ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



'สุชาดา' นำทีมผู้บริหาร อว.ลุยช่วยสุโขทัยเตรียมรับมือมวลน้ำเหนือ หนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในพื้นที่

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. ดร.รอยบุญ จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ รอง ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ผศ.ดร.ศิรินันท์ กุลชาติ รอง ผอ.หน่วยบริหารจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ได้รับมอบหมายจาก น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว.ให้ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ รวมถึงการนำเทคโนโลยีของกระทรวง อว. และถุงยังชีพที่บรรจุอาหารนวัตกรรม พร้อมทานโดยไม่ต้องอุ่น ยาและของใช้ที่จำเป็นไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม

โดยจุดแรกที่เดินทางไปถึง คือ ประตูน้ำวังสะตือ ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย โดยพื้นที่ของ ต.ดงเดือย เป็นหนึ่งในพื้นที่ของ “บางระกำโมเดล” ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำเป็นประจำทุกปี โดย สสน. ซึ่งเข้าไปประจำในพื้นที่ได้รายงานถึงการติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำยมว่า ขณะนี้น้ำบริเวณประตูน้ำดูไหลเอื่อยอย่างผิดสังเกต ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งกำลังจะใช้โดรนบินสำรวจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อจะได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เพราะมวลน้ำเหนือก้อนใหญ่ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีจาก จ.แพร่ กำลังจะลงมาถึง อ.เมือง จ.สุโขทัย ดังนั้น จึงต้องเร่งทลายสิ่งกีดขวาง เพื่อรองรับมวลน้ำก้อนใหญ่ที่กำลังจะมาถึงให้ได้มากที่สุด

จากนั้น เลขา รมว.อว. และคณะ ได้เดินทางไปที่วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (บ้านวังศรีไพร) ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จจากการนำเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ สสน. ไปถ่ายทอดให้กับชุมชน ร่วมกับโครงการพลังชุมชนของ SCG ซึ่งช่วยให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำเป็นประจำทุกปีได้ปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โดยการทำประมงเลี้ยงปลาหมอ นอกเหนือจากการทำเกษตร พร้อมเรียนรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนและยังส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้อีกด้วย

ช่วงบ่าย ทางคณะได้เดินทางไปยัง จ.พิษณุโลก เพื่อร่วมประชุมเตรียมการรับอุทกภัยกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 (กอ.รมน. ภาค 3) โดยทาง กอ.รมน.ภาค 3 ได้ประสานให้กระทรวง อว.ช่วยสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่ติดตั้งโทรมาตรวัดน้ำ การนำองค์ความรู้และงานวิจัยมาสร้างแบบจำลองที่สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อการตัดสินใจบริหารจัดการสถานการณ์ และสามารถแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมรับมือน้ำท่วมได้ทันการณ์ จากนั้น ได้เดินทางต่อไปยัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เพื่อนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

หลังเสร็จสิ้นภารกิจ น.ส.สุชาดา กล่าวว่า น.ส.ศุภมาส รมว.อว. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จึงสั่งการให้ตนและคณะผู้บริหารกระทรวง อว. เร่งเดินทางมาติดตามสถานการณ์ พร้อมนำเทคโนโลยีโดยเฉพาะโดรนสำรวจและโดรนลำเลียงสิ่งของและอาหารมามอบให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ซึ่งขณะนี้ กระทรวง อว.กำลังเร่งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาในพื้นที่ เช่น เรือกู้ภัยไวไฟ (WiFi) ที่จะเข้าไปให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต บ้านสำเร็จรูป ที่นอนยางพารา เครื่องกรองน้ำไส้กรองนาโนแบบเคลื่อนที่ อาหารนวัตกรรม ฯลฯ ไปให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ กระทรวง อว. จะขยายตัวอย่างความสำเร็จของพื้นที่ ต.ดงเดือย ที่คนชุมชนได้มีการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำ จนสามารถเอาตัวรอดสร้างอาชีพและรายได้ในสถานการณ์น้ำท่วมไปสู่พื้นที่อื่นๆ ที่เป็นพื้นที่รับน้ำเป็นประจำทุกปีต่อไป


เปิดที่มาตำนานความอร่อย 25 สิงหาคม วันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยแรกของโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคือเมนูที่ถูกปากถูกใจคนไทยและชาวโลกมาอย่างยาวนาน ด้วยราคาที่สุดแสนประหยัด รสชาติที่เข้มข้น เส้นที่เหนียวนุ่ม และน้ำซุปร้อนๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นความสุขอันแสนเรียบง่ายที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้แต่รู้ไหมว่า วันที่ 25 สิงหาคมของทุกปีนั้น คือวันครบรอบการเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยแรกของโลกนั่นเอง

ย้อนกลับไปในช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวญี่ปุ่นในขณะนั้นกำลังประสบกับภาวะข้าวยากหมากแพง จนทำให้กระทรวงสาธารณสุขของประเทศญี่ปุ่นออกมาประกาศแนะนำให้ชาวญี่ปุ่นบริโภคขนมปังที่ทำจากข้าวสาลี เพื่อลดปัญหาดังกล่าว โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเข้ามากำกับดูแลประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้นอีกทีหนึ่ง

ทว่า นายโมโมฟุกุ อันโด ไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าทำไมชาวญี่ปุ่นถึงต้องทานขนมปัง ทั้ง ๆ ที่คนญี่ปุ่นคุ้นชินกับการทานบะหมี่หรือราเมนมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จึงได้ทำการทดลองทำบะหมี่ที่มีราคาถูก และใคร ๆ ก็สามารถทำทานเองได้ง่ายๆ

หลังจากใช้เวลาคิดค้นสูตรอยู่นานหลายเดือน ในที่สุด วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2501 นายโมโมฟุกุ อันโด ก็สามารถคิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยการนำเส้นราเมนที่ผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่ มาทอดในน้ำมันปาล์มเพื่อไล่ความชื้นออก และทำให้สามารถเก็บไว้ได้นาน เมื่อเติมน้ำร้อนเส้นก็จะคืนสภาพเดิม และสามารถรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องปรุง

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็กลายเป็นเมนูยอดฮิตของคนทั่วโลก และทำให้ทุกวันที่ 25 สิงหาคม ของทุกปีกลายเป็นวันแห่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือวัน Sokuseki Ramen Kininbi ในภาษาญี่ปุ่น

ปัจจุบัน “ชิกิ้น ราเมน” (Chikin Ramen) หรือ “ราเมนรสไก่” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่คุณโมโมฟุกุคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อ 65 ปีก่อน ก็ยังคงเป็นรสชาติที่ขายดี และคงความอร่อยมาจนถึงทุกวันนี้

เป็นทราบกันดีว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นเป็นอาหารที่มีโซเดียมสูง หากรับประทานมากเกินไปก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดภาวะหัวใจโตและหัวใจวายได้ในที่สุด ดังนั้นจึงหมายความว่าการรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียง 1 ซองต่อวัน ก็มีปริมาณโซเดียมใกล้เคียงกับปริมาณที่ร่างกายควรได้รับแล้ว เอาง่ายๆกินแต่พอดีก็ไม่มีโทษต่อร่างกาย


"แมคคาเดเมีย" ของกินเล่นที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

แมคคาเดเมีย มักถูกนำมาอบแห้งเป็นขนมทานเล่น หรือใช้เป็นส่วนผสมในขนมหลากชนิด เช่น เค้ก คุกกี้ หรือไอศกรีม ซึ่งแมคคาเดเมียอบแห้งปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 718 แคลอรี่ และประกอบไปด้วยสารโภชนาการที่มีประโยชน์มากมาย หลายคนจึงนิยมรับประทานแมคคาเดเมีย เพราะเชื่อว่านอกจากรสชาติอร่อยที่ปรุงแต่งในอาหาร แมคคาเดเมียอาจมีประโยชน์ต่อร่างกาย บำรุงสุขภาพ และรักษาหรือป้องกันโรคบางชนิดได้ด้วย

