วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี เป็น 'วันครูแห่งชาติ' ถูกกำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ ซึ่งนอกจากจะเป็นวันสำคัญของอาชีพครู รวมถึงนักเรียน ที่จะได้ระลึกพระคุณของครูแล้ว ยังมีความน่ารักของ สุนัขK9 ที่ระลึกถึงพระคุณครูด้วยเช่นกัน
โดยศูนย์ฝึก สุนัขตำรวจ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ก็ได้ออกมาแชร์ความน่ารัก โดยได้เผยภาพขณะสุนัขตำรวจ มาทำพิธี ไหว้ครู ซึ่งก็คือเหล่าครูฝึกสุนัขตำรวจ พร้อมข้อความระบุว่า
วันไหว้ครูพวกเราก็มีนะครับ 👨🏫16 ม.ค.คือ "วันครู" แต่ I Miss You คือ ทุกวัน ❤️🩹 'น้อมระลึกถึงพระคุณครู' #หลักสูตรผู้บังคับสุนัขตำรวจ รุ่น 9/67 #ครูฝึก K-9 #K9Police
โดยมีภาพน้องๆสุนัขตำรวจ นำพานพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาไหว้ครูฝึก ถือเป็นความน่ารักที่สร้างรอยยิ้มให้กับพวกเราทุกคนได้เอ็นดู ซึ่งภาพชุดดังกล่าวถูกแชร์ไปจำนวนมาก พร้อมคอมเมนต์ชื่นชมความน่ารักแสนรู้กันอย่างล้นหลาม
ข่าวเศร้าต้อนรับ วันครู หลังจากที่หญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์ภาพของพ่อของเธอซึ่งเป็น "ครู" ชาวฟิลิปปินส์ชื่อ อเลฮานโดร นาวาร์โร ขณะที่กำลังใช้แล็ปท็อป เพื่อประเมินผลงานของนักเรียนอยู่ ในเตียงในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในขณะที่ครูคนดังกล่าวกำลัง เผชิญกับวิกฤตสุขภาพอย่างหนัก ในช่วงการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ก่อนที่วันต่อมาจะเสียชีวิตลงภาพของ "ครู" คนดังกล่าวถูกถ่ายและแชร์โดย แซนดร้า เวเนกัส ซึ่งเป็นลูกสาวของ "ครู" ที่อยู่ในภาพ
โดย ซานดร้า ได้แชร์รูปภาพนี้บนเฟซบุ๊กเมื่อ 2 ปีก่อน หรือราวๆ ปี 2020 ซานดร้า ระบุว่า “นี่คือพ่อของฉัน อเลฮานโดร นาวาร์โร หนึ่งวันก่อนที่เขาจะจากไป เขากังวลเกี่ยวกับการสรุปคะแนน และเขารู้ว่าเรากำลังจะไปห้องฉุกเฉิน เขาจึงเก็บแล็ปท็อปและที่ชาร์จไว้เพื่อเอาเข้าไปด้วย
เธอเองหวังว่าจะได้ปิดแล็ปท็อปของเขา และสนุกกับการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน "ครู" ทุ่มเทชั่วโมงพิเศษมากมาย ซึ่งเป็นชั่วโมงที่หลายคนไม่รู้ตัวแม้ในช่วงที่เกิดโรคระบาด แม้ในช่วงวิกฤตด้านสุขภาพ "ครู" คนนี้ก็ยังกังวลกับการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จ
นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า หากคุณแต่งงานกับ "ครู" กรุณาช่วยพวกเขากำหนดขอบเขต หากคุณเป็นลูกสาวหรือลูกชายของคนหนึ่ง อย่าปล่อยให้พวกเขาทำงานเมื่อถึงบ้าน ในรายงานข่าวไม่ได้มีการเปิดเผยว่า พ่อของเขาป่วยเสียชีวิตด้วยโรคอะไร แต่ซานดร้า ยืนยันว่าพ่อของเธอไม่ได้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 และเธอได้เรียกร้องให้ "ครู" ทุกคนหยุดทำงานหนัก และหันมาดูแลสุขภาพของตัวเอง พร้อมกับเรียกให้มีการยกระดับคุณภาพชีวิตของ "ครู" ให้ดีมากยิ่งขึ้น
วิธีนอนหลับสบายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้คนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ เพราะอายุมากไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา เพราะการนอนหลับไม่เพียงพออาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ เช่น ภาวะซึมเศร้า โรคหัวใจ และความจำเสื่อม ฯลฯ มาดูกันว่ามีวิธีไหนที่จะช่วยให้หลับสบายขึ้นได้บ้าง
10 วิธีนอนหลับให้สบาย
สถาบันแห่งชาติเรื่องผู้สูงอายุ (National Institute on Aging) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการวิจัยผู้สูงอายุของสหรัฐอเมริกา เผยวิธีนอนหลับให้สบายไว้ดังต่อไปนี้
1.ตั้งตารางการนอนให้เป็นเวลา เข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเวลาไปเที่ยว การนอนหลับและตื่นนอนในเวลาเดียวกันจะช่วยให้ร่างกายของคุณเข้าสู่วงจรการนอนหลับได้ดีขึ้น
2.หลีกเลี่ยงการงีบหลับในช่วงบ่ายแก่ๆ หรือตอนเย็น เพราะการงีบหลับอาจทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืนได้ หากง่วงให้งีบหลับในช่วงเช้าหรือช่วงกลางวัน และอย่าให้เกิน 30 นาที
3.สร้างกิจวัตรก่อนนอน ผ่อนคลายก่อนนอนทุกคืนด้วยการอ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ แช่ตัวหรืออาบน้ำอุ่น การผ่อนคลายก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
4.หลีกเลี่ยงการดูโทรทัศน์หรือใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตในห้องนอน เพราะแสงไฟจากอุปกรณ์เหล่านี้จะทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น ส่วนรายการหรือภาพยนตร์ที่ต้องลุ้นหรือน่ากลัว เช่น ภาพยนตร์สยองขวัญ อาจทำให้ตาค้างและนอนไม่หลับได้
5.รักษาอุณหภูมิห้องนอนให้เหมาะสม ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
6.ใช้แสงไฟสลัวในช่วงเย็น และขณะเตรียมตัวเข้านอน
7.ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน แต่ไม่ใช่ภายใน 3 ชั่วโมงก่อนนอน
8.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ใกล้เวลานอน เพราะจะทำให้หลับยาก
9.หลีกเลี่ยงคาเฟอีนในช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะคาเฟอีนในกาแฟ ชา โซดา และช็อกโกแลต อาจทำให้หลับยาก
10.อย่าลืมว่าแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยให้หลับ แม้เพียงปริมาณเล็กน้อยก็อาจทำให้หลับยากได้
เคล็ดลับที่จะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
คุณอาจเคยได้ยินเคล็ดลับบางอย่างที่ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องนับแกะจริงๆ ก็ได้ แต่เรามีวิธีต่อไปนี้มาแนะนำ
ลองใช้วิธีนับช้าๆ จาก 1 ถึง 100 แทน หรือเล่นเกมที่ต้องใช้ความคิดที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ ทำให้ใจสงบ จนเกิดอาการง่วง บางคนใช้เกมสะกดจิตเพื่อคลายเครียด เช่น บอกตัวเองว่าอีก 5 นาทีจะต้องตื่นแล้ว เลยขอนอนต่ออีกหน่อย ซึ่งก็จะทำให้เกิดอาการอยากนอนขึ้นมาทันที
การผ่อนคลายร่างกายจะช่วยให้นอนหลับ วิธีหนึ่งที่ทำได้คือจินตนาการว่านิ้วเท้าของคุณผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ จากนั้นจึงค่อยๆ ผ่อนคลายเท้าและข้อเท้าจนรู้สึกสบายขึ้น ทำต่อเนื่องไปจนทั่วร่างกาย บางครั้งอาจจะเผลอหลับไปก่อนจะผ่อนคลายถึงศีรษะก็เป็นได้ วิธีนี้จะคล้ายๆ กับท่าศพอาสนะในการเล่นโยคะ
ใช้ห้องนอนสำหรับการนอนหลับเท่านั้น เมื่อปิดไฟแล้ว ให้เวลาตัวเองประมาณ 20 นาทีในการหลับ หากยังตื่นอยู่และไม่รู้สึกง่วงนอน ให้ลุกออกจากเตียง และเมื่อรู้สึกง่วงนอน ให้กลับไปนอน
หากรู้สึกอ่อนเพลีย ทำอะไรไม่ค่อยไหวนานกว่า 2 หรือ 3 สัปดาห์ คุณอาจมีปัญหาในการนอนหลับ ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาการนอนหลับ
ปรับวิธีนอนหลับช่วยชะลอวัย
แน่นอนว่าการนอนหลับให้สบายจะช่วยยืดอายุให้กับเราได้ในระยะยาว แต่ถ้าหากต้องการชะลอวัยให้ผิวยังคงอ่อนเยาว์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น การปรับวิธีนอนหลับบางอย่างก็ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน เพราะเรามักมีนิสัยบางอย่างที่ทำให้แก่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่น ลืมทาครีมกันแดดเวลาไปทะเลในช่วงหน้าร้อน ดื่มเหล้าหนักเกินไปช่วงสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่รับประทานอาหารที่อาจไม่ค่อยดีต่อผิวพรรณของเรา
ไม่นอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคงเป็นเวลานาน
นิสัยการนอนบางอย่างก็ส่งผลเสียต่อผิวเช่นกัน การนอนตะแคงหรือนอนคว่ำหน้าอาจทำให้เกิดริ้วรอยและใบหน้าดูแก่กว่าวัย ทั้งนี้ ดร.เอรัม อิลเลียส (Erum Ilyas) แพทย์ผิวหนัง ได้ให้ความกระจ่างว่า
“ถ้าคุณเป็นคนที่นอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคงซ้าย-ขวา เป็นเวลานานๆ ผิวจะถูกกดทับและเกิดแรงอัด ทำให้เหมือนถูกบีบหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะส่งผลให้ผิวหน้าเริ่มเกิดริ้วรอย เพราะคอลลาเจนใต้ผิวเริ่มสลายตามบริเวณที่ถูกกดทับเป็นประจำ”
นิสัยการนอนแบบนี้บ่อยๆ แม้จะไม่เป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยถาวร แต่หากทำประจำเป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดริ้วรอยได้ ดร.ดัสทิน พอร์เทลา แพทย์ผิวหนังและศัลยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ กล่าวกับ Sleepopolis ว่า “การนอนตะแคงซ้ำๆ จะทำให้ผิวหน้าด้านหนึ่งโดนกดทับมากกว่าอีกด้าน ส่งผลให้คอลลาเจนใต้ผิวบริเวณนั้นสลายตัว และอาจทำให้เกิดริ้วรอยได้”
แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ดร.เดแอนน์ มราซ โรบินสัน (Deanne Mraz Robinson) กล่าวกับ Allure ว่า แม้ว่าท่าการนอนเพียงอย่างเดียวอาจไม่ทำให้เกิดสัญญาณของความชรา แต่ก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นผิวของคนที่โตเต็มวัยที่ไม่ยืดหยุ่นเท่าผิวที่อ่อนเยาว์
“ท่าการนอนไม่ได้เป็นตัวการหลักของการเกิดริ้วรอย แต่อาจเป็นตัวเร่งและทำให้ริ้วรอยบนหน้าอก คอ และใบหน้าเห็นได้ชัดขึ้น ริ้วรอยที่เกิดจากท่าการนอนจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นบนผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเห็นริ้วรอยบนหน้าอกของผู้ใหญ่ แต่ไม่ค่อยเห็นในเด็ก”
แล้วคนที่ติดนอนตะแคงหรือนอนคว่ำจะทำอย่างไร
