ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 29 มกราคม 2565

ซองอั่งเปาควรใส่เท่าไร

เป็นเรื่องที่คนใส่ซองครั้งแรกมักกังวล โดยปกติแล้วคนจีนจะใส่ซองให้กันเป็นตัวเลข 4 และ 8 หรือทวีคูณไปเรื่อยๆ เช่น 400, 800, 1,200 บาท โดยนิยมให้แบงก์ร้อย เพราะสีแดงเป็นมงคลสำหรับชาวจีน แต่ถ้าใครจะให้แบงก์สีม่วงหรือสีเทาใบเดียวก็ไม่ว่ากัน ขอให้เป็นเลขคู่ก็ดูมงคล

ตรุษจีน 2565 แจกอั่งเปาวันไหน ควรใส่ซองกันเท่าไร

ตรุษจีนปี 2565 ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งหากจะให้ซองกันในเทศกาลตรุษจีนก็จะเริ่มนับจากวันนี้เป็นต้นไป ชาวจีนไม่นิยมให้ก่อนล่วงหน้าเพราะถือว่ายังไม่ถึงปีใหม่

การให้ซองอั่งเปาของคนจีนมีหลากหลายความเชื่อ แม้กระทั่งคนไทยเชื้อสายจีน หรือคนจีนที่อพยพไปยังประเทศต่างๆ ก็อาจมีวัฒนธรรมการให้ซองที่ต่างกันไป

ตำนานแต๊ะเอียกับอั่งเปาต่างกันอย่างไร

คำว่า “แต๊ะเอีย” ในภาษาจีนแปลว่า เงินกดเอว คำนี้นิยมใช้ในเมือง เฉาโจว ซัวเถา แต้จิ๋ว และคนจีนที่อพยพมาไทย ซึ่งเมื่อก่อนเงินเหรียญจะเจาะรูตรงกลาง และเวลามอบให้เด็กๆ พวกเขาก็จะร้อยเชือกสีแดง สมัยนี้เมื่อเหรียญเปลี่ยนรูปแบบไปกลายเป็นความนิยมในธนบัตร ก็จะให้เป็นใบธนบัตรที่ต้องเก็บไว้ในกระเป๋าสีแดงหรือซองสีแดงที่เรียกว่า “อั่งเปา”

ตามตำนานเล่าว่าก่อนจะเป็นเงินแจกช่วงปีใหม่ “แต๊ะเอีย” เคยเป็นเงินที่ผู้ใหญ่ให้เด็กติดตัวไว้กันวิญญาณ และภูติผีปีศาจร้าย

ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า คนจีนโบราณเชื่อว่าจะมีวิญญาณร้ายมากับลม พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อมาแกล้งทำให้เด็กร้องไห้ คู่สามีภรรยาจึงนำเหรียญมาเล่นกับเด็กๆ เพื่อลดความกลัว และเมื่อเด็กๆ หลับก็ห่อใส่ผ้าสีแดงซ่อนไว้ใกล้ๆ ตัวเด็ก เพื่อที่วิญญาณร้ายจะได้กลัวซองสีแดงแล้วหนีหายไป

อั่งเปา แปลว่าซองสีแดง ซึ่งใช้ใส่ธนบัตร หรือของมีค่ามอบให้แก่กันในเทศกาลมงคล

ไขคำตอบ คนจีนใส่ซองอั่งเปากันเท่าไร

อั่งเปา เป็นสิ่งที่มอบให้แก่กันได้ในวันตรุษจีน หรืองานมงคล เช่น งานแต่งงาน ด้วยเลข 4 และ 8 เช่น 400, 800, 1,200 เป็นความหมายด้านทวีคูณ

ปัจจุบันอั่งเปาและแต๊ะเอีย แทบจะเรียกรวมๆ กัน ต่างกันตรงที่แต๊ะเอีย คือซองแดงให้มอบแก่เด็ก ส่วนอั่งเปา เด็กมอบให้แก่ผู้ใหญ่ก็ได้ หรือนายจ้างมอบให้กับลูกจ้างในเทศกาลมงคล

ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการให้อั่งเปา

การให้ส้ม 4 ผล

ลูกหลานที่แยกย้ายไปขยายครอบครัว จะกลายมาเยี่ยมบ้าน และนำส้ม 4 ผล มามอบให้กับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะเก็บไว้ 2 ผล แล้วเติมส้มของเขาคืนไป 2 ผล เพื่อแลกความมงคล เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนจีน

ตรุษจีนนอกจากซองแล้วให้อย่างอื่นกันไหม

สมัยก่อนหลายๆ บ้านจะให้กินขนมอี๋ (บัวลอย) เชื่อว่ากินแล้วราบรื่น ทำให้สามัคคี สมานฉันท์ รักใคร่กลมเกลียว เพราะคนจีนถือความสามัคคีเป็นคุณธรรมสำคัญ

แลกซองอั่งเปา

เมื่อลูกหลานที่ทำงานเองแล้ว หรือแต่งงานออกเรือนไปแล้วมอบอั่งเปาให้แก่ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะให้ซองกลับ และมักไม่ให้จำนวนที่น้อยกว่า เพื่อเป็นเงินขวัญถุงรับปีใหม่ นำไปใช้ต่อยอดชีวิต เงินตรงนี้ให้เด็กๆ ไว้ไปสร้างอนาคตอีกที

ใครให้อั่งเปาจะจดไว้ในสมุด

คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเราจะรู้จักธรรมเนียมนี้ดี คือเมื่อลูกหลานได้รับอั่งเปาจากใครในงานมงคล ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันแต่งงาน ก็จะต้องบันทึกลงสมุด และเมื่อถึงเวลาที่เขามีงาน ก็ต้องให้เขากลับคืน

อั่งเปา-แต๊ะเอีย ห้ามทอน ถือว่าไม่มงคล

อย่างไรก็ดี เงินที่ใส่มากับซองอั่งเปาแล้วไม่นิยมแกะมาทอนกัน ควรเตรียมให้พอดี เพราะถือว่าไม่มงคล ดังนั้นก่อนใส่ซองอั่งเปาก็ควรไปแลกเงินก่อนให้พอดี

ซองอั่งเปาสีแดง ซื้อได้ที่ไหน

ใครที่มองหาซองแดงจำนวนมากสำหรับมองอั่งเปาในวันมงคล ก็สามารถหาร้านสั่งออนไลน์ได้หลายช่องทาง รวมร้านซองแดงมงคลไว้ที่นี่ ยกตัวอย่างเช่น

ซองแดงล้วน ซองชมพูล้วน งานมงคล

ซองแดง ซองชมพูสำหรับงานมงคลจาก 555paperplus บรรจุแบบละ 20 หรือ 50 ซอง ตกซองละ 2 - 3.50 บาท เหมาะสำหรับมอบเป็นอั่งเปาในวันตรุษจีน และวันสำคัญอย่างวันแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานเปิดตัวธุรกิจ หรือมอบให้กับลูกหลานในวันเกิด

ซองอั่งเปาสีแดง ตัวหนังสือมงคลสีทอง

ซองอั่งเปาสีแดง ตัวหนังสือมงคลสีทอง คละลาย ประกอบด้วยรูปภาพปั๊มนูน เป็นลายเด็กทารก และรูปเงินจีน ที่มีความหมายมงคล และมีคำอวยพรกำกับเป็นภาษาอังกฤษ Best wishes for you เหมาะสำหรับมอบให้ทุกคน ขนาดบรรจุ 6 ซอง ราคา 12 บาท ตกซองละ 2 บาท

ซองอั่งเปาพับหูเสือสีแดง

ซองอั่งเปาพับหูเสือสีแดง เข้ากับปีขาล มีลูกเล่นดึงเชือกออกมาแล้วเจอเงินพับอยู่ ใส่ธนบัตรได้ฝั่งเดียว จำนวน 5 หรือ 10 ใบ ร้อยเชือกแล้วเพิ่มความสวยงาม เหมาะสำหรับมอบให้แก่กันในช่วงเทศกาลปีใหม่จีน 2022 นี้.


รู้เท่าทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์พร้อมวิธีรับมือก่อนโดนหลอก

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังออกอาละวาดจนเป็นข่าวใหญ่ในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว เมื่อมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ก็หายเงียบไปแล้วกลับมาใหม่ในรูปแบบการหลอกลวงที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อยและเพิ่มเติมคือมีกลเม็ดวิธีที่ทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น จนทำให้หลายคนต้องเสียทรัพย์สินไปกับการถูกหลอกลวง และเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเรามีวิธีป้องกันตัวอย่างไรบ้าง

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เรามีวิธีสังเกตเบื้องต้นเพื่อให้รู้ว่าปลายสายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ ดังนี้

1. ส่วนใหญ่เป็นเบอร์จากต่างประเทศ ซึ่งมักจะขึ้นต้นด้วย +830, +870 หรือเป็นเบอร์มือถือหรือเบอร์จากต่างจังหวัดที่ไม่คุ้นเคย

2. มักเป็นระบบอัตโนมัติที่แอบอ้างว่ามาจากบริษัทขนส่งหรือธนาคารชื่อดังรายใหญ่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมด้วยข้ออ้างต่างๆ ที่ทำให้เราตื่นตกใจ เช่น

- ส่งพัสดุผิดกฎหมายไปยังต่างประเทศและกำลังจะถูกดำเนินคดี

- บัญชีธนาคารพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย

- อ้างว่าเราเป็นหนี้กับหน่วยงานรัฐต้องชำระโดยด่วน

- บัญชีธนาคารกำลังมีปัญหา ต้องให้ข้อมูลส่วนตัวรวมถึงรหัสผ่านเพื่อรักษาเงินในบัญชี

- ได้รับเงินรางวัลแต่ต้องจ่ายเงินส่วนหนึ่งก่อนเพื่อรับเงินรางวัลนั้น

3. หลังจากรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จก็จะมีการโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ปลอม)

4. ปลายสายพูดจาข่มขู่ให้เรามีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวเพื่อปิดคดีหรือลดโทษ

วิธีรับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สำหรับคนที่ยังไม่เคยเจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับตนเองโดยตรง หรือเคยพลาดมาแล้ว เรามีวิธีรับมือเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้

1. ตั้งสติก่อนรับสาย หากรู้สึกว่าเป็นเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคยหรือมีจำนวนตัวเลขเยอะกว่าเบอร์ทั่วไป สามารถเลี่ยงได้โดยไม่รับสายนั้น

2. หากรับสายแล้วลองสังเกตวิธีพูดหรือการดำเนินเรื่องว่าตรงกับที่เอ่ยมาข้างต้นหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่แล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักมีรูปแบบการหลอกลวงที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก แล้วตั้งสติฟังอย่างรอบคอบและใจเย็น พร้อมดำเนินการต่อไปนี้

- ข้อมูลที่ปลายสายแอบอ้างมีส่วนตรงกับความจริงหรือไม่ เช่น มีบัญชี/บัตรเครดิตธนาคาร หรือได้มีการทำธุรกรรมตามที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่

- มิจฉาชีพจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดส่งพัสดุ เช่น ชื่อผู้รับ ผู้ส่ง ต้นทาง ปลายทาง หมายเลขติดตามพัสดุ สถานะการจัดส่ง

- ในกรณีที่แอบอ้างชื่อธนาคารหรือสถาบันการเงิน ขอให้มั่นใจว่าโดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารจะไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า รวมทั้งไม่มีการขอให้ลูกค้าทำธุรกรรมทางโทรศัพท์

