ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 7 พฤศจิกายน 2563

6 เคล็ดลับการพักงีบ พักสายตานานแค่ไหนถึงดีต่อสุขภาพ พร้อมวิธีแก้ง่วง

ใครว่าการนอนกลางวันไม่สำคัญ แค่เราเฉียดเวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวันนั้นก็ทำให้มีความจำที่ดีขึ้นและดีต่อสุขภาพอีกด้วยนะ

โดยผลสำรวจพบว่าในปัจจุบันมีผู้คนประสบปัญหาการนอนไม่หลับมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในหรือภายนอกก็ตาม ซึ่งการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนั้นจะส่งผลกระทบต่อการทำงานและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การงีบระหว่างวันนั้นจะช่วยในเรื่องการมีสมาธิระหว่างการทำงานและยังทำให้ร่างกาย

ตื่นตัว โดยหนังสือที่มีชื่อว่า Sleep Medicine ได้อธิบายไว้ว่า การนอนนั้นมีผลต่อการบันทึกความจำในสมอง ยิ่งเราอดนอนมากแค่ไหนความสามารถในการจำก็จะลดลงด้วยเช่นกัน

บูทสมองของเราเพื่อพร้อมที่จะกิจกรรมอีกครึ่งวันอย่างสดชื่น

2.บ่าย 3 คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการงีบ เพราะการพักในช่วงนี้จะช่วยลดอาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืนได้ดี

3. งีบในพื้นที่ที่สบายที่สุด สาวๆอาจคุ้นชินกับการนั่งหลับ หรือนั่งทิ้งตัวฟุบลงบนโต๊ะที่ออฟฟิศแต่ว่าท่าในการงีบที่ดีที่สุดคือท่านอน โดยผลวิจัยบอกว่าเมื่อคุณนอนในท่าทีถูกต้องจะทำให้คุณหลับลึกมากยิ่งขึ้น

4. หาอุปกรณ์ตัดสิ่งรบกวน สาวๆควรมีที่ปิดตา หรือที่อุดหูกันเสียงรบกวน ยิ่งเราหลับลึกมากเท่าไหร่ เมื่อตื่นขึ้นมาสมองก็จะมีพลังพร้อมที่จะทำงานมากขึ้นเท่านั้น

5.หากิจกรรมเพื่อกระตุ้นตัวเองหลังจากการงีบ สาวๆควรแบ่งเวลาประมาณ 5 นาทีเพื่อลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายหลังจากการงีบเป็นการกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัวพร้อมที่จะกลับไปทำงาน

6. ดื่มกาแฟก่อนการพักสายตา 30 นาที การจิบกาแฟเล็กน้อยก่อนการงีบพักผ่อนนั้นจะช่วยให้คุณตื่นง่ายขึ้นและสดชื่นขึ้น

วิธีแก้ง่วงยามบ่าย ตื่นตัวง่ายๆด้วยวิธีธรรมชาติ

1.ทานของหวานเพิ่มพลัง อาการง่วงส่วนหนึ่งเกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดมีปริมาณที่ต่ำ เพราะฉนั้นการดื่มน้ำหวาน หรือขนมเล็กๆน้อยๆในตอนบ่ายจะช่วยขจัดความง่วงได้

2.กำหนดลมหายใจ การหายใจเข้าลึกๆเป็นการเพิ่มออกซิเจนภายในเลือด ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช่วยลดความดันโลหิตและเพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้ร่างกายตื่นตัวขึ้น

3.แปรงฟัน โดยใช้ยาสีฟันสูตรเย็นหลังมื้ออาหาร ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้เพราะความเย็นภายในปากนั่นเอง

4. ลุกออกไปเดินเร็วซัก 5 นาที จะช่วยให้เลือดสูบฉีดในร่างกายได้เร็วยิ่งขึ้น เกิดการกระตุ้นของกล้ามเนื้อให้มีพลังในการทำงานอีกครึ่งของวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขอขอบคุณที่มา www.crossboxs.com


อาบน้ำถูกวิธีถูกเวลา ช่วยนอนหลับสบาย

คุณนายสะอาดถึงกับออกอาการเงิบ รายงานข่าวระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้ออกมาเผยว่า ทุกวันนี้เรากำลังอาบน้ำแบบไม่ถูกวิธีอยู่ ที่สำคัญนั้นเราลืมไม่ได้ว่า กิจวัตรประจำวันที่เราคุ้นเคยกันดี หลังจากตื่นนอนในตอนเช้านั้น คือการรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำทันที เพื่อชำระล้างร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการนอนแช่ในน้ำอุ่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง สำหรับการเริ่มต้นทำงานในเช้าวันใหม่ของหลายๆ คน แต่ทว่าการชำระล้างสิ่งสกปรก ออกจากร่างกายแบบผิดวิธีในวันที่เร่งรีบ อาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพได้อย่างคาดไม่ถึง เพราะนอกจากทำให้นอนไม่หลับแล้ว ยังทำให้คุณไม่สบายได้อีกด้วย