สำหรับคนที่ติดนิสัยในการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงจะมีคำถามว่า หากต้องชะลอวัย ควรต้องเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงายอย่างเดียว เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยหรือไม่ เพราะการเปลี่ยนท่านอนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ก็นอนท่าเดิมๆ มาตลอดชีวิต สำหรับเรื่องนี้ ดร.เอลมา บารอน (Elma Baron) หัวหน้าแพทย์ผิวหนังจากมหาวิทยาลัย Case Western Reserve กล่าวว่า
“เมื่อพูดถึงเรื่องริ้วรอยของผิว ไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไป หากเป็นเพียงเรื่องท่านอนที่คุณคุ้นเคย นอนไม่ดีอาจจะไม่ได้ก่อริ้วรอยโดยตรงเท่าไร แต่การนอนหลับให้สนิทต่างหากที่ให้ประโยชน์มากกว่าเยอะ” ในทางกลับกันการนอนที่ไม่ดีสามารถส่งผลต่อสุขภาพและทำให้แก่เร็วได้
วิธีดูแลผิวพรรณช่วยชะลอวัยในระยะยาว
จะสู้กับผิวแก่ก่อนวัยได้ต้องมีวินัย เช่น ให้ความสำคัญกับการนอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะออกนอกบ้านหรือไม่ก็ตาม และบำรุงผิวเป็นประจำด้วยสกินแคร์ที่ดี ทั้งมอยส์เจอไรเซอร์และเรตินอล เมื่อไรก็ตามที่ตื่นขึ้นพร้อมตาแพนด้าที่บวมคล้ำ นั่นคือสัญญาณของการนอนไม่พอ
เรเน รูโลว์ (Renée Rouleau) ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ระบุว่า “ยอมรับเลยว่า การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันเป็นวิธีชะลอวัยผิวที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน การทาครีมกันแดดในปริมาณที่พอเหมาะเป็นประจำทุกเช้า จะช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก และจุดด่างดำอย่างเห็นได้ชัด” และควรเสริมด้วยเซรั่มเรตินอลและวิตามินซีเพื่อช่วยต้านริ้วรอยด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เพื่อสุขภาพผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
สำหรับคนที่อยากลองเปลี่ยนท่านอนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย สามารถใช้หมอนลดริ้วรอยหรือหมอนข้างช่วยได้ ดร.เบรนแดน แคมป์ แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง เผยกับ Today ว่า
“หมอนลดริ้วรอยได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับศีรษะทั้งสองข้าง และช่วยให้อยู่ในท่าหงายขณะนอนหลับ” พร้อมกันนี้ ดร.เดแอนน์ มราซ โรบินสัน ได้แนะนำให้ใช้ปลอกหมอนผ้าซาตินหรือผ้าไหมแทนผ้าคอตตอน เพราะจะช่วยลดการเสียดสีของผิวหน้ากับปลอกหมอน แถมยังช่วยให้สุขภาพเส้นผมดีขึ้นอีกด้วย
16 ม.ค.67 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายแสงสุรี ซองทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ว่าเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จังหวัดตรัง (ศอท. จ.ตรัง) ได้ออกปฏิบัติการติดตามและเข้าช่วยเหลือโลมาหลังโหนกมีชีวิต บริเวณหน้าหาดมดตะนอย ซึ่งได้รับแจ้งในวันเดียวกัน ว่าพบโลมาหลังโหนกมีชีวิตถูกเชือกพร้อมทุ่นลอยพันรัดที่บริเวณโคนหาง ว่ายน้ำอยู่บริเวณหาดหยงหลิง ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อ.กันตัง จ.ตรัง
