ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครั้งแรกของโลก ‘จอรถยนต์’ จดจำคนขับ-สตาร์ตด้วยใบหน้า ตรวจจับความเมื่อยล้า-สมาธิได้

ครั้งแรกของโลก ‘จอรถยนต์’ สตาร์ตด้วยใบหน้า จดจำคนขับ ยกระดับความปลอดภัย

นับว่าเป็นครั้งแรกของโลกกับนวัตกรรม Driver Identification Display หน้าจอที่สามารถระบุตัวตนผู้ขับขี่ พร้อมยกระดับการปกป้องรถจากการโจรกรรม จาก คอนติเนนทอล และ trinamiX

Driver Identification Display หน้าจอที่สามารถระบุตัวตนผู้ขับขี่ที่ผสานรวมเทคโนโลยีกล้องและจอแสดงผลภายในรถ

การจดจำไบโอเมตริกของคนขับยกระดับการป้องกันการโจรกรรมไปอีกขั้น

โซลูชั่นจากคอนติเนนทอล และ trinamiX เปิดใช้งานคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การชำระเงินที่ปลอดภัยผ่านจอแสดงผลของรถยนต์

โซลูชั่นการแสดงผลใหม่ที่ได้รับรางวัล Innovation Award ในงาน CES 2023

ที่เมืองบาเบนเฮาเซน ประเทศเยอรมนี 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คอนติเนนทอล ร่วมกับพันธมิตร trinamiX นำเสนอนวัตกรรมระดับโลก จอแสดงผลที่สามารถระบุตัวตนผู้ขับขี่มาพร้อมโซลูชั่นกล้องในตัวสำหรับการระบุตัวตนผู้ขับขี่แบบไบโอเมตริก

การพัฒนาใหม่นี้เพิ่งได้รับรางวัล CES Innovation Award 2023 ในหมวด “Vehicle Tech & Advanced Mobility” ในงาน CES 2023 ที่เมืองลาสเวกัส ในงาน Mobile World Congress (MWC) 2023 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึง 2 มีนาคมในเมืองบาร์เซโลน่า การแสดงจะนำเสนอในยุโรปที่บูธ trinamiX เป็นครั้งแรก

จอแสดงผลระบุผู้ขับขี่เป็นจอแสดงผลภายในรถยนต์เครื่องแรกของโลกที่เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบไร้สัมผัส มีความปลอดภัยสูง ช่วยป้องกันการฉ้อโกง และการโจรกรรม

คอนติเนนทอลและ trinamiX ผู้ให้บริการโซลูชั่นไบโอเมตริกชั้นนำกำลังยกระดับปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่และยานพาหนะไปสู่อีกระดับ ด้วยฟังก์ชั่นที่ผู้ใช้หลายคนคุ้นเคยจากการจดจำใบหน้าบนสมาร์ทโฟนของพวกเขาซึ่งตอนนี้กำลังพัฒนาเพื่อใช้ในการปลดล็อกเข้ายานพาหนะ เทคโนโลยีนี้ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ได้อย่างน่าเชื่อถือ

เนื่องจาก รถจะสตาร์ตเครื่องได้หลังจากยืนยันตัวตนบุคคลในที่นั่งคนขับสำเร็จแล้วเท่านั้น เพิ่มความสะดวกสบายในภาคยานยนต์ในหลายกรณี เช่น กระบวนการชำระเงินแบบดิจิทัลผ่านหน้าจอรถยนต์ขณะเติมน้ำมัน การจอดรถหรือชำระค่าผ่านทาง ตลอดจนการเช่ารถ

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคโนโลยีสำหรับการชำระเงินในแอพพ์ร้านค้าต่าง ๆ หรือเพื่อการเข้าถึงบริการแบบดิจิทัล กล้องที่ติดตั้งในระบบใช้เพื่อตรวจสอบความสนใจของผู้ขับขี่ได้อย่างน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ เช่น ความเมื่อยล้าของคนขับ นวัตกรรมจอแสดงผลระบุผู้ขับขี่ใหม่จากคอนติเนนทอล และ trinamiX ไม่ต้องใช้เซ็นเซอร์เพิ่มเติมใด ๆ กล้องถูกผสานรวมเข้ากับจอแสดงผลอย่างแนบเนียน