ล่าสุดแพทย์ผิวหนัง รวมถึงผลการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ออกมาบอกว่า “อันที่จริงแล้วคุณควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำในตอนเช้า เพราะตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นั้น คุณมักจะอาบน้ำแบบผิดๆ ในทุกๆ เช้า ดังนั้นคนรักสุขภาพทั้งหลายจึงควรศึกษาบทความข้างล่างต่อไปนี้ เกี่ยวกับผลดีและผลเสียในการชำระล้างร่างกายในตอนเช้า ตลอดจนความถี่ในการอาบน้ำ ที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีจริงๆ ตามที่แพทย์ผิวหนังระบุ

จากข้อมูลระบุว่า การอาบน้ำตอนกลางคืนสามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้ดี สอดคล้องกับผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sleep Medicine Reviews ในปี 2019 ระบุว่า “การอาบน้ำอุ่น 10 นาที ก่อนที่จะเข้านอนภายใน 1 หรือ 2 ชั่วโมง ก็จะช่วยทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าหากร่างกายของคุณนั้นระบายความร้อนออกจากตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากการที่คุณอาบน้ำเสร็จ หรือลุกออกจากอ่างแช่น้ำ ซึ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นการนอนหลับตามธรรมชาติ”

ด้าน ดร.คริสโตเฟอร์ วินเทอร์ เจ้าของคลินิก Charlottesville Neurology and Sleep Medicine กล่าวว่า “สำหรับเทคนิคในการอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน 1-2 ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 10 นาทีนั้น เป็นวิธีของการหลอกร่างกายของคุณให้คิดว่า มันถึงเวลาเข้านอนแล้ว ขณะเดียวกันการที่คุณเข้านอนโดยไม่อาบน้ำ ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างอันตรายต่อสุขภาพเช่นเดียวกัน และเป็นข้อห้ามใน 25 ข้อที่ไม่ควรกระทำ”

สิ่งที่ลืมไม่ได้นั้น การอาบน้ำช่วยให้คุณล้างเชื้อโรคในวันที่ต้องออกไปทำธุระนอกบ้านออกไปจากร่างกาย นอกจากการอาบน้ำจะช่วยให้คุณเข้านอนหลับได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว นั่นจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณอีกเช่นกัน โดยเฉพาะการชำระล้างฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนผิวหนังและเส้นผมของคุณตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันผมของคุณแห้งเหมือนฟางข้าวนั้น ควรหลีกเลี่ยงการนำสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ ที่เกิดจากเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่ติดอยู่กับเส้นผมและผิวหนังขึ้นไปเปื้อนบนที่นอนของคุณ โดยเฉพาะการที่คุณยังไม่ได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายก่อนอนหลับพักผ่อน

สอดคล้องกับสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และระบบวิทยาภูมิคุ้มกันในอเมริกา ระบุว่า “สำหรับผู้ที่ไม่ชอบอาบน้ำก่อนเข้านอนนั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณป่วยและไม่สบายได้อย่างคาดไม่ถึง

ที่สำคัญนั้นในช่วงที่โควิดระบาด การอาบน้ำหลังจากออกไปข้างนอกเป็นสิ่งสำคัญมาก ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้ชี้ให้เห็นว่า การทำความสะอาดร่างกายหลังจากที่คุณออกไปเที่ยว หรือทำธุระนอกบ้านทั้งวัน ในสถานที่ที่มีเชื้อไวรัสร้ายระบาดนั้น คุณยิ่งต้องให้ความสำคัญ กับการอาบน้ำเป็นพิเศษ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก รวมถึงขจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกเหงื่อ ตลอดจนเชื้อแบคทีเรียออกจากร่างกาย หรือแม้แต่การที่คุณออกไปทำงาน ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน และอยู่ในพื้นที่แคบๆ หรือจำกัดนั้น คุณควรรีบชำระล้างร่างกายทันทีเมื่อถึงบ้าน หรือก่อนที่จะทักทายสมาชิกในครอบครัวของคุณ ทั้งนี้ อวัยวะที่คุณควรต้องใส่ใจในการอาบน้ำมีด้วยกัน 3 ส่วน ที่คุณควรต้องล้างเป็นประจำทุกวัน”

ที่น่าสนใจนั้นการอาบน้ำตอนกลางคืนจะดีมากสำหรับผิวของคุณ เพราะมันจะช่วยทำให้เกิดความมหัศจรรย์กับผิวของคุณ โดยเฉพาะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงและชำระล้างผิวกาย ในขณะที่คุณอาบน้ำในตอนเย็นถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยขจัดเครื่องสำอาง น้ำมันที่ผิว ตลอดจนสิ่งสกปรกต่างๆ รวมถึงมลภาวะที่สะสมมาตลอดทั้งวัน


ดื่มกาแฟก่อนอาหาร สร้างปัญหาสุขภาพ

คุณเป็นเหมือนคนจำนวนมากที่ชอบดื่มกาแฟเพื่อเพิ่มพลังในตอนเช้า และนั่นก็เป็นสิ่งแรกที่คุณต้องดื่มกาเฟอีนที่แสนจะเข้มข้นหลังจากนอนหลับไม่สนิทมาทั้งคืน แต่การทำเช่นนั้นอาจส่งผลเสียในภายหลังต่อสุขภาพของคุณ เพราะการดื่มกาแฟก่อนอาหารเช้าหลังจากที่คุณนอนไม่หลับจะไปขัดขวางการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ

ตามผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Nutrition ที่เผยแพร่เพื่อเป็นเกียรติแก่วันกาแฟสากล ได้ระบุว่า “การดื่มกาแฟก่อนอาหารเช้าหลังจากนอนหลับไม่ดีอาจขัดขวางการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด”

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบาธ (Bath) ในอังกฤษ ได้ดูสุ่มตรวจดูตัวอย่างเลือดจากผู้ใหญ่ 29 คนในการทดลองข้ามคืนต่อเนื่องกันสามครั้ง เพื่อเปรียบเทียบการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของพวกเขาในตอนเช้า หลังจากนอนหลับสบายหรือหลับไม่สนิทในการบริโภคอาหารเช้า

ซึ่งขั้นตอนในการทดสอบนั้นจะให้ผู้เข้าร่วมนอนหลับปกติ ซึ่งหลังจากตื่นเช้าแล้วก็ให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลพร้อมด้วยกลูโคสและแคลอรีในปริมาณที่เพียงพอ โดยจำลองให้อยู่ในรูปแบบของอาหารเช้าทั่วไปที่คุณต้องรับประทานก่อนออกจากบ้าน

และอีกรูปแบบหนึ่งของกิจกรรมที่ผู้เข้าร่วมทดลองจะได้ทดสอบนั้น โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่นอนหลับไม่สนิท (ตื่นทุกๆ ชั่วโมง) และก่อนนอนก็มักจะชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ซึ่งหลังจากตื่นนอนจะให้ดื่มกาแฟสูตรเข้มข้นเป็นเวลา 30 นาที ตามด้วยการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ซึ่งผู้เข้าร่วมการทดลองในแต่ละคนนั้นจะได้ทดสอบทั้ง 3 ขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น

ทั้งนี้นักวิจัยได้พบว่า การดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของกาเฟอีนประมาณ 300 มิลลิกรัม จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้าด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ ก็คือว่าระดับการควบคุมน้ำตาลในเลือดของเราจะทำงานได้ลดลง ก็ต่อเมื่อเราได้ดื่มกาแฟหลังจากที่ตื่นนอนในตอนเช้า ที่สำคัญคุณก็นอนหลับไม่สนิทด้วยเช่นกัน

ด้าน “เจมส์ เบลล์” ผู้ดูแลการศึกษาและเป็นผู้อำนวยการร่วมของศูนย์โภชนาการ การออกกำลังกายและการเผาผลาญที่มหาวิทยาลัยบาธ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราอาจปรับปรุงสิ่งนี้โดยการกินอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยดื่มกาแฟทีหลัง ถ้าเรารู้สึกว่ายังต้องการกาเฟอีน ซึ่งข้อควรรู้ดังกล่าวนี้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่สำคัญสำหรับเราทุกคน"

ที่ลืมไม่ได้นั้น คนรักสุขภาพที่เป็นคอกาแฟทั้งหลายไม่ควรเข้านอนไปพร้อมๆ กับความรู้สึก หวาดระแวงเกี่ยวกับโทษของการซดถ้วยกาแฟมากเกินไป เพราะโดยทั่วไปแล้วการดื่มกาแฟในระดับที่ปลอดภัยนั้น คือต้องไม่เกิน 5 แก้วต่อวัน ที่สำคัญผลการวิจัยก่อนหน้านี้ก็ได้ออกมาบอกว่า ประโยชน์ของกาเฟอีนนั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้

จากการศึกษาพบว่า ข่าวดีเกี่ยวกับผลวิจัยเกี่ยวกับการนอนหลับไม่สนิทเพียงข้ามคืน อาจจะไม่ส่งผลด้านลบต่อการระบบการเผาผลาญในร่