- ไม่บอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน รวมถึงรหัสต่างๆ ในทุกๆ ช่องทาง

- ขอหมายเลขติดต่อกลับ ขอชื่อผู้รับสายรวมถึงรหัสพนักงานเพื่อตรวจสอบกับบริษัทหรือสถาบันการเงินที่ถูกแอบอ้าง

3. เมื่อมั่นใจว่าเจอกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าแล้วจริงๆ ควรรีบบอกคนรอบข้างให้ระวังเพื่อป้องกันและรับมือไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หรือคนที่มีแนวโน้มจะถูกหลอกลวงได้ง่าย

4. หากใช้บริการแจ้งเตือนสายที่โทรเข้า ควรระบุชื่อว่าเบอร์ที่โทรเข้าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือมิจฉาชีพ เพื่อให้คนอื่นระวังตัว

5. โทรแจ้งบริษัทหรือสถาบันการเงินที่ถูกแอบอ้างให้หาแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้ตนเองเสียชื่อเสียง

ทั้งหมดนี้คือวิธีป้องกันตัวและรับมือเบื้องต้นเมื่อต้องเจอกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ไม่แน่ว่าวันดีคืนดีอาจเจอสุ่มโทรหาก็เป็นได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “สติ” อย่าตื่นตระหนกตกใจไปกับคำขู่ หากมั่นใจว่าปลายสายคือมิจฉาชีพแน่นอนก็ตัดสายทิ้งแล้วแจ้งคนรอบข้างให้ระวังตัว แต่ถ้าหากว่าพลาดท่าโดนหลอกแล้วก็ให้ตั้งสติรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เช่น เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัญชี ชื่อบัญชีที่โอนเงิน เพื่อเป็นหลักฐานมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.


พัฒนาหุ่นยนต์ 4 ขาให้เรียนรู้การปีนไปพื้นที่สูง

การนำทางในภูมิประเทศที่ยากลำบาก มนุษย์และสัตว์จะรวมการรับรู้ทางสายตาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมเข้ากับการรับรู้ของอวัยวะ คือขาและมือโดยอัตโนมัติ ช่วยให้พวกเขาจัดการกับพื้นลื่นหรืออ่อนนุ่มได้อย่างง่ายดาย ทำให้เคลื่อนที่ไปรอบๆได้อย่างมั่นใจ แม้ในทัศนวิสัยต่ำก็ตาม ปัจจุบันการพัฒนา หุ่นยนต์แบบมีขาก็สามารถทำงานเช่นเดียวกับมนุษย์และสัตว์ได้ แต่ก็อยู่ในระดับที่จำกัดเท่านั้น

ล่าสุดนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก แห่งสวิตเซอร์แลนด์ นำโดยทาคาฮิโร มิกิ ได้พัฒนาวิธีควบคุมแบบใหม่อาศัยโครงข่ายประสาทเทียม ที่ช่วยให้หุ่นยนต์ 4 ขาที่เรียกว่า ANYmal ของ โรโบติกส์ ซิสเต็มส์ แล็บ (Robotic Systems Lab) สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งบนภูมิประเทศที่ยากลำบาก หุ่นยนต์จะรวมการรับรู้ทางสายตาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมกับความรู้สึกสัมผัสได้เป็นครั้งแรก โดยหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่บนส่วนที่ลาดชันบนพื้นลื่น ตามขั้นบันไดสูง พื้นกรวด และทางเดินในป่าที่เต็มไปด้วยรากของต้นไม้

นักวิจัยได้ทดสอบให้หุ่นยนต์ลองเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางสู่ยอดเขาเอตเซลที่สูง 1,098 เมตร ทางทิศใต้ของทะเลสาบซูริก ซึ่งเส้นทางเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หุ่นยนต์ ANYmal ก็สามารถ เอาชนะได้โดยเคลื่อนที่ไปตามแนวตั้ง หรือปีนขึ้นไปได้ด้วยระยะทาง 120 เมตร อย่างง่ายดายในการเดินป่า 31 นาที ซึ่งเร็วกว่าระยะเวลาโดยประมาณสำหรับนักเดินป่าที่เป็นมนุษย์ราว 4 นาที โดยหุ่นยนต์ไม่หกล้มหรือเหยียบผิดพลาด นักวิจัยเชื่อว่าจะใช้หุ่นยนต์ ANYmal ได้ทุกที่ที่อันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์หรือใช้กับหุ่นยนต์ตัวอื่นได้ในอนาคต.

(ภาพประกอบ Credit : Takahiro Miki)


นักดาราศาสตร์ศึกษาลำก๊าซพุ่งจากดาวฤกษ์อายุเยาว์

พวยก๊าซพุ่งที่ออกมาจากดาวฤกษ์อายุน้อยๆนั้นเป็นผลพลอย ได้ทั่วไปของการก่อตัวดาวฤกษ์ และคาดว่าน่าจะเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กของดาวฤกษ์อายุน้อยที่หมุนรอบตัวเอง กับจานฝุ่นก๊าซที่อยู่รอบๆ ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้จะปล่อยลำก๊าซที่มีสภาพเป็นไอออนออกมาเป็นคู่ในทิศทางตรงกันข้าม

เมื่อเร็วๆนี้นักดาราศาสตร์ได้เผยภาพที่ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์เจมิไน เซาธ์ บนภูเขา Cerro Pachón ตรงขอบเทือกเขาแอนดีสในชิลี ซึ่งเหตุการณ์ก๊าซที่พวยพุ่งออกมาถูกเรียกว่า MHO 2147 อยู่ห่างจากโลกประมาณ 10,000 ปีแสง ในดาราจักรหรือกาแล็กซีทางช้างเผือก ใกล้กับพื้นที่ระหว่างกลุ่มดาวคนยิงธนูและกลุ่มดาวคนแบกงู โดยฉากหลัง ของเหตุการณ์ MHO 2147 นั้นเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราย

ทั้งนี้ MHO 2147 ถูกระบุว่ามีดาวฤกษ์อายุน้อยอยู่ตรงกลางซึ่งมีรหัสเรียกคือ IRAS 17527-2439 ฝังจมอยู่ตรงบริเวณที่เย็นและมีก๊าซหนาแน่นจนทึบแสง ก๊าซที่พุ่งเป็นเส้นโค้งเกือบจะไม่ขาดสายเหล่านี้บ่งชี้ว่า MHO 2147 เกิดจากการแผ่รังสีอย่างต่อเนื่อง จากแหล่งกำเนิดที่ศูนย์กลาง นักดารา ศาสตร์พบว่าการเปลี่ยนแปลงทิศทางและการเคลื่อนตัวของพวยก๊าซอาจเกิดจากอิทธิพลแรงโน้มถ่วงของดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งกระทำต่อดวงดาวที่ใจกลาง การสังเกตนี้ชี้ให้เห็นว่า IRAS 17527-2439 อาจอยู่ในระบบดาว 3 ดวงที่แยกจากกันห่างมากกว่า 300,000 ล้านกิโลเมตร

นอกจากนี้ นักดาราศาสตร์ยังพบก๊าซพุ่งออกมาจากเหตุการณ์ที่เรียกว่า MHO 1502 ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวใบเรือที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 2,000 ปีแสง.

(ภาพประกอบ Credit : NOIRLab)


ข้อดี-ข้อเสีย “โอนลอย” ซื้อขายรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ กับผลพวงที่ตามมา

เรียกว่า ความซวยถึง “ไพฑูลย์” เจ้าของรถบิ๊กไบค์ มือแรก ที่มีการซื้อขาย และใช้วิธีการ “โอนลอย” ไปอีกหลายมือ ก่อนจะมาถึงมือ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผู้ต้องหาขับรถ บิ๊กไบค์ ชนหมอกระต่าย พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล จนเสียชีวิต

จะว่าไป การซื้อขายรถแบบ “โอนลอย” ถือเป็นเรื่องปกติ ที่ใครๆ ก็ทำกัน สาเหตุเพราะมันสะดวกสบาย โดยใช้เอกสารไม่กี่อย่าง

เอกสารโอนลอย

• หนังสือสัญญาซื้อขาย

• เล่มทะเบียนรถตัวจริง

• สำเนาบัตรประชาชน พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด

• สำเนาบัตรประชาชน พร้อมลายเซ็นถูกต้องของผู้ซื้อ (ในกรณีที่เจ้าของรถขายต่อกับผู้ซื้อโดยตรง)

• สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด

• แบบคำขอโอนและรับโอนจากกรมการขนส่งทางบก พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด

• หนังสือมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบก พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด (ในกรณีที่เจ้าของรถไม่ได้ไปทำเรื่องโอนที่กรมขนส่งเอง สามารถให้บุคคลอื่น หรือบุคคลที่ซื้อรถต่อไปทำเรื่องโอนแทนได้)

แต่แท้ที่จริงแล้ว นอกจากข้อดี ข้างต้นแล้ว มันยังมี “ข้อเสีย” อาจจะตามมาด้วย ทนายฐิติวัชร์ ปิ่นคำ กรรมการบริหารสภาทนายความจังหวัดธัญบุรี ได้ให้ความรู้เรื่อง “การโอนลอย” ในทางกฎหมาย

ทนายฐิติวัชร์ อธิบายว่า การซื้อขายรถยนต์ จักรยานยนต์ ก็ถือเป็นการซื้อขาย “อสังหาริมทรัพย์” ทั่วไป จะคล้ายกับการซื้อขายที่ดิน บ้าน การมีชื่อ หรือ เปลี่ยนแปลงทะเบียนรถ การมีชื่อใช่ว่าคนที่อยู่ในทะเบียน จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เสมอไป

ทนายฐิติวัชร์ กล่าวว่า การ “โอนลอย” แม้จะไม่มีการไปโอนชื่อกับนายทะเบียน แต่กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ รถยนต์ หรือ จักรยานยนต์ ก็ถือว่าเป็นการโอนให้กับผู้ซื้อแล้วอัตโนมัติ ส่วนจะไปเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนกับเจ้าหน้าที่เมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องของผู้ซื้อ

ฉะนั้น หากมองในเรื่อง “ความรับผิดทางอาญา” เป็นเรื่องความผิดเฉพาะตัวบุคคล ใครเป็นคนทำผิดก็ต้องรับในส่วนนั้น ยกเว้นว่า “เป็นตัวการร่วมกัน” ก็อาจจะต้องร่วมรับผิดด้วย

ยกตัวอย่าง การขับรถยนต์ที่มีการโอนลอย แล้วไปขับรถชนคนตาย ตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.จราจร และกฎหมายอาญา เรื่องประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฉะนั้น ความผิดจะอยู่ที่ตัวบุคคลๆ นั้น จะไม่มีผลย้อนไปถึงเจ้าของรถเดิม เพราะเขาไม่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วย

ในทางกฎหมาย ถือว่า “ชัดเจน” ว่าเราไม่ต้องรับผิดทางอาญา หากเราโอนลอยไปให้ใครสักคน แล้วเขาไปขับรถชนคนตาย... แล้วในทาง “แพ่ง” ล่ะ ทนายฐิติวัชร์ อธิบายว่า อาจจะต้องมีการสืบเสาะดูว่า คนที่ขายรถ กับคนที่ขับรถชน มี “ความเกี่ยวพัน” กันอย่างไร เช่น หากเป็น นายจ้าง ลูกจ้าง หรือไม่ขณะที่เกิดเหตุ หรือ ผู้กระทำความผิดเป็น “ผู้เยาว์” บิดา มารดา ปล่อยให้ลูกขับรถยนต์จนเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ ซึ่งกรณีแบบนี้ ก็อาจจะต้องรับผิดในทางแพ่งด้วย

ฉะนั้น หากมีการสืบเสาะ ว่าไม่เกี่ยวข้องในประเด็นเหล่านี้ เขาก็จะไม่ต้องรับผิดในส่วนทาง “คดีแพ่ง” ด้วย

ข้อดี - ข้อเสีย โอนลอย

ข้อดี ของการโอนลอย คือ ง่าย ไม่จำเป็นต้องไปโอนที่ขนส่งฯ มีแค่เอกสารไม่กี่อย่างก็โอนให้ได้เลย ข้อดีคือสะดวกสบาย

ข้อเสีย...

มีความสุ่มเสี่ยงที่เกิดปัญหาตามมา เช่น จะรู้ได้อย่างไรจะไม่เอาทรัพย์ไปกระทำความผิด เช่น ขนยาเสพติด คุณอาจจะถูกตำรวจเรียกมาสอบปากคำ เพราะตำรวจจะต้องตรวจสอบว่า “รถคันนี้” เป็นชื่อ “ใคร..?” คุณก็จะถูกตรวจสอบด้วย ความเสี่ยงอีกประการ คือ นำรถสวมทะเบียนมาหลอกขาย มักเกิดขึ้นกับการซื้อขายรถมือสองด้วย “วิธีการโอนลอย”

สิ่งที่ควรทำหลังการซื้อขายรถด้วยวิธี "โอนลอย"

ในมุมคนขาย : เป็นไปได้ ควรจะไปเปลี่ยนแปลง ทางทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน ในทางผู้ขาย ก็จะเป็นการโอนภาระทั้งหมดให้พ้นตัว อาจจะต้องยอมเสียเวลานิดหนึ่ง เพื่อไปทำเรื่องโอนที่ขนส่งฯ

ในมุมคนซื้อมือสอง : สมควรที่จะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนให้เป็นชื่อของผู้ซื้อ เพราะเราจะได้ทราบข้อมูลว่า คนที่เซ็นโอนให้ “เป็นเจ้าของรถ” จริงหรือไม่ เป็น “นอมินี” หรือไม่ ซึ่งมีโอกาสที่เราอาจจะโดนตามทรัพย์สินคืน มันจะเกี่ยวข้องกับความ “สุจริตในการรับโอน”

ที่ผ่านมาการ “โอนลอย” ที่กลายเป็นคดีอาญา ส่วนมากเป็นลักษณะไหน กรรมการบริหารสภาทนายความจังหวัดธัญบุรี เผยว่า จากประสบการณ์การทำงานด้านกฎหมาย พบว่า การ “โอนลอย” แบบนี้จะเคส “นายจ้าง-ลูกจ้าง” เยอะ ซึ่งมีผู้เสียหายหลายฝ่าย ทั้ง ลูกจ้าง นายจ้าง ผู้เสียหาย บริษัทประกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเป็น “โอนลอย” ประกันจะสอบถามว่าเรามี “กรรมสิทธิ์” หรือไม่

หากมีการโอนลอย มา เจ้าของรถจะทำประกันได้ไหม ทนายฐิติวัชร์ โดยมาก ประกันจะไม่รับทำ เพราะเขาจะถามว่าเกี่ยวข้องกับทรัพย์หรือไม่ ซึ่งจะพิสูจน์โดยชื่อทางทะเบียน แม้จะมีชื่อจากการ “โอนลอย” แต่สุดท้ายเขาจะดูที่เอกสารทะเบียน เพราะเขาต้องใช้หลักฐานในการรับประกันภัย นี่คือหลักการ “รับประกันภัย” คือต้องมีชื่อในทะเบียน และหลักฐานการครอบครองทรัพย์ ส่วนเรื่องการต่อ พ.ร.บ.หรือ ทะเบียน แค่ยื่นเอกสาร ก็สามารถต่อได้