ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



แจกวิธีทำ "เปลือกไข่ไล่มด" ปลอดภัยกว่ายาฆ่าแมลง

ทุกๆ บ้าน คงเคยประสบปัญหามดเข้ามารบกวนพื้นที่อยู่อาศัย ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากเรานำเปลือกไข่ มาใช้กำจัดศัตรูกวนใจนี้ แจกวิธีทำ "เปลือกไข่ไล่มด" วิธีการทำง่ายๆ ปลอดภัยกว่ายาฆ่าแมลง

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเปลือกไข่ไล่มดมาบ้าง แต่อาจสงสัยว่าเหตุใด เจ้ามดน้อยจึงไม่ชอบเปลือกไข่ จนต้องหนีห่าง ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่า แคลเซียมไฮดรอกไซด์ จะไปทำลายฟีโรโมนนำทาง (Trial Pheromone) ของมดที่มีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้มดไม่เดินไปยังบริเวณที่มีสารแคลเซียมไฮดรอกไซด์

โดยนำเปลือกไข่ไปคั่วหรือย่างไฟจนแห้ง จากนั้น นำมาตำหรือบดละเอียด เติมน้ำลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วกรองเอาเฉพาะน้ำนำมาฉีดพ่นไล่มด หรือนำเปลือกไข่ ที่ผ่านการคั่วหรือย่าง แล้วบดให้ละเอียด ผสมกับดินสอพองและปูนปลาสเตอร์ เติมน้ำเล็กน้อย คลุกเคล้าให้ทั่ว นำส่วนผสมทั้งหมดมาหยอดใส่ภาชนะที่เป็นแท่ง แล้วนำไปตากแดดจนแข็งเป็นแท่งชอล์ก สามารถนำมาวางเพื่อไล่มดได้ หรือเทลงในบริเวณที่มีมดหรือรังของมดโดยตรง การกำจัดมดด้วยวิธีดังกล่าว เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ทำกันมานานแล้ว

วิธีที่สอง คือ นำเปลือกไข่ไปตากแดดหรือเผาไฟจนแห้ง และนำมาตำให้ละเอียด จากนั้นบดผงเปลือกไข่กับดินสอพอง ปูนปลาสเตอร์ และน้ำ ผสมให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย จากนั้นนำไปอัดใส่หลอดดูดน้ำที่มีขนาดใหญ่ และนำไปตากแดดจนแห้ง เมื่อแห้งแล้วจึงนำหลอดมาตัดหัวตัดท้าย เท่านี้ก็จะได้ชอล์กไล่มดเก็บไว้ใช้

จะเห็นได้ว่า เปลือกไข่เป็นวัสดุเหลือใช้ในครัวเรือน ที่มีคุณประโยชน์สามารถไล่มดได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังหาง่าย ราคาไม่แพง และปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมีกำจัดแมลงอีกด้วย


ไทยคว้าอันดับ 8 ‘ประเทศที่ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมที่สุดในโลก 2024’

29 ต.ค. 2567 US News and Word Update เผยรายงาน ประเทศไทยคว้าอันดับที่ 8 ในการจัดอันดับ ‘ประเทศที่ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมที่สุดในโลก 2024’ หรือ Thailand Ranked 8 th in 2024 Best Countries Heritage ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดของประเทศจากฝั่งเอเชีย จากทั้งหมด 89 ประเทศ.

ทั้งนี้โดยหลักเกณฑ์พิจารณาค่าเฉลี่ยจากคุณลักษณะของประเทศทั้ง 5 ประการ (โดยเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเท่ากัน) ได้แก่

1.มีวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้

2.มีประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง

3.มีอาหารที่ยอดเยี่ยม

4.มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย

และ 5.มีสถานที่ท่องเที่ยวทางภูมิศาสตร์เป็นจำนวนมาก

ในรายละเอียดการจัดอันดับนี้ระบุว่า “ประเทศไทย” ซึ่งมีความหมายว่า ‘ดินแดนแห่งอิสระ’เป็นประเทศเดียวในภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของยุโรป” ที่ตั้งประเทศอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ติดกับคาบสมุทรอินโดจีนกับเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา และมีแขนที่ยื่นออกไปถึงมาเลเซีย

อีกทั้งไทยได้รับฉายาว่าเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดในโลก ผสมผสานระหว่างศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่กับบ้านเมืองที่ทันสมัย พร้อมด้วยธรรมชาติหาดทรายและวัดวาอารามที่งดงาม รวมถึงลือชื่อด้านการนวดแผนไทยและอาหารที่มีรสชาติยอดเยี่ยม.

สำหรับ 10 อันดับประเทศที่ร่ำรวยมรดกวัฒนธรรมที่สุดในโลก

ได้แก่

1. กรีซ

2. อิตาลี

3. สเปน

4. ฝรั่งเศส

5. ตุรกี

6. เม็กซิโก

7. อียิปต์

8. ไทย

9. โปรตุเกส

10. อินเดีย

อ้างอิง:

-https://www.usnews.com/news/best-countries/rankings/heritage

-https://www.usnews.com/news/best-countries/thailand

-ASEAN Skyline


เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า "ยุง" ชอบกัดคนแบบไหน?

เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมบางคนถึงได้ถูก "ยุง" กัดมากกว่าคนอื่น แล้วคนแบบไหนที่จะถูกยุงกัดมากที่สุดเพราะอะไร?

ยุง เป็นพาหะของโรคร้าย เช่น ไข้เลือดออก มาลาเรีย เท้าช้าง และไข้สมองอักเสบ โดยยุงตัวเมียเท่านั้นที่ดูดเลือดกินเป็นอาหาร เนื่องจากมันต้องอาศัยโปรตีนและธาตุเหล็กที่อยู่ในเลือดเพื่อสร้างไข่ของมัน แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมบางคนถึงได้ถูกยุงกัดมากกว่าคนอื่น

มีปัจจัยมากมายที่พอจะสันนิษฐานได้ว่า ทำไมบางคนจึงโดนยุงกัดมากกว่าคนอื่น เช่น การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทางลมหายใจ อุณหภูมิของร่างกาย หรือกลิ่นตัวเฉพาะ โดยยุงมีตัวรับสัญญาณเคมี (Chemical Sensors) ที่สามารถตรวจจับคาร์บอนไดออกไซด์ และกรดแลคติกได้ในระยะไกลถึง 100 ฟุต (36 เมตร) หลังจากที่มันจับสัญญาณได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ใกล้เคียง มันก็จะอาศัยอวัยวะรับกลิ่นที่เรียกว่า Maxillary palps นำทางไปยังเหยื่อทันที ดังนั้นผู้ที่หายใจเร็วและแรง จะมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายมากกว่าคนที่หายใจปกติ จึงมีแนวโน้มที่ยุงจะไปกัดคนนั้นมากกว่า

นอกจากนี้ ยุงยังสามารถตรวจจับปริมาณความร้อนในร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ได้ ดังนั้นคนที่มีการเผาผลาญในร่างกายสูง เนื่องจากสารคัดหลั่งจากเหงื่อ เช่น กรดแลกติก ยูริก และแอมโมเนีย อุณหภูมิบริเวณผิวหนังก็จะสูงด้วย ก็จะมีโอกาสโดนยุงกัดได้มากกว่า สุดท้าย ยุงจะเห็นสีเข้ม เช่น สีดำ น้ำเงิน ได้ชัดเจนกว่าสีอ่อน ดังนั้นหากอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการโดนยุงกัด ก็ควรเลือกเสื้อผ้าสีอ่อน เช่น ขาว เทา หรือฟ้า เพื่อพรางตัวไม่ให้ยุงมากัด เป็นการพรางตัวอย่างง่ายๆ วิธีหนึ่ง


สองนักบินอวกาศอายุน้อยสุดของจีน เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่บนสถานีเทียนกง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ว่าจรวด “ลอง มาร์ช-ทูเอฟ” ของสำนักงานอวกาศมีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน ( ซีเอ็มเอสเอ ) เดินทางขึ้นจากศูนย์อวกาศจิ่วเฉวียน กลางทะเลทรายโกบี ในมณฑลกานซู ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อเวลา 04.27 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ ( 03.27 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) เพื่อส่งยานแคปซูลนำลูกเรือ 3 คนของภารกิจ “เสินโจว-19” ไปปฏิบัติหน้าที่บนสถานีอวกาศเทียนกง เป็นเวลา 6 เดือน...

ทั้งนี้ ยานแคปซูลเสินโจว-19 พร้อมลูกเรือทั้งสามคน ได้แก่ นายไช่ ซวี่เจ๋อ วัย 48 ปี ทำหน้าที่ผู้บัญชาการภารกิจ นายซ่ง ลิ่งตง วัย 34 ปี และน.ส.หวัง เฮ่าเจ๋อ วัย 34 ปี โดยซ่งและหวังถือเป็นลูกเรือเสินโจวอายุน้อยที่สุดในปะวัติศาสตร์จีน และเดินทางขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรก ...

