมื่อเป็น Smiling Depression ควรยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้มตลอดเวลา อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกเศร้า โกรธ หรือรู้สึกอะไรก็ได้, สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ระบายความรู้สึกของตัวเอง ดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ


Mark Zuckerberg เผยลูกสาวคิดว่าตัวเขาทำงานฟาร์มวัว

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว โดยลูกสาวคิดว่าตัวเขาทำฟาร์มวัว ยอมรับว่าคงเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะอธิบายถึงงานของเขาให้กับลูกสาวที่ยังเด็กฟังและเข้าใจ

ในรายการมอร์นิง บรูว์ เดลี (Morning Brew Daily) ได้แขกรับเชิญเป็นมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งเมตา โดยมีประเด็นที่น่าสนใจหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของชีวิตส่วนตัว

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เล่าว่า ลูกสาวของเขาคิดว่าเขาทำงานด้านปศุสัตว์ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนี่เป็นแต่เพียงงานอดิเรกเท่านั้น อย่างไรก็ดี ซัคเคอร์เบิร์ก ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะเล่าว่า งานหลักของเขาโดยเฉพาะการบริหารบริษัทที่ชื่อว่า “เมตา” เป็นอย่างไรแก่ลูกสาวของเขาที่ยังอายุไม่เยอะมากฟังแล้วเข้าใจและเห็นภาพตาม

ในทางตรงกันข้าม การอธิบายถึงการทำงานในฟาร์มวัว เพื่อผลิตเนื้อวัวที่มีคุณภาพสูงตามความต้องการของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เป็นสิ่งที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ อีกทั้งลูกสาวของเขาก็ช่วยลงแรงทั้งในส่วนการปลูกต้นแมคคาเดเมีย สำหรับเป็นอาหารของวัว และดูแลสัตว์ต่างๆ ภายในฟาร์ม

“ถ้าคุณเป็นเด็ก มันคงยากมากที่จะคาดเดาว่า ‘เมตา’ คืออะไร” มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าว

การทำงานในฟาร์มวัวของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยังคงเป็นแต่เพียงงานอดิเรก โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะผลิตเนื้อวัวที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลก เพื่อรับประทานในครอบครัวและหมู่เพื่อนฝูงเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการค้าเชิงพาณิชย์

ส่วนความหลงใหลอื่นๆ ซัคเคอร์เบิร์ก เล่าว่า ตัวเขาชื่นชอบและหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ ดังจะเห็นได้จากการฝึกซ้อมมวยกรงกับนักชกมืออาชีพแล้วโพสต์ภาพลงโซเชียลมีเดีย รวมถึงการไปปรากฏตัวในรายการมวยกรง UFC เป็นต้น


รู้จัก 'โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง' คร่าชีวิตนักแสดง 'เคนเน็ธ มิตเชลล์' วัย 49 ปี

เป็นข่าวช็อกวงการบันเทิงระดับโลกอีกครั้ง เมื่อนักแสดงดัง เคนเน็ธ มิตเชลล์ นักแสดงจากเรื่อง สตาร์เทร็ก และ กัปตันมาร์เวล เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยวัยเพียง 49 ปี ด้วยโรค ALS หรือ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Amyotrophic lateral sclerosis)

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS (Amyotrophic lateral sclerosis) ไม่ใช่โรคของกล้ามเนื้อโดยตรง แต่เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ประสาทนำคำสั่ง แล้วส่งผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เนื่องจากขาดเซลล์ประสาทนำคำสั่งมาควบคุม โดยที่เซลล์ประสาทนำคำสั่งเหล่านี้ค่อยๆ เกิดการเสื่อมและตายไปในที่สุด

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ชัดเจน แต่พบว่าเกิดจากหลายเหตุปัจจัย เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนของสารพิษ

อายุเฉลี่ยที่เกิดขึ้นของโรคอยู่ระหว่าง 60-65 ปี ดังนั้น โอกาสที่จะพบโรค ALS ในคนอายุมากจึงมีมากกว่าในคนอายุน้อย โดยทั่วไปแล้วมักพบโรค ALS ในเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึง 1.5 เท่า แต่มีโอกาสเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดโรคในรุ่นลูกรุ่นหลาน

เริ่มต้นผู้ป่วยจะมีอาการ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ของมือ แขนขาหรือ เท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน เช่น ยกแขนไม่ขึ้นเหนือศีรษะ กำมือถือของไม่ได้ ข้อมือหรือข้อเท้าตก เดินแล้วหกล้มบ่อยหรือสะดุดบ่อย ขึ้นบันไดลำบาก นั่งยองๆ ลุกขึ้นลำบาก เป็นต้น

อาการ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS จะค่อยๆ เป็นมากขึ้นจนลามไปทั้ง 2 ข้าง แต่ในบางรายอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงของแขนหรือขาทั้ง 2 ข้างตั้งแต่ต้น นอกจากอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงแล้วยังพบว่ามีกล้ามเนื้อลีบร่วมกับกล้ามเนื้อเต้นที่เรียกว่า fasciculation ร่วมด้วย

ผู้ป่วยบางรายอาจมาพบแพทย์ครั้งแรกด้วยมือลีบหรือขาลีบ พูดไม่ชัด พูดเหมือนลิ้นแข็ง หรือลิ้นลีบ เวลากลืนน้ำหรืออาหารแล้วจะสำลัก ผู้ป่วยบางรายมาพบแพทย์ครั้งแรกด้วยกล้ามเนื้อกระบังลมอ่อนแรง ทำให้เหนื่อยง่ายโดยเฉพาะเวลานอนราบ หรือมีอาการต้องตื่นกลางดึกเพราะมีอาการเหนื่อยหายใจไม่อิ่ม

เนื่องจากอาการของ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS คล้ายกับโรคอื่น ทำให้ผู้ป่วย ALS ในช่วงต้นได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น เช่น มีผู้ป่วยบางรายที่มาด้วยมือลีบอาจได้รับการวินิจฉัยไม่ถูกต้อง เช่น เป็นพังผืดรัดเส้นประสาทที่ข้อมือ (carpal tunnel syndrome) และได้รับการผ่าตัดแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรืออาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่คอหรือที่หลัง และได้รับการผ่าตัดไปแล้วพบว่าอาการไม่ดีขึ้น แล้วได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ALS ในภายหลัง

โดยทั่วไปเมื่ออาการของโรค ALS เป็นมากขึ้นผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้อของแขนขาอ่อนแรงและลีบที่แย่ลงร่วมกับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูด การกลืนอ่อนแรง จนต้องใช้ท่อให้อาหารทางสายยางผ่านทางจมูกหรือทางหน้าท้อง และกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรงอ่อนแรงจนกระทั่งต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALSโรคที่ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด

สำหรับวิธีการรักษา โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALSจะเป็นการรักษาตามอาการและเน้นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ ตำแหน่งที่เกิดอาการ ซึ่งแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน

ปัจจุบัน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถป้องกันได้ แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้โดย การมีสุขอนามัยทีดี หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่างๆ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักเกินไป ควบคุมความเครียด ไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกร้อนหรือหนาวมากเกินไป

ขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลศิศรินทร์


สาวเรียก 'แกร็บ' มารับ เจอสิ่งนี้ถึงกับอึ้ง การนั่งรถไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

กลายเป็นไวรัลสุดใจฟู หลังสาวสวยรายหนึ่งเรียกใช้บริการ แกร็บ พอรถมารับ ถึงกับอึ้งหนัก เพราะมีสิ่งนี้อยู่ที่เบาะท้าย จะขึ้นก็เกรงใจ ก่อน แกร็บ เผยสาเหตุที่ฟังแล้วสุดเอ็นดู การนั่ง แกร็บ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ผู้ใช้ Tiktok บัญชี aoyaoyeieii โพสต์วิดีโอ ที่กลายเป็นไวรัลสุดน่ารัก เนื่องจากเธอได้เรียกใช้บริการ แกร็บ ให้ไปส่ง แต่พอรถมาถึง ต้องอึ้งหนัก เพราะที่เบาะท้ายมีน้องหมา สายพันธุ์ คอร์กี้ นอนดุ๊กดิ๊กอยู่ ก่อน แกร็บ จะบอกเธอว่า "มีน้องหมานั่งมาด้วยสะดวกไหมครับ ไม่อยากให้เขาอยู่บ้าน เลยพามาขับแกร็บด้วย"

ต่อมาเธอได้ขึ้น แกร็บ น้องหมา ก็เล่นด้วยไม่หยุด ทำตัวเป็นเด็กเอ็นฯ มาตลอดทาง จนเธอถึงกับใจละลายเพราะความน่ารักของน้อง พอถึงจุดหมายแทบไม่อยากลงรถ

หลังคลิปของสาวรายนี้ถูกแชร์ไปในโซเชียล ก็กลายเป็นไวรัลทันที ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ชมว่าน้องน่ารักมาก แถมยังมีคนมาบอกว่าเคยเจอ แกร็บ คนนี้เช่นกัน ตอนนั้นพี่มาแวะซื้อน้ำให้น้องหมาดื่ม พี่ แกร็บ ขับรถไปตะโกนร้องเพลงไปอารมณ์ดีมาก


ไม่ทิ้งลาย 'ครูพละ' บอลมาปุ๊บขาไปปั๊บ เดาะบอลจนลืมไปเลยว่าใส่ชุดอะไรอยู่

ทำเอาอึ้งกันไปเลย หลังจากที่คุณครูสาวคนหนึ่งได้โพสต์คลิปของตัวเองขณะที่กำลังเล่นอยู่กับนักศึกษา ก่อนที่นักศึกษาจะชวนคุณครูสาวคนนี้เล่นฟุตบอลด้วย โดยที่โยนลูกฟุตบอลมาที่คุณครูอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่คุณครูเองก็รับลูกได้สวยจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังใส่ชุดอะไรอยู่

ผู้ใช้งาน tiktok ชื่อว่า @yuipetsu ซึ่งเป็นครูพละ ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอได้โพสต์คลิปของเธอเองขณะที่กำลังเล่นฟุตบอลอยู่กับนักศึกษาโดยระบุข้อความเอาไว้ในคลิปว่า "เมื่อเด็กช่างชวนเตะบอล" และอีกข้อความหนึ่งระบุว่า "นักเรียนก็ไม่เกรงใจชุดครูเลย หรือครูไม่เกรงใจชุดตัวเอง

สำหรับชุดที่คุณครูคนนี้ใส่อยู่เป็นชุดผ้าไทยกระโปรงสีชมพูทั้งชุด แต่จังหวะที่นักศึกษาโยนลูกฟุตบอลมาให้ คุณครูก็ไม่ทิ้งลายของผู้สอนวิชาพลศึกษาเลย เพราะรับได้อย่างสวยงาม แถมยังเดาะบอลเลี้ยงไว้ได้อีกตั้งหลายลูกอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเท้าซ้าย หรือเท้าขวาก็เตะได้อย่างดีแม้ไม่อยู่นชุดที่พร้อม

หลังคลิปของคุณครูคนนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก บางคนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นระบุข้อความว่า พึ่งรู้ว่าเดาะบอลเป็นด้วยครับครู, ครูพละทำได้หมด, สวยเก่ง, ลูกบอลมาปุ๊บ ขาไปปั๊บ, ท้าคุณครูได้ไง จัดให้ น่ารัก, ครูพละที่จริงใจ


จนท. มาถึงบ้าน สาวญี่ปุ่นถูกสงสัย แอบเลี้ยงหมี เพราะ น้องหมา ดันหน้าเหมือน

ทำเอาเจ้าของถึงกับว้าวุ่นกันไปเลย หลังจากที่ น้องหมา มีชื่อว่า นาโอะ ดันถูกเพื่อนบ้านและคนที่ผ่านไปมาเข้าใจผิดว่าเป็น หมีดำ เนื่องจากหน้าตาของน้องนั้นมีความคล้ายอยู่นิดหน่อย เพราะเป็นสุนัขพื้นเมืองของญี่ปุ่นที่มีความคล้ายคลึงกับหมีดำ วันดีคืนดีจึงถูกเจ้าหน้าที่จากศูนย์คุ้มครองสัตว์มาเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง เพราะเพื่อนบ้านเข้าใจผิดว่าเธอแอบเลี้ยงหมีอยู่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เฟซบุ๊กเพจ ตามติดชีวิตanimal ได้โพสต์เรื่องราวนี้เอาไว้ว่า ผู้ใช้ทวิตชื่อ naosyan09 ที่เป็นเจ้าของน้องบอกว่า ตอนที่เธอเลี้ยงน้องใหม่ๆ มักจะถูกเจ้าหน้าที่จากศูนย์คุ้มครองสัตว์มาเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง เพราะถูกเพื่อนบ้านและผู้ที่ผ่านไปมาสงสัยว่าแอบเลี้ยงหมี เธอจึงให้ความพยายามอธิบายทั้งเจ้าหน้าที่ เพื่อนบ้านและผู้คนที่เกิดความสงสัยจนในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าน้องไม่ใช่หมีจริงๆ

นาโอะ เป็น น้องหมา ที่มีความเป็นมิตรสูง แต่ก็มักจะถูกคนที่เจอน้องครั้งแรกสงสัย และไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เท่าไหร่ เพราะภายนอกที่ดูเหมือนหมีนั่นเอง แต่พอดูชัดๆ ดีๆ ก็จะพบว่าน้องคือเจ้าหมาน่ารัก นิสัยดีตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

ไม่ใช่แค่เพื่อนบ้านชาวญี่ปุ่นเท่านั้นที่เข้าใจผิดว่า น้องนาโอะ เป็นหมี เพราะเพื่อนบ้านชาวเน็ตไทยเอง เมื่อได้เห็นไวรัลจากเพจ ตามติดชีวิตanimal ยังเห็นเป็นตาเดียวกันว่า น้องนาโอะ คือหมี ยิ่งถ้าโผล่จากรั้วมาแค่หัวแล้วล่ะก็ ยิ่งเหมือนหมีเข้าไปกว่าเดิม โดยบางรายยังได้ระบุความคิดเห็นเอาไว้ว่า สรุปน้องคือหมีหมาแหล่ะ, น้องเหมือนหมีจริงๆค่ะ ยิ่งโผล่มาแค่หน้าคือใช่เลย, ชัดเจน แก่คือหมีหมาไอ้เจ้าโบ้