ครบเครื่อง
ญ. อมตะ
ครบเครื่อง ญ.อมตะ 30 มิถุนายน 2561

แปลคำต่อคำ 13 ชีวิตสุดแกร่ง บอกจนท.ไอเลิฟยู ย้ำหิวมาก

ชมคลิปการพูดคุยกันของเด็ก ๆ และโค้ช 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง พร้อมคำแปลแบบคำต่อคำ เด็ก ๆ บอกแต๊งกิ้ว ไอเลิฟยู หิวมาก กับเจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษผู้พบตัว

วันที่ 3 กรกฎาคม 2561 แฟนเพจ Thai NavySEAL ได้มีการเผยคลิปวิดีโอจากนักดำน้ำหน่วยซีลดำน้ำวางไลน์เชือกนำทาง ร่วมกับนักดำน้ำจากประเทศอังกฤษ ที่เป็นผู้เข้าไปพบเด็กและโค้ชทั้ง 13 คน บริเวณเนินที่อยู่ห่างออกไปจากจุดพัทยาบีช 400 เมตร ซึ่งถ่ายเมื่อเวลา 21.38 น. ของวันที่ 2 กรกฎาคม 2561

อย่างไรก็ตามในคลิปเด็ก ๆ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ที่น่าโล่งใจไปกว่านั้นก็คือ ทุก ๆ คนยังดูแข็งแรงดี และปลอดภัย จากในคลิปวิดีโอ จะเห็นได้ว่าเด็ก ๆ คุยกันเรื่องกระเป๋าที่วางทิ้งไว้นอกถ้ำ และกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ พร้อมบอกรักเป็นภาษาอังกฤษว่า เลิฟยู (Love You) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่าทุกคนแข็งแกร่งมาก ทางเด็ก ๆ และโค้ชบอกว่า ตอนนี้พวกเราหิวมาก และอยากให้มาเร็ว ๆ

สำหรับข้อความพูดคุยในคลิปของเด็ก ๆ และเจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษ แปลเป็นไทยคร่าว ๆ ได้ดังนี้

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : ชื่ออะไรครับ

เด็ก ๆ : ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก ไอเลิฟยู

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : มีกันกี่คน ?

เด็ก ๆ : 13 คน

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : เยี่ยมมาก

โค้ช : จะมีคนอื่น ๆ เข้ามาช่วยเมื่อไหร่ครับ

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : ตอนนี้มีแค่เรา 2 คน รอก่อน ไม่เป็นไรนะ หลาย ๆ คนกำลังเข้ามาช่วย

เด็ก ๆ : วันไหนครับ

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : วันจันทร์ อีก 1 สัปดาห์ พวกเธออยู่ที่นี่มา 10 วันแล้ว แข็งแกร่งมากเลยนะ

เด็ก ๆ : ใครรู้ภาษาอังกฤษ แปลที

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : โอเค ลาก่อน เดี๋ยวผมกลับมา

เด็ก ๆ : พวกเราหิว ไม่นะ

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : ผมรู้ ผมเข้าใจ

เด็ก ๆ : เอ้า ๆ เขาจะถ่ายรูปอะ (ขึ้นไปยืนรวมตัวกันด้านบน) บอกเขาทีสิ หิวอะ หิว อีท ๆ ๆ บอกเขาสิว่า อีท ๆ จะกลับเข้ามาหาเราอีกทีเมื่อไหร่ครับ

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : พรุ่งนี้ หวังว่าจะเป็นพรุ่งนี้นะ เราดำน้ำกันอยู่

เด็ก ๆ : พวกเรามีความสุขมาก ขอบคุณมาก

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : ผมก็มีความสุขเช่นเดียวกัน

เด็ก ๆ : ขอบคุณมาก ๆ คุณมาจากประเทศไหน ?

เจ้าหน้าที่ต่างชาติ : ฉันมาจากประเทศอังกฤษ

เด็ก ๆ : โอ้

ขั้นตอนให้ "อาหาร" 13 ชีวิตติดถ้ำฟื้นฟูร่างกาย เน้น "วิตามินบี 1-น้ำเกลือ-อาหารการแพทย์"

เปิดขั้นตอนให้ "อาหาร" 13 ชีวิต ปรับสมดุลร่างกายก่อนออกจากถ้ำหลวง ย้ำต้องให้วิตามินบี 1 ตามด้วยให้สารน้ำเกลือ สลับอาหารทางการแพทย์ ทุก 2 ชั่วโมง เผยทหารลำเลียงส่งเข้าไปแล้ว

(3 ก.ค.) นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวถึงการปรับสมดุลร่างกายของนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 คน ที่ติดในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เพื่อเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนช่วยเหลือออกจากถ้ำ ว่า เราสื่อสารไปทางผู้ว่าฯ เชียงราย และทหารหน่วยซีลแล้วว่า กรณีอดอาหารมาระยะเวลาหนึ่ง ประมาณ 10 วันขึ้นไป ไม่ใช่ว่าจะให้รับประทานอะไรได้เลยทันที เพราะจะทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินผิดปกติ จนสารเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ ทำให้ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียมในเลือดต่ำ ส่งผลการทำงานของเซลล์ร่างกายได้ ดังนั้น การให้อาหารจึงมีขั้นตอน โดยอาหารหลักๆ ที่ต้องให้ก่อนคือ วิตามินบี 1 เพราะคนอดอาหารนานๆ จะขาดก่อน แล้วให้น้ำเกลือบวกน้ำตาลนิดหน่อยเพราะมีพลังงาน เบื้องต้นคือ 200 ซีซีเป็นมื้อแรก จากนั้น 2 ชั่วโมงจึงให้อาหารทางการแพทย์ ซึ่งจะมีนมเป็นองค์ประกอบหลักและมีใส่สารอาหารอื่นๆ ครบถ้วน จากนั้นจะให้สลับกันระหว่างน้ำเกลือกับอาหารทางกาแรพทย์ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ซึ่งขณะนี้ทีมทหารก็นำอาหารดังกล่าวเข้าไปแล้ว ส่วนพาวเวอร์เจลที่นำเข้าไปด้วยนั้นก็สามารถใช้ได้ เพราะเป็นสารเกลือแร่ที่มีพลังงาน อย่างไรก็ตาม การขาดอาหารเป็นช่วงเวลาสั้นๆ คงไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต

พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า ก่อนอื่นรู้สึกดีใจมากที่พบเด็กและโค้ช ทั้ง 13 คน ซึ่งขณะนี้หลายคนมีความกังวลในเรื่องของสารอาหารของร่างกาย เนื่องจากตลอดที่ติดอยู่ในถ้ำจะรับเพียงน้ำเท่านั้น ซึ่งในช่วงที่อดอาหาร ร่างกายจะดึงเอาพลังงานมาใช้ ทำให้ขณะนี้ร่างกายของทุกคนจะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินบี 1 นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มที่ขาดอาหารมายาวนาน ต้องระมัดระวัง คือ ทานอาหารอ่อนๆ และให้น้อยๆ ก่อน แต่ต้องระวังการขาด พวกโพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งหากขาดจะมีปัญหาได้ ต้องมีการประเมิน ถ้าอยู่ รพ. แพทย์จะเจาะเลือดตรวจ และให้ทดแทนด้วยสารน้ำทางเส้นเลือด หรือให้อาหารทางการแพทย์

"การขาดสารอาหาร 3 ตัวหลักจะส่งผลต่อระบบประสาท และทำให้อวัยวะในร่างกายไม่สมดุล จึงต้องมีการเติมสารเหล่านี้ อย่างวิตามินบี 1 โดยปกติทั่วไปก็จะให้ในรูปของน้ำเกลือและใส่วิตามินให้แบบหยอดผ่านสายน้ำเกลือ แต่กรณีนี้ทำไม่ได้ ซึ่งสามารถให้ผ่านทางรับประทาน จริงๆ ทีมหมอเด็กต่างๆ ได้มีการหารือกัน ทั้งหมอเด็กที่ รพ. รามาธิบดี และ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เกี่ยวกับการให้สารอาหารที่เหมาะสม ก็มีการแนะนำกันไปแล้ว ส่วนที่ว่าจะเป็นอาหารผงได้หรือไม่ จริงๆไม่เหมาะ เพราะจะมีเรื่องน้ำสะอาดอีก” พญ.นภาพรรณ กล่าว

สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ!! “ณรงค์ศักดิ์ “ผบ.“ถ้ำหลวง”

แซ่ซ้องสรรเสริญ .. ผลงาน ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะ “ผู้บัญชาเหตุการณ์”ภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่า ที่ติดถ้ำหลวง อ.แม่สาย เชียงราย .. หนึ่งสัปดาห์เต็ม ที่ทุกคนคุ้นชินภาพความทุ่มเท-เอาจริงเอาจัง-การแสดงภาวะผู้นำของ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” จนยกให้เป็น “ขวัญใจมหาชน”ตั้งแต่ยังไม่จบภารกิจ .. โดยเฉพาะความประทับใจในข้อเตือนใจที่ให้ทุกคนเห็น 13 ชีวิตเป็นเหมือนลูกหลาน ..

เสียงชื่นชมที่ทุกฝ่ายพร้อมใจกันมอบให้ “ผู้ว่าฯเชียงราย”กลับทำให้ “ผู้เป็นนาย” อย่าง “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย ไมเกรนรับประทานขึ้นมากระทันหัน .. ก็ด้วยโดนขุดคุ้ยว่า แท้จริง “พ่อเมืองเจียงฮาย” ถูก “เด้ง” ไปเป็นผู้ว่าฯพะเยา ตั้งแต่ 2 เดือนก่อน แต่ด้วยกระบวนการแต่งตั้งยังไม่เรียบร้อยดี ก็เลยได้มาเป็นผู้นำทัพรับศึกถ้ำหลวงหนนี้ .. ซึ่งเหตุที่ “ณรงค์ศักดิ์”ถูกลดชั้นจาก “เชียงราย”ไปจังหวัดที่เล็กกว่าอย่าง “พะเยา” ก็ด้วย ทำงานไม่เข้าขากับท้องถิ่น .. ด้วยความเป็น “ผู้ว่าฯตงฉิน”ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยอมเซ็นอนุมัติโครงการของท้องถิ่น หลายสิบโปรเจกต์ เพราะ “กิน” กันมโหฬารบานตะไท ..

แล้วผู้ที่เสนอย้าย ก็ไม่ใช่ใครอื่น หนีไม่พ้น “บิ๊กป๊อก”ท่าน มท.1 ที่ระบุในเอกสารเสนอ ครม. แค่ว่า “เพื่อความเหมาะสม” .. โดยเป็นที่รู้กันว่า นอกจากจะดีด “ก้างขวางคอ”ให้พ้นทางแล้ว ยังได้อีกเด้ง ในการโยกเด็กในคอนโทรลสาย “บิ๊ก ปภ.”ให้มากินตำแหน่งในจังหวัดใหญ่แทน .. ตอนนี้เริ่มมีกระแสลุกลามในโลกโซเชียล ถึงความไม่ชอบมาพากลของ “คำสั่ง มท.1”ที่ชงให้ “ลดชั้น”ย้ายไปจังหวัดเล็ก ที่เหมือนเป็นการลงโทษ ที่ “คนมีคุณภาพ”เช่นนี้ ไม่สมควรได้รับ .. แล้วคิดว่ากระแสคงซาลง หลังจบภารกิจ ปิดจ๊อบกันเมื่อใด คำถามถึงอนาคตของ “ผู้ว่าฯณรงศักดิ์”คงจะกระหึ่มมากกว่านี้ และเชื่อว่าอานิสงส์ จาก “ถ้ำหลวง”จะทำให้อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

คนรักเป็นร้อย คนชังเป็นล้าน!! “ศรีวราห์”โชว์เป๊ะผิดที่ เจอกระแสยี้

โห่กันทั้งเมือง .. กับวีรกรรม “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่โผล่ไปร่วมภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำ ในวนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ..ทั้งการไปตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อกฎหมาย กับ“ทีมเจาะถ้ำ”หรือที่ไปทำทีขึงขังขึ้น “มึง-กู” ถามหาใบอนุญาตกับ “ไอ้โจ”ลูกน้องตำรวจ ที่เป็น “ทีมบินโดรน” ..จากที่ว่าจะไปสนับสนุน ไปให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน กลายเป็นบั่นทอนการทำงานไปซะนี่ ..