แมคคาเดเมีย เป็นเมล็ดพันธุ์พืชที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร แร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด รวมถึงไขมันไม่อิ่มตัวและสารประกอบโพลีฟีนอล (Pholyphenol) เชื่อกันว่าแมคคาเดเมียอาจมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ เช่น ช่วยลดระดับไขมันชนิดไม่ดี (LDL Cholesterol) ต้านเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

คุณประโยชน์ต่าง ๆ ของแมคคาเดเมียไว้ดังต่อไปนี้

ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็น 1 ใน 5 โรคมะเร็งที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด ซึ่งโรคนี้มักทำให้เกิดความผิดปกติในระบบขับถ่าย และอาจเกิดจากการรับประทานอาหารบางชนิดอย่างอาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำ หลายคนจึงรักษาสุขภาพตนเองโดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีเส้นใยอาหารอย่างแมคคาเดเมีย โดยมีงานวิจัยบางส่วนศึกษาพบว่าแมคคาเดเมียอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน

ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของภาวะและโรคติดเชื้อต่าง ๆ แมคคาเดเมียมีสารประกอบมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงคาดว่าสารเหล่านั้นอาจทำให้แมคคาเดเมียมีสรรพคุณต้านโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้

ช่วยลดระดับไขมันชนิดไม่ดีในเลือด หากร่างกายมีระดับไขมันชนิดไม่ดีอยู่ในเลือดปริมาณมาก อาจเสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ซึ่งแมคคาเดเมียมีไขมันชนิดไม่อิ่มตัวอยู่มาก จึงเชื่อว่าการรับประทานแมคคาเดเมียอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งยังช่วยควบคุมและลดระดับไขมันชนิดไม่ดีในเลือดได้ด้วย


รู้จัก มะเขือบ้า คือพืชอะไร? เปิดสรรพคุณ ลูกคล้ายมะเขือ กินได้ไหม?

ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 1-2 ม. ลำโพงกาสลักมีกิ่งก้านลำต้นสีม่วงปนเขียว ถึงสีม่วงเข้ม กลีบดอกสีม่วง 2-3 ชั้น ซ้อนกัน รู้จักอีกชื่อคือ "ลูกลำโพงกาสลัก" เป็นพืชในกลุ่ม Anticholinergic ถูกจัดอยู่ในประเภท "พืชมีพิษสูง" สารพิษหลักได้แก่ Atropine, Scopolamine, และ Hyoscyamine ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาทและหัวใจอย่างรุนแรง

สรรพคุณมะเขือบ้า สรุปกินได้ไหม?

เมล็ดนำมาบดแล้วผสมกับน้ำมันพืชทา "ภายนอก" บริเวณที่ปวดเมื่อย

ใบใช้เป็นยาพอกแก้กลากเกลื้อน

ทุกส่วนของต้นมีฤทธิ์เป็นพิษ "ห้ามรับประทานเด็ดขาด"

อาการพิษที่พบได้

- ปากแห้ง คอแห้ง

- ม่านตาขยาย สู้แสงไม่ได้

- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

- กระสับกระส่าย สับสน หรือเกิดอาการประสาทหลอน

- ในกรณีรุนแรงอาจชักหรือหมดสติ

หากกินมะเขือบ้าเข้าไปให้ดำเนินการรักษา ดังนี้

- "ห้ามทำให้อาเจียน" เพราะอาจเสี่ยงต่อการสำลักสารพิษ

- พาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

- หากหมดสติและไม่หายใจ ให้ทำ CPR โดยเร็ว

- ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเจือจางสารพิษ (หากยังมีสติ)


เปิดที่มา 'ประเพณีสงกรานต์' ลุ้น ยูเนสโก ขึ้นมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม วันนี้

