ไมเดีย นำเสนอหุ่นยนต์บริการในบ้านตัวแรก เป็นทั้งพ่อบ้านเอไอ ผู้ช่วยของครอบครัว ผู้รักษาความปลอดภัย และเพื่อนเล่น คุณสมบัติเพียบพร้อมรวมไว้ในหุ่นยนต์เอไอตัวเดียว
ไมเดีย (Midea) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ ขอแนะนำ “เสี่ยวเว่ย” (XIAOWEI) หุ่นยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งพ่อบ้านเอไอ ผู้ช่วยของครอบครัว ผู้รักษาความปลอดภัย และเพื่อนเล่น โดยหุ่นยนต์สำหรับใช้งานในครัวเรือน “เสี่ยวเว่ย” คาดว่าจะพร้อมจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ภายใต้แบรนด์อิสระใหม่ที่มีชื่อว่า “วิสฮัก” (WISHUG) ในเครือไมเดีย กรุ๊ป (Midea Group)
เสี่ยวเว่ย หุ่นยนต์สำหรับครัวเรือนรุ่นแรกของไมเดีย มีความสูงประมาณ 1 เมตร รูปลักษณ์คล้ายกับหุ่นยนต์เด็กที่มีหน้าตาน่ารัก “เราหวังว่าเสี่ยวเว่ยจะช่วยให้ชีวิตประจำวันของครอบครัวเป็นเรื่องง่ายขึ้น” ดร. ถัง เจี้ยน ผู้ดำรงตำแหน่ง IEEE Fellow, ACM Distinguished Scientist, CIE Fellow และผู้จัดการทั่วไปของศูนย์นวัตกรรมเอไอไมเดีย กล่าว
เสี่ยวเว่ยสามารถทำงานร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะและอุปกรณ์ IoT ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเสี่ยวเว่ยตรวจพบว่าสมาชิกในครอบครัวกำลังกลับบ้าน เสี่ยวเว่ยสามารถสั่งเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศเอาไว้ล่วงหน้า โดยจะตั้งอุณหภูมิและความชื้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อรอรับการมาถึงของสมาชิกในบ้าน
เสี่ยวเว่ยยังสามารถระบุตัวตนของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและร่างกาย ทำให้หุ่นยนต์อเนกประสงค์ตัวนี้เป็นพ่อบ้านไอเอที่เชื่อถือได้ ทั้งยังสามารถรักษาความปลอดภัยรอบด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถสั่งการให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ไปยังทุกซอกทุกมุมภายในบ้านเพื่อตรวจตราสิ่งที่เกิดขึ้น หรือให้ช่วยหยิบของ เฝ้าสังเกตจากระยะไกล และลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัย
นอกจากนี้ เสี่ยวเว่ยยังเป็นเพื่อนเล่นที่ดีเยี่ยม โดยมาพร้อมจอโปรเจกเตอร์ในตัวและเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ ทำให้สามารถสร้างโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ศูนย์รวมความบันเทิง และสนามเด็กเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟภายในบ้าน เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนในครอบครัว
หุ่นยนต์เสี่ยวเว่ยสามารถสแกนทุกพื้นที่ภายในบ้านผ่านกล้องสามมิติที่ติดตั้งมาในตัว รวมถึงทำการสำรวจและสร้างแผนที่โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งระบุลักษณะของวัตถุและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ผ่านการทำแผนที่สามมิติ ยกตัวอย่างเช่น เสี่ยวเว่ยสามารถแยกแยะโซฟาได้และรู้ว่าตั้งอยู่ตรงไหน เมื่อผู้ใช้ออกคำสั่งให้ “ไปที่โซฟา” เสี่ยวเว่ยก็จะเคลื่อนที่ไปยังโซฟาเองโดยใช้ฟังก์ชันการนำทางที่ตอบสนองต่อคำสั่งเสียง
“ในอนาคต หุ่นยนต์สำหรับใช้งานในครัวเรือนจะนำมาซึ่งความเป็นไปได้มากมาย” ดร. ถัง เจี้ยน กล่าว พร้อมกับเน้นย้ำว่าหุ่นยนต์ครัวเรือนจะเป็นเหมือนสมาร์ทโฟนและรถยนต์พลังงานใหม่ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนและกลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ทุกครอบครัวต้องมี
สัญญาณอันตราย “มะเร็งปอด-หัวใจ”!! นิ้วเปลี่ยนรูป “ปุ้มคล้ายไม้กลอง”
ส่งสัญญาณเตือนภัยเงียบ!! “นิ้วมือเปลี่ยนไป” สังคมวิตกสะสมโรคร้าย “มะเร็งปอด-หัวใจผิดปกติ”? แพทย์ไขกระจ่าง ตรวจสุขภาพ-เช็กประวัติครอบครัว!! นิ้วปุ้ม-คล้ายไม้กลอง สัญญาณเตือน “โรคมะเร็ง”?