“การระบุผู้ใช้ยานพาหนะอย่างปลอดภัยเป็นหน้าที่ที่สำคัญสำหรับรถยนต์รุ่นต่อไปในอนาคต จอแสดงผลระบุผู้ขับขี่ของเรากำหนดมาตรฐานใหม่ในแง่ของความปลอดภัยและความสะดวกสบาย” Philipp von Hirschheydt หัวหน้าฝ่ายธุรกิจสร้างเสริมประสบการณ์ผู้ใช้ของคอนติเนนทอลกล่าว

“จอแสดงผลเป็นอินเทอร์เฟซหลักระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ เป็นครั้งแรกที่จอแสดงผลระบุผู้ขับขี่นำเสนอฟังก์ชั่นหลัก 3 ประการในผลิตภัณฑ์เดียวกัน คือ การตรวจสอบผู้ขับขี่ที่เชื่อถือได้ ตัวเลือกในการทำธุรกรรมการชำระเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยผ่านหน้าจอรถยนต์ เช่น ในโรงจอดรถ ที่ด่านเก็บค่าผ่านทาง หรือในแอพพ์ของร้านค้าต่าง ๆ และกล้องที่ติดตั้งได้อย่างแนบเนียนไปกับหน้าจอ ยังใช้เพื่อจับความสนใจของคนขับอีกด้วยว่าผู้ขับยังมีสมาธิอยู่กับการขับขี่หรือไม่ ซึ่งจะเป็นข้อบังคับในยุโรปในอนาคต ซึ่งเป็นโซลูชั่นแบบ 3-in-1 ที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ”

ป้องกันการฉ้อโกง

การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบบูรณาการใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย trinamiX เป็นการรวมการจดจำใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้ด้วยการตรวจจับชีวิตรูปแบบใหม่ ด้วยการจดจำผิวหนังของมนุษย์ ระบบจะป้องกันการปลอมแปลง เช่น ผ่านภาพถ่ายหรือหน้ากากสามมิติที่เหมือนจริงของผู้ขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าของ trinamiX ได้รับการรับรองตามมาตรฐานความปลอดภัยไบโอเมตริกขั้นสูงสุด

“คอนติเนนทอลและ trinamiX มีเป้าหมายร่วมกันในการปรับปรุงความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับผู้บริโภค” Wilfried Hermes ผู้อำนวยการ ฝ่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ในอเมริกาเหนือและยุโรปของ trinamiX กล่าว

“ในฐานะซัพพลายเออร์ยานยนต์ที่มีประสบการณ์และผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเคลื่อนที่ คอนติเนนทอล ช่วยให้เราสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับการตรวจสอบใบหน้าของ trinamiX ด้วยเทคโนโลยีการแสดงผลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของคอนติเนนทอล ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับการออกแบบห้องโดยสารอย่างไร้ที่ติ”


ชวนรู้จัก “โรคเตียงดูด” ภาวะ Dysania อาการของคนไม่อยากตื่น เสี่ยงหลายโรค

ชวนรู้จัก “โรคเตียงดูด” ภาวะ Dysania อาการของคนไม่อยากตื่น เสี่ยงเกิดหลายโรค หากไม่ลำลัดอาจเกิดอันตรายได้

หลายคนมีปัญหาในการลุกจากเตียงในตอนเช้า สำหรับบางคนอาจดูเหมือนกดปุ่มเลื่อนซ้ำสองสามครั้ง คนอื่นอาจไม่สามารถลุกจากเตียงได้หนึ่งหรือสองชั่วโมงเต็มหลังจากตื่นนอน หากคุณมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ซ้ำ ๆ จริง ๆ คุณอาจมีอาการที่เรียกว่า ภาวะไดซาเนีย (Dysania) เสพติดการนอน หรือที่บางคนเรียกว่า โรคเตียงดูดStay

แม้ว่าจะไม่ถือเป็นการวินิจฉัยทางการแพทย์ แต่ คำจำกัดความของอาการไดซาเนีย (Dysania) คือ ภาวะที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนมากจนไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงหรือหลายชั่วโมงหลังจากตื่นนอน ซึ่งภาวะนี้อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณในทุกด้านครอบครัว หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และเพื่อน ๆ ของคุณอาจไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงทำงานไม่ได้

ตามรายงาน พบแพทย์ สัญญาณของภาวะเสพติดการนอน คือ ผู้มีอาการเสพติดการนอนมักรู้สึกอยากนอนผิดปกติจนไม่สามารถลุกจากเตียงได้ อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า และงัวเงีย (Sleep Inertia) เมื่อตื่นนอนก็รู้สึกอยากหลับต่อ บางคนอาจมีอาการง่วงนอนมากผิดปกติในตอนกลางวันด้วย ซึ่งคนที่มีภาวะเสพติดการนอนแต่ละคนอาจมีอาการต่างกันขึ้นอยู่กับสาเหตุ

อาการของภาวะเสพติดการนอนอาจใกล้เคียงกับภาวะ Clinomania ที่ทำให้รู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง และภาวะ Clinophilia ที่ทำให้ใช้เวลาอยู่บนเตียงนานผิดปกติทั้งในเวลากลางคืนและระหว่างวัน แต่คนที่มีภาวะเสพติดการนอนอาจไม่ได้ใช้เวลานอนหลับนานกว่าคนอื่นเสมอไป

ทั้งนี้ ระยะเวลาการนอนปกติของคนทั่วไปจะแตกต่างกันตามช่วงอายุ เช่น เด็กวัยเรียนอายุ 6–13 ปี ใช้นเวลานอนวันละ 9–11 ชั่วโมง วัยรุ่นอายุ 14–17 ปี ใช้เวลานอนวันละ 8–10 ชั่วโมง และผู้ใหญ่อายุ 18–64 ปี ใช้เวลานอนวันละ 7–9 ชั่วโมง หากนอนหลับอย่างเพียงพอตามระยะเวลาแต่ยังรู้สึกอ่อนเพลียมาก และไม่สามารถตื่นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ

อาการไดซาเนียอาจเป็นอาการของโรคได้หลายโรค ได้แก่ โรคซึมเศร้า, อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS), โรคไฟโบรมัย อัลเจีย (Fibromyalgia ), ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ, โรคโลหิตจาง,ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์, โรคเบาหวาน, โรคขาอยู่ไม่สุข, โรคหัวใจ, ความเศร้าโศกเสียใจที่เกิดจากการสูญเสีย และความผิดปกติของการนอน

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการของคุณอาจแย่ลงได้ หากคุณเป็นโรคซึมเศร้า สิ่งนี้อาจเป็นอันตรายได้เพราะ โรค ทางจิต ที่ไม่ได้รับ การรักษาอาจทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะทำร้ายตัวเอง

กิจกรรมน้อยและการนอนหลับมากเกินไปอาจไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ ปริมาณการนอนหลับที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่คือ 6 ถึง 8 ชั่วโมงต่อคืน การศึกษาในปี 2014 แสดงให้เห็นว่าผู้ที่นอนหลับนานกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคทางจิตเวชและมีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงขึ้น

ในปี 2018 บทความที่ตีพิมพ์ใน European Heart Journalนักวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างการนอนหลับมากกว่าปริมาณที่แนะนำกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและการเสียชีวิต โดยเฉพาะผู้ที่นอนหลับมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 41%

ขอบคุณที่มาจาก พบแพทย์ webmd


‘แท็กซี่บินได้’ ฝีมือจีน ชาร์จครั้งเดียวบินฉิวกว่า 250 กิโลเมตร

สำนักข่าวซินหัว พาไปชม "แท็กซี่บินได้" ซึ่งพัฒนาทุกขั้นตอนโดยบริษัทของจีน สามารถบินได้เป็นระยะทางไกลประมาณ 250 กิโลเมตร หลังการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง

7 มีนาคม 2566...สำนักข่าวซินหัวรายงานจากนครเซี่ยงไฮ้ ว่า เมื่อไม่นานมานี้ “แท็กซี่บินได้” หรือยานพาหนะไฟฟ้าที่บินขึ้นและลงจอดได้ในแนวดิ่ง (eVTOL) ซึ่งผลิตโดยออโตไฟลท์ (AutoFlight) บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีน เสร็จสิ้นภารกิจทดสอบการบินระยะทาง 250.3 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งนับเป็นการสร้างสถิติโลกครั้งใหม่ สำหรับอากาศยานขนาด 2 ตันประเภทดังกล่าว

การทดสอบจัดขึ้นที่ศูนย์ทดสอบแห่งหนึ่ง ในเมืองจี่หนิง ที่มณฑลซานตง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของจีน โดยอากาศยานที่ทำการทดสอบคือผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีชื่อว่าโพรสเพอริตี (Prosperity) เป็นอากาศยานรุ่นล่าสุดของบริษัท

แท็กซี่บินได้ลำนี้มีความเร็วสูงสุดกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมความจุผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง และประยุกต์ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ


โรคซึมเศร้า" 3 ระยะ ช่วงไหนอันตรายเสี่ยงฆ่าตัวตายมากที่สุด เช็ก 'อาการโรคซึมเศร้า' ตรวจสัญญาณอันตรายเบื้องต้นก่อนสาย

จากการรายงานภาวะสังคมของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ระบุว่า ปัจจุบันด้วยโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยพบว่าในปี 2564 ไทยมีผู้ป่วยเป็น "โรคซึมเศร้า" เพิ่มเป็น 358,267 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอยู่ประมาณ 355,537 ราย อัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 7.38 รายต่อประชากรแสนคน

สำหรับผู้ป่วย "โรคซึมเศร้า" สามารถแบ่งระยะการป่วยได้ทั้งหมด 3 ระยะ โดยแต่ละระยะนั้น ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยแตกต่างกัน และมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน และมีการแสดงออกของโรคที่แตกต่างกัน สำหรับ อาการโรคซึมเศร้า สามารถแบ่งได้ดังนี้

"โรคซึมเศร้า" ระยะที่ 1 หรือช่วงอาการหนัก: ผู้ป่วยมักจะมีอาการเบื่อหน่าย มีความคิดด้านลบ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ขาดสมาธิมีปัญหาด้านการนอน โดยบางคนอาจจะพบว่ามีอาการนอนไม่หรับ หรือนอนมากเกินไป บางครั้งมักจะมีความรู้สึกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ส่งผลกระทบไปถึงการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนหรือการทำงาน

"โรคซึมเศร้า" ระยะที่ 2 ช่วงระยะเริ่มมีสติ: ผู้ป่วยในระยะนี้จัดว่าเป็นผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาบำบัดมาแล้ว อาการต่างๆ ที่รบกวนจิตใจจะเริ่มทุเลาเบาบางลง เริ่มมีสติและกลับมาใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้น แต่ในบางครั้งผู้ป่วยยังมีโอกาสที่จะพบว่าภาวะหม่นๆ ในจิตใจอยู่ โดย การดูแล ผู้ป่วยซึมเศร้า ในระยะนี้จะต้องพยายามประคับประคอง ไม่ให้อาการที่มีกลับมารุนแรง ระยะนี้จะต้องใช้เวลาดูแลประมาณ 4-6 เดือน และผู้ป่วยจะต้องได้รับการดูแล และกินยาอย่างต่อเนื่อง