'ประเพณีสงกรานต์' เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่มีความงดงาม อ่อนโยน เอื้ออาทร และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู ความสนุกสนาน ความอบอุ่น และการให้เกียรติเคารพซึ่งกัน โดยใช้ "น้ำ" เป็นสื่อในการสร้างสัมพันธไมตรี ตามคติโบราณที่สืบทอดกันมาแต่เดิมจนถึงปัจจุบัน ถือว่าวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย โดยปกติกำหนด วันสงกรานต์ ไว้ 3 วัน วันแรกเรียกว่า วันมหาสงกรานต์ คือวันที่พระอาทิตย์ เคลื่อนจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ วันที่ 2 เป็นวันเนา และวันที่ 3 เป็นวันเถลิงศก (วันขึ้นปีใหม่เปลี่ยนจุลศักราช)

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา วันมหาสงกรานต์ จะตรงกับวันที่ 13 เมษายน แต่กำลังจะเปลี่ยนเป็นวันที่ 14 เมษายน เพราะการคำนวณตามคัมภีร์สุริยยาตร์นั้น วันมหาสงกรานต์จะเลื่อนไป 1 วันทุกๆ 60 ปีเศษ

ปฏิทินหลวง ในปัจจุบันกำหนดให้วันที่ 13-15 เมษายน เป็นวันเทศกาลสงกรานต์ แต่วันเถลิงศกยังอาศัยการคำนวณอยู่ บางปีจึงเป็นวันที่ 15 เมษายน และบางปีเป็นวันที่ 16 เมษายน

การประกาศสงกรานต์ ถือเป็นประกาศของทางราชการอย่างหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อสิ้นสุดปีหนึ่งๆ จะเปลี่ยนปีนักษัตรเริ่มศักราชใหม่ ทางราชการจะประกาศสงกรานต์ให้ราษฎรได้ทราบ เกี่ยวกับวัน เดือน ข้างขึ้น ข้างแรมในปีต่อไป

ประกาศ สงกรานต์ มีสารประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของราษฎรหลายเรื่อง เช่น ทำให้ทราบวัน เวลา ขึ้นศักราชใหม่ กำหนดการพระราชพิธีต่างๆ การเกิดจันทรุปราคา สุริยุปราคาในบางปี รวมถึงเกณฑ์น้ำฝนที่จะทำนา และวันเริ่มต้นทำนาปลูกข้าว เป็นต้น

"เปิดตำนานวันสงกรานต์"

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ สงกรานต์ มาแต่สมัยโบราณว่า ท้าวกบิลพรหมซึ่งเป็นเทพชั้นพรหมแพ้พนัน ธรรมบาลกุมาร เด็กอายุ 7 ขวบ ที่เรียนจบพระคัมภีร์ไตรเพท ด้วยปัญหา 3 ข้อ คือ ในเวลาเช้า เวลาเที่ยง และเวลาค่ำ มนุษย์นั้นมีราศีอยู่ที่ใดบ้าง จึงต้องตัดเศียรตัวเองบูชาธรรมบาลกุมารตามสัญญาที่ตกลงกัน แต่เศียรของท้าวกบิลพรหมนี้ร้อนแรง หากวางบนแผ่นดินจะเกิดไฟไหม้โลก ถ้าโยนขึ้นบนอากาศฝนจะแล้ง หากทิ้งลงในมหาสมุทรน้ำจะแห้ง จึงมอบหน้าที่ให้ธิดาทั้ง 7 นาง ผลัดเปลี่ยนกันอัญเชิญเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเช่นนี้ประจำทุกปี

"สืบสานวัฒนธรรมไทยสี่ภาค"

คนไทยในแต่ละภูมิภาคจะมีรูปแบบ พิธีกรรม จารีต ความเชื่อ เอกลักษณ์ และการจัดกิจกรรมที่แตกต่างกันไปตามคติความเชื่อและการดำเนินชีวิต แต่กิจกรรมหลัก คือ การทำบุญถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ การอุทิศส่วนกุศลให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว การรดน้ำดำหัวขอพรผู้อาวุโส การสรงน้ำพระ การก่อพระเจดีย์ทราย การเล่นน้ำ การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงมหรสพ และการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความรื่นเริงและความสามัคคีกันในครอบครัวและในชุมชน ซึ่งแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน

"การละเล่นครื้นเครง"

เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทย ในงานเทศกาลนี้ผู้คนจะทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเพื่อสร้างความบันเทิง และความสามัคคีในแต่ละชุมชน กิจกรรมเหล่านั้นรวมไปถึงการละเล่นพื้นบ้าน ดนตรี การแสดง และการละเล่นรื่นเริง ซึ่งในแต่ละภูมิภาคมีการละเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น นับเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ทรงคุณค่า และสมควรสืบสานต่อยอดให้คงอยู่สืบไป

"รื่นรมย์บรรเลงเพลงไทย"

เพลงและดนตรีเป็นสิ่งที่คู่กับวัฒนธรรมและประเพณีของไทย เนื่องจากวิถีชีวิตคนไทยเป็นชนชาติที่ชอบความสนุกสนานรื่นเริง คนไทยมีความคิดว่าหากชีวิตมีความสนุกชีวิตนั้นก็จะเป็นชีวิตที่ดีและสมบูรณ์ เมื่อมีประเพณีไทยสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้จึงเป็นเพลงและดนตรี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความรื่นเริงจึงมักมีการเล่นเพลงและดนตรีไทยเพื่อให้ความบันเทิง

"ถนนแห่งสายน้ำชุ่มฉ่ำ"

ถนนสายสงกรานต์แห่งแรกของไทย คือ ถนนข้าวสาร มีวัตถุประสงค์ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักอาศัยและท่องเที่ยวในย่านถนนข้าวสารได้สัมผัสกับกิจกรรมการเล่นน้ำสงกรานต์ที่สนุกสนาน

ถนนข้าวสาร สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. 2435 โดยเริ่มจากถนนหน้าวัดชนะสงครามมาตามตรอกข้าวสาร แล้วสร้างสะพานข้ามคลองมาบรรจบกับถนนเฟื่องนครหน้าสวนหลวงตึกดิน แล้วพระราชทานนามถนนตามเดิมว่า "ถนนข้าวสาร"

ใน พ.ศ. 2535 ภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจบนถนนข้าวสารได้จัดงานสงกรานต์ขึ้นตลอดเส้นทางบนถนนข้าวสาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่พักอาศัยในย่านดังกล่าวและใกล้เคียงได้ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ จึงทำให้งานสงกรานต์ถนนข้าวสารมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วประเทศและทั่วโลก ถนนข้าวสารจึงเป็นเป้าหมายหลักที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างเดินทางเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์บนถนนข้าวสารนี้ ส่งผลให้จังหวัดต่างๆ สร้างถนนสายสงกรานต์ของตนเองขึ้นมา

จังหวัดแรกที่นำแนวคิดการจัด งานสงกรานต์ แบบถนนข้าวสารมา คือ จ.ขอนแก่น โดยใน พ.ศ. 2545 จังหวัดขอนแก่นกำหนดให้ถนนศรีจันทร์ตั้งแต่แยกถนนหน้าเมืองไปจนถึงบริเวณศาลหลักเมืองเป็นถนนสำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ ปัจจุบันขยายไปจนถึงประตูเมือง จังหวัดขอนแก่นกำหนดชื่อเรียกเฉพาะงานนี้ว่า "ถนนข้าวเหนียว"

ต่อมาจังหวัดต่างๆ พากันตั้งชื่อถนนภายในจังหวัดให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละภาค เพื่อเป็นพื้นที่ในการเล่นน้ำ สงกรานต์ อย่างสนุกสนาน

ภาคกลาง มีถนนข้าวแช่ จ.ปทุมธานี, ถนนข้าวสุก จ.อ่างทอง, ถนนข้าวต้ม จ.นครนายก, ถนนข้าวตอก จ.สุโขทัย และถนนข้าวหมูแดง จ.นครปฐม

ภาคเหนือ มีถนนข้าวแคบ จ.ตาก, ถนนข้าวข้าวปุก จ.แม่ฮ่องสอน, ถนนข้าวโพด จ.เพชรบูรณ์, ถนนข้าวแต๋น จ.น่าน และถนนข้าวขนมเส้น จ.แพร่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีถนนข้าวโพด จ.นครราชสีมา, ถนนข้าวเปียก จ.อุดรธานี, ถนนข้าวหอมมะลิ จ.ร้อยเอ็ด, ถนนข้าวปุ้น จ.นครพนม, ถนนข้าวเย็น จ.ศรีสะเกษ และถนนข้าวกล่ำ จ.กาฬสินธุ์

ภาคใต้ มีถนนข้าวยำ จ.ปัตตานี, ถนนข้าวสังข์หยด จ.พัทลุง และถนนข้าวหมาก จ.นราธิวาส

"ความสำคัญของประเพณี"

'ประเพณีสงกรานต์' นับเป็นประเพณีหนึ่งที่มีคุณค่าและความสำคัญทางวัฒนธรรมที่จะแสดงถึงความรัก ความผูกพันในครอบครัว ชุมชน และสังคม เป็นประเพณีที่งดงาม อ่อนโยน เอื้ออาทร และบรรยากาศของความกตัญญู ความเคารพซึ่งกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน

คุณค่าความสำคัญทางวัฒนธรรมของ 'ประเพณีสงกรานต์' ในด้านต่างๆ มีดังนี้

คุณค่าต่อตนเอง วันสงกรานต์ อาจถือได้ว่า เป็นวันแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นโอกาสที่ทำให้กลับมาสำรวจตนเองว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เราได้กระทำการใดที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว คนรอบข้าง หรือสังคม รวมถึงสำรวจสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเองในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าหรือความสุข

คุณค่าต่อครอบครัว รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายน ซึ่งเป็น วันมหาสงกรานต์ ของทุกปีเป็น "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ" เพื่อให้ลูกหลานตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ บุพการี หรือผู้อาวุโสภายในครอบครัว และกำหนดให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปีเป็น "วันครอบครัว" เนื่องด้วยช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้านหรือภูมิลำเนาไปหาครอบครัว และมีโอกาสอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ บิดามารดา เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่และเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันในการดำรงชีวิต การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งทำกิจกรรมอื่นๆ ภายในครอบครัวร่วมกัน

คุณค่าต่อชุมชน ก่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีในชุมชน ทำบุญตักบาตร หรือนำอาหารไปถวายพระที่วัดร่วมกัน ได้สังสรรค์และสนุกสนานรื่นเริงด้วยการเล่นรดน้ำ และการละเล่นตามประเพณีท้องถิ่น

คุณค่าต่อสังคม ก่อให้เกิดความเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยกันทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งของเครื่องใช้ ทำความสะอาดวัดวาอาราม พื้นที่สาธารณะ และอาคารสถานที่ของชุมชนหรือหน่วยงานต่างๆ ด้วย

คุณค่าต่อศาสนา วันสงกรานต์ เป็นวันทำบุญครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของพุทธศาสนิกชน โดยการทำบุญตักบาตร เลี้ยงพระ ฟังเทศน์ฟังธรรม สรงน้ำพระภิกษุสงฆ์และพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลและแสดงความเคารพต่อปูชนียบุคคลที่ดำรงสืบทอดพระพุทธศาสนา การทำบุญทำทาน และการถือศีลปฏิบัติธรรม ล้วนเป็นเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต และเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนามาจนถึงปัจจุบัน

'ประเพณีสงกรานต์' เป็นประเพณีที่งดงามทรงคุณค่า เป็นช่วงเวลาแห่งการรักษาความสะอาดทั้งกาย ใจ และสิ่งแวดล้อม คุณค่าในการแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณและการแสดงความรักความปรารถนาดีและความเอื้ออาทรแก่ญาติมิตร นับเป็นประเพณีแห่งความสมัครสมานสามัคคีในครอบครัว ชุมชน และสังคมไทย ในฐานะประชาชนคนไทยควรตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญ และแก่นแท้ของ ประเพณีสงกรานต์ ที่งดงามและช่วยกันสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามด้วยการยึดถือปฏิบัติกันสืบไป