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและติดตามช่วยเหลือโลมาหลังโหนกตัวดังกล่าว โดยได้นำเรือยางขนาดเล็ก เรือสปีดโบ๊ต และเรือพาดหางยาว จำนวน 9 ลำ พยายามเข้าช่วยเหลือโลมาโดยการใช้อวนล้อมและกระโดดจับเพื่อทำการปลดเชือกที่โคนหาง ซึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง จึงสามารถจับตัวโลมาและปลดเชือกพันรัดที่โคนหางได้สำเร็จ จากการตรวจสอบพบว่าโลมาติดเชือกลอบหมึกสาย(กุ๊งกิ๊ง) ขนาดยาวประมาณ 1.2 เมตร และมีอิฐบล๊อกถ่วงอยู่ด้านล่าง ทั้งนี้สัตวแพทย์ประเมินอาการสัตว์เบื้องต้นพบว่าโลมามีขนาดประมาณ 1.7 เมตร อยู่ในช่วงวัยรุ่น สัตว์ยังมีการตอบสนองดี สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ พบบาดแผลถลอกบริเวณครีบหลังและใต้โคนหางไม่เป็นบาดแผลฉกรรจ์ จึงทำการรักษาโดยการให้ยาลดปวดและยาแก้อักเสบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ก่อนทำการปล่อยกลับสู่ธรรมชาติทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับชุมชนในพื้นที่ให้ช่วยเฝ้าระวังหากพบการเกยตื้นซ้ำในพื้นที่ต่อไป
บูม เทย กะ ทะ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ซึ่งมีอีกหนึ่งธุรกิจเล็กๆคือการเปิดร้านหมูกระทะ หลังจากที่โด่งดังจากคลิปเมาแล้วเก็บสุนัขหน้าร้านหมูกระทะไปเลี้ยง บูม ยังใจดีให้บริการ คนท้อง พิการ เด็ก คนแก่ ได้ทานฟรี แต่ก็ทำเอาต้องรู้สึกเสียกำลังใจ โดยมีการตัดพ้อผ่านเฟซบุ๊กถึงวีรกรรมของบุคคลบางกลุ่มว่า
" อย่าเอาความใจดีของบูมมาเอาเปรียบบูมเลย
ที่บูมให้คนท้อง พิการ เด็ก คนแก่ ทานฟรี เพราะอยากให้กำลังใจ เล็กๆน้อยๆ แต่มาทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยมันทำให้บูมมีความคิดอยากจะเลิกให้ทานฟรี
มีคนพิการหูหนวกเป็นใบ้ นัดกันมา 10 คน แล้วนั่งกระจายโต๊ะ 10 โต๊ะ ไม่นั่งด้วยกันแล้วบอกว่ามาคนเดียวเผื่อจะได้คนละชุดเป็น 10 ชุด และพอพนักงานเสริฟก็เสริฟ 10 ชุดแล้วเค้าก็มานั่งร่วมโต๊ะกันและบอกพนักงานว่า5ชุดกินที่ร้าน อีก5ชุดจะห่อกลับบ้าน แล้วคุยภาษามือว่าพนักงานร้านบูมโง่พวกเขาฉลาด
เคสที่ 2 พิการหูหนวกเป็นใบ้ พนักงานที่ร้านก็จะแจ้งทุกครั้งว่าถ้าจะทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพวกกุ้งเผาส้มตำ ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมานะคะ เพราะค่าหมูกระทะน้ำดื่ม คือฟรี เขาก็เขียนกระดาษให้พนักงานว่าไปดูถูกเขา ว่าเขาจะไม่มีตังจ่ายหรอ แล้วก็สั่งจนเต็มโต๊ะทั้งกุ้งเผาทั้งเบียร์ แต่พอถึงเวลาจริงๆทำเนียน หนีออกจากโต๊ะทีละคนแล้วก็ไม่จ่ายตังเลย
บูมคิดหลายครั้งมากว่าจะไม่ให้ทานฟรีแล้วแต่ก็เห็นใจคนที่เค้าไม่มีโอกาสได้ทานจริงๆ ถ้าเป็นทุกคนยังอยากให้ทานฟรีอยู่มั้ยคะ ? "
" บูมไม่ได้เหมารวมว่าคนพิการไม่น่ารักนะคะ เพราะคนพิการที่น่ารักที่มาทานร้านบูมก็เยอะเหมือนกัน เรื่องทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นภายในเมื่อวานวันเดียว แต่มันมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ จนบูมรู้สึกท้อ บูมไม่มีเจตนาจะทำให้พี่ๆพิการท่านอื่นดูไม่ดี แต่ถ้าบูมไปทำให้ใครรู้สึกไม่สบายใจบูมต้องขอโทษ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ "