ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



นาซาเตือน พบ ‘หลุมดำหนี’ ถึงกับเรียก ‘อสูรล่องหนเคลื่อนที่อย่างอิสระ’

นาซาเตือนพบ‘หลุมดำหนี’อยู่ในเอกภพหนึ่ง ถึงกับเรียกว่าเป็น ‘อสูรล่องหนเคลื่อนที่อย่างอิสระ’ ชี้เป็นหลุมดำมวลยิ่งยวดเท่ากับดวงอาทิตย์ถึง 20 ดวง

เมื่อ 10 เมษายน 2566 สื่อต่างประเทศรายงาน องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) เตือนพบ‘หลุมดำหนี’ และถึงกับเรียกหลุมดำมวลยิ่งยวดนี้ว่า ‘อสูรล่องหนเคลื่อนที่อย่างอิสระ’ และมีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่ในเอกภพหนึ่ง โดยนาซายังระบุว่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยพบหลุมดำในลักษณะนี้มาก่อน

‘ตรวจพบมีอสูรล่องหนมีการเคลื่อนที่อย่างอิสระ กำลังเคลื่อนผ่านช่องว่างระหว่างกาแล็กซีด้วยความเร็ว ซึ่งหากมันเคลื่อนที่ในระบบสุริยะของเราจะสามารถเคลื่อนที่จากโลกไปยังดวงจันทร์ (ระยะทาง 237,674 ไมล์) โดยใช้เวลาเพียงแค่ 14 นาทีเท่านั้น’ นาซาระบุในรายงานการศึกษานำโดยทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเยล

สำหรับหลุมดำมวลยิ่งยวดนี้ มีมวลเท่ากับดวงอาทิตย์ถึง 20 ดวง โดยมองเห็นหางยาวของดวงดาวมากมายที่อยู่ห่างจากโลก 200,000 ปีแสง และมีขนาดใหญ่กว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของทางช้างเผือก 2 เท่า

นักวิจัยเชื่อว่า หลุมดำที่หลบหนีนี้ เกิดขึ้น หลังจากกาแล็กซี 2 กาแล็กซีได้หลอมรวมเข้าด้วยกันเมื่อประมาณ 50 ล้านปีก่อน จนทำให้เกิดหลุมดำมวลยิ่งยวดอยู่ใจกลาง จากนั้น ได้มีกาแล็กซีที่ 3 เข้ามารวมกับหลุมดำนี้ จนกลายเป็นหลุมดำมวลยิ่งยวดในลักษณะที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ไม่เคยแบบนี้มาก่อน และกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลของนาซาได้พบหลุมดำมวลยิ่งยวดนี้โดยบังเอิญ

ที่มา : Newyorkpost,Dailymail


ตอบข้อสงสัย! ไม่อยากเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องดูแลตัวเองอย่างไร

มะเร็งลำไส้ใหญ่ คือภัยเงียบที่อาจมาเยือนเมื่อเราอายุมากขึ้นโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และเป็นภัยที่มักเกิดขึ้นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะหากใครที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวเคยเจ็บป่วยด้วยโรคนี้มาก่อน ก็ยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นที่เราจะเจ็บป่วย ดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็งลำไส้ใหญ่

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

รู้หรือไม่ว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เรามักทำโดยไม่รู้ตัว ก็เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เช่นกัน อย่างการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ และการไม่ออกกำลังกาย เพราะเมื่อเราไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกาย ก็จะส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารและการขับถ่าย ทำให้ระบบขับถ่ายไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ สุดท้ายแล้วก็จะเกิดปัญหาการขับถ่าย ทั้งท้องผูกและลำไส้อักเสบ ซึ่งหากไม่หาทางแก้ไข ก็จะกลายเป็นอันตรายอย่างมากในอนาคต

2. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์

การทานอาหารถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตัวเอง เพื่อให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยอันดับแรกให้เราเริ่มจากการปรับเปลี่ยนนิสัยการทานอาหาร เช่น เลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์ งดอาหารรสจัดทุกประเภท ตั้งแต่เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด ตลอดจนอาหารแปรรูป และอาหารหมักดอง จากนั้นให้หันมาเลือกทานอาหารที่ผ่านการต้มและนึ่งให้มากขึ้น ใช้น้ำมันให้น้อยลง รวมถึงทานอาหารที่มีกากใยสูงในทุกมื้อ เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ หรือโยเกิร์ต เพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ซึ่งนอกจากจะทำให้เราห่างไกลจากโรคร้ายแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมของเราดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

3. ควบคุมน้ำหนักตัว

หลายคนอาจไม่เชื่อว่า น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในระยะแรกเราอาจไม่ได้สังเกต แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อายุเริ่มเข้าสู่วัย 40 ขึ้นไป น้ำหนักตัวที่มากเกินไปนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพหลายประการเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ ในช่วงที่เรายังเป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงาน ควรหาโอกาสออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับปกติ ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

และทั้งหมดนี้ก็คือเคล็ดลับง่าย ๆ 3 ข้อพื้นฐาน ที่จะพาให้คุณห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่อันตรายและเป็นภัยเงียบที่มักมาเยือนโดยไมรู้ตัว ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงแล้ว ยังช่วยให้เรามีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งหากใครที่กำลังกังวลกับโรคนี้ หรือรู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพ แนะนำว่าให้เราเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยไม่ต้องลังเล... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2200241/


มนุษย์ต้องรออีกนานแค่ไหนก่อนจะได้มี “อาณานิคมต่างดาว”

10 เมษายน 2023:ในปัจจุบันเรื่องที่มนุษย์จะเดินทางออกไปตั้งถิ่นฐานนอกโลกยังดวงจันทร์ ดาวอังคาร หรือดาวเคราะห์อื่น ๆ ทั้งในและนอกระบบสุริยะ เป็นประเด็นที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางและถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ให้ได้ชมกันบ่อยครั้ง เสมือนว่าอาณานิคมต่างดาวนั้นเป็นสิ่งที่ใกล้จะเกิดขึ้นได้จริงในไม่ช้า

อีลอน มัสก์ ประธานผู้บริหารหรือซีอีโอของบริษัทขนส่งอวกาศสเปซเอกซ์ เคยกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ไว้ว่า เขาต้องการสร้างเมืองที่มีประชากรอยู่อาศัยราว 1 ล้านคนบนดาวอังคารให้สำเร็จภายในปี 2050 ซึ่งฟังดูเป็นเป้าหมายที่ออกจะเหลือเชื่อ เนื่องจากทุกวันนี้ยังไม่เคยมีมนุษย์เดินทางไปถึงและลงเหยียบพื้นผิวสีแดงของดาวอังคารเลยสักคน

ประเด็นนี้เกิดเป็นคำถามที่น่าสงสัยอย่างยิ่งว่า มนุษยชาติต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกันแน่ กว่าที่เราจะสามารถเข้าครอบครองเป็นเจ้าของอาณานิคมต่างดาวได้สักแห่งหนึ่ง

คำตอบสำหรับข้อสงสัยดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับว่า สถานที่ตั้งอาณานิคมที่เป็นเป้าหมายคือดาวเคราะห์ดวงไหน หากเป็นดาวอังคารซึ่งอยู่ห่างจากโลกไม่มากนักและมีสภาพแวดล้อมค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ก็ดูเหมือนจะมีความหวังในการเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่อยู่มาก แต่ถึงกระนั้นเราก็อาจต้องใช้เวลาอีกนานหลายสิบปีเลยทีเดียว

ศาสตราจารย์เซอร์คาน เซย์ดัม ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์และศูนย์วิจัยวิศวกรรมอวกาศของออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Live Science ถึงเรื่องการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารว่า ความใฝ่ฝันอันสูงส่งของอีลอน มัสก์ นั้นใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยเสียทีเดียว โดย ศ. เซย์ดัมเชื่อมั่นว่า ภายในปี 2050 มนุษย์จะมีอาณานิคมต่างดาวในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งบนดาวอังคารอย่างแน่นอน

ศ. เซย์ดัมเป็นวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยเพื่อค้นหาเทคนิควิธีการทำเหมืองแร่แห่งอนาคต ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาให้ความสนใจเพื่อเตรียมก่อสร้างฐานที่มั่นหรืออาณานิคมต่างดาว ได้แก่การขุดเจาะหาแหล่งน้ำซึ่งอาจได้มาจากน้ำแข็งในแอ่งหลุมลึกต่าง ๆ หรือใช้วิธีสกัดจากแร่ธาตุใต้พื้นดินที่มีโมเลกุลอุ้มน้ำ

ทรัพยากรน้ำอันมีค่าที่หาได้บนดาวอังคารนี้ จะถูกนำไปทำการเกษตรเพื่อเพาะปลูกพืชเป็นอาหารเลี้ยงประชากรในอาณานิคมต่างดาวต่อไป เหมือนกับที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ The Martian นอกจากนี้เรายังสามารถสกัดไฮโดรเจนจากน้ำแข็งและแร่ธาตุบนดาวอังคาร เพื่อนำมาเป็นพลังงานและเป็นเชื้อเพลิงขับดันจรวดหรือยานอวกาศได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังมีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ในเรื่องการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร โดยมีหลายคนเห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเดินหน้าแผนการนี้ให้สำเร็จภายในปี 2050

ดร. ลูอิส ฟรีดแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการบินอวกาศและผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไร The Planetary Society ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Gizmodo เมื่อปี 2019 ว่าการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารนั้นยังเป็นไปไม่ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วน ดร. ราเชล ซีดเลอร์ นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา ซึ่งทำงานร่วมกับเหล่านักบินอวกาศขององค์การนาซาบอกว่า ผู้คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับโครงการก่อตั้งอาณานิคมต่างดาว แต่แท้ที่จริงแล้วมันออกจะเป็นการเพ้อฝันเหมือนวาดวิมานในอากาศอยู่ไม่น้อย

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม มนุษยชาติจะได้ไปเหยียบดาวอังคารภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้าอย่างแน่นอน จีนนั้นมีแผนจะส่งนักบินอวกาศไปยังดาวเคราะห์สีแดงในปี 2033 ส่วนนาซาก็มีแผนจะส่งคนของตนไปที่นั่นให้ได้ภายในช่วงปลายทศวรรษ 2030 หรือไม่ก็ภายในช่วงต้นทศวรรษ 2040 ซึ่งจะปูทางไปสู่การสร้างอาณานิคมนอกโลกสำหรับคนหมู่มากในระยะยาวต่อไป

การตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารหรือดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ จำเป็นจะต้องคำนึงถึงความอยู่รอดที่มาจากการพึ่งพาตนเอง ซึ่งก็คือการรู้จักใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของดาวดวงนั้นเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม ศ. เซย์ดัมมองว่ามนุษย์ที่โยกย้ายไปอยู่อาศัยที่ดาวอังคาร ไม่อาจจะดำรงชีวิตโดยพึ่งพาแต่ทรัพยากรที่มีอยู่เฉพาะบนดาวเคราะห์สีแดงเท่านั้น

“ดาวอังคารก็เหมือนกับเกาะที่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ ผู้คนที่นั่นจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากเมืองบนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งคราว เพื่อนำมาอุปโภคบริโภคทดแทนสิ่งที่พวกเขาไม่อาจผลิตเองได้” ศ. เซย์ดัมกล่าว “อาณานิคมบนดาวอังคารก็เช่นกัน จะต้องพึ่งพาอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ส่งไปจากโลกเป็นหลัก ผมคิดว่าตอนนี้เรายังไม่สามารถผลิตรถบรรทุกได้เองบนพื้นผิวดาวอังคารแน่”

อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้อาณานิคมต่างดาวดำรงอยู่ได้ในระยะยาว นั่นก็คือการสร้างระบบเศรษฐกิจที่จะผลิตเม็ดเงินหมุนเวียนเพื่อการลงทุนและช่วยผลักดันให้มีการสำรวจอวกาศเพิ่มเติม บางคนอาจคิดถึงธุรกิจการท่องเที่ยวอวกาศ แต่ศ. เซย์ดัมแนะว่าการทำเหมืองแร่บนดาวอังคาร หรือการค้นหาแร่ธาตุล้ำค่าอย่างแพลทินัมจากแถบดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ใกล้เคียง จะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจนอกโลกได้อย่างดีเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอุปสรรคอีกมากในการตั้งถิ่นฐานระยะยาวบนดาวอังคาร เนื่องจากบรรยากาศที่นั่นประกอบไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 95% พื้นผิวดาวได้รับรังสีอันตรายจากอวกาศ ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยนั้นก็เย็นจัดถึง -60 องศาเซลเซียส ทั้งต้องใช้เวลาเดินทางจากโลกยาวนานถึงเที่ยวละ 8-9 เดือน ซึ่งก็เป็นปัญหาที่มนุษย์จะต้องแก้ไขเพื่อหาทางตั้งอาณานิคมต่างดาวกันต่อไป

นอกจากดาวอังคารแล้ว นักดาราศาสตร์ในปัจจุบันยังเร่งค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ (exoplanet) ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมคล้ายโลกและเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต โดยพวกเขาหวังว่าน่าจะมีดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะสักดวงหนึ่งที่มนุษย์จะเดินทางไปตั้งรกรากและสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นที่นั่นได้

ทว่าดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะนั้นอยู่ห่างไกลจากโลกมาก โดยดาวเคราะห์ประเภทนี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางหลายหมื่นปี ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเดินทางไปให้ถึงภายในชั่วอายุคนรุ่นหนึ่ง

แต่ปัญหานี้อาจแก้ไขได้ หากเราสามารถคิดค้นยานอวกาศที่มีความเร็วสูงขึ้นกว่าในปัจจุบันหลายเท่า โดยดร. เฟรเดริช มาฮอง นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสตราสบูร์กของฝรั่งเศสบอกว่า ในทุกร้อยปีหรือทุกหนึ่งศตวรรษ มนุษย์จะสามารถคิดค้นเทคโนโลยีที่ทำให้ยานอวกาศพุ่งทะยานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า ซึ่งจะทำให้เวลาของการเดินทางไปดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะลดลงจากหลายหมื่นปีมาสู่ระดับหลายร้อยปีได้ ภายในอีกไม่กี่ศตวรรษข้างหน้า

แบบจำลองคอมพิวเตอร์ของดร. มาฮอง ยังทำนายว่า การเดินทางที่กินเวลายาวนานหลายร้อยปี จะต้องใช้ประชากรมนุษย์อวกาศราว 500 คน ขึ้นไปอยู่อาศัยและผลิตลูกหลานในยานอวกาศ เพื่อให้มนุษยชาติสามารถเดินทางไปถึงและตั้งอาณานิคมบนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่ใกล้ที่สุดได้สำเร็จ


ผลศึกษาพบ “การเดิน 8,000 ก้าว” ช่วงสุดสัปดาห์ “ลดเสี่ยงเสียชีวิต”

ทีมนักวิจัยของญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากบัณฑิตวิทยาลัยการแพทย์ แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต ค้นพบว่า การเดิน 8,000 ก้าวต่อวัน เพียงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิตได้

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ว่า ผู้ที่เดินอย่างน้อย 8,000 ก้าวต่อวัน เป็นเวลา 1-2 วันต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงการเสียชีวิตลดลง หลังผ่านไป 10 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับคนที่เดินจำนวนก้าวเท่ากัน เป็นเวลา 3-7 วันต่อสัปดาห์

การวิจัยฉบับก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่า การเดิน 8,000 ก้าว หรือมากกว่าต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการรายงานอย่างชัดเจนว่า ความเสี่ยงนี้จะแตกต่างกันอย่างไร หากพิจารณาจำนวนวันที่ออกเดิน

คณะนักวิจัยใช้ข้อมูลการสำรวจจากกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐ ที่จัดทำระหว่างปี 2548-2549 เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนก้าวเดินต่อวันของกลุ่มคนอายุ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 3,101 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 50.5 ปี กับความเสี่ยงการเสียชีวิตในอีก 10 ปีต่อมา

สำหรับกลุ่มคนที่เดินอย่างน้อย 8,000 ก้าวต่อวัน เป็นเวลา 0 วัน 1-2 วัน และ 3-7 วัน พบว่ากลุ่มที่เดิน 3-7 วัน มีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 16.5 ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เดิน ขณะที่อัตราการเสียชีวิตของกลุ่มคนที่เดินเป็นเวลา 1-2 วัน อยู่ที่ร้อยละ 14.9

นอกจากนี้ คณะนักวิจัยได้จำกัดสาเหตุการเสียชีวิตไว้เฉพาะโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด พบว่าอัตราการเสียชีวิตสำหรับกลุ่มคนที่เดิน 3-7 วัน ลดลงร้อยละ 8.4 ส่วนอัตราการเสียชีวิตสำหรับกลุ่มคนที่เดิน 1-2 วัน ลดลงร้อยละ 8.1

ทั้งนี้ ศ.โคสุเกะ อิโนะอุเอะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยการแพทย์ แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต แนะนำให้ผู้คนออกเดิน หากมีเวลาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดันว่าต้องเดินทุกวัน.