แล้วยังเจอตอกหน้าหงายจาก ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ดีกรี รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ที่สอนมวยประมาณว่า ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ถ้าจำเป็นต้องทำผิดกฎหมาย ก็อนุโลมกันได้ พูดง่ายๆ “ชีวิตสำคัญกว่ากฎหมาย”นั่นเอง .. แล้วยังมาเจอเปรียบภาพ “คนทำงาน”ไม่ว่าจะเป็น ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย หน่วยซีล นักดำน้ำ อาสาสมัครต่างชาติ จิตอาสา หรือเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ที่อยู่ทั้งเบื้องหน้า และปิดทองอยู่หลังพระ .. รวมไปกับผู้บังคับบัญชาอย่าง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่สวมชุดสนาม เดินลุยป่า สำรวจทุกโพรง ไปกับลูกน้องตำรวจพลร่ม ในขณะที่ “บิ๊กปู”เลือกที่จะไปป้วนเปี้ยน “โชว์พาว”จนป่วนกันไปหมด .. และเกิดคำถามอื้ออึงเรื่อง “คนมาทำงาน” กับ “คนมาทำไม” กระทั่ง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เชื่อว่ามอนิเตอร์กระแสโซเชี่ยลฯอยู่ พอปะหน้า “รองฯปู” ปั๊บ ก็ถามลั่น “มาทำไม มาจับใคร” ทำเอาเฮกันลั่น ..

ไม่เท่านั้น “พี่ศรี” ยังถูกขุดวีรกรรมเก่าๆ มาเปรียบ ทั้งเมื่อครั้งรับไหว้นอบน้อมกับ เสี่ยเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาฆ่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า .. หรือเมื่อครั้งใช้คำพูดรุนแรงและยึดโทรศัพท์จากประชาชน เมื่อครั้งลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน เครือข่ายวัดพระธรรมกาย ที่ จ.บุรีรัมย์ .. ขย้ำขยี้ปมที่ “บิ๊กปู” นอกจากไม่ได้เป็น “ที่รัก” และยังหนักไปทาง “คนชัง”มากกว่า .. แม้เจ้าตัวจะออกมา “ขอโทษ”พลางแก้ต่างถึง “ความปรารถนาดี”ของตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว กับ “กระแสยี้” ที่ไปไกลเหลือเกิน มีคนโหวตในโซเชี่ยลหลักครึ่งล้าน ชงให้ “ลุงตู่”ปลดออกจากตำแหน่ง .. ไม่ผิดหรอกที่ “รองฯปู”จะพยายามแสดงบทบาทตามความถนัด ในเรื่องความเป๊ะของกฎบัตร กฎหมาย แต่มันไม่ใช่ ผิดที่ผิดทาง ผิดกาลเทศะนั่นเอง ..

กลายเป็นว่ายังไม่จบภารกิจสำคัญดี แต่ “บิ๊กปู”ก็จำต้องล้มละลายในสายตาประชาชน ล้มละลายในสายตาผู้ใต้บังคับบัญชาไปแล้ว .. ปฏิเสธอีกไม่ได้ว่า การเสียแต้มหนนี้ น่าจะปิดเส้นทางขึ้น “เบอร์ 1 กรมปทุมวัน”ในขวบปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ที่ “รองฯปู” ยังหวังอยู่ลึกๆ ไปโดยปริยาย .. แต่เส้นทางการขึ้นเป็น “เบอร์ 1” ของ “ศรีวราห์” ก็ยังไม่ปิดตายซะทีเดียว ตอบแทนการสนองงาน “ผู้ใหญ่” ที่ผ่านๆ มา กับข้อเสนอข้ามห้วยไปเป็นใหญ่ที่อื่น ที่ไม่ใช่ “กรมปทุมวัน” หากแต่เป็น “กรมดีๆ” ที่มักเป็นที่พักใจของ “คนอกหัก”แถวๆ แจ้งวัฒนะนู่น