ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 11 มิถุนายน 2565

ภูเขาไฟ "บูลูซาน" ในฟิลิปปินส์ปะทุเถ้าถ่านควันไฟ เตรียมอพยพประชาชนหนี

ภูเขาไฟ "บูลูซาน" ทางตอนใต้ของเกาะลูซอน ฟิลิปปินส์ ได้ปะทุเถ้าถ่าน ควันสีดำพวยพุ่งออกมา ทางการเตือนประชาชนให้อพยพออกไปโดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ คนชรา และเด็กที่อาจได้รับอันตรายจากเถ้าถ่านและควัน

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. สำนักข่าวเอบีซี รายงานว่า ภูเขาไฟ "บูลูซาน" (Bulusan)ในจังหวัดซอร์โซกอน ทางตอนใต้ของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ได้ปะทุไอน้ำ เถ้าถ่านและควันสีดำเทาพวยพุ่งออกมาเหนือท้องฟ้า สูงขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตร

เศษเถ้าถ่านยังได้ร่วงลงมาปกคลุมบ้านเรือนที่พักอาศัยของประชาชน และผืนป่าบริเวณใกล้เคียงประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองบาโคลอด ใกล้กับภูเขาไฟต่างพากันตกใจ หลังภูเขาไฟปะทุเกิดเสียงดังสนั่น และยังทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวเกือบ 30 ครั้ง

โดยสถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหววิทยาแห่งฟิลิปปินส์ ประกาศยกระดับการเตือนภัยภูเขาไฟบูลูซานจากระดับ 0 เป็นระดับ 1 หลังภูเขาไฟลูกดังกล่าวพ่นเถ้าถ่านสีเทาลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราว 1 กิโลเมตร

ทางการท้องถิ่นประกาศเตือนประชาชนให้เก็บข้าวของอพยพหนีออกไปชั่วคราว โดยเฉพาะเด็ก คนชราและสตรีมีครรภ์ ที่อาจได้รับอันตรายจากการสูดดมควันเถ้าถ่านภูเขาไฟ พร้อมเตือนว่าภูเขาไฟอาจมีการปะทุรุนแรงและมีโคลนลาวาไหลออกมา นอกจากนี้ได้ประกาศเตือนห้ามทำการบินเข้าใกล้ภูเขาไฟลูกนี้

ทั้งนี้ ภูเขาไฟบูลูซาน อยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 600 กิโลเมตร เคยปะทุครั้งล่าสุดเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา.


ส่องดาราจักร ชนิดก้นหอยที่ซ้อนทับกัน

ภาพกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซา และองค์การอวกาศยุโรป หรืออีเอสเอ เผยภาพใหม่ของกลุ่มวัตถุที่ชื่อ IC4271 หรือเรียกว่า Arp 40 เป็นดาราจักรหรือกาแล็กซีชนิดก้นหอยหรือทรงกังหันที่น่าจับตา เพราะมีลักษณะเป็นคู่กาแล็กซีซ้อนทับกัน โดยอยู่ห่างจากโลกออกไปราว 800 ล้านปีแสง

Arp 40 แสดงให้เห็นว่ากาแล็กซีขนาดเล็กได้ซ้อนทับกับกาแล็กซีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกาแล็กซีที่ทรงพลังชนิดกาแล็กซีเซย์เฟิร์ต (Seyfert galaxy) ซึ่งกาแล็กซีชนิดนี้ได้รับการตั้งชื่อตามนักดาราศาสตร์นามคาร์ล เค. เซย์เฟิร์ต (Carl K. Seyfert) เนื่องจากในปี พ.ศ.2486 เขาได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับกาแล็กซีชนิดก้นหอยที่มีเส้นการแผ่รังสีที่สว่างมาก และทุกวันนี้นักดาราศาสตร์ต่างรู้ว่าประมาณ 10% ของกาแล็กซีทั้งหมดในจักรวาล อาจเป็นกาแล็กซีชนิดเซย์เฟิร์ต และยังเป็นกาแล็กซีที่มีหลุมดำมวลยิ่งยวดอยู่ตรงใจกลางของพวกมัน หลุมดำมวลมหึมาเหล่านั้นจะรวบรวมมวลสารและปล่อยรังสีออกมาอย่างมหาศาล ทั้งนี้ นักดารา ศาสตร์ระบุว่าแกนของกาแล็กซีเซย์เฟิร์ตนั้นจะสังเกตความสว่างที่สุดเมื่อมองในสเปกตรัมมองเห็นได้ อันเป็นช่วงหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาของมนุษย์

ทั้งนี้ IC4271 จัดเป็นกาแล็กซีเซย์เฟิร์ตแบบ Type II สีในภาพนี้ส่วนใหญ่เป็นแสงที่มอง เห็นได้ ในขณะที่สีม่วงแสดงถึงแสงอัลตราไวโอเลต และสีแดงหมายถึงแสงในย่านอินฟราเรด.