นอกจากนี้ หวังได้รับการจับตามากที่สุดในภารกิจครั้งนี้ ด้วยการทำหน้าที่วิศวกรอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-19 และถือเป็นนักบินอวกาศหญิงคนที่ 3 ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมภารกิจเสินโจว เพื่อปฏิบัติงานบนสถานีอวกาศเทียนกง...

ปัจจุบัน สถานีอวกาศเทียนกง ซึ่งหมายความว่า วิมานหรือปราสาทบนสรวงสวรรค์ โคจรอยู่ที่ระดับความสูง 400-450 กิโลเมตร เหนือพื้นผิวโลก และมีอายุการใช้งานนานอย่างน้อย 10 ปี นับตั้งแต่การก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อปี 2565

อนึ่ง นอกเหนือจากภารกิจเสินโจวแล้ว จีนมีโครงการส่งมนุษย์เดินทางไปยังดวงจันทร์ ภายในปี 2573 และยังมีแผนก่อสร้างสถานีบนดวงจันทร์ด้วย.

เครดิตภาพ : AFP...


อุทาหรณ์! หญิงชอบกินกาแฟแล้วใจสั่น สุดท้ายชะล่าใจ ป่วยหนักเข้ารพ.

หมอเตือนเอง! อุทาหรณ์หญิงชอบกินกาแฟแล้วใจสั่น สุดท้ายชะล่าใจ แขนขาอ่อนแรง ป่วยหนักเข้ารพ. เผยใครมีอาการเหล่านี้ พบแพทย์ด่วน

กลายเป็นเคสทางการแพทย์ ที่หลายคนสนใจ หลัง “นพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์” ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางประสาท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ได้โพสต์คลิปวิดีโอเตือนภัยเกี่ยวกับสุขภาพ สำหรับคนที่มีอาการใจสั่นเมื่อดื่มกาแฟ

โดยระบุว่า “เตือนคนที่กินกาแฟแล้วใจสั่น อาม่า 75 ปี หลังจากที่ดื่มกาแฟตอนเช้า มีอาการใจสั่น หลังจากนั้นปากเบี้ยวพูดไม่ชัด แขนขาข้างขวาอ่อนแรง

หลังจากมาโรงพยาบาลด้วย Stroke Fast Track หลังทำการสแกนสมองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ พบบริเวณสีแดง คือ สมองที่ตายแล้ว สีเขียวคือสมองที่ขาดเลือดแต่ยังไม่ตาย”

พร้อมได้ชี้ให้ดูว่าจุดไหนที่เส้นเลือดอุดตัน และอธิบายเพิ่มเติมว่า “ใจสั่นเพราะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดลิ่มเลือดที่หัวใจ ปลิวขึ้นมาอุดสมองข้างซ้าย

หมอจึงทำการใส่สายสวนทางหลอดเลือดแดง เส้นเลือดด้านซ้ายเรียกว่า middle cerebral artery (MCA) เราใส่สายสวนเข้าไป ดึงเอาก้อนเลือดออก อย่าได้ล้อเล่นกับกาแฟนะครับ ถ้ามีอาการใจสั่น

หลังจากที่ดึงเส้นเลือดก็เปิดแล้ว ทำให้เลือดมาเลี้ยงสมองด้านซ้ายได้ เซลล์สมองก็รอดตาย คนไข้ก็ไม่พิการ

เคสนี้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะกาแฟไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ 1 อาทิตย์ที่แล้ว มีอาการใจสั่นตอนดื่มกาแฟ แต่ไม่ได้มาตรวจ เพราะฉะนั้นใครที่มีอาการใจสั่นตอนดื่มกาแฟ ก็รีบไปตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

ถ้าหากผลตรวจไม่เจอ แนะให้ใช้นาฬิกาที่สามารถเช็กคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ เพราะบางคนตอนตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ มันไม่เต้นผิดจังหวะ แต่ไปเต้นผิดจังหวะที่บ้านได้ครับ

หรืออีกวิธีหนึ่งคือจับชีพจรของตัวเองดูว่ามันเต้นมส่ำเสมอ หัวใจเต้นแต่ละครั้งมันใช้เวลาพอๆ กันไหม ? ถ้าเจอจะได้รักษาทัน สุดท้ายแล้วถ้าใครดื่มกาแฟแล้วมีอาการใจสั่น ทางที่ดีที่สุดอย่าไปดื่มเลยครับ”