"โรคซึมเศร้า" ระยะที่ 3 ช่วงอาการดี: ระยะนี้ถือว่าเป็นระยะปลอดภัยที่ผู้ป่วย "โรคซึมเศร้า" สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำงาน เรียน หรือเข้าสังคมเหมือนคนอื่น ๆ สิ่งสำคัญที่สุดในระยะนี้ คือ จะต้องดูแลไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปเป็นโรคซึมเศร้าอีกครั้ง เพราะผู้ป่วยบางรายที่หยุดยาไปสามารถกลับมาป่วยซึมเศร้าได้อีกครั้ง อีกทั้งผู้ป่วยบางคนอาจจะหยุดยาเองซึ่งจะต้องมีการดูแลและติดตามอย่างใกล้ชิด

อาการโรคซึมเศร้า สังเกตตัวเองหรือคนใกล้ตัวก่อนสาย

อาการโรคซึมเศร้าหลัก ๆ ที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง ได้แก่ เศร้า หดหู่ ซึม เบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว อ่อนไหวง่าย ขัดแย้งกับคนอื่นง่าย รู้สึกสิ้นหวัง ดูถูกตนเอง โดยอาการเหล่านี้จะต้องเป็นติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำวิธี วิธีการรักษาโรคซึมเศร้า ไว้ดังนี้

หลังจากที่พบว่าตัวเองหรือคนรอบตัวเริ่มมีอาการดังกล่าว สามารถพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย ว่าเข้าข่ายเป็นผู้ป่วย "โรคซึมเศร้า" หรือไม่ ขั้นตอนการ รักษาโรคซึมเศร้า จะเริ่มต้นจากการสอบถามอาการ ผลกระทบที่เกิดขึ้น และระดับความรุนแรง ลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน โรคประจำตัว ยาที่กินอยู่ รวมถึงประวัติครอบครัว อย่างไรก็ตามแพทย์จะประเมินอาการร่วมกับบุคลิกภาพที่สังเกตได้ และให้ทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา ก่อนจะนำผลมาประเมินว่า ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาในแนวทางใด เช่น การรักษาด้วยยา หรือการใช้จิตบำบัด

ที่มา: กรมสุขภาพจิต


“สเปซเอ็กซ์” ปล่อยภารกิจ “คริว-6” ส่งจรวด “ฟอลคอน9” นำ 4 นักบินอวกาศไปผลัดเปลี่ยนบน “ไอเอสเอส”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “สเปซเอ็กซ์” บริษัทผู้ให้บริการด้านขนส่งทางอวกาศของนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐฯ ได้ปล่อยภารกิจ “คริว-6” ด้วยการส่งยานอวกาศ “คริว ดรากอน เอนเดฟเวอร์” ที่ขับดันด้วยจรวด “ฟอลคอน 9” ออกจากแท่นปล่อยจรวด “แอลซี-39เอ” ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี แหลมคานาเวรัล รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เพื่อนำนักบินอวกาศจำนวน 4 นายชุดใหม่ ขึ้นไปผลัดเปลี่ยนนักบินอวกาศชุดเก่า บนสถานีอวกาศนานาชาติ หรือไอเอสเอส เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ ตามเวลาท้องถิ่น

รายงานข่าวแจ้งว่า นักบินอวกาศทั้ง 4 นาย ที่ถูกส่งขึ้นไปบนสถานีอวกาศไอเอสเอสในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายสตีเฟน โบเวน นายวอร์เรน โฮเบิร์ก ซึ่งเป็นนักบินอวกาศขององค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา สุลต่านอัลเนอาดี นักบินอวกาศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนายอันเดรย์ เฟดยาเอฟ นักบินอวกาศของรอสคอสมอส โดยทั้ง 4 นาย จะมีระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจบนไอเอสเอสเป็นเวลา 6 เดือนด้วยกัน