กลายเป็นประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ หลังจาก “หง หย่งเซียง” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และนักไตวิทยา ได้ออกมาให้ข้อมูลในรายการ Hello Doctor ผ่านช่องยูทูบ
หลังผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่ไม่สูบบุหรี่ หรือดื่มสุรา มีอาการเหนื่อยล้าง่าย มีอาการแปลกๆ และกลับพบนิ้วมือที่เปลี่ยนไป โดยข้อนิ้วส่วนปลายมีลักษณะโค้งมน กลม และปุ้มคล้ายไม้กลอง เมื่อไปพบแพทย์เพื่อเข้าทำการรักษา ก็ต้องเผชิญกับความช็อก เมื่อตรวจพบโรคมะเร็งปอด
อย่างอื่นก็จะเป็นฝีในปอด อีกอย่าง เป็นโรคหัวใจชนิดเขียว คือ หัวใจผิดปกติ พบเด็กแรกเกิดหัวใจมีช่องว่างระหว่างกัน จนทำให้เลือกไม่ไปฟอก เพราะเลือดดำเลือดแดงไปผสมกัน ซึ่งคนปกติเลือดดำและเลือดแดงจะแยกกัน ทำให้ปริมาณออกซิเจนไม่พอกับร่างกาย และเจอภาวะ Clubbing of finger เป็นประปราย”
ที่น่ากลัวไปกว่านั้น คุณหมอรายเดิม กล่าวว่า โรคอันตรายที่เกิดขึ้น บางครั้งก็ไม่แสดงอาการ ผ่านสัญญาณทางร่างกายให้ระวัง สุดท้ายแนะนำ ให้ทำการตรวจเอกซเรย์ และตรวจคลื่นไฟฟ้าประจำปี ส่วนผู้ที่มีภาวะเสี่ยง ควรตรวจให้ไวยิ่งขึ้น
“ถ้าให้รอให้มีอาการ มันไม่ค่อยดีแล้ว อย่างที่เราเห็นดาราหลายท่านที่ต้นปีเสียชีวิตไปหลายคน จากมะเร็งปอด กลุ่มนี้เขาอาจจะเป็นนานแล้ว เป็นระยะหลังๆ บางทีอาจจะไม่ค่อยดี การผ่าตัดอาจจะไม่ค่อยช่วยแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าจะดี คือ คนที่มีความเสี่ยง อย่างกลุ่มคนสูบบุหรี่ ญาติสายตรงถ้าเกิดเป็นมะเร็ง คนใกล้ตัวหรือเป็นญาติควรต้องไปตรวจเพิ่มเติมเร็วขึ้นหน่อย ไม่ว่าระบบไหนก็ตามก็เป็นผลดีพอสมควร
นอกจากนั้น เป็นอากาศ PM 2.5 พวกควันเยอะๆ ในโรงงาน หรือที่มีใยแก้ว ใยหิน ก็แนะนำให้ตรวจสุขภาพเร็วขึ้นหน่อย”
พบ “กรดอะมิโน” จากดาวเคราะห์น้อย “ริวกุ” ห่างจากโลก 300 ล้านกิโลฯ
พบ “กรดอะมิโน” – เอ็นเอชเค และ ซินหัว รายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่นเปิดเผยการตรวจพบ กรดอะมิโน มากกว่า 20 ชนิด ในตัวอย่างที่เก็บมาจากพื้นผิว “ดาวเคราะห์น้อยริวกุ” ซึ่งอยู่ห่างจากโลกมากกว่า 300 ล้านกิโลเมตร โดยยานสำรวจ “ฮายาบุสะ 2” ของประเทศ
รายงานระบุว่ากรดอะมิโนที่ค้นพบอาจจำเป็นต่อการยังชีพ และอาจซุกซ่อนเบาะแสสำหรับทำความเข้าใจต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิต โดยตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยริวกุมากกว่า 5.4 กรัม ถูกนำกลับโลกด้วยแคปซูลประจำภารกิจระยะ 6 ปี ของยานสำรวจฮายาบุสะ 2 เมื่อเดือนธ.ค.2563
ทั้งนี้ ยานสำรวจฮายาบุสะ 2 น้ำหนัก 600 กิโลกรัม ถูกส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศจากศูนย์อวกาศทาเนกาชิมะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเมื่อเดือนธ.ค.2557
จากนั้นเดินทางไกลมากกว่า 3.2 พันล้านกิโลเมตร ลงจอดบนดาวเคราะห์น้อยริวกุหลายครั้งเพื่อเก็บตัวอย่างหิน และทำการสำรวจอื่นๆ เพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับวิวัฒนาการของระบบสุริยะและต้นกำเนิดชีวิต
ขี้เถ้าภูเขาไฟปกคลุมเมืองต่างๆ ของฟิลิปปินส์ หลังการปะทุรอบที่สองในสัปดาห์นี้
ภูเขาไฟบูลูซานกำลังปะทุและพ่นขี้เถ้าควันสีเทาพุ่งขึ้นไปในอากาศ ในจังหวัดซอร์โซโกน ทางใต้ของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (Photo by Handout / Courtesy of Mylene Ganton Sierra / AFP)
12 มิถุนายน 2565 : ภูเขาไฟบูลูซานในฟิลิปปินส์เกิดการปะทุ และพ่นขี้เถ้าควันดำขนาดใหญ่ขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่งผลให้หลายพื้นที่เดือดร้อนอีกระลอก หลังเพิ่งฟื้นตัวจากการปะทุเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2565 กล่าวว่า ภูเขาไฟบูลูซานในจังหวัดซอร์โซโกน ทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ เกิดระเบิดปะทุขึ้นมาเป็นรอบที่สอง และในครั้งนี้กินเวลานานประมาณ 18 นาที ตามรายงานของหน่วยงานด้านแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้ทัศนวิสัยบนท้องถนนลดลง และสายการบินต่างๆ ต้องยกเลิกเที่ยวบิน
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ภูเขาไฟบูลูซานเริ่มปะทุรอบแรก ปล่อยขี้เถ้าควันสีเทาพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยความสูงกว่า 1 กิโลเมตร (0.6 ไมล์) ก่อนจะกระจายปกคลุมไป 10 หมู่บ้าน จนประชาชนต้องอพยพหนีออกจากพื้นที่
ประชาชนที่อาศัยในเมืองจูบัน จังหวัดซอร์โซโกน ซึ่งยังคงหลอนจากการปะทุของภูเขาไฟบูลูซานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในวันอาทิตย์เนื่องจากเสียงคำรามของบูลูซาน
ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่หน่วยงานด้านแผ่นดินไหวได้ยกระดับการแจ้งเตือนภัยในระดับ 1 (จาก 5 ระดับ) เพื่อบ่งชี้สถานะ "ความไม่สงบระดับต่ำ"
“เรายังพูดไม่ได้ว่ามันจบลงแล้ว และยังเป็นไปได้ว่าอาจเกิดการปะทุขึ้นมาอีก จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเฝ้าระวังภูเขาไฟบูลูซานอยู่ตลอด” เรนาโต โซลิดัม หัวหน้าหน่วยงานด้านแผ่นดินไหวกล่าวกับสื่อมวลชนท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่สาธารณภัยฉุกเฉินถูกส่งไปทำความสะอาดถนนที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนเหล่านั้น และมีรายงานเที่ยวบิน 5 เที่ยวบินในพื้นที่ถูกยกเลิก
สำนักงานภัยพิบัติในพื้นที่ของเมืองจูบัน กล่าวว่า มีประชาชนผู้เดือดร้อนจากเหตุดังกล่าว 366 คน ยังอาศัยอยู่ในที่พักพิงฉุกเฉิน โดยส่วนใหญ่อพยพออกมาก่อนการปะทุ เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งก่อนการปะทุจะตามมา
ภูเขาไฟบูลูซานเกิดการปะทุในลักษณะเดียวกันนี้หลายสิบครั้งในปี 2559 และ 2560
หมู่เกาะฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในบริเวณ "วงแหวนแห่งไฟ" ที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทรแปซิฟิก และยังมีภูเขาไฟที่ปะทุได้อยู่อีกมากกว่า 20 แห่ง.
นักวิทยาศาสตร์สร้างนิ้วมือหุ่นยนต์ แบบเทอร์มิเนเตอร์
ในบรรดาหนังแอ็กชันไซ–ไฟชื่อดังที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะจินตนาการด้านจักรกลหุ่นยนต์และการทะลุมิติเวลา ต้องมีชื่อหนัง “เทอร์มิเนเตอร์” (Terminator) ที่นำแสดง โดยอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ อยู่ในลำดับต้นๆแน่ๆ
ซึ่ง T–800 หุ่นยนต์สังหารที่มีเนื้อหนังของสิ่งมีชีวิตห่อหุ้มร่างโครงกระดูกที่เป็นโลหะ คือหนึ่งในเทคโนโลยีสุดล้ำที่ปรากฏในหนังและยังคงอยู่ในความทรงจำของหลายคน
ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยโตเกียวได้พัฒนานิ้วมือหุ่นยนต์แบบในเรื่องเทอร์มิเนเตอร์ โดยเฉพาะส่วนของ “นิ้ว” ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เผยว่าได้ออกแบบสร้างพื้นผิวที่เหมือนผิวหนังเทียม สามารถกันน้ำและซ่อมแซมตัวเองได้
ในการประดิษฐ์ผิวเทียม ทีมได้จุ่มนิ้วของหุ่นยนต์ลงในกระบอกสูบที่เต็มไปด้วยสารละลายของคอลลาเจนและไฟโบรบลาสต์หรือเซลล์สร้างเส้นใยที่ผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก 2 อย่างที่ประกอบเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของผิวหนัง ซึ่งแนวโน้มตามธรรมชาติของ ส่วนผสมของคอลลาเจนและไฟโบรบลาสต์จะหดตัวและแนบสนิทกับนิ้ว เซลล์เหล่านี้ประกอบขึ้นเป็น 90% ของผิวหนังชั้นนอกสุด ทำให้หุ่นยนต์มีเนื้อสัมผัสเหมือนผิวหนังมนุษย์และมีคุณสมบัติเป็นเกราะป้องกันความชื้น
ทั้งนี้ เมื่อได้รับบาดเจ็บผิวหนังเทียมจะสามารถรักษาตัวเองได้เช่นเดียวกับผิวหนังมนุษย์ โดยใช้ความช่วยเหลือคอลลาเจนที่จะค่อยๆ แปรสภาพเป็นผิวหนังและยังทนทานต่อการเคลื่อนไหวของข้อต่อซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งนับเป็นก้าวแรกสู่การสร้างหุ่นยนต์ที่ปกคลุมไปด้วยผิวหนังที่มีชีวิตเหมือนผิวหนังมนุษย์ในอนาคต.