ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ระบุดาวเคราะห์เพิ่มในระบบดาวฤกษ์ 2 ดวง

ระบบดาว circumbinary planet คือระบบที่มีดาวเคราะห์โคจรรอบดาวฤกษ์ 2 ดวงที่อยู่ตรงใจกลาง ต่างไปจากระบบสุริยะของเรา ที่ดาวเคราะห์ทั้งหลาย รวมถึงโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งในปี 2563 กล้องโทรทรรศน์อวกาศเทสส์ (The Transiting Exoplanet Survey Satellite-TESS) ขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ 2 ดวง ระบบดาวแห่งนี้ชื่อ TOI-1338 หรืออีกชื่อคือระบบดาว BEBOP-1 ซึ่ง BEBOP ย่อมาจาก Binaries Escorted By Orbiting Planets และดาวเคราะห์ที่ค้นพบครั้งนั้นมีชื่อว่า TOI-1338b

ล่าสุด นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ในอังกฤษ เปิดเผยการค้นพบดาวเคราะห์อีกดวงในระบบดาว TOI-1338/BEBOP-1 ดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่พบต่อจาก TOI-1338b ได้รับการตั้งชื่อว่า BEBOP-1c ถูกอธิบายว่า มันมีคาบการโคจร 215 วัน และมีมวลมากกว่าโลก 65 เท่า ทว่าน้อยกว่ามวลดาวพฤหัสบดีประมาณ 5 เท่า อย่างไรก็ตาม ทีมนักดาราศาสตร์ยังไม่รู้ถึงขนาดของดาวเคราะห์ BEBOP-1 รู้ก็แต่เพียงมวลของมัน

และในขณะนี้ มีเพียงดาวเคราะห์ 2 ดวงเท่านั้นที่พบว่ามีอยู่ในระบบดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ 2 ดวง ของ TOI-1338/BEBOP-1 แต่เชื่อว่าอาจมีการระบุเพิ่มเติมในอนาคตด้วยการสังเกตที่คล้ายคลึงกัน


ไอร์แลนด์ชวนคนย้ายไปอยู่เกาะ แจกเงินสูงสุดกว่า 3 ล้าน

ทางการไอร์แลนด์ ประกาศโครงการแจกเงินให้คนที่ยินยอมย้ายไปอยู่บนเกาะต่าง ๆ ทางฝั่งทะเลด้านตะวันตก ประมาณ 30 แห่ง ตามเงื่อนไข รัฐบาลไอร์แลนด์ ประกาศโครงการ Our Living Islands ที่มีข้อเสนอมอบเงินสูงสุดถึง 84,000 ยูโร (ราว 3.19 ล้านบาท) ให้ประชาชนที่ยินดีย้ายไปอยู่อาศัยในเกาะหลายเกาะตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมีประชากรอยู่อาศัยน้อยและเดินทางติดต่อกับแผ่นดินใหญ่ได้ยาก เนื่องจากไม่มีสะพานเชื่อม และอาจโดนตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่เพราะกระแสน้ำผันผวน

ในบรรดาเกาะ 30 แห่งของโครงการนี้ มีหลายเกาะที่ได้ชื่อว่ามีทิวทัศน์สวยงาม เป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ และบางเกาะก็เป็นสถานที่จัดการแข่งกีฬาทางน้ำ เช่น เกาะอินิส มอร์, อาราอินน์ มอร์ ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งของเมืองโดเนกัล

ทางการไอร์แลนด์ชี้แจงว่า เป้าหมายของโครงการนี้ ก็คือเพิ่มจำนวนประชากรบนเกาะ เพื่อช่วยชุมชนบนเกาะเหล่านี้ให้ยังคงมีอยู่ และรักษาความมีชีวิตชีวาของชุมชนต่อไปอีกหลาย ๆ ปี โดยโครงการนี้จะเริ่มเปิดรับสมัครผู้อาศัยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2566 เป็นต้นไป

เป้าหมายหลักของโครงการยังรวมถึงการปรับปรุงอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่ไม่มีคนอยู่ หรือไม่มีคนใช้งานและเริ่มเสื่อมโทรม ให้เป็นบ้านสำหรับพักอาศัยในระยะยาวของคนในชุมชน

ในส่วนของการแจกเงินสำหรับผู้อยู่อาศัยใหม่บนเกาะนั้น มีเงื่อนไขว่า คนที่ย้ายไปอยู่บนเกาะ จะต้องเป็นเจ้าของที่ดินหรืออาคารที่สร้างขึ้นก่อนปี ค.ศ. 1993 และจะต้องเป็นอาคารที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยเลยอย่างน้อย 2 ปี และเงินที่แจกให้นี้ จะต้องนำมาใช้จ่ายเพื่อการปรับปรุงซ่อมแซมโครงสร้างอาคาร ติดตั้งฉนวนรักษาอุณหภูมิและตกแต่งอาคารเสียใหม่เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวต่างชาตินั้น การเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สินในไอร์แลนด์ ไม่ใช่การรับประกันว่าจะทำให้ได้สิทธิในการอยู่อาศัยในประเทศแต่อย่างใด

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES


'ห้ามอาบน้ำหลังกินข้าว' จริงหรือไม่ เช็ก 6 สิ่ง ไม่ควรทำ 'หลังกินข้าว'

สารพัดคำถาม 'ห้ามอาบน้ำหลังกินข้าว' จริงหรือไม่ เช็ก 6 สิ่ง ที่ไม่ควรทำ หรือ ควรเลี่ยง 'หลังกินข้าว' เพื่อ สุขภาพ ที่ดี

“ห้ามอาบน้ำหลังกินข้าว” จริงหรือไม่ เป็นคำถาม ที่ถูกถามบ่อย เช่นเดียวกับ ทำไมถึง ห้ามนอนหลังกินข้าว เพราะโดยปกติหลังกินอาหารเสร็จ กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนที่เชื่อมต่อกับกระเพาะอาหารจะเปิดหลังจากที่เรากลืน ทำให้อาหารสามารถที่จะเคลื่อนผ่านจากหลอดอาหารลงสู่กระเพาะอาหารได้ และจะปิดอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้ามาสู่หลอดอาหาร

แต่ถ้ากล้ามเนื้อหูรูดนี้ทำงานผิดปกติ หรือมีความแข็งแรงลดลง จะทำให้อาหารและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมาที่หลอดอาหาร ทำให้เป็นกรดไหลย้อนได้ คมชัดลึก รวบรวม สิ่งที่ไม่ควรทำ หรือ ควรเลี่ยง “หลังกินข้าว” เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

หลังกินข้าว ห้ามทำอะไร

1. หลังกินข้าว ห้ามสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่หลังกินอาหารอิ่ม จะเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพถึง 10 เท่า และเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคถุงลมโป่งพอง และมะเร็งปอดมากขึ้น

2. หลังกินข้าว ห้ามกินผลไม้ทันที เชื่อว่าหลายคนคงทำเป็นประจำ แต่การรับประทานผลไม้ทันที จะส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ท้องอืดได้ ดังนั้น ควรรับประทานผลไม้ ก่อน หรือ หลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง

3. หลังกินข้าว ไม่ควรดื่มชา การดื่มชาหลังอาหารทันที หรือดื่มช่วงใกล้มื้ออาหาร จะทำให้การดูดซึมอาหารลดน้อยลง เพราะในใบชามีความเป็นกรดสูง ทำให้โปรตีนที่กินเข้าไปเกิดการย่อยยาก

4. หลังกินข้าวห้ามนอนทันที ไม่ว่าจะเป็นการนอนเอนหลัง หรือนอนลงไปบนเตียงเลย ไม่ควรทำ เพราะการนอนทันทีหลังกินอาหาร อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคกรดไหลย้อนได้ ซึ่งควรนั่งเฉยๆ ประมาณ 30 นาที- 1 ชั่วโมง ค่อยเอนหลัง หรือนอน และไม่ควรกินอะไรก่อนเข้านอน 3-4 ชั่วโมงด้วย