ข้อมูล : XINHUA

ภาพ : GETTY IMAGES... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2203987/


5 สิ่งต้องทำ 'วันปีใหม่ไทย' พาสุข ปัดทุกข์ รับความเฮง ตลอดทั้งปี

11 เม.ย. 2566:'วันปีใหม่ไทย' ที่กำลังจะเวียนมาถึงนี้ ซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร แนะนำ 5 สิ่งที่ต้องทำ จะช่วยพาสุข ปัดทุกข์ รับความเฮง วันปีใหม่ไทย ที่กำลังจะถึงนี้ ซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร แนะนำ 5 สิ่งที่ต้องทำ พาสุข ปัดทุกข์ รับความเฮง

1.ทำความสะอาดหน้าบ้าน บริเวณหน้าบ้านเปรียบเสมือนปากทรัพย์ เป็นจุดรับพลังงานที่ดี เชื่อกันว่าการล้างหรือทำความสะอาดหน้าบ้านก็เปรียบเสมือนกับการได้ล้างเคราะห์ล้างปัญหาล้างสิ่งที่ไม่ดีให้หมดสิ้นไปและถือเป็นการเรียกรับสิ่งดีๆ ให้ข้ามาสู่ตัวบ้านทั้งเรื่องการเงิน การงาน และโชคลาภ ตลอดทั้งปี 2566 นี้

2.ทำความสะอาดพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน การทำความสะอาดพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำในช่วงวันปีใหม่ไทย เพราะเป็นที่เคารพบูชาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเสริมความเป็นมงคลให้กับบ้าน ควรทำความสะอาดไม่ให้ฝุ่นเกาะจัดวางตำแหน่งองค์พระให้ถูกต้องเพื่อเสริมความเป็นมงคล เสริมบารมีและรู้สึกสงบ อยากกราบไหว้

3.ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ใหม่ หากทำความสะอาดกระเป๋าสตางต์หรือเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ใหม่ เชื่อกันว่า กระเป๋าสตางค์ เปรียบเสมือนที่เก็บเงินเก็บทรัพย์ จะช่วยเสริมให้มีโชคลาภเรื่องของการเงิน ทำให้การเงินไม่ติดขัด ไม่รั่วไหล การเงินเฮงx2

สำหรับปี 2566 ใครที่จะเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ใหม่ให้เสริมด้วย สีม่วง สีเขียว สีแดง สีส้ม สีน้ำเงิน เสริมด้วยธนบัตรที่ลงท้ายด้วยเลข 8 และปีนี้แนะนำให้มีถุงส้มอุดมโชค เพียงเท่านี้จะช่วยเสริมพลังเรียกทรัพย์เข้ากระเป๋าตลอดปี

4.ล้างเท้าขอขมาบุพการีหรือผู้ที่เลี้ยงเรามา ในช่วงวันปีใหม่ไทย ถือเป็นโอกาสดีที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะล้างเท้าของมาบุพการีหรือผู้ที่เลี้ยงเรามา เพื่อแสดงถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นการกราบขอขมาในสิ่งที่เราทำผิดพลาดในที่ผ่านมาอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี หากทำแล้วจะช่วยเสริมให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งเรือง มีความเจริญก้าวหน้า ทำการสิ่งใดก็ราบรื่น ไม่มีตกต่ำ สิ่งร้ายๆ จะหายไป มีแต่เรื่องดีๆ

5.ทำความสะอาดกายและใจของตนเอง เริ่มต้นใหม่ด้วยการทำความสะอาดในส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการตัดผมตัดเล็บ หรือนำน้ำล้างเท้าบุพการี น้ำมนต์ น้ำจากที่เราสงฆ์น้ำพระมาผสมน้ำอาบเพื่อความเป็นสิริมงคล ล้างเสนียดจัญโรอะไรก็ตามที่มีปัญหาหรือแย่ สิ่งที่ไม่ดีที่ผ่านมาออกไป และเมื่อทำความสะอาดกายแล้วใจก็ควรที่จะคิดดีด้วย เพียงเท่านี้ก็จะถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี และตลอดทั้งปีจะมีแต่สิ่งที่ดีเข้ามา

ภาพ : สามย่านมิตรทาวน์