ครบเครื่อง
ญ. อมตะ
ครบเครื่อง ญ. อมตะ 5 ตุลาคม 2562

ภูเขาน้ำแข็ง 3 แสนล้านตัน หลุดจากหิ้งน้ำแข็งในแอนตาร์กติกา

ภูเขาน้ำแข็ง – วันที่ 1 ต.ค. เอบีซี รายงานว่า ภูเขาน้ำแข็งขนาด 1,636 ตารางกิโลเมตร น้ำหนัก 315 ตัน หลุดออกจากหิ้งน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาแล้ว

กรมแอนตาร์กติกาออสเตรเลีย (AAD) รายงานว่า ภูเขาน้ำแข็งลูกดังกล่าว ซึ่งมีชื่อ ดี 28 (D28) หลุดออกจากหิ้งน้ำแข็งเอเมอร์ ทางตะวันออกของแอนตาร์กติกา เมื่อวันพฤหับสดีที่ 26 ก.ย. โดยนักวิทยาศาสตร์สังเกตปรากฏการณ์ดังกล่าวจากภาพถ่ายจากดาวเทียม

ดร.เบ็น แกลตัน-เฟนซี นักวิทยาธารน้ำแข็งแห่ง AAD กล่าวว่า ภูเขาน้ำแข็งหลุดครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระดับน้ำทะเล เนื่องจากหิ้งน้ำแข็งเอเมอรีลอยอยู่ก่อนแล้ว เหมือนก้อนน้ำแข็งในแก้วน้ำ

“แต่สิ่งน่าสนใจที่จะต้องดูต่อไปคือว่า ภูเขาน้ำแข็งที่หลุดออกไปจะมีส่งผลต่อมหาสมุทรที่จะละลายข้างใต้หิ้งน้ำแข็งเอเมอรีที่เหลืออยู่อย่างไร และความเร็วของการไหลของน้ำแข็ง (Ice Flow) ออกไปจากแอนตาร์กติกา”

หิ้งน้ำแข็งเป็นแผ่นน้ำแข็งหนา ลอยตัวเหนือมหาสมุทร ก่อตัวเป็นธารน้ำแข็งไหลลงสู่ชายฝั่งและบนพื้นผิวมหาสมุทร การสูญเสียภูเขาน้ำแข็งเป็นการที่ธารน้ำแข็งรักษาสมดุลระหว่างปริมาณหิมะตกและทับถมลงมา

ภูเขาน้ำแข็งดี 28 เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งที่มีชื่อ ฟันน้ำนม เนื่องจากรูปร่างคล้ายฟันน้ำนม และนักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะเป็นส่วนที่หลุดออกจากหิ้งน้ำแข็งอาเมรี

• ไม่เชื่อมโยงกับ “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ” (Climate Change)

เฮเลน อแมนดา ฟริกเกอร์ ศาสตราจารย์แห่งสถาบันสมุทรศาสตร์ สคริปป์ส (Scripps) ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์สังเกตรอยแตกในหิ้งน้ำแข็งเอเมอรีเป็นครั้งแรกเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ทำนายว่า ภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่จะหลุดออกไประหว่างปี 2553-2558

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่เห็นปรากฏการณ์ภูเขาน้ำแข็งหลุดหลังจากปีที่ผ่านมานี้ เรารู้แล้วจะต้องเกิดขึ้นในที่สุด แต่แค่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และเกิดขึ้นไม่ตรงกับที่เราคาดไว้ตอนแรก”

ฟริกเกอร์กล่าวว่า ปรากฏการณ์ภูเขาน้ำแข็งหลุดนี้ไม่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งวัฏจักรปกติของหิ้งน้ำแข็ง ซึ่งจะมีการหลุดออกครั้งใหญ่ทุก 60-70 ปี

อย่างไรก็ตาม ซู คุก จากสถาบันทะเลและอาร์กติกศึกษา (IMAS) เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อหิ้งน้ำแข็งในอนาคต ปรากฏการณ์ภูเขาน้ำแข็งหลุดออกจะเพิ่มขึ้น

“กระบวนการมากมายต่างๆ จะเกิดขึ้น ขณะที่น้ำรอบแแอนตาร์กติกาอุ่น หิ้งน้ำแข็งจะเริ่มบางลงและเสี่ยงต่อการหลุดเพิ่มขึ้น พื้นผิวบนหิ้งน้ำแข็งจะละลายเพิ่มขึ้น และสามารถเข้าไปในรอยแตกและขยายออก”

นักวิทยาศาสตร์จาก IMAS กล่าวด้วยว่า จะติดตามการเคลื่อนที่ของภูเขาน้ำแข็งดี 28 ต่อไป เนื่องด้วยขนาดใหญ่ ง่ายต่อการติดตาม และง่ายต่อการคำนวณว่า ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้จะเคลื่อนที่ไปไหน และแสดงความหวังว่า ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้จะไม่สร้างความเสี่ยงมหาศาลต่อการเดินเรือ

• ภูเขาน้ำแข็งหลุดครั้งใหญ่ล่าสุดจากหิ้งน้ำแข็งเอเมอรีเมื่อทศวรรษที่ 1960

สำหรับ เอเมอรี เป็นหิ้งน้ำแข็งขนาด 60,000 ตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่สุดอันดับ 3 ในแอนตาร์กติกา

นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาศึกษาหิ้งน้ำแข็งเอเมอรี่มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 และบันทึกการหลุดครั้งใหญ่ล่าสุดในปลายปี 2506 ถึงต้นปี 2507

ภูเขาน้ำแข็งที่หลุดออกมาเป็นทรงกลมขนาดราว 10,000 ตารางกิโลเมตร ก่อนแยกตัวออกเป็นภูเขาน้ำแข็งลูกเล็ก 2 ก้อน ในปี 2508


นาซาพบหลุมดำมวลยิ่งยวด 3 แห่งจ่อชนประสานงาครั้งใหญ่

ทีมนักดาราศาสตร์ขององค์การนาซา รายงานการค้นพบปรากฎการณ์ที่หาได้ยากในห้วงอวกาศลึกห่างจากโลก 1 พันล้านปีแสง โดยระบุว่ามีหลุมดำมวลยิ่งยวดถึง 3 แห่ง กำลังโคจรเข้าเฉียดใกล้กัน และอยู่ในเส้นทางที่จะชนประสานงากันอย่างรุนแรงในไม่ช้านี้

รายงานดังกล่าวตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร The Astrophysical Journal โดยทีมนักดาราศาสตร์ของนาซาบอกว่า เทคนิคใหม่ที่ใช้ในการค้นหาคู่หลุมดำที่โคจรวนรอบกันและกัน ทำให้พวกเขาได้พบเข้ากับระบบของหลุมดำมวลยิ่งยวดทั้งสาม ซึ่งถือว่าเป็นปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์ที่หาพบได้ยากมาก

ระบบของหลุมดำที่กำลังจะชนและรวมตัวเข้าด้วยกันนี้ชื่อว่า SDSS J0849+1114 ถูกค้นพบและบันทึกภาพไว้ได้ด้วยการทำงานร่วมกันของกล้องโทรทรรศน์อวกาศและกล้องโทรทรรศน์บนพื้นโลกหลายตัว เช่นกล้องสำรวจท้องฟ้าดิจิทัลสโลน (SDSS) ในรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐฯ, กล้องโทรทรรศน์ LBT ในรัฐแอริโซนา, กล้องโทรทรรศน์อวกาศรังสีอินฟราเรด WISE และกล้องโทรทรรศน์อวกาศรังสีเอกซ์จันทรา