5. หลังกินข้าวไม่ควรออกกำลังกาย กินอาหารเสร็จออกกำลังกายทันที ก็จะเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดอาการ “จุกท้อง” ระหว่างออกกำลังกายได้ แต่ถ้าอยากจะออกกำลังกายจริงๆ ก็ควรออกแบบเบาๆ เช่น เดินช้าๆ เหมือนเดินเล่น โดยการขยับกล้ามเนื้อเบาๆ แบบนี้จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้นด้วย ห้ามออกกำลังกายหลังกินข้าว

6. หลังกินข้าวไม่ควรแปรงฟันทันที อาหารที่ว่า โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เช่น ยำ ส้ม น้ำมะนาว ฯลฯ เพราะอาหารรสเปรี้ยว มักมีส่วนประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด ที่สามารถทำลายชั้นเคลือบฟันได้ จึงควรงดการใช้แปรง ขัดถูพื้นผิวฟัน ในช่วงที่สัมผัสกับกรดจากมะนาว หรือ ส้ม และอาหารรสเปรี้ยวไปก่อนประมาณ 15-30 นาที แล้วค่อยแปรงฟัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการทำให้ฟันสึกกร่อน

ข้อมูลจาก ผศ.นพ.มล.ทยา กิติยากร ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายว่า การอาบน้ำอุ่น หรือ น้ำร้อนทันทีหลังรับประทานอาหาร เลือดอาจจะไปเลี้ยงที่ผิวหนัง มากกว่าจะลงไปช่วยให้ระบบย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงอาจเกิดปัญหาไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการอาบน้ำร้อน จะทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงที่ผิวหนังมากขึ้นก็จริง แต่จะไม่ได้มากจนทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหา ดังนั้น จึงสามารถอาบน้ำหลังรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่หากใครยังกังวล ก็สามารถเลือกอาบน้ำในอุณหภูมิห้อง แทนการอาบน้ำร้อน หรือน้ำอุ่นได้

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแนวทาง ในการดูแลรักษาสุขภาพ เพราะถ้าหากไม่ปรับพฤติกรรม ก็อาจเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้ ดังนั้น “หลังกินข้าว” ควรนั่งพักเพื่อย่อยอาหาร ทำอะไรเบาๆ และหลีกเลี่ยงทั้ง 6 ข้อ ที่กล่าวมา เพื่อสุขภาพที่ดี


ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน5จังหวัดไทยเมืองสร้างสรรค์ อาหาร-หัตถกรรม-ออกแบบ

ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน 5 จังหวัดของไทย “เพชรบุรี – สุโขทัย - กรุงเทพฯ – ภูเก็ต – เชียงใหม่” เป็นเมืองสร้างสรรค์ ด้านอาหาร หัตถกรรมพื้นบ้าน และการออกแบบ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจประเทศ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network : UCCN)ได้ขึ้นทะเบียน 5 จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพฯ สุโขทัย และเพชรบุรีให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ ด้านอาหาร หัตถกรรมพื้นบ้าน และการออกแบบ ดังนี้

- จังหวัดภูเก็ต ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร เมื่อปี 2558 โดยภูเก็ตมีวัฒนธรรมการทำอาหารแบบดั้งเดิมและเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ส่งผ่านระหว่างรุ่น สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจท้องถิ่นจากอาหารได้กว่า 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปี

- จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน เมื่อปี 2560 โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เชียงใหม่ยังคงสืบสานและสนับสนุนอุตสาหกรรมงานฝีมือ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดมายาวนาน ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเงิน ไม้แกะสลัก การปักไหม และเครื่องเขิน โดยปัจจุบันเชียงใหม่เป็นแหล่งจ้างงานหลักของอุตสาหกรรมงานฝีมือของผู้ประกอบการถึง 159 แห่ง

- กรุงเทพมหานคร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ เมื่อปี 2562 โดยกรุงเทพฯ มีความหลากหลายของประชากร มีการผสมผสานระหว่างสุนทรียภาพแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ ทำให้เกิดวิวัฒนาการการออกแบบของเมือง ผ่านช่างฝีมือ ผู้ประกอบการ และชุมชนการผลิตเชิงสร้างสรรค์มีอยู่ทั่วเมือง

- จังหวัดสุโขทัย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน เมื่อปี 2562 โดยสุโขทัยมีมรดกทางศิลปะและหัตถกรรมดั้งเดิมอันยาวนาน และเป็นศูนย์กลางการผลิตช่างฝีมือซึ่งมีกว่า 1,300 คนที่ทำงานในชุมชน เช่น ผ้าทอ เครื่องประดับทองและเงิน เซรามิก และเครื่องสังคโลก โดยงานฝีมือดังกล่าวสะท้อนถึงภูมิปัญญาโบราณ และการยกระดับเศรษฐกิจของสุโขทัย

- จังหวัดเพชรบุรี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร เมื่อปี 2564 โดยเพชรบุรีมีความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ และระบบนิเวศ ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบคุณภาพสูง มีสูตรอาหารดั้งเดิมของชุมชน และการผสมผสานประเพณีเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ ทำให้อาหารท้องถิ่นได้รับการดัดแปลงให้แพร่หลายมากขึ้นในระดับชาติและระดับโลก

สำหรับเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (https://en.unesco.org/creative-cities) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ต่อยอดมาจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกขององค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) หรือยูเนสโก โดยเป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ผ่านนโยบายระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับนานาชาติที่เชื่อมโยงกับเมืองต่าง ๆ กว่า 300 เมืองทั่วโลก เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งเมืองสมาชิกจะต้องตรวจสอบความก้าวหน้าและจัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามเกณฑ์ของโครงการทุก 4 ปี โดยแบ่งออกเป็น 7 สาขา ได้แก่ หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts & Folk Art) การออกแบบ (Design) ภาพยนตร์ (Film) อาหาร (Gastronomy) วรรณกรรม (Literature) สื่อศิลปะ (Media Arts) และดนตรี (Music)


พบธาตุองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต บนดวงจันทร์ของดาวเสาร์

สถาบันวิจัยดาราศษสตร์แห่งชาติ(สดร.) โดย ดร. มติพล ตั้งมติธรรม – นักวิชาการดาราศาสตร์ เขียนบทความ พบธาตุองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต บนดวงจันทร์ของดาวเสาร์ ระบุว่า

ทีมนักวิจัยนานาชาติ ได้ใช้ข้อมูลจากยานสำรวจอวกาศแคสสินี (Cassini) โดยองค์การนาซา ยืนยันการมีอยู่ของธาตุฟอสฟอรัสในมหาสมุทรใต้พื้นพิภพของดวงจันทร์เอนเซลาดัส (Enceladus) ของดาวเสาร์ ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature ซึ่งการค้นพบนี้ นับเป็นการค้นพบธาตุฟอสฟอรัสเป็นครั้งแรกในมหาสมุทรนอกโลกของเรา และฟอสฟอรัสยังนับเป็นธาตุองค์ประกอบสำคัญสุดท้ายที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตที่สามารถพบได้ในมหาสมุทรใต้เอนเซลาดัส ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่ชีวิตต่างดาวนอกไปจากโลกของเรา อาจจะหาพบได้ง่ายกว่าที่เคยคาดคิดเอาไว้

#เอนเซลาดัส เป็นดวงจันทร์น้ำแข็งขนาดเล็กที่โคจรอยู่ในวงแหวนของดาวเสาร์ ปัจจุบันเราทราบดีแล้วว่า ภายใต้พื้นผิวที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งของดวงจันทร์ดวงนี้ เต็มไปด้วยมหาสมุทรใต้พื้นพิภพ ที่อาจจะปะทุทะลุชั้นน้ำแข็ง พ่นองค์ประกอบของมหาสมุทรนี้กลายเป็นชิ้นน้ำแข็งขนาดเล็ก ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวน E ring ของดาวเสาร์ ไปในที่สุด

องค์การนาซา ส่งยานสำรวจอวกาศแคสสินีไปสำรวจดาวเสาร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 จนถึงวาระสุดท้ายที่ยานแคสสินีเผาไหม้ไปในชั้นบรรยากาศของดาวเสาร์ในปี ค.ศ. 2017 โดยหนึ่งในภารกิจของยานสำรวจอวกาศแคสสินี ก็คือการศึกษาดวงจันทร์และวงแหวนของดาวเสาร์ และด้วยยานอวกาศแคสสินีนี้เองที่ยืนยันว่า ภายใต้พื้นผิวของดวงจันทร์เอนเซลาดัสนั้นเต็มไปด้วยมหาสมุทรที่ประกอบด้วยน้ำที่อยู่ในสถานะของเหลว จากภาพถ่ายที่ยืนยันให้เห็นถึง “ภูเขาไฟน้ำแข็ง” พ่นน้ำแข็งไปยังวงแหวนของดาวเสาร์

นอกจากนี้ ยานสำรวจอวกาศแคสสินี ยังได้โฉบผ่านละอองที่พ่นออกมาจากภูเขาไฟน้ำแข็งเหล่านี้ และเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์ ถึงแม้ว่าปัจจุบันเรายังไม่มีเทคโนโลยีที่จะสามารถนำตัวอย่างนั้นกลับมาบนโลกได้ แต่เครื่องมือวิเคราะห์องค์ประกอบบนยานสำรวจ ก็ได้ยืนยันการมีอยู่ของธาตุ และสารประกอบมากมายในมหาสมุทรของดวงจันทร์ดวงนี้ ตั้งแต่โซเดียม โพแทสเซียม คาร์บอเนต คลอรีน ฯลฯ

การค้นพบมหาสมุทร และองค์ประกอบของน้ำในมหาสมุทรเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากความเข้าใจในสิ่งมีชีวิตที่เรามีในปัจจุบันบ่งชี้ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะต้องอาศัยน้ำในรูปของเหลว และจะต้องมีธาตุองค์ประกอบที่สำคัญอีกอย่างน้อยหกธาตุ ได้แก่ คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน กำมะถัน และฟอสฟอรัส

สำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกนั้น “ฟอสฟอรัส” เป็นธาตุองค์ประกอบที่สำคัญในสารพันธุกรรม ทั้ง DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตบนโลกทุกชนิด และสามารถพบได้ในกระดูก เยื่อหุ้มเซลล์ ในแพลงก์ตอน นอกจากนี้ฟอสฟอรัสยังเป็นธาตุองค์ประกอบสำคัญของ ATP หรือสารประกอบที่ทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึมของสิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งปวง ชีวิตบนโลกนั้นจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้เลยหากปราศจากฟอสฟอรัส

แม้ว่าเราจะเคยพบธาตุห้าตัวแรกมาก่อนแล้ว แต่ฟอสฟอรัสนั้นยังคงเป็นธาตุสำคัญของสิ่งมีชีวิตธาตุสุดท้ายที่ยังไม่เคยพบบนมหาสมุทรของดาวเคราะห์หรือดวงจันทร์ดวงอื่นเลย ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากฟอสฟอรัสเป็นธาตุที่หาได้ค่อนข้างยากในเอกภพ และยังเป็นธาตุที่ละลายในน้ำได้ค่อนข้างยาก ซึ่งข้อมูลของยานแคสสินีช่วงที่โคจรผ่านละอองของภูเขาไฟน้ำแข็งจากเอนเซลาดัส ก็ไม่สามารถยืนยันได้ถึงการมีอยู่ของธาตุอันสำคัญนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อทีมนักดาราศาสตร์ได้ลองนำข้อมูลที่ได้จากการเก็บตัวอย่างของ E ring ในวงแหวนดาวเสาร์ ซึ่งประกอบขึ้นจากเกล็ดน้ำแข็งที่มาจากละอองของภูเขาไฟน้ำแข็งจากเอนเซลาดัสแล้ว นักดาราศาสตร์ก็ได้ยืนยันถึงการมีอยู่ของเกลือฟอสเฟต ที่เต็มไปด้วยธาตุฟอสฟอรัสภายในองค์ประกอบของน้ำแข็งเหล่านี้ หลักฐานนี้ ไม่เพียงแค่บ่งชี้ถึงการมีอยู่ของเกลือฟอสเฟตในมหาสมุทรของเอนเซลาดัสเพียงเท่านั้น แต่ข้อมูลยังบ่งชี้ว่าเกลือฟอสเฟตภายใต้มหาสมุทรของเอ็นเซลาดัสนั้นอาจจะมีความเข้มข้นสูงกว่าบนโลกถึงกว่า 100 เท่าเลยทีเดียว

เท่ากับว่า ครั้งนี้…เป็นการ #ยืนยันการค้นพบธาตุองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิตธาตุที่หก #ในมหาสมุทรของวัตถุอื่นนอกโลกเป็นครั้งแรก! และนี่จึงทำให้มหาสมุทรภายใต้ดวงจันทร์เอนเซลาดัสของดาวเสาร์ มีธาตุองค์ประกอบที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตครบทั้งหกธาตุ และทำให้ดวงจันทร์นี้กลายเป็นสถานที่ที่มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่มากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากโลกไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม การมีธาตุองค์ประกอบที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตอยู่ครบนั้น ก็ยังไม่สามารถยืนยันของการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตได้ และปัจจุบันโลกของเรายังคงเป็นวัตถุเพียงดวงเดียวในเอกภพ ที่มีหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตอย่างชัดเจน และการค้นพบธาตุองค์ประกอบทั้งหกที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกบนดาวดวงอื่นในครั้งนี้ ยังพบว่ามีความเป็นไปได้อีกมากที่จะค้นพบสิ่งมีชีวิตอื่นในเอกภพ

เพราะหากองค์ประกอบของมหาสมุทรที่อยู่ภายใต้พื้นผิวดวงจันทร์เอนเซลาดัส เป็นองค์ประกอบที่พบได้ทั่วไปในมหาสมุทรธรรมดาบนดาวดวงอื่นอีกหลายดวง เท่ากับว่าการพบธาตุทั้งหกในมหาสมุทรอาจจะเป็นเรื่องปรกติ และอาจยังมีวัตถุอีกมากที่จะมีองค์ประกอบเพียงพอต่อการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะทำให้การค้นพบสิ่งมีชีวิตในเอกภพง่ายกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้

และการจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ เราอาจจะต้องศึกษาดวงจันทร์น้ำแข็งเหล่านี้เพิ่มเติมจากโครงการต่างๆ เช่น โครงการ Europa Clipper ของนาซา หรือ โครงการ Breakthrough Enceladus mission ที่จะเป็นโครงการสำรวจอวกาศโดยภาคเอกชนโครงการแรก ในอนาคตอันใกล้เราอาจจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยการส่งยานสำรวจที่จะสามารถละลายพื้นผิวน้ำแข็งและไปดำอยู่ภายใต้มหาสมุทรใต้พื้นพิภพของดวงจันทร์เหล่านี้โดยตรง

อ้างอิง:

[1] https://www.nature.com/articles/s41586-023-05987-9


เช็กด่วน 4 โรคร้าย ยอดฮิตในผู้สูงอายุ ส่งสัญญาณอันตราย รีบดูแล

หมอแล็บเตือน 4 โรคร้ายสุดอันตรายถึงชีวิต ที่ลูกๆ หลานๆ ต้องใส่ใจ พบมากสุดในกลุ่มผู้สูงอายุ ก่อนทำลายร่างกายจนยากที่จะรักษา แนะเช็กร่างกายทุกปี

กลายเป็นเคสที่ถูกพูดถึง และแชร์กันยกใหญ่ในโลกโซเชียลฯ เมื่อ “ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน” นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง เจ้าของแฟนเพจ “หมอแล็บแพนด้า” ออกมาโพสต์ถึงสถิติ 4 โรคร้าย ที่พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ พร้อมแนะนำไม่ควรมองข้าม หากส่งสัญญาณอันตราย ครอบครัวควรหมั่นพาท่านไปตรวจสุขภาพประจำปี

“บ้านใครมีผู้สูงวัยบ้างเอ่ย

ที่จริงแล้วผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องระวังทุกย่างก้าวเหมือนเด็กทารกเลยนะครับ ต้องเอาเข้าศูนย์บ่อย ๆ แต่ไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยนอีกแล้ว

เหมือนไม้ใกล้ฝั่งที่เป็นที่รักของโรคต่างๆนานา แต่มีอยู่ 4 โรคที่จัดอันดับแล้วพบมากที่สุดในผู้สูงอายุครับ ซึ่งเป็นโรคร้ายที่รุนแรงและอันตรายถึงชีวิตที่ลูกๆหลานๆ ต้องใส่ใจ และหมั่นพาท่านไปตรวจสุขภาพบ้างนะครับ ก่อนที่มันจะทำลายร่างกายจนยากที่จะรักษา

1. #โรคมะเร็ง โรคยอดนิยมที่ไม่มีใครอยากพบเจอ อันที่จริงมะเร็งสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้คนทุกช่วงวัย เมื่อวานก่อนไอ้เบ๊นข้างบ้านผมก็ตรวจเจอมะเร็ง แต่อัตราการเกิดโรคมะเร็งจะพบมากที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุ ด้วยปัจจัยทางด้านร่างกายที่อ่อนแอลง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้มากขึ้นกว่าวัยอื่นๆ

2. #โรคหัวใจ เป็นอีกโรคที่เกิดขึ้นได้กับผู้คนทุกเพศ ทุกวัย แต่หากเกิดกับผู้สูงอายุอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โรคหัวใจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะกรรมพันธุ์ ระดับน้ำตาลในร่างกายสูง ความดันสูง หรือการเครียดสะสม ก็ทำให้เกิดโรคหัวใจได้ ผู้สูงอายุควรเรียนรู้การปล่อยวางเพื่อลดอาการเครียด ทานอาหารที่ดี และหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ

3. #โรคทางสมอง อย่างโรคหลอดเลือดสมองตีบ (STROKE) และโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) เป็นโรคที่พบได้มากในผู้สูงอายุ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตมากพอสมควร ควรหมั่นพาคุณพ่อคุณแม่ไปตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ และควรทำความเข้าใจกับพฤติกรรมต่างๆ ของโรคทางสมองในผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

#โรคกระดูก ไม่ว่าจะเป็นกระดูกพรุน ข้อเข่าเสื่อม โรคฮิตในผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นตามสภาพร่างกายที่เสื่อมลงทุกวัน ควรเลือกทานอาหารที่เสริมสร้างมวลกระดูก อย่างผักผลไม้ที่ให้วิตามินซีและดี ทานปลาเพื่อเสริมกรดไขมันโอเมก้า 3 รวมถึงออกกำลังกายเบาๆอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่พาปู่ย่าไปเตะบอลนะ เบาได้เบา ก็จะช่วยให้กระดูกและร่างกายกลับมาแข็งแรงขึ้นได้

เพื่อให้ผู้มีพระคุณที่คุณรักห่างไกลจาก 4 โรคร้ายนี้ ควรหมั่นพาท่านไปตรวจสุขภาพประจำปี หรือทุกๆ 6 เดือนอยู่เสมอ เพราะการป้องกันทำได้ง่ายกว่าการรักษา อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะชีวิตพ่อแม่ไม่สามารถกดรีสตาร์ทได้แบบการเล่นเกม ไม่ใช่คอนทร่า 30 ชีวิต ดูแลผู้สูงอายุในบ้านให้ดีนะคร้าบ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง

วันเกิดท่านอาจจะเสริมด้วยการพาท่านไปตรวจสุขภาพประจำปีก็ดีเหมือนกันนะครับ”