(Credit : NASA, ESA, and B. Holwerda (University of Louisville Research Foundation, Inc.) Image processing : G Kober (NASA Goddard/Catholic University of Americe)


ฮือฮา รบ.สหรัฐฯมีหลักฐานลับ UFO บินเร็วทะลุกำแพงเสียงแต่ไม่เกิดโซนิคบูม

อดีต ผอ.สำนักข่าวกรองเผย รบ.สหรัฐฯเตรียมเผยหลักฐานการเห็น UFO จำนวนมากโดยนักบินกองทัพเรือ-กองทัพอากาศ แย้ม มีหลักฐานลับของจานบิน UFO บินเร็วมากชนิดทะลุกำแพงเสียง แต่ไม่ทำให้เกิดโซนิคบูม

เว็บไซต์เดลี่เมล รายงาน นายจอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ ในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้คนที่สนใจเกี่ยวกับปริศนาของวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้ (Unidentified flying Object ) หรือ UFO ระหว่างให้สัมภาษณ์ ในรายการสัมภาษณ์ทางทีวี ช่อง Fox News ซึ่งมี มาเรีย แบร์ติโรโม เป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีแผนจะเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการพบเห็น UFO จำนวนมาก โดยนักบินกองทัพเรือและกองทัพอากาศ และได้กำหนด‘เดดไลน์’กำหนดระยะเวลา 180 วันในการจัดทำรายงานเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว

นายแรดคลิฟฟ์ แย้มว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีหลักฐานลับว่า จานบิน UFO สามารถบินด้วยความเร็วชนิดทะลุกำแพงเสียงโดยไม่ทำให้เกิดโซนิคบูม (เสียงดังน่าสะพรึงกลัวเหมือนเสียงฟ้าร้อง ที่เกิดจากอากาศยานเคลื่อนผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วของเสียง ซึ่งโดยทั่วไปเสียงเดินทางในอากาศที่มีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ด้วยความเร็ว 346 เมตร/วินาที) โดยที่เราไม่มีทางรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทำให้จานบินUFO สามารถบินได้ด้วยความเร็วขนาดนี้โดยไม่เกิดโซนิคบูม

‘เมื่อเราพูดถึงการเห็นวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร มันคือสิ่งที่เห็นโดยนักบินประจำกองทัพเรือหรือกองทัพอากาศ หรือไม่ก็เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียม ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ยากจะอธิบายได้ว่าเป็นอะไร ซึ่งการเคลื่อนที่ของจานบินเป็นเรื่องยากที่จะลอกเลียนแบบ เพราะเราไม่รู้เทคโนโลยีที่ทำให้จานบินเหล่านั้นสามารถบินได้เร็วชนิดทะลุกำแพงเสียงโดยไม่เกิดโซนิคบูม’ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าว พร้อมทั้งยังชี้ว่ามีเหตุการณ์จำนวนมากเกี่ยวกับ จานบิน UFO ที่ยังไม่สามารถอธิบายอย่างง่ายๆ ได้

นายแรตคลิฟฟ์ ยังเผยว่า มีการเห็นวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไรจากทั่วโลก ซึ่งตอนแรกเขาหวังจะตีพิมพ์รายงานนี้ก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 แต่ด้วยข้อมูลจำนวนมากทำให้ไม่สามารถทำรายงานเสร็จได้ทัน.


ทำความรู้จัก "โรคฝีดาษลิง" หลังพบผู้มีความเสี่ยงในไทยถึง 12 คน

"โรคฝีดาษลิง" คืออะไร มีสาเหตุจากอะไร

"โรคฝีดาษลิง" เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส พบครั้งแรกในลิงทดลองในปี พ.ศ.2501 โรคนี้พบมากในแอฟริกากลางและตะวันตก สัตว์หลายชนิด รวมทั้งคนสามารถติดเชื้อนี้ได้ ในปี พ.ศ.2546 ได้เกิดการระบาดของโรคนี้ในคนที่ติดเชื้อจาก แพรี่ ด็อก ในสหรัฐอเมริกา เชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษในคนและฝีดาษวัว

สัตว์ชนิดใดเป็น"โรคฝีดาษลิง" ได้บ้าง

สัตว์ตระกูลลิง ได้แก่ ลิงโลกใหม่ ลิงโลกเก่า ลิงไม่มีหาง และสัตว์ฟันแทะหลายชนิด (หนู กระรอก แพรี่ ด็อก) กระต่ายสามารถติดเชื้อนี้ได้ ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีสัตว์ชนิดใดอีกบ้างที่สามารถติดโรคนี้ได้ สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงหลายชนิดอาจสามารถติดเชื้อได้เช่นกัน

สัตว์ติด "โรคฝีดาษลิง" ได้อย่างไร

โรคฝีดาษลิงติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงระหว่างสัตว์ที่ติดเชื้อกับสัตว์ปกติ โดยอาจสัมผัสกับรอยแผลบนผิวหนัง หรืออาจติดได้ทางการหายใจ

"โรคฝีดาษลิง" มีผลต่อสัตว์อย่างไร

ในสัตว์ตระกูลลิง หลังได้รับเชื้อมักมีผื่นขึ้นอยู่นานประมาณ 4-6 สัปดาห์ และจะพบตุ่มหนองขึ้นตามร่างกาย โดยบริเวณที่พบบ่อยที่สุด คือ ใบหน้า แขนขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และหาง เชื้อนี้มักไม่ทำให้สัตว์ตายแต่อาจพบการตายได้บ้างในลิงแรกเกิด ลิงบางตัวอาจจะติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการป่วยเลย

ในกระต่ายและสัตว์ฟันแทะรวมถึง แพรี่ ด็อก จะมีอาการเริ่มต้น คือ มีไข้ ตาแดง มีน้ำมูก ไอ ต่อมน้ำเหลืองบวม ซึม และไม่กินอาหาร หลังจากนั้นจะเริ่มมีผื่นและตุ่มหนองขึ้นตามตัว ร่วมกับมีขนร่วงเป็นหย่อมๆ ในสัตว์บางชนิดเชื้ออาจทำให้ปอดบวมและตายได้

คนติด "โรคฝีดาษลิง" ได้หรือไม่

คนสามารถติดโรคนี้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สิ่งคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัด การแพร่เชื้อจากคนสู่คนอาจเกิดขึ้นได้แต่มีโอกาสน้อยมาก ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคหลังจากติดเชื้อแล้วประมาณ 12 วัน อาการป่วย ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น ปวดหัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และอ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย จากนั้นผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะมีสะเก็ดคลุมแล้วหลุดออกมา อาการป่วยมักเป็นอยู่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้

การป้องกันสัตว์จาก"โรคฝีดาษลิง"

สามารถใช้วัคซีนป้องกันฝีดาษในคนฉีดป้องกันโรคนี้ในสัตว์ตระกูลลิงได้ สำหรับสัตว์อื่น วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ และไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยง โดยเฉพาะ แพรี่ ด็อก หรือหนูป่าชนิดต่างๆ

การป้องกันตัวจาก "โรคฝีดาษลิง"

หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ ถึงแม้วัคซีนฝีดาษคนจะสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อฝีดาษลิงได้ แต่การฉีดวัคซีนควรทำเฉพาะในคนที่ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนการระบาดของโรคฝีดาษลิงและคนที่ต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับคนหรือสัตว์ที่ติดเชื้อเท่านั้น และสามารถให้วัคซีนได้ภายหลังการได้รับเชื้อไม่เกิน 14 วัน

ที่มาข้อมูล : หน่วยปฏิบัติการวิจัยโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำในสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) สหรัฐ


ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ลืมกินยาตามเวลา อันตรายหรือไม่

ปัญหาที่มักพบเสมอเวลาจะรับประทานยา คือ ต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร และก่อนอาหารนานเท่าไร หลังอาหารกี่นาที ก่อนนอนนานแค่ไหน ถ้าลืมแล้วจะทำอย่างไร บทความนี้จึงขอสรุปหลักการและหลักปฏิบัติที่ถูกต้องทั่วไปของวิธีการรับประทานยาเหล่านี้

1. ยาก่อนอาหาร ควรรับประทานก่อนอาหาร อย่างน้อย 30 นาที

ยาที่รับประทานก่อนอาหาร ควรรับประทานในช่วงที่ท้องว่าง ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ซึ่งก็คือก่อนรับประทานอาหารอย่างน้อย 30 นาที เนื่องจาก

• ยาอาจถูกทำลายและเสียประสิทธิภาพในการรักษา เมื่อพบกับกรดปริมาณมากที่กระเพาะอาหารจะหลั่งออกมาหลังมื้ออาหาร การรับประทานยาในช่วงที่ท้องว่าง ทำให้ยาไม่ถูกทำลาย และประสิทธิภาพของยาไม่ลดลง

• อาหารและส่วนประกอบของอาหารอาจลดการดูดซึมของยาเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่สามารถรับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหารได้

• ยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน รวมทั้งยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหลั่งอินซูลิน จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะออกฤทธิ์ การรับประทานยาก่อนอาหารจึงเป็นเสมือนการเตรียมพร้อมให้ระบบทางเดินอาหาร ก่อนจะรับประทานอาหาร

การลืมรับประทานยาก่อนอาหาร

ถ้าลืมรับประทานยาก่อนอาหาร หรือนึกได้ว่าต้องรับประทานยาก่อนที่จะทานอาหารไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การทานยาก่อนอาหารทันที จึงไม่ต่างกับการรับประทานยาหลังอาหาร ควรข้ามยามื้อที่ลืมไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหลั่งอินซูลิน กรณียาที่รับประทานก่อนอาหารเพราะยาจะถูกทำลายหรืออาหารอาจลดการดูดซึมของยา อาจรอให้กระเพาะอาหารว่างก่อนแล้วค่อยรับประทานยาก็ได้ ซึ่งก็คือประมาณ 2 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหาร แต่ยาที่ต้องรับประทานในมื้อถัดไปอยู่แล้ว ให้ทานยาก่อนอาหารมื้อถัดไปแทนได้เลย ไม่ต้องทานยาซ้ำ

2. ยาหลังอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารทันทีและไม่ควรนานเกิน 15 นาทีหลังอาหารยาหลังอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารทันที อาจทานพร้อมอาหารหรือก่อนรับประทานอาหารคำแรกก็ได้ เพราะไม่ว่าจะกรณีใด ยาจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหารพร้อมกับอาหารที่รับประทานเหมือนๆ กัน ยาที่ควรรับประทานหลังอาหาร เนื่องจาก

• ยามีผลข้างเคียงที่สำคัญคือ ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน การรับประทานพร้อมหรือหลังอาหารทันทีจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้

• ต้องการกรดในกระเพาะอาหารช่วยในการดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งกรดในกระเพาะอาหารจะหลั่งสูงสุดในระหว่างที่รับประทานอาหารเท่านั้นการลืมรับประทานยาหลังอาหาร

ถ้าลืมรับประทานยาหลังอาหาร สามารถรับประทานยาได้ทันทีที่นึกได้และไม่เกิน 15 นาที แต่ถ้านึกได้หลังจากรับประทานอาหารมากกว่า 15 นาทีแล้ว ควรรอรับประทานหลังอาหารในมื้อถัดไปแทน หรืออาจรับประทานอาหารมื้อย่อยแทนมื้อหลักก่อนรับประทานยาก็ได้ กรณีที่ยานั้นมีความสำคัญมาก

3. ยาก่อนนอน ควรรับประทานยาก่อนเข้านอน 15-30 นาที

ยาที่แนะนำให้รับประทานก่อนนอนมีหลายประเภท แต่โดยทั่วไป ควรรับประทานก่อนนอน 15-30 นาที เนื่องจาก

• ยามีผลข้างเคียงสำคัญคือทำให้ง่วงนอน หรือวิงเวียนศีรษะมาก ถ้ารับประทานก่อนนอนนานเกินไป อาจส่งผลต่อให้ผู้รับประทานยาทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ กรณีที่ยังไม่พร้อมจะเข้านอน

• ยาที่ช่วยให้นอนหลับ มักใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีก่อนที่จะออกฤทธิ์ช่วยให้หลับ

การลืมรับประทานยาก่อนนอน

ถ้าลืมรับประทานยาก่อนนอน มักนึกได้เมื่อถึงเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว ไม่ควรรับประทานยานั้นอีก ควรรอให้ถึงเวลาก่อนเข้านอนในคืนถัดไปค่อยรับประทานยานั้น

4. ยารับประทานเวลามีอาการ ควรรับประทานเมื่อมีอาการจริงๆ

ยาในกลุ่มนี้ มักระบุในฉลากว่ารับประทานทุก 4-6 ชั่วโมง ทุก 8 ชั่วโมง หรือทุก 12 ชั่วโมง เวลามีอาการ เมื่อมีอาการสามารถรับประทานยาได้เลย ไม่ต้องคำนึงถึงมื้ออาหาร เนื่องจากไม่ว่าจะรับประทานอาหารหรือไม่ ก็ไม่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หลังรับประทานยาแล้วถ้ายังมีอาการอยู่สามารถทานยาซ้ำได้ ตามระยะเวลาที่ระบุไว้ ไม่ควรรับประทานบ่อยกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก เมื่อหายแล้วสามารถหยุดยาได้เลย

หมายเหตุ ยาบางประเภท อาจมีวิธีรับประทานยานอกเหนือไปจากยาโดยทั่วๆ ไปข้างต้น รวมทั้งยาบางประเภทอาจรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แล้วแต่สะดวก เนื่องจากยาอาจมีการออกฤทธิ์ที่พิเศษหรือมีผลข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งผู้ทำหน้าที่ส่งมอบยาเหล่านี้จะอธิบายวิธีการรับประทานเป็นกรณีๆ ไป

บทความโดย : ภก.ธีรัตถ์ เหลืองมั่นคง ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


ขั้นตอนจดแจ้งปลูกกัญชา กัญชง ผ่านแอปฯ “ปลูกกัญ” เริ่ม 9 มิ.ย.

เปิด 3 ขั้นตอนจดแจ้งข้อมูลปลูกกัญชา กัญชง ผ่านเว็บไซต์-แอปฯ “ปลูกกัญ” ปลดล็อก 9 มิ.ย. ประชาชนปลูกใช้ในครัวเรือนเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ “กัญชา กัญชง” เป็นพืชชนิดหนึ่งที่หลายคน เฝ้ารอให้มีการอนุญาตปลูก จำหน่าย และพกพาติดตัวได้อย่างถูกกฎหมายในไทย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ประกาศ เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ส่งผลให้ กัญชา กัญชงไม่เป็นยาเสพติดประเภท 5 อีกต่อไป มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565

สำหรับประชาชนที่ต้องการจะปลูกกัญชา กัญชง ไม่ต้องขออนุญาต แต่จะต้องมีการจดแจ้งผ่านเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” ตามขั้นตอนที่ “ประชาชาติธุรกิจ” สรุปมาให้ ดังนี้

วิธีจดแจ้งปลูกกัญชา

• เข้าสู่เว็บไซต์ http://plookganja.fda.moph.go.th/ หรือแอปพลิเคชั่น ปลูกกัญ สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ แอนด์ดรอยด์

• ทำการลงทะเบียน

• จดแจ้งตามวัตถุประสงค์

• รับเอกสารจดแจ้งอิเล็กทรอนิกส์

นำเข้าผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง ได้หรือไม่

เนื่องจากกัญชา กัญชง ไม่ถูกจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 แล้ว การนำเข้าจึงไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าตามประมวลกฎหมาย แต่ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์การใช้งานบนฉลากผลิตภัณฑ์หรือความมุ่งหมายของผู้ผลิต ดังนี้

• กรณีอาหาร จัดเป็นอาหารห้ามนำเข้าตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 424 พ.ศ.2564 ที่ออกตามมาตรา 6(8) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท

• กรณีเครื่องสำอาง จัดเป็นเครื่องสำอางที่ห้ามนำเข้าตามประกาศฯ ที่ออกตามความในมาตรา 6(1) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามความในพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558

• กรณีการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น ๆ

ปลูกกัญชา กัญชงเพื่อจำหน่ายทำอย่างไร

อย่างไรก็ตามการจดแจ้งปลูกกัญชา กัญชงในครั้งนี้ เป็นการปลูกในครัวเรือนเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการปลูกเชิงพาณิชย์ ทางกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่มีไกด์ไลน์สำหรับการปลูกกัญชาเชิงพาณิชย์ ในช่วงก่อนที่ พ.ร.บ. จะบังคับใช้ แต่ตามร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … การปลูกเพื่อจำหน่ายมีแนวปฏิบัติดังนี้

ผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขาย ต้องขออนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือผู้ซึ่งเลขาฯ อย. มอบหมาย โดยใบอนุญาตแต่ละชนิดจะมีค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดใบอนุญาต เช่น ใบอนุญาตปลูก ค่าธรรมเนียม 50,000 บาท ใบอนุญาตสกัด ค่าธรรมเนียม 50,000 บาท ใบอนุญาตจำหน่าย ค่าธรรมเนียม 5,000 บาท เป็นต้น

สำหรับผู้ที่ผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย โดยไม่มีใบอนุญาต จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ที่มีใบอนุญาตเดิมที่ออกตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาต ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะ กัญชง พ.ศ. 2563 และกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาต ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะ กัญชา พ.ศ. 2564 ให้ถือเป็นใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ใหม่นี้ และใช้ได้จนสิ้นอายุใบอนุญาต กระจายกล้ากัญชา 1 ล้านต้น

นอกจากนี้ ในวันที่ 9 มิถุนายน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะกระจายต้นกล้ากัญชา 1 ล้านต้น เป็นต้นพันธุ์ให้กับประชาชน โดยกระทรวงเกษตรฯ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชาและกัญชง ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตแบบครบวงจร