ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 25 กันยายน 2564

ตะลึง ภูเขาไฟสเปนปะทุ พ่นลาวาแดงเดือด อพยพประชาชนหนีนับพันคน

ภูเขาไฟในหมู่เกาะคานารีของสเปน ปะทุลาวาพุ่งสูงไปในอากาศครั้งแรกในรอบ 50 ปี ลาวาบางส่วนไหลตามเนินเขาลงมาใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย เคราะห์ดีก่อนหน้านี้ทางการสั่งอพยพคนแล้วนับพันคน

ภูเขาไฟ "คุมเบร วีฮา" (Cumbre Vieja) บนเกาะลา ปาลมา ในหมู่เกาะคานารี ของสเปน เกิดการปะทุลาวาสีแดงส้ม และเถ้าถ่านควันไฟสีดำออกมาจากปากปล่องอย่างน้อย 2 แห่ง หลังจากที่นักธรณีวิทยาตรวจพบสัญญาณอันตรายและได้มีการเตือนและเฝ้าระวังมาตลอดเกือบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดการปะทุรอบนี้ นักธรณีวิทยาตรวจพบแรงสั่นสะเทือน 4.2 แมกนิจูด บริเวณเขตคาเบซ่า เดอ วากา ตรงเนินด้านตะวันตกของแนวสันเขาที่ทอดตัวไปสู่บริเวณชายฝั่ง

จนถึงช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 19 ก.ย. ลาวายังคงไหลลงไปตามเนินเขาทับบ้านเรือนของประชาชนหลายสิบหลังในเมืองเอล ปาโซ และมีความเป็นไปได้ว่าจะไหลไปถึงบริเวณชายฝั่งทะเล ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทางการสั่งอพยพประชาชนกว่า 1,000 คนที่อาศัยอยู่ในรัศมีใกล้ภูเขาไฟออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย แต่ล่าสุดสำนักงานป้องกันพลเรือนระบุว่า อาจมีความจำเป็นต้องอพยพเพิ่มอีก 10,000 คน

นายเซอร์จิโอ โรดริเกซ นายกเทศมนตรีเมืองเอล ปาโซ เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้ยังมีคำสั่งปิดถนนและเตือนให้ประชาชนบนเกาะเฝ้าระวังอย่าเข้าไปใกล้รัศมีรอบภูเขาไฟ พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากลาวา ได้แก่ เอล ปาไรโซ อัลคาลา และพื้นที่โดยรอบ

ขณะเดียวกัน นายมารีอาโน เฮอร์นานเดซ ประธานฝ่ายบริหารเกาะลา ปาลมา เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บจากการระเบิดของภูเขาไฟลูกนี้

ด้าน นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ยกเลิกกำหนดการเยือนนครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ เพื่อร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ และเตรียมเดินทางไปหมู่เกาะคานารี เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ภูเขาไฟในหมู่เกาะของสเปนแห่งนี้ เคยเกิดการระเบิดครั้งหลังสุดคือเมื่อปี 2514 หรือเมื่อ 50 ปีก่อน ในส่วนของเกาะลา ปาลมา มีประชากรประมาณ 85,000 คน เป็นหนึ่งในเกาะภูเขาไฟ 8 แห่งของหมู่เกาะคานารี.

ที่มา : France24


ตายปริศนา เพนกวิน 63 ตัวในแอฟริกาใต้นอนตายเกลื่อนบนชายหาด เชื่อถูกฝูงผึ้งต่อย

เกิดเหตุการณ์สุดแปลก เมื่อเพนกวินแอฟริกันใกล้สูญพันธุ์ 63 ตัว นอนตายบนชายหาดแอฟริกาใต้ ผลการตรวจดูตามลำตัวพบเหล็กในผึ้ง คาดว่าโดนฝูงผึ้งจู่โจม แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวอัลจาซีราห์ รายงานว่า เพนกวินแอฟริกัน ซึ่งเป็นสายพันธุ์หายาก และใกล้สูญพันธุ์ จำนวน 63 ตัวนอนตายบนชายหาดโบลเดอร์ ใกล้เมืองไซมอนส์ทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ คาดว่ามันตายเมื่อบ่ายวันที่ 16 ก.ย. หรือเช้าวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อสัตวแพทย์ตรวจสอบการตายของพวกมันก็พบว่า มีเหล็กในตามลำตัว และไม่พบร่องรอยแผลอื่นๆ คาดว่าพวกมันตายอย่างฉับพลันเพราะโดนฝูงผึ้งจู่โจมและต่อยเข้าที่อวัยวะสำคัญอย่างลูกตา นอกจากนี้ยังพบผึ้งหลายตัวตายในบริเวณใกล้กับจุดที่เพนกวินตาย

ผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธิเซาท์เทิร์น แอฟริกัน เพื่อการอนุรักษ์นกชายฝั่ง (Southern African Foundation for the Conservation of Coastal Birds-SANCCOB) และผู้เชี่ยวชาญจากอุทยานแห่งชาติแอฟริกาใต้ (South African National Parks-SANParks) เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุการตายของฝูงเพนกวิน โดยกำลังมีการตรวจสอบทางเคมีเพื่อหาสารพิษ และโรคระบาดอื่นๆ ต่อไป

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรทำให้ฝูงผึ้งหันมาจู่โจมทำร้ายเพนกวิน และหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก.

ที่มา : Aljazeera


ไขปริศนาแสงสว่างที่ลึกลับมานานเกือบ 900 ปี

ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 12 นักดาราศาสตร์ชาวจีนและญี่ปุ่นแหงนมองท้องฟ้าในปี พ.ศ.1724 และเห็นวัตถุที่ตั้งชื่อว่า “Guest star” หรือ “ดารารับเชิญ” เป็นจุดแสงแห่งใหม่ที่จู่ๆก็ส่องสว่างพอๆกับดาวเสาร์ เป็นเวลา 185 คืนก่อนจะจางหายไป นับแต่นั้นมา นักดาราศาสตร์ก็สงสัยว่าสิ่งที่พบเห็นนี้คืออะไร แต่ก็เชื่อว่าเป็นซุปเปอร์โนวาอันเป็นการระเบิดของดวงดาวที่ทิ้งเศษซากเรืองแสงไว้บนท้องฟ้ายามค่ำคืน

แม้จะรู้ตำแหน่งโดยประมาณจากการมองเห็น แต่นักดาราศาสตร์ยุคปัจจุบันก็ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของ “ดารารับเชิญ” ที่เห็นปี พ.ศ.1724 ได้

ล่าสุดทีมนักดาราศาสตร์นานาชาตินำโดยนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ อ้างว่าได้ไขความกระจ่างถึงเหตุการณ์ซุปเปอร์โนวาในครั้งนั้น ซึ่งในขณะนี้มองเห็นเป็นเพียงเมฆหรือเนบิวลาที่จางและขยายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ถูกเรียกว่า Pa30 โดยล้อมรอบดาวที่ร้อนแรงที่สุดดวงหนึ่งในกาแล็กซีทางช้างเผือก ที่รู้จักในชื่อ Parker’s Star

นักดาราศาสตร์พบว่าเนบิวลา Pa30 กำลังขยายตัวด้วยความเร็วสูงสุดมากกว่า 1,100 กิโลเมตรต่อวินาที ด้วยความเร็วนี้เทียบได้กับการเดินทางจากโลกไปยังดวงจันทร์โดยใช้เวลาเพียง 5 นาที ทว่าเมื่อคำนวณความเร็วดังกล่าวของ Pa30 ก็จะได้อายุประมาณ 1,000 ปี ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ในปี พ.ศ.1724 นั่นอาจหมายความว่าความลึกลับที่มีมานานเกือบ 900 ปีเกี่ยวกับต้นกำเนิดของแสงส่องสว่างที่พบเห็นครั้งแรกในจีนเมื่อ พ.ศ.1724 ในที่สุดก็ได้รับการแก้ไขคำตอบแล้ว.

Credit : University of Manchester


ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ลืมกินยาตามเวลา อันตรายหรือไม่

ก่อนใช้ยาในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยาชนิดใดก็ตามควรทราบถึงสาเหตุและอาการ เพื่อให้สามารถเลือกยาได้ถูกกับโรค และที่สำคัญคือ ต้องใช้ให้ถูกขนาด ถูกเวลาและถูกวิธี ดังนั้นก่อนใช้ยาควรปรึกษาเภสัชกรและศึกษาหาข้อมูลเพื่อการใช้ยาอย่างถูกต้อง ปลอดภัยทุกครั้ง ปัญหาที่มักพบเสมอเวลาจะรับประทานยา คือ ต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร และก่อนอาหารนานเท่าไหร่หลังอาหารกี่นาที ก่อนนอนนานแค่ไหน ถ้าลืมแล้วจะทำอย่างไร ข้อมูลจาก ภก.ธีรัตถ์ เหลืองมั่นคงภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำหลักการและหลักปฏิบัติที่ถูกต้องทั่วไปของวิธีการรับประทานยาเหล่านี้ ดังนี้

1.ยาก่อนอาหาร ควรรับประทานก่อนอาหาร อย่างน้อย30 นาที ยาที่รับประทานก่อนอาหาร ควรรับประทานในช่วงที่ท้องว่าง ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ซึ่งก็คือก่อนรับประทานอาหารอย่างน้อย 30 นาที เนื่องจาก

ยาอาจถูกทำลายและเสียประสิทธิภาพในการรักษา เมื่อพบกับกรดปริมาณมากที่กระเพาะอาหารจะหลั่งออกมาหลังมื้ออาหาร การรับประทานยาในช่วงที่ท้องว่าง ทำให้ยาไม่ถูกทำลาย และประสิทธิภาพของยาไม่ลดลง

อาหารและส่วนประกอบของอาหารอาจลดการดูดซึมของยาเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่สามารถรับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหารได้

ยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน รวมทั้งยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหลั่งอินซูลิน จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะออกฤทธิ์ การรับประทานยาก่อนอาหารจึงเป็นเสมือนการเตรียมพร้อมให้ระบบทางเดินอาหารก่อนจะรับประทานอาหาร

การลืมรับประทานยาก่อนอาหาร ถ้าลืมรับประทานยาก่อนอาหาร หรือนึกได้ว่าต้องรับประทานยาก่อนที่จะทานอาหารไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การทานยาก่อนอาหารทันที จึงไม่ต่างกับการรับประทานยาหลังอาหาร ควรข้ามยามื้อที่ลืมไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหลั่งอินซูลิน กรณียาที่รับประทานก่อนอาหารเพราะยาจะถูกทำลายหรืออาหารอาจลดการดูดซึมของยา อาจรอให้กระเพาะอาหารว่างก่อนแล้วค่อยรับประทานยาก็ได้ ซึ่งก็คือประมาณ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร แต่ยาที่ต้องรับประทานในมื้อถัดไปอยู่แล้ว ให้ทานยาก่อนอาหารมื้อถัดไปแทนได้เลยไม่ต้องทานยาซ้ำ

2.ยาหลังอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารทันที และไม่ควรนานเกิน 15 นาที หลังอาหาร ยาหลังอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารทันที อาจทานพร้อมอาหารหรือก่อนรับประทานอาหารคำแรกก็ได้ เพราะไม่ว่าจะกรณีใด ยาจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหารพร้อมกับอาหารที่รับประทานเหมือนๆ กัน ยาที่ควรรับประทานหลังอาหาร เนื่องจาก

ยามีผลข้างเคียงที่สำคัญคือ ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน การรับประทานพร้อมหรือหลังอาหารทันทีจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้

ต้องการกรดในกระเพาะอาหารช่วยในการดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งกรดในกระเพาะอาหารจะหลั่งสูงสุดในระหว่างที่รับประทานอาหารเท่านั้น

การลืมรับประทานยาหลังอาหาร ถ้าลืมรับประทานยาหลังอาหาร สามารถรับประทานยาได้ทันทีที่นึกได้และไม่เกิน 15 นาที แต่ถ้านึกได้หลังจากรับประทานอาหารมากกว่า 15 นาทีแล้ว ควรรอรับประทานหลังอาหารในมื้อถัดไปแทน หรืออาจรับประทานอาหารมื้อย่อยแทนมื้อหลักก่อนรับประทานยาก็ได้ กรณีที่ยานั้นมีความสำคัญมาก

3.ยาก่อนนอน ควรรับประทานยาก่อนเข้านอน 15-30 นาที ยาที่แนะนำให้รับประทานก่อนนอนมีหลายประเภท แต่โดยทั่วไป ควรรับประทานก่อนนอน 15-30 นาที เนื่องจาก

ยามีผลข้างเคียงสำคัญคือทำให้ง่วงนอนหรือวิงเวียนศีรษะมาก ถ้ารับประทานก่อนนอนนานเกินไป อาจส่งผลต่อให้ผู้รับประทานยาทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ กรณีที่ยังไม่พร้อมจะเข้านอน

ยาที่ช่วยให้นอนหลับ มักใช้เวลาประมาณ 15–30 นาทีก่อนที่จะออกฤทธิ์ช่วยให้หลับ

การลืมรับประทานยาก่อนนอน ถ้าลืมรับประทานยาก่อนนอน มักนึกได้เมื่อถึงเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว ไม่ควรรับประทานยานั้นอีก ควรรอให้ถึงเวลาก่อนเข้านอนในคืนถัดไปค่อยรับประทานยานั้น

4.ยารับประทานเวลามีอาการ ควรรับประทานเมื่อมีอาการจริงๆ

ยาในกลุ่มนี้ มักระบุในฉลากว่ารับประทานทุก 4-6 ชั่วโมงทุก 8 ชั่วโมง หรือทุก 12 ชั่วโมง เวลามีอาการ เมื่อมีอาการสามารถรับประทานยาได้เลย ไม่ต้องคำนึงถึงมื้ออาหาร เนื่องจากไม่ว่าจะรับประทานอาหารหรือไม่ ก็ไม่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หลังรับประทานยาแล้วถ้ายังมีอาการอยู่สามารถทานยาซ้ำได้ตามระยะเวลาที่ระบุไว้ ไม่ควรรับประทานบ่อยกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก เมื่อหายแล้วสามารถหยุดยาได้เลย

อย่างไรก็ตาม ยาบางประเภท อาจมีวิธีรับประทานยานอกเหนือไปจากยาโดยทั่วๆ ไปข้างต้น รวมทั้งยาบางประเภทอาจรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้แล้วแต่สะดวก เนื่องจากยาอาจมีการออกฤทธิ์ที่พิเศษหรือมีผลข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งผู้ทำหน้าที่ส่งมอบยาเหล่านี้จะอธิบายวิธีการรับประทานเป็นกรณีๆ ไป สำหรับผู้สนใจข้อมูลสุขภาพและการใช้ยาของคณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล สามารถติดตามได้ที่ https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/service-knowledge.php

ในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้เพื่อต่อลมหายใจให้คนพิการให้ท้องอิ่ม มีแรงสู่ชีวิตต่อไปขอเชิญร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้พิการเหล่านี้ได้ ผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุงชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการเลขที่บัญชี 342-3-04066-0ใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้สอบถามที่โทรศัพท์ 099-3944795

ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์

ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