ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



แตนต่อยไม่ต้องตกใจ มีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาแนะนำกัน

สำหรับใครที่สวนหน้าบ้านมีต้นไม้เยอะ อาจเสี่ยงที่จะมีแมลงกัดต่อยหรือสิ่งที่มีพิษร้ายแรงอยู่ได้ ซึ่งแมลงกัดต่อยที่มักพบได้ตามที่อยู่อาศัยของเรา นั่นคือแตน โดยแตนเป็นแมลงที่มีพิษร้ายแรง แต่ถ้าโดยแตนต่อยอย่าเพิ่งตรงใจ ควรตั้งสติและรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อน

ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่าถ้าถูกแตนต่อยต้องทำอย่างไร เรามีอาการที่จะเกิดขึ้นเมื่อถูกแตนต่อย และวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกต้องและเหมาะสมมาแนะนำกัน ถ้าอยากรู้ว่าแล้ว ตามไปดูพร้อมกันเลย

แตนคืออะไร

แตนเป็นแมลงจำพวกผึ้ง มีลักษณะคล้ายผึ้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า มีลำตัวยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร หัวมีขนาดเล็ก ตามีขนาดใหญ่ ปากเป็นคีมสำหรับกัดกิน ขามี 6 ขา ลำตัวมี 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง ส่วนท้องมีเหล็กในสำหรับต่อย นับเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อธรรมชาติ ทำหน้าที่ผสมเกสรดอกไม้ และช่วยควบคุมประชากรของแมลงศัตรูพืช แต่เป็นอันตรายสำหรับคน เพราะถ้าถูกแตนต่อย ต้องรีบปฐมพยาบาลทันที เนื่องจากพิษของแตนจะทำให้เกิดอาการปวดบวมแดงบริเวณที่ถูกต่อย อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

ปวดบวมแดงบริเวณที่ถูกต่อย

คัน

ร้อน

บวม

รู้สึกแสบร้อน

หายใจลำบาก

หน้ามืด

คลื่นไส้อาเจียน

ในส่วนของผู้ที่แพ้พิษของแตนอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงที่เรียกว่า anaphylaxis ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้ อาการแพ้รุนแรง ได้แก่

ริมฝีปาก ลิ้น และใบหน้าบวม

หายใจลำบาก

ความดันโลหิตต่ำ

ช็อก

หากถูกแตนต่อย ต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างไร

ถ้าหากถูกแตนต่อยมีวิธีการในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังต่อไปนี้

ใช้เทปปิดบริเวณที่ถูกต่อย เพื่อไม่ให้พิษของแตนแพร่กระจาย หากหาเทปไม่ได้ สามารถใช้วัสดุอื่นๆ เช่น บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ปิดบริเวณที่ถูกต่อยแทนได้

ประคบเย็นบริเวณที่ถูกต่อย เพื่อลดอาการปวดบวม สามารถประคบด้วยน้ำแข็งหรือผ้าเย็นได้

รับประทานยาแก้ปวดและยาแก้แพ้ หากมีอาการปวดบวมหรือคันมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้แพ้ เช่น คลอเฟนิรามีน (chlorpheniramine)

หากมีอาการแพ้รุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีป้องกันไม่ให้ถูกแตนต่อย

เชื่อว่าคงไม่มีใครที่อยากถูกแตนต่อย แล้วค่อยมาปฐมพยาบาลทีหลังอย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อให้ปลอดภัยจากการถูกแตนต่อย เราจะมาบอกวิธีป้องกันไม่ให้ถูกแตนต่อยกัน ซึ่งได้แก่

หลีกเลี่ยงการเดินเข้าไปในบริเวณที่มีแตนอาศัยอยู่

หากจำเป็นต้องเดินเข้าไปในบริเวณที่มีแตนอาศัยอยู่ ควรสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย

ห้ามสวมเสื้อผ้าสีสดใส

อย่ารบกวนแตน

นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกแตนต่อย ไม่ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำหรือน้ำยาฆ่าแมลงฉีดบริเวณที่ถูกต่อย เพราะอาจทำให้อาการปวดบวมแย่ลงได้ ผู้ที่แพ้พิษของแตนควรพกยาแก้แพ้ติดตัวไว้เสมออีกด้วย...


สุดอึ้ง! ทีมวิจัยพบไมโครพลาสติกปนเปื้อนในถ้ำปิดตายร่วม 30 ปี

ทีมนักวิจัยเผยกรณีศึกษาสภาพแวดล้อมถ้ำที่ปิดตายมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ในมิสซูรี โดยระบุว่าพบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกเป็นจำนวนมาก ทั้งในน้ำและบนดิน...

รายงานการศึกษาสิ่งแวดล้อม 2 ชิ้น ที่เผยแพร่ในวารสาร Science of the Total Envirionment เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้เผยผลลัพธ์ที่น่ากังวลใจ โดยรายงานดังกล่าว อาศัยพื้นที่ที่ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกของถ้ำแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่กระจายของไมโครพลาสติกอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในระบบน้ำใต้ดิน...

เอลิซาเบธ ฮาเซนมูเอลเลอร์ นักธรณีเคมีและรองผู้อำนวยการสถาบัน WATER แห่งมหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ ซึ่งเป็นผู้เขียนหลักของทั้งสองกรณีศึกษากล่าวในแถลงการณ์ว่า มีรายงานวิจัยจำนวนมากที่เน้นหนักเรื่องไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำที่อยู่บนผิวดิน แต่กลับมีการศึกษาเรื่องการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำใต้ดินน้อยมาก

ไมโครพลาสติกคือเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กที่มาจากการสลายตัวของวัสดุประเภทพลาสติก โดยกำหนดขนาดไว้ว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ...

ทีมนักวิทยาศาสตร์พยายามค้นหาว่าไมโครพลาสติกเหล่านี้ สามารถเดินทางไปถึงที่ใดบ้าง และดูเหมือนว่าจะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่จากรายงานก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ระบุว่ามีการค้นพบไมโครพลาสติกอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่บนก้อนเมฆไปจนถึงอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์

พื้นที่ในการศึกษาครั้งคือถ้ำคลิฟฟ์ในรัฐมิสซูรี ซึ่งถูกปิดตาย ห้ามบุคคลภายนอกเข้าตั้งแต่ปี 2536 ถ้ำแห่งนี้มีตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน จึงไม่ถือว่าตัดขาดจากชุมชนเสียทีเดียวนัก และเหมาะจะเป็นสถานที่ศึกษาว่า การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์นั้น ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศที่อยู่ใกล้เคียงอย่างไรบ้าง...

ทีมวิจัยพบว่ามีการสะสมของไมโครพลาสติกในระดับเข้มข้นที่บริเวณปากถ้ำ แล้วยังถูกผลักดันให้เข้าไปในส่วนลึกของถ้ำเมื่อเกิดน้ำท่วมพื้นที่ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมวิจัยยังชี้ว่ามีความเข้มข้นของไมโครพลาสติกในตะกอนในถ้ำ สูงกว่าในน้ำถึง 100 เท่า

ฮาเซนมูเอลเลอร์ กล่าวว่า 99% ของชิ้นส่วนไมโครพลาสติกที่ทีมงานพบในถ้ำอยู่ในชั้นตะกอน มีเพียงชิ้นส่วนไมโครพลาสติกที่เล็กมาก ๆ เท่านั้นที่อยู่ในน้ำ

เหตุการณ์เท่ากับชี้ว่า น้ำทิ้งเศษไมโครพลาสติกไว้ที่ชั้นดินตะกอน ซึ่งจะเก็บพลาสติกเหล่านี้ไว้เป็นเวลายาวนานหลายทศวรรษ แม้กระทั่งหลังจากที่น้ำลดระดับลงจากบริเวณนั้น นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่อนุภาคพลาสติกที่ปลิวอยู่ในอากาศจะตกลงสู่พื้นถ้ำด้วยเช่นกัน

ฮาเซนมูเอลเลอร์ กล่าวว่า อนุภาคพลาสติกที่ปนเปื้อนอยู่ในถ้ำเหล่านี้ อาจหลุดรอดไปในระบบน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่คนใช้อุปโภคบริโภค นอกจากนี้มันยังมีส่วนรบกวนสภาพที่อยู่อาศัยของค้างคาวและสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในถ้ำด้วย

หัวหน้าทีมวิจัยยังกล่าวว่า เมื่อพิจารณาว่าไมโครพลาสติกได้แพร่กระจายไปแทบจะทุกจุดแล้ว การจะเก็บเศษชิ้นส่วนพลาสติกกลับคืนหรือแก้ไขสภาพแวดล้อมให้กลับคืนเหมือนเดิมนั้น เป็นไปได้ยาก

ฮาเซนมูเอลเลอร์ กล่าวว่า ทางหนึ่งที่ช่วยแก้ไขได้ก็คือเราจะต้องเลิกใช้เสื้อผ้าที่ผลิตจากใยสังเคราะห์ เนื่องจากเศษพลาสติกจำนวนมากที่พบในถ้ำในกรณีศึกษาทั้งสองนี้ คือเศษใยผ้าที่มาจากวัสดุสังเคราะห์

ก่อนหน้านี้ก็มีการวิจัยค้นพบว่า กระบวนการผลิต สวมใส่และซักล้างเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าใยสังเคราะห์ ล้วนแต่มีส่วนปลดปล่อยให้ใยสังเคราะห์หรือไมโครไฟเบอร์ หลุดรอดสู่ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา : futurism.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES...


‘ทารีน่า โบเทส’ มิสไทยแลนด์เวิลด์ เปิดใจหลังมงลง มั่นใจ ‘มงฟ้ามาแน่’

สิ้นสุดลงไปแล้วสำหรับเวทีการประกวด ‘มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2023’ กับสาวงามผู้ครองมงกุฎคนใหม่ ‘ขนม-ทารีน่า โบเทส’ ที่พกทั้งความน่ารักและความมั่นใจ ตรงกับคอนเซ็ปต์งามอย่างมีคุณค่า

ภายหลังมงลงนั้น ทารีน่าเผยว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเองมาก ขอบคุณทุกคนที่เป็นแรงสนับสนุนมาตลอด จนทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง ในวินาทีที่มีมงกุฎมาประดับบนหัวน้ำตาไหลออกมาโดยอัตโนมัติ เพราะจากที่ผ่านมาหลายคนคิดว่าทารีน่าคงทำไม่ได้ แต่ว่าวันนี้เธอได้แสดงให้เห็นว่าการไม่ยอมแพ้ต่ออะไรก็ตาม จะส่งผลสำเร็จอย่างแน่นอน

ในส่วนของเหตุผลที่ทำให้สามารถพิชิตมงฟ้าได้นั้น ทารีน่าเผยว่า อาจเพราะบุคลิกของเธอเป็นคนใจดี เป็นสาวหวาน ซึ่งเมื่อนำทุกองค์ประกอบมารวมกันแล้วเธอเหมาะกับเวทีมิสเวิลด์มากที่สุด คือความงามอย่างมีคุณค่า และตลอดการแข่งขันเธอทำเต็มที่ทุกกิจกรรม มีความเป็นตัวเองตลอดเวลา

เมื่อถามถึงช่วงประกาศรางวัลพิเศษที่เรียกได้ว่า สาวทารีน่านั้น ‘ถือรางวัลหนักมาก’ ชนิดที่ว่าได้ยินเบอร์ 09 แบบไม่มีพัก ซึ่งเธอเผยว่า ตอนที่ได้ยินเสียงพิธีกรประกาศเบอร์ 09 มีความสุขมากๆ เพราะเตรียมตัวเต็มที่ เช่นเดียวกันกับช่วงตอบคำถาม ที่คุมสติอย่างดีเยี่ยม ทารีน่าก็ว่าเธอพยายามไม่คิดมาก มั่นใจในตัวเอง เพราะหากมีสติทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี

ซึ่งหลังจากคว้ามงได้สำเร็จ ทารีน่าเผยว่า กำลังเตรียมโครงการ Zero hunger : food security ที่จะช่วยเหลือเรื่องเด็กที่ขาดแคลนอาหาร รวมไปถึงด้านการศึกษา โดยเธอจะทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งกล่าวว่าจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้สมกับเป็นตัวแทนของประเทศไทย

ด้านกำลังใจสำคัญอย่าง ‘คุณแม่ ณัฐกานต์ โบเทส’ และ ‘คุณพ่อ ดิออน อาร์โนด์ โบเทส‘ ที่บินตรงจากแอฟริกาใต้เพื่อมาเชียร์ลูกสาวคนเก่งโดยเฉพาะ โดยคุณแม่เอ่ยพร้อมใบหน้าแห่งความภูมิใจว่า “คงถึงเวลาของเขาแล้ว เพราะเขาชอบนางงามตั้งแต่เด็ก” พร้อมกับว่าให้กำลังใจทารีน่าตลอด หลังจากผิดหวังมาหลายครั้ง เธอพยายามสนับสนุนความชอบของลูกสาวเสมอ จนมาถึงวันนี้ วันที่ประสบความสำเร็จ

ในส่วนโมเมนต์วินาทีที่จับมือ ทารีน่าก็ว่า ความจริงคือไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นใคร แต่ในใจก็คิดว่า “ครั้งนี้คงทารีน่า” พร้อมทั้งย้ำว่า “ปีนี้มงฟ้ามาแน่ 900 เปอร์เซ็นต์ 1,000 เปอร์เซ็นต์ไปเลย”

ล่าสุดเช้าวันที่ 2 ตุลาคม ภายหลังมงลง ทารีน่า โบเทส มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2023 พร้อมกับ เฟิร์น วรางคณา รองอันดับ1 และ พลอย พลอยวรินทร ์รองอันดับ 2 ร่วมรับประทานอาหารเช้ามื้อแรกบนห้องพักสุดหรูที่ทางโรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ จัดเสิร์ฟให้ถึงห้องนอน ก่อนที่ทั้งสามสาวจะออกไปปฏิบัติภารกิจแรกในการขอบคุณสื่อมวลชนและผู้สนับสนุน

นอกจากนี้ ทารีน่า ได้โพสต์คลิปวิดิโอในอินสตาแกรมส่วนตัวด้วยท่าทางสดใสว่า “woke up as Miss Thailand World this morning” ตื่นมาเช้านี้กับตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์

ความปังกระแทกใจขนาดนี้ แฟนคลับอย่าลืมร่วมส่งเสียงเชียร์ให้กึกก้องไปทั่วโลก ในวันที่ 16 ธันวาคม ที่กรุงเดลี ประเทศอินเดีย