เหตุที่ต้องใช้กล้องโทรทรรศน์หลายประเภท ก็เพื่อเก็บข้อมูลในช่วงความยาวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สายตามนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้ โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ WISE จะสามารถตรวจจับการเรืองแสงสว่างจ้าของรังสีอินฟราเรด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหลุมดำกำลังดูดกลืนมวลสารปริมาณมากระหว่างที่กำลังจะมีการชนและรวมตัวกัน ส่วนกล้องโทรทรรศน์อวกาศจันทราสามารถจะมองหาบริเวณใจกลางกาแล็กซีที่สุกสว่างด้วยการแผ่รังสีเอกซ์ ซึ่งมักจะเป็นที่อยู่ของหลุมดำมวลยิ่งยวดได้

นอกจากนี้ การค้นหาระบบหลุมดำด้วยรังสีเอกซ์และรังสีอินฟราเรดยังมีข้อดี เนื่องจากรังสีดังกล่าวสามารถจะทะลุทะลวงผ่านกลุ่มก๊าซหนาทึบที่มักปิดบังระบบหลุมดำอยู่ จนช่วยให้สังเกตการณ์ได้สะดวกขึ้น

ดร. โศภิตา สัตยาปาล นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอร์จเมสัน หนึ่งในทีมวิจัยของนาซาบอกว่า “ระบบหลุมดำคู่และหลุมดำมวลยิ่งยวด 3 แห่งที่กำลังจะชนกันนั้นหาพบได้ยากมาก แต่ก็ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่ดาราจักรรวมตัวเข้าด้วยกัน เราสันนิษฐานว่านี่เป็นวิธีการที่ดาราจักรต่าง ๆ ใช้เพื่อขยายตัวเติบโตขึ้นและมีวิวัฒนาการก้าวไปจากเดิม”

ทีมผู้วิจัยยังพบว่า หลุมดำมวลยิ่งยวดทั้งสามที่กำลังจะชนและรวมตัวกัน มีพฤติกรรมต่างไปจากคู่หลุมดำที่อยู่ในภาวะเดียวกันอีกด้วย โดยหลุมดำแห่งที่สามจะมีอิทธิพลทำให้หลุมดำอีกสองแห่งรวมตัวกันได้เร็วขึ้น และจะเกิดคลื่นความโน้มถ่วงความถี่ต่ำแผ่ออกไปทุกทิศทางทั่วเอกภพ


เฮลั่น นักวิทย์สหรัฐฯ พบโมเลกุล RNA หยุดเซลล์ติดเชื้อ HIV แบ่งตัวแล้ว

เมื่อ 26 ก.ย.62ผู้ติดเชื้อ HIV มีหวังแล้ว.. นักวิทย์สหรัฐฯ พบโมเลกุล RNA ทำหน้าที่เป็น ‘ปุ่มหยุดการทำงาน’ ของเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส HIV แบ่งตัวสร้างเซลล์ใหม่แล้ว หลังนักวิทย์ทั่วโลกพยายามหากันมานานนับ 30 ปี

เว็บไซต์เดอะ ซัน และเดลี่เมล รายงานว่า ความหวังของบรรดาผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่นำไปสู่การเป็นโรคเอดส์ อาจได้รับการรักษาจนหายจากการติดเชื้อร้ายกำลังใกล้เข้ามาอีกขั้น เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซาน ดิเอโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ค้นพบโมเลกุล RNA ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็น ‘kill swith’ หรือปุ่มหยุดการทำงาน ที่สามารถหยุดยั้งเซลล์ที่ติดเชื้อ HIV แบ่งตัวสร้างเซลล์ใหม่ หลังจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้พยายามค้นหาโมเลกุลนี้กันมานานนับ 30 ปี

ทีมนักวิทยาศาสตร์พบว่า ถ้ามีการนำโมเลกุล RNA ดังกล่าวออกไปจากเซลล์แล้ว จะสามารถหยุดเชื้อไวรัส HIV ไม่ให้หวนกลับมาได้อีก โดยจากการทดลองในห้องแล็บพบว่า โมเลกุล RNA ที่มีลักษณะเฉพาะนี้ สามารถปิดสวิตช์ เคลียร์เชื้อไวรัสเอชไอวีที่สงบนิ่งอยู่ในเซลล์ร่างกายได้ โดย ดร.ทาริก รานา ผู้เขียนงานวิจัยเรื่องนี้กล่าวว่า นี่เป็นหนึ่งในสวิตช์สำคัญเกี่ยวกับการพยายามรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV หลังจากมีการพยายามค้นหามานานนับ 3 ทศวรรษเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้คนติดเชื้อไวรัสเอชไอวี และเป็นโรคเอดส์ ราว 36.9 ล้านคนทั่วโลก โดยปัจจุบันผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาโรคด้วยยาต้านไวรัสหลายชนิดรวมกันไปจนตลอดชีวิต เพื่อทำให้จำนวนเชื้อไวรัสในร่างกายลดลง หรืออยู่ในระยะสงบ แต่ไม่ได้กำจัดให้หายไปอย่างเด็ดขาด โดยการได้รับยาต้านไวรัสไม่ใช่การรักษา เพียงแต่การทำให้เชื้อไวรัสยังคงสงบนิ่งอยู่ในเซลล์ อยู่ในระยะสงบและเป็นการหยุดยั้งไม่ให้พัฒนาไปถึงระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายถูกทำลายเกือบทั้งหมด และปริมาณเชื้อไวรัส HIV สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเรียกว่าเป็นโรคเอดส์ (AIDS).


เดือด ตร.ฮ่องกง ใช้กระสุนจริงยิงม็อบ หนุ่มโดนกระสุนเจาะอก ยังไม่รู้ชะตา

ม็อบฮ่องกงประท้วงเดือด วันชาติจีน ตร.ตัดสินใจใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุม พยายามทุบทำลายรถ ตร. หนุ่มเคราะห์ร้ายโดนกระสุนเจาะอก หมดสติ ยังไม่รู้ชะตากรรม

เมื่อ 1 ต.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเกิดเหตุการณ์รุนแรงระหว่างการชุมนุมประท้วงบนเกาะฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 20 สัปดาห์ โดยเฉพาะม็อบกล้าท้าทายอำนาจรัฐ ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงและจีน เรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยบนเกาะฮ่องกง โดยใช้ความรุนแรงมากขึ้น ในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งตรงกับ วันชาติของจีน ขณะที่รัฐบาลจีนและกองทัพปลดปล่อยประชาชนได้จัดพิธีสวนสนามอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งก่อตั้งโดยพรรคคอมมิวนิสต์ ครบรอบ 70 ปี ก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง

เว็บไซต์ เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ในฮ่องกง รายงานว่า มีผู้ประท้วงหนุ่มคนหนึ่งถูกตำรวจปราบจลาจลใช้กระสุนจริงยิงใส่ และกระสุนเข้าที่บริเวณหน้าอก จนหมดสติ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 ต.ค. จากนั้นทีมแพทย์พยาบาลได้รีบเข้าช่วยเหลือผู้ประท้วงคนนี้อย่างเร่งด่วน มีการใส่หน้ากากออกซิเจนให้กับผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับชะตากรรมของผู้ประท้วงหนุ่มคนนี้ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด

เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ เผยว่า มีคลิปวิดีโอที่ถูกส่งต่อเผยแพร่ทางออนไลน์ แสดงให้เห็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การตัดสินใจของตำรวจในการใช้กระสุนจริงยิงผู้ประท้วงบริเวณสี่แยกระหว่างถนน วอเตอร์ลู และนาธาน หลังจากม็อบได้ใช้ไม้ทุบตีรถตำรวจ และยังยิงสิ่งต่างๆ ทำลายรถ จนทำให้มีตำรวจบางนายพยายามไล่ม็อบ และมีตำรวจนายหนึ่งหกล้มจนถูกผู้ประท้วงรุมทำร้าย จากนั้นตำรวจจึงได้ชักปืนและยิงกระสุนจริง 2 นัด ขณะที่มีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากการปะทะกับผู้ชุมนุม

สำหรับการชุมนุมบนเกาะฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ต.ค. เกิดการปะทะกันระหว่างม็อบผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจลในหลายจุดทั่วเกาะฮ่องกง จนต้องมีการยิงแก๊สน้ำตา และฉีดน้ำสลายฝูงชน โดยยังมีผู้ชุมนุมได้ใช้ความรุนแรง จุดไฟเผาสิ่งของ รถจักรยานยนต์ และพยายามจะบุกขึ้นไปบนสะพานลอยที่เขตแอดไมรอลตี้ ใกล้กับอาคารสภานิติบัญญัติของฮ่องกง ซึ่งเป็นจุดที่ตำรวจปราบจลาจลประจำการอยู่ จนทำให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตา


คนกินเจ!! (งดบริโภคเนื้อสัตว์) ช่วยลดโลกร้อน

ตลอดช่วงเทศกาลกินเจ ปีนี้ (เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนจนถึง 7 ตุลาคม 2562 รวม 9-10 วัน) คงจะมีคนกินเจจำนวนไม่มากนัก ตั้งใจแต่แรกที่จะ “กินเจเพื่อช่วยลดโลกร้อน”

จึงเป็นผลลัพธ์พลอยได้ จากความตั้งใจหลัก กินเจเพื่อสุขภาพ สร้างบุญกุศลแก่ตนเองโดยการงดบริโภคเนื้อสัตว์ ก็ช่วยชะลอเวลาของกิจกรรมปศุสัตว์

หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อน อาหาร 5 หมู่ ที่มนุษย์เราบริโภคอยู่ทุกๆ วัน ล้วนมีที่มาเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนอยู่ด้วย โดยเฉพาะการกินเนื้อสัตว์ เป็นแรงผลักดันสำคัญในการตัดไม้ ทำลายป่าเพื่อทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ยิ่งการปศุสัตว์ขยายตัวมากขึ้นเท่าใดก็ก่อให้เกิดก๊าซมีเทนมากตามมาด้วย

รู้หรือไม่ ! ว่าอุตสาหกรรมปศุสัตว์นั้นก่อให้เกิดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงและส่งผลโดยตรงต่อภาวะเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 2 รองจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ความจริงของการทำปศุสัตว์ที่เรามักมองข้ามไป เพราะไม่เคยตระหนักถึงผลกระทบมาก่อน ก็คือ การทำปศุสัตว์ต้องใช้พื้นที่มหาศาลในการเพาะปลูกเมล็ดธัญพืชเพื่อเป็นอาหารสัตว์ โดยเมล็ดธัญพืชจำนวน 8 กิโลกรัมที่ใช้เลี้ยงสัตว์ สามารถผลิตเนื้อวัวได้เพียง 1 กิโลกรัม หรือเพียง 12.50 % ของน้ำหนักอาหารที่เราได้จากแปลงเมล็ดธัญพืชมาเป็นเนื้อสัตว์ และมีการประมาณด้วยว่า เมล็ดธัญพืช จำนวน 8 กิโลกรัม สามารถเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัวมนุษย์ขนาด 4 คน ได้ถึง 1 สัปดาห์

นอกจากนี้ พื้นดินขนาด 2.5 ไร่ ถ้านำไปใช้ในการทำปศุสัตว์ จะผลิตเนื้อสัตว์ได้เพียง 1,250 กิโลกรัม แต่ในจำนวนพื้นที่เท่ากัน สามารถนำไปปลูกมันฝรั่งได้ 20,000 กิโลกรัม ดังนั้นการเปลี่ยนไปกินอาหารเจ หรือมังสวิรัติ ก็จะมีพื้นดินเหลือมากเพื่อนำไปใช้ผลิตอาหารเลี้ยงประชากรโลก

ทรัพยากรธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งที่ถูกนำไปใช้มากกับการทำปศุสัตว์ คือ "น้ำ" ปกติคนใช้น้ำเพื่อดื่มและบริโภคเฉลี่ยวันละ 3 ลิต ขณะที่การปลูกมันฝรั่ง 1 กิโลกรัมใช้น้ำ 255 ลิตร แต่เนื้อวัว 1 กิโลกรัมต้องใช้น้ำในการผลิตมากถึง 15,497 ลิตร

เมื่อความต้องการของเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี จึงส่งผลให้เกิดการขยายตัวของปศุสัตว์และพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกพืชอาหารสัตว์ ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งส่งผลกระทบต่อโลกมากขึ้นไปด้วย

ดังนั้น ตลอดช่วงเทศกาลกินเจ คนที่กินเจ-มังสวิรัติ จึงเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน หากจบเทศกาลนี้ ใครที่ทราบแล้วอยากเสริมสร้างสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้นไปอีกโดยงดกินเนื้อสัตว์ ก็อาจจะไปลองบริโภค แบบ PLANT-BASED ซึ่งลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง เป็นวิถีการกินคล้ายๆ กินเจ ซึ่งมีส่วนช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หนึ่งในสาเหตุของภาวะโลกร้อนจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ลงได้


"นกชนหิน" ถูกล่าตัดหัวทำเครื่องประดับ โซเชียลดันเป็นสัตว์ป่าสงวนตัวที่ 20

จากกรณีการลักลอบล่าตัดหัว “นกชนหิน” นำไปทำเป็นเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วโพสต์ขายตามเฟซบุ๊กอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างมากในโซเชียล เนื่องจากนกชนหินเป็นสัตว์ป่าเสี่ยงที่ใกล้จะสูญพันธ์ โดยก่อนหน้านี้ นักอนุรักษ์นกเงือกเขาบูโดได้โพสต์ข้อความระบุว่า "นกชนหิน" ถูกนายพรานยิงตายรวด 4 ตัว อยากวอนภาครัฐเร่งคุ้มครอง

นักอนุรักษ์ฯ สะเทือนใจ "นกชนหิน" โดนพรานใต้ล่าตายรวด 4 ตัว

ล่าสุดที่ www.change.org สร้างแคมเปญ เพื่อเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งประกาศพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้ “นกชนหิน” ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวนตัวที่ 20 ของประเทศไทย และมีแผนการจัดการอนุรักษ์ ปกป้องนกชนหินให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ รวมถึงมีแนวทาง ฟื้นฟูประชากรนกชนหินให้มีจำนวนมากขึ้น

หลังมีการสร้างแคมเปญดังกล่าวขึ้น โซเชียลแห่ร่วมลงชื่อสนับสนุน ผ่าน www.change.org ซึ่งในวันนี้ (1 ต.ค. 62) มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนไปแล้วกว่า 6,965 คน

ข้อมูลจาก www.change.org ระบุว่า นกชนหิน ถือเป็นสัตว์โบราณและเชื่อกันว่ามีความเก่าแก่ถึงขนาดเรียกได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของนกเงือกแห่งเอเชีย ที่ยังคงมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน อาศัยในป่าดงดิบ และกระจายพันธุ์ตั้งแต่ทางตอนใต้ของไทย บางส่วนของพม่า เรื่อยไปจนถึงมาเลเซีย และอินโดนีเซีย นกชนหินเป็นนกที่มีลักษณะแปลกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง มีจุดเด่นอยู่ตรงโหนกที่ตันต่างจากนกเงือกชนิดอื่น และนั่นเองทำให้ถูกมนุษย์ตีราคาอวัยวะชิ้นนี้ไม่ต่างจากงาช้าง โดยให้ชื่อว่า “งาช้างสีเลือด” กลายเป็นสิ่งดึงดูดใจผู้มีความเชื่อผิดๆ นิยมบูชางาเป็นวัตถุมงคลแห่งความมั่งคั่ง