ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 30 มกราคม 2564

10 อาชีพเสริม 2564 สำหรับทำที่บ้านก็ได้-ออนไลน์ก็ดี ไม่ต้องลาออกจากงานประจำ

ไม่ต้องรองานหดหาย เพียงคุณมีไอเดียและพรสวรรค์ บวกความขยันอีกนิดหน่อย ก็วางแผนหารายได้ด้วยอาชีพเสริมทำที่บ้านในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงที่มีเวลา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือมีอาชีพหลักอยู่แล้วก็เลือกทำได้ วันนี้ไทยรัฐออนไลน์พาคุณมาดูอาชีพเสริม 2564 เข้ากับยุคออนไลน์ที่ไม่ควรพลาด

อาชีพเสริมหารายได้พิเศษ 2564

1. ทำอาหารส่งขายในหมู่บ้าน

หากคุณเป็นผู้มีพรสวรรค์ และมีเวลาทำอาหาร ลองลิสต์เมนูโปรดที่ถนัด รสชาติดี มาทำอาหารกล่อง หรือขายเฉพาะกับข้าว เพื่อให้สมาชิกในหมู่บ้านสั่งซื้อผ่านไลน์ หรือใช้วิธีแอดไลน์สร้างกลุ่มขายเฉพาะคนรู้จัก แม้ว่าจะไม่ได้ลงโฆษณาแต่อาศัยวิธีขายให้กับกลุ่มเพื่อนหรือคนรู้จัก ในระยะยาวก็จะกลับมาซื้ออีกแน่นอน

2. ขับรถส่งอาหาร

อาชีพขับรถส่งอาหาร หรือ Food Delivery ก็มาแรงคู่กับอาชีพเสริมขายอาหาร มีต้นทุนคือ ค่าสมัครสมาชิก มีรถจักรยานยนต์ส่วนตัว โดยเฉพาะพื้นที่เมืองใหญ่ๆ ที่ใช้บริการเรียกรถส่งอาหารส่งถึงบ้าน และสามารถปรับเปลี่ยนรับงานได้จากหลายแอปพลิเคชัน อาชีพนี้เป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานของใครหลายๆ คน

3. ดูแลเด็ก หรือ สอนพิเศษ

ในช่วงที่หลายออฟฟิศให้พนักงานได้ Work from Home คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลาดูแลลูกก็อยากจะพาลูกไปฝากเลี้ยง แต่เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ก็อาจจะต้องฝากให้กับบ้านใกล้เรือนเคียงที่ไว้ใจได้ อาชีพดูแลเด็ก หรือสอนพิเศษให้กับน้องที่ต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านจึงเป็นอาชีพทำที่บ้านที่ตอบโจทย์ยุคใหม่

4. รับดูแลผู้สูงอายุ

เมื่อลูกหลานจำเป็นต้องทำงานนอกบ้าน และต้องการผู้ช่วยมาดูแลผู้ใหญ่ที่บ้านอย่างใกล้ชิดและไว้ใจได้ อาชีพดูแลผู้สูงอายุจึงเป็นอาชีพเสริมของแม่บ้านอันเป็นที่ต้องการของตลาด โดยคุณรับงานจากผู้ว่าจ้างได้โดยตรง หรือฝากประวัติไว้กับบริษัทจัดหาผู้ดูแลผู้สูงอายุ

5. รับจ้างทั่วไป ดูแลสวน ตัดหญ้า

ในช่วงที่เจ้าของบ้านใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ก็ต้องการดูแลบ้านให้สะอาดตาสวยงาม ทั้งการตัดแต่งกิ่งต้นไม้ จัดสวน ตัดหญ้า จึงเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูง เพราะทำคนเดียวไม่ไหว วิธีการหางานก็อาจจะโพสต์ตามกลุ่มหมู่บ้าน หรือติดป้ายประกาศไว้ใกล้ๆ ที่พัก รวมถึงบอกต่อกับเพื่อนฝูง เผื่อเจอใครที่ต้องการจ้าง

6. ขายต้นไม้

โควิดทำให้กระแสการปลูกต้นไม้กลับมานิยมมากขึ้น โดยเฉพาะไม้พันธุ์เล็กที่เลี้ยงในคอนโดฯ หรือหอพักได้ ผู้ที่สร้างรายได้จากการขายต้นไม้มาจากรับต้นไม้มาแต่งใส่กระถางแล้วโพสต์ขาย พร้อมบริการจัดส่ง โดยต้องศึกษาวิธีเลี้ยงรวมถึงวิธีดูแลเบื้องต้นเพื่อให้คำปรึกษากับลูกค้าได้ รวมถึงการปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษที่กำลังนิยม ดูเป็นอาชีพเสริมออนไลน์ที่มีทิศทางที่ดีทีเดียว

7. เพาะสัตว์เลี้ยง

หากคุณเป็นคนรักสัตว์ อยากหาอาชีพเสริมเลี้ยงอะไรดีที่เลี้ยงได้ที่บ้าน ขอแนะนำเลี้ยงสัตว์ในกระแส ไม่ว่าจะเป็นปลาสวยงาม สุนัข แมว หากเลี้ยงดีมีเวลาดูแล ก็นำไปขอใบเพดดีกรีเพื่อการันตีสายพันธุ์ ได้ราคาสูง

8. อัดคลิปทำ YouTube

อาชีพเสริมสำหรับคนอยู่บ้านที่น่าสนใจในยุคนี้คือการเปิดช่อง Youtube ไม่ต้องลงทุนเดินทาง โดยจัดพื้นที่ในบ้านให้ไม่รก ประเดิมเป็นสตูดิโอเพื่อถ่ายคลิปวิดีโอเก่ียวกับทักษะพิเศษสอนให้ผู้อื่นติดตาม ก็มีรายได้จากการรับชมโฆษณา หรือหากเนื้อหาดีก็จะมีสปอนเซอร์มาลง Tie-In สินค้าด้วย

9. อัดเสียงทำ Podcast

หากคุณชอบเล่าเรื่องราว และมีน้ำเสียงที่ฟังแล้วสนุก ก็นำมาอัดเสียงทำช่อง Podcast สำหรับให้ผู้สนใจเปิดฟังขณะขับรถยาวๆ โดยสามารถปรับแปลงไฟล์เพื่อลง Spotify หรือ YouTube เพื่อสร้างรายได้หลายช่องทางเพิ่มขึ้น

10. รับดูแลเพจหรือดูแล Social Media

การรับดูแล Social Media หรือเพจร้านค้า เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมทำที่บ้านได้ ช่วยรับออเดอร์ และตอบคำถามลูกค้า รวมถึงรวมยอดเพื่อส่งต่อให้ทีมแพ็กของรับยอดเพื่อจัดส่งให้ลูกค้าต่อไป


"เดินออกกำลังกาย" ช่วยลดความเสี่ยง "มะเร็ง" ได้จริงหรือ?

ถึงแม้โรคมะเร็งจะเกิดจากความผิดปกติของเซลล์อวัยวะภายในร่างกาย แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากคุณมีการดูแลสุขภาพตนเองให้ดีด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจสามารถช่วยให้ลดความเสี่ยงของการโรคมะเร็งได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ การเดินออกกำลังกาย ซึ่งเป็นการบริหารร่างกายแบบพื้นฐานโดยไม่ต้องใช้แรงเยอะให้เหนื่อยกาย มาฝากทุกคนกัน

ทำไมการเดินออกกำลังกาย ถึงป้องกันมะเร็งได้?

การเดินออกกำลังกาย ถือเป็นการบริหารร่างกายในระดับเบา ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา หรือสถานที่ใด คุณก็สามารถออกกำลังกายด้วยการเดินได้ทุกเมื่อ ซึ่งการเดินออกกำลังกาย หรือการออกกำลังทุกประเภทอย่างเป็นประจำ อาจมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดระดับอินซูลิน (Insulin) และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้มีการทำงานที่ดีขึ้น พร้อมทั้งยังปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในช่วงระหว่างการรักษาโรคมะเร็งในเชิงบวกได้อีกด้วย

จากการวิจัยของสมาคมโรคมะเร็งแห่งอเมริกา พบว่า การออกกำลังกายเพียงแค่การเดิน ก็อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมลิออยด์ มะเร็งตับ เป็นต้น อีกทั้งทางสมาคมโรคมะเร็งแห่งอเมริกายังแนะนำอีกว่าในการเดินการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพนั้น ควรเดินอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย

การเดินออกกำลังกาย มีประโยชน์ด้านสุขภาพอย่างไร?

นอกจากการเดินออกกำลังกาย จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งแล้วนั้น ยังอาจเป็นการเสริมสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ร่างกายของเราในด้านอื่นๆ นอกเหนือจาก ป้องกันมะเร็ง ได้อีกด้วย ดังนี้

• เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

ในการศึกษาหนึ่งจากการทดสอบกับกลุ่มช่วงวัยผู้ใหญ่ จำนวน 1,000 คน ขณะมีการระบาดไข้หวัดใหญ่ โดยสรุปผลได้ว่า ผู้ที่เดินออกกำลังกายด้วยความเร็วปานกลางเป็นเวลา 30-45 นาที ต่อวัน มีอัตราการป่วยน้อยลงถึง 43% และช่วยให้คุณห่างไกลจากการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจส่วนบนได้

• ส่งเสริมการทำงานของหัวใจ

การเดินออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที อย่างน้อยเป็นเวลา 5 วัน ต่อสัปดาห์ อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ถึง 19% และอาจช่วยลดความเสี่ยงได้อีก หากคุณมีการเพิ่มระยะเวลา หรือระยะทางการเดินให้มากขึ้น

• ปรับปรุงสุขภาพจิต

การเดินด้วยความเร็วเป็นเวลา 30 นาที อย่างน้อย 3 วัน ต่อสัปดาห์ อาจสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพจิตของคุณได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งยังอาจช่วยลดความวิตกกังวล อารมณ์เชิงลบ และอาการบางอย่างจากโรคซึมเศร้า ซึ่งหากคุณคิดว่าการเดินเป็นเวลา 30 นาทีค่อนข้างนานจนเกินไป อาจปรับเปลี่ยนแบ่งเป็นการเดินทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที ทดแทนได้

• เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อขา

หากต้องการสร้างความแข็งแรงในส่วนของกล้ามเนื้อขา คุณควรเปลี่ยนพื้นที่ในการเดินออกกำลังกายจากพื้นราบ เป็นเนินเขา หรือบนลู่วิ่งที่มีความลาดชันเล็กน้อย นอกจากนี้ยังอาจจำเป็นต้องมีการออกกำลังกายรูปแบบอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การปั่นจักรยาน การวิ่งจ็อกกิ้ง หรือคาร์ดิโอ เป็นต้น เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังขาของคุณให้มีการออกแรงมากขึ้น

การเดินออกกำลังกาย ควรมีการเตรียมตัวอย่างไร

ถึงจะเป็นการเดินออกกำลังระดับเบา แต่เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บเบื้องต้นก่อนการเดินออกกำลังกาย คุณควรมีการเตรียมตัว หรือปฏิบัติคำแนะนำ ดังต่อไปนี้ ร่วมด้วย

1. เลือกรองเท้าที่เหมาะสม โดยเลือกรองเท้าที่ไม่คับจนเกินไป มีความยืดหยุ่นต่อการเคลื่อนไหวตั้งแต่ปลายเท้าถึงส้นเท้าด้านหลัง

2. มีการวอร์มร่างกาย เพื่อเตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อม ก่อนเริ่มการเดิน ประมาณ 2-3 นาที เพิ่มระดับการเดินจากช้าไปเร็ว ซึ่งคุณควรเดินด้วยความเร็วมาตรฐานก่อนอย่างน้อย 5 นาที แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นและเดินด้วยระดับความเร็วประมาณ 2 นาที จากนั้นกลับมาเดินระดับมาตรฐานอีกครั้งด้วยเวลาเดิม

3. แบ่งการเดินเป็นช่วงๆ ออกเป็น 3 ช่วง โดยอาจกำหนดระยะเวลาการเดินช่วงละ 10-15 นาที เพื่อให้ร่างกายปรับตัว และทำให้คุณไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป

ทั้งนี้การเดินออกกำลังกายคุณสามารถปรับให้มาเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคุณได้ โดยอาจเป็นการเดินขึ้นบันไดธรรมดาแทนการใช้ลิฟต์ หรือเดินไปสถานที่ใกล้ๆ โดยไม่จำเป็นต้องนั่งรถประจำทาง หรือรถยนต์ส่วนตัว เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานของร่างกายเราให้แข็งแรง และห่างไกลจากโรคร้ายได้มากขึ้น

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :panyapat Aiemsin

ภาพ :iStock


"ท่านั่ง" ผิดๆ ที่ไม่ควรนั่ง!

มาดู "ท่านั่ง" ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน! กับท่านั่งผิดๆ ที่หลายคนมองข้าม ยิ่งถ้านั่งนานๆ หรือนั่งจนเป็นนิสัย อาจทำให้กระดูกหรือหลังมีปัญหาไปตลอดชีวิตได้นะคะ เพราะอาการต่างๆ จะค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกที ก็กลายเป็น "โรค" อย่างกระดูกสันหลังผิดรูป หลังค่อม หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไปแล้ว

วันนี้มาดูกันค่ะ ท่าที่ผิดๆ นั้น คุณทำกันเป็นประจำอยู่หรือเปล่า? ถ้าทำให้รีบเปลี่ยนเลยนะคะ...

รวม "ท่านั่ง" ผิดๆ ที่ไม่ควรนั่ง

นั่งไขว่ห้าง

การ "นั่งไขว่ห้าง" เป็นการทิ้งน้ำหนักตัวลงที่ก้น ขา และเท้าข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้โลหิตบริเวณขาไหลเวียนไม่ดี จะทำให้เกิดอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด และหมอนรองกระดูกเสื่อม

นั่งหลังงอ

ท่านั่งแบบ การ "นั่งหลังงอ" จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดการคั่งของกรดแลกติก ปวดเมื่อยบริเวณหัวไหล่ สะโพก และเมื่อยล้าตลอดเวลา สุดท้ายจะทำให้กระดูกผิดรูปถาวร และกระดูกสันหลังงอได้

นั่งขัดสมาธิ

การ "นั่งขัดสมาธิ" ทำให้โลหิตไหลเวียนบริเวณขาไม่ดี จนทำให้เกิดอาการเหน็บชา กระดูกสันหลังมีปัญหา และข้อเข่าเสื่อม

นั่งไม่เต็มก้น

การ "นั่งไม่เต็มก้น" หรือ "หลังไม่ชิดเก้าอี้" กล้ามเนื้อหลังทำงานหนัก ก้นกบรองรับน้ำหนักได้ไม่เต็มที่ ปวดต้นคอ ร้าวหลัง หลังค่อมโดยไม่รู้ตัว

นั่งยองๆ

การ "นั่งยองๆ" ทำให้กระดูกรองเข่าด้านนอก เคลื่อนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ถ้ายืนขึ้นหรือเหยียดขาทันทีทันใด จะทำให้กระดูกอ่อนรองเข่าและกระดูกข้อเข่าจะขัดกัน จนทำให้มีอาการปวดในข้อ ข้อเข่าอักเสบ

"ท่านั่ง" ที่ควรนั่ง!

การนั่งที่ถูกต้อง คือ การนั่งด้วย "ท่านั่งธรรมดา" ปล่อยขาตรงตามสบายทั้งสองข้าง โดยให้หลังติดเบาะเก้าอี้ และควรเป็นเก้าอี้ที่มีเท้าแขน และสามารถปรับความสูง-ต่ำได้ ขณะที่โต๊ะทำงาน ควรวางมือกับข้อศอกอยู่ในระนาบเดียวกัน โดยที่ไหล่กับข้อศอกทำมุมฉาก 90 องศา


เปิดสูตร 9 ข้อชะลอวัย… ทำได้ไม่ยาก

ในยุคนี้แม้หลายคนจะมีอายุเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังดูดีมีความสุข ดูเป็นหนุ่มสาว มีพลัง ซึ่งการมีสุขภาพดีและดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง มีส่วนเสริมความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการบริหาร มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ แนะนำเคล็ดลับสุขภาพดี อ่อนเยาว์ที่สืบต่อกันมายาวนาน ที่สำคัญสามารถทำได้เลยไม่ต้องรอ ดังนี้

1.อารมณ์ดี จากการศึกษาวิจัยที่ยาวนานถึง 75 ปี ของมหาวิทยาลัยชั้นนำสหรัฐอเมริการะบุว่า อารมณ์ดี สามารถทำให้คนเรามีอายุยืนยาว เพราะนอกจากช่วยให้รู้สึกเป็นสุขแล้ว ยังมีผลต่อการทำงานของร่างกายและจิตใจ

2.ดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียง อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวพรรณแห้งกร้านเกิดริ้วรอยได้ง่าย

3.หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่มีรังสี UV สูงสุด หากจำเป็นต้องออกแดดช่วงนั้นก็ควรกางร่ม ใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 15 ขึ้นไป โดยทาครีมก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที อย่างไรก็ตามการอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลาแดดอ่อนตอนเช้าหรือตอนเย็นอย่างน้อยวันละ 15 นาที ก็จะทำให้เราได้รับการกระตุ้นการสร้างวิตามินดีจากแสงแดดอย่างเพียงพอ

4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นประจำ อาทิ ออกกำลังแบบแอโรบิก ที่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ต่อเนื่อง อย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 5 วัน เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ถ้าเวลาน้อยมีวิจัยพบว่า ออกกำลังกายในวันหยุดวันละ 75 นาทีก็ให้ผลใกล้กัน หรือถ้าไม่มีเวลาว่างจริงๆ การเดินหลังอาหารทุกมื้อครั้งละ 10 นาทีก็สามารถช่วยกระตุ้นการสร้าง Growth Hormone ได้ดีเช่นกัน

5.เข้านอนสี่ทุ่มและหลับสนิทก่อนเที่ยงคืน เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุด จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะที่สึกหรอและปรับสมดุลฮอร์โมน ถ้าไม่อยากแก่เร็วและอายุยืน อย่านอนดึกจนเกินไป

6.คบเพื่อนวัยทีน การอยู่ในกลุ่มคนที่อ่อนวัยกว่า แต่ไม่อ่อนกว่ามากจนเกินไปนั้นจะช่วยให้คุณมีหัวใจวัยรุ่น มีความสดใสน่ารัก มองโลกในแง่ดีไม่คิดมาก กล้าได้กล้าเสีย ชอบแสวงหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำงาน เรียนรู้อยู่เสมอ สามารถที่จะปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ชะลอวัย

7.ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความรัก ไม่เฉพาะคนรักเท่านั้นแต่อาจเป็นความรักในครอบครัว เพื่อน สัตว์เลี้ยง กิจกรรมที่ช่วยเหลือผู้อื่น หรือการมีจิตอาสาช่วยสังคมด้วยความรัก ฯลฯ

8.เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว ลองหาเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ สีสันสดใสมาใส่ มามิกซ์แอนด์แมตช์กับรองเท้า เข็มขัด กระเป๋า และเครื่องประดับต่างๆ แต่ก็ต้องดูตามความเหมาะสมด้วย

9.ดูแลสุขภาพผิว การดูแลรักษาความสะอาดและรักษาผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ควรใช้น้ำเย็นลูบหน้าแทนน้ำอุ่นช่วยให้รูขุมขนไม่กว้างเกินและอย่าถูแรงๆ เพราะจะทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอย อย่าปล่อยเมกอัพไว้บนหน้าข้ามคืนโดยไม่ทำความสะอาด