เสนอหมูดำ 300 ตัว พ่อประกาศหาชายหนุ่ม แต่งงานลูกสาวเลี้ยงสุกร
ซิงโจวเดลี รายงานเรื่องราวของ น.ส.จาง จื้อซิน วัย 24 ปี จากมณฑลเหอหนาน ตอนกลางเยื้องทางตะวันออกของจีน ที่ยังไม่มีคู่ชีวิตเป็นตัวเป็นตนเสียที จนคนเป็นพ่ออดรนทนรอไม่ไหว ประกาศหาชายหนุ่มที่มาขอลูกสาวแต่งงาน พร้อมมอบรางวัลชุดใหญ่ด้วย
เมื่อ 3 ปีก่อน น.ส.จางจบการศึกษามหาวิทยาลัย และกลับมาบ้านเกิด เพื่อช่วยพ่อแม่ทำงานเลี้ยงหมู อีกทั้ง ตัดสินใจที่จะผันตัวเองมาทำงานในด้านนี้ด้วย และไม่คิดว่าอาชีพนี้น่าอับอายขายหน้า
ทุกๆ เช้า น.ส.จางจะไปขายเนื้อหมูที่ตลาด จากนั้น กลับมาทำความสะอาดคอกหมู และให้อาหารหมู อย่างไรก็ตาม คนใกล้ตัวต่างคิดว่าอาชีพนี้ ไม่มีเกียรติ ส่วนครอบครัวเธอหวังว่า สาวบัณฑิตจะทบทวนตัวเอง และกลับไปเมืองใหญ่ เพื่อหางานดีๆ และเงินเดือนสูงกว่าแทน
ทว่ายังติดปัญหาอีกอย่างเมื่อน.ส.จางเข้าสู่วัย 24 แล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน ทั้งที่น้องสาวเธอแต่งงานไปแล้ว
พ่อของน.ส.จางจึงตัดสินใจจัดการด้วยตัวเอง เสนอรางวัลเป็น หมูดำ 300 ตัว แก่ชายหนุ่มคนใดก็ตามที่สามารถเกลี้ยกล่อมลูกสาวจอมดื้อแพ่งได้และแต่งงานกับเธอ
ขณะที่น.ส.จางเองน่ารักและดึงดูดความสนใจของผู้ชาย และน่าจะโชคดีของหนุ่มที่แต่งงานด้วย เนื่องจากตอนนี้ราคาเนื้อหมูที่เมืองจีนเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนเงื่อนไขว่าที่เจ้าบ่าวไม่มีอะไรเป็นพิเศษ คือ สามารถเพิ่มน้ำหนักตัวเองได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของน้ำหนักหมูหนึ่งตัว อีกทั้ง น.ส.จางไม่ต้องการออกจากบ้านพ่อแม่ไป
“หลายคนคิดว่า อาชีพเลี้ยงหมูไม่มีคุณค่าและธรรมดามาก แต่ดิฉันไม่เห็นด้วยค่ะ และจะนำความรู้ที่เรียนในมหาวิทยาลัยมาทำงานนี้ค่ะ” น.ส.จางกล่าว
ไต้ฝุ่นคัมมูริถล่มฟิลิปปินส์
มะนิลา (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - พายุไต้ฝุ่นคัมมูริขึ้นฝั่งพัดถล่มเกาะลูซอนของเมื่อคืนวันจันทร์ มีผู้เสียชีวิต 1 คน สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างและทำให้ชาวบ้านกว่า 340,000 คน ต้องอพยพ ขณะที่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ต้องเลื่อนการแข่งขันหลายรายการ
คัมมูริเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 20 ที่กระหน่ำฟิลิปปินส์ในปีนี้ มีความเร็วลม 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วลมกระโชกสูงสุด 205กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดขึ้นฝั่งที่จังหวัดซอร์โซกอนบนเกาะลูซอน เกาะใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ทำให้บ้านเรือนและโครงสร้างบางแห่งเสียหาย โค่นต้นไม้และป้ายล้ม มีผู้เสียชีวิต 1 ศพเป็นชายวัย 33 ปี เสียชีวิตเพราะถูกไฟฟ้าดูดขณะพยายามซ่อมหลังคาในช่วงที่ไต้ฝุ่นกระหน่ำ เจ้าหน้าที่ภูมิภาคบีโกล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลูซอนเผยว่าชาวบ้านกว่า 340,000 คน ต้องอพยพจากบ้านเรือน แต่การเตรียมการอย่างดีช่วยลดผลกระทบต่อชีวิตผู้คนลงได้อย่างมาก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ตระเตรียมสิ่งจำเป็นไว้แต่เนิ่นๆ ปิดที่ทำการรัฐบาลและโรงเรียนในเขตนครหลวงมะนิลาและพื้นที่เสี่ยงภัยไต้ฝุ่น งดการเดินเรือพาณิชย์ในพื้นที่เสี่ยงภัย สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อาจมีคลื่นพายุซัดฝั่งหรือสตอร์มเซิร์จสูงถึง 3 เมตร เกิดดินท่วมและดินถล่มเพราะฝนตกหนัก และลมแรงในเขตกรุงมะนิลาและพื้นที่หลายส่วนบนเกาะลูซอน
อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่นคัมมูริยังกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ โดยท่าอากาศยานเมืองเลกัซปีได้รับผลกระทบหนักที่สุด น้ำท่วมในอาคาร เห็นสายไฟและแผ่นป้ายห้อยจากเพดานในโถงขาออก ส่วนที่ท่าอากาศยานนานาชาตินินอยอากีโน ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักในกรุงมะนิลา อาคารผู้โดยสารทั้ง 4 แห่งปิดเพื่อความปลอดภัยตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทยหนึ่งชั่วโมง กระทบผู้โดยสาร 100,000 คน และต้องเลื่อนเที่ยวบิน 499 เที่ยว ขณะที่การเดินทางทางเครื่องบินในพื้นที่อื่นของประเทศยังคงดำเนินไปตามปกติ
ด้านคณะผู้จัดการแข่งขันซีเกมส์ได้เลื่อนตารางการแข่งขันกีฬาทางน้ำหลายอย่างแล้ว รวมถึงวินด์เซิร์ฟและไตรกีฬา และต้องปรับตารางการแข่งขันใหม่ถึง 16 รายการส่วนการแข่งขันกีฬารายการอื่นๆ ยังคงมีการแข่งขันตามตารางเดิมต่อไป หัวหน้าคณะผู้จัดการแข่งขันกล่าวขออภัยในการแถลงข่าวเลื่อนกำหนดการแข่งขัน แต่ย้ำว่า การแข่งขันจะเสร็จสิ้นตามกำหนดในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ และเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยของนักกีฬาและผู้มาเยือน
สหรัฐขู่รีดภาษี ลงโทษฝรั่งเศสเก็บภาษีดิจิทัล
วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - รัฐบาลสหรัฐอาจเก็บภาษีลงโทษสูงสุด 1 เท่ากับสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศสมูลค่า 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 72,680 ล้านบาท) หลังจากได้ข้อสรุปว่า ภาษีดิจิทัลของฝรั่งเศสอาจกระทบบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ
สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐหรือยูเอสทีอาร์แถลงว่า การสอบสวนตามมาตรา 301 พบว่าภาษีรายได้จากบริการดิจิทัลที่ฝรั่งเศสเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 3 กับบริษัทที่มีรายได้ในฝรั่งเศสไม่ต่ำกว่า 25 ล้านยูโร (ไม่ต่ำกว่า 840 ล้านบาท) และรายได้ทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 750 ล้านยูโร (ไม่ต่ำกว่า 25,150 ล้านบาท)ไม่สอดคล้องกับหลักการโดยทั่วไปของนโยบายภาษีสากล และเพิ่มภาระอย่างผิดปกติให้แก่บริษัทอเมริกันอย่างกูเกิล เฟซบุ๊ค แอปเปิล แอมะซอน ยูเอสทีอาร์จะเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะไปจนถึงวันที่ 14 มกราคมเรื่องรายชื่อสินค้าฝรั่งเศสที่จะถูกเก็บภาษีลงโทษ เช่น แชมเปญ กระเป๋าถือ ชีส ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการสินค้าที่จะถูกสหรัฐเก็บภาษีร้อยละ 25 เพราะข้อพิพาทเรื่องอียูอุดหนุนแอร์บัส คู่แข่งโบอิ้งของสหรัฐ และจะเปิดรับฟังเรื่องทางเลือกในการเก็บค่าธรรมเนียมหรือจำกัดบริการฝรั่งเศส แต่ไม่ได้ระบุว่า
จะเริ่มเก็บภาษีร้อยละ 100 เมื่อใด
นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังสำรวจว่าจะสามารถเปิดการสอบสวนลักษณะเดียวกันกับการเก็บภาษีดิจิทัลในออสเตรีย อิตาลีและตุรกีหรือไม่ ยูเอสทีอาร์กำลังตอบโต้การปกป้องทางการค้าของสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู ที่เพิ่มขึ้นและมุ่งเล่นงานบริษัทอเมริกันอย่างไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้ ก่อนที่ยูเอสทีอาร์จะประกาศเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเคยเผยว่า จะโต้แย้งข้อสรุปของยูเอสทีอาร์ว่าภาษีดิจิทัลของฝรั่งเศสไม่ได้เจาะจงแต่บริษัทอเมริกันเท่านั้น ขณะที่รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสและสหรัฐประนีประนอมกันในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือจี 7 ที่ฝรั่งเศสเมื่อเดือนสิงหาคมว่า ฝรั่งเศสจะชดเชยให้บริษัทอเมริกันแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เคยให้ความเห็นชอบความคิดนี้
ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เขาเชื่อว่าจีนยังต้องการข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ โดยเป็นการพยายามแสดงให้เห็นว่า เขายังให้ความสำคัญกับการเจรจาการค้ามากกว่าประเด็นฮ่องกง ถ้อยแถลงของทรัมป์ มีขึ้นหลังจากจีนได้ประกาศว่าจะออกมาตรการตอบโต้ที่ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย 2 ฉบับ ที่สนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง โดยจีนได้ประกาศว่าจะปฏิเสธคำขอของสหรัฐที่จะส่งเรือรบเทียบท่าฮ่องกง และจะคว่ำบาตรองค์กรนอกภาครัฐหรือเอ็นจีโอของสหรัฐ ซึ่งทรัมป์มองว่า เป็นเพราะจีนต้องการจะทำข้อตกลง ซึ่งสหรัฐจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ประกาศว่าเขาลงนามในกฎหมายด้วยความเคารพต่อประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ซึ่งเป็นการบอกกลายๆ ว่า เขายังคงต้องการให้การเจรจาการค้ากับจีนมีความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐก็ยังคงกระตุ้นเตือนให้จีนยึดมั่นในหลักการ1 ประเทศ 2 ระบบ ที่ให้สิทธิและเสรีภาพแก่ฮ่องกง
'คิมน้อย'ขี่ม้าขาวตะลุยฝ่าหิมะขึ้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ สื่อจับตาจะเกิดอะไรขึ้น?
4 ธันวาคม 2562 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สื่อของทางการเกาหลีเหนือรายงานและเผยแพร่รูปภาพของ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ขี่ม้าสีขาวตะลุยฝ่าหิมะขึ้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แพ็กตู อีกครั้ง โดยมีนางรี ซอล จู ภรรยาของคิม จอง อึน และคณะที่ปรึกษาทางทหารระดับสูง ร่วมเดินทางไปด้วย
การเผยแพร่ภาพดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่การเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐกำลังประสบภาวะชะงักงัน และกำหนดเส้นตายที่เกาหลีเหนือขีดให้สหรัฐเปลี่ยนท่าทีกำลังใกล้เข้ามา โดยมีรายงานว่า คิม จอง อึน ขี่ม้าขึ้นภูเขาแพ็กตูเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา โดยครั้งนี้เขาได้ประชุมกับแกนนำระดับสูงของพรรครัฐบาลด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทั้งหมดคือการแสดงออกทางสัญลักษณ์ว่าจะมีการใช้นโยบายใหม่ที่พร้อมรับการเผชิญหน้ามากขึ้น หรืออาจจะมีการประกาศนโยบายที่สำคัญ
สำหรับภูเขาเพ็กตู เป็นภูเขาไฟที่สงบแล้ว บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับจีน ที่ปากปล่องมีทะเลสาบ ชื่อว่า "ทะเลสาบสวรรค์" และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเกาหลีเหนือ โดยเป็นทั้งสถานที่กำเนิดทางจิตวิญญาณของชาติเกาหลีและเป็นสถานที่เกิดของนายคิม จอง อิล บิดาของนายคิม จอง อึน
คิม จอง-อึน เปิดเมืองใหม่ “ซัมจิยอน”
เมื่อ 2 ธ.ค. คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นประธานพิธีเปิดเมืองใหม่ “ซัมจิยอน” ใกล้ภูเขาไฟแพ็กตูใกล้พรมแดนจีน หนึ่งในสัญลักษณ์ของ เกาหลีเหนือ และบ้านเกิดของตระกูลคิม โดยสื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่า ซัมจิยอนซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างมหึมานี้เป็น “ตัวอย่างอารยธรรมยุคใหม่” ประกอบด้วย อพาร์ตเมนต์กว่า 10,000 หน่วยพิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ โรงแรม รีสอร์ตเล่นสกี โรงพยาบาล ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์ฝึกกีฬา โรงงานแปรรูปมันฝรั่งและบลูเบอร์รี ฯลฯ
ทั้งนี้ คิม จอง-อึน ทุ่มเทให้โครงการนี้อย่างมาก แต่ล่าช้ามานานกว่าจะสำเร็จ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่ามีการเกณฑ์ยุวชนมาเป็นแรงงานทาส ทำงานหนักถึง 12 ชม.ต่อวันโดยไม่ได้รับค่าจ้างเพื่อแลกกับสิทธิพิเศษต่างๆ.
สวนสัตว์อุบลราชธานี เปิดตัวสมาชิกใหม่ "ลามา" ในส่วนจัดแสดงรับลมหนาว
สวนสัตว์อุบลราชธานี ต้อนรับสมาชิกใหม่ ”ลามา” สัตว์ในตระกูลเดียวกันกับอูฐ แต่ตัวเล็กกว่า ไม่มีโหนกหลังและมีขนฟู เปิดตัวรับลมหนาว ส่งตรงมาจากเนเธอร์แลนด์ 1 คู่ ชื่อ "แนนซี่" และ "วิคกี้"
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.62 นายเทวินทร์ รัตนะวงศะวัต ผู้อำนวยการ สวนสัตว์อุบลราชธานี ได้แต่งกายมาในชุดคล้ายชนเผ่าอินคา เพื่อเปิดส่วนแสดงใหม่ คือ เจ้าตัว “ลามา” ซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดของสวนสัตว์ อุบลราช ธานี ที่ได้นำเข้ามาจัดแสดง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความน่ารัก และยังเป็นการให้การศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ผอ.สวนสัตว์อุบลราชธานี กล่าวว่า ทางองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้สั่งนำเข้า “ลามา” มาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ จำนวน 6 ตัว และกระจายไปยังสวนสัตว์ต่างๆในสังกัด รวมทั้งสวนสัตว์อุบลราชธานี จำนวน 1 คู่ เป็นเพศเมีย 1 ตัว ชื่อ “แนนซี่” อายุ 6 ปี มีขนสีน้ำตาล และเพศผู้ 1 ตัว ชื่อ “วิคกี้” อายุ 4 ปี มีขนสีขาว โดยทางสวนสัตว์อุบลราชธานีได้นำมาจัดแสดงบริเวณส่วนแสดง Mini Zoo ซึ่งภายในส่วนแสดงเดียวกันนี้ยังมีนก “อีมู” ซึ่งเป็นนกที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 รองลงมาจากนกกระจอกเทศ จัดแสดงอยู่ด้วย
สำหรับ“ลามา” Lama glama หรือบางที่เรียก ยามา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในตระกูลเดียวกันกับอูฐ แต่ไม่มีโหนกและมีขนาดที่เล็กกว่า ขนมี ทั้งสีขาว ดำ และน้ำตาล ขนมีลักษณะฟู และสั้น มีส่วนสูงถึงไหล่ 1.2 เมตร หนัก 130-155 กิโลกรัม พบในทวีปอเมริกาใต้ เป็นสัตว์ที่ชอบอาศัยอยู่ในเขตภูเขา และทุ่งหญ้า มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ลามาถูกชาวพื้นเมืองนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง ที่ใช้บรรทุกของและใช้ประโยชน์จากเนื้อและขน ลามาตั้งท้องนานประมาณ 10-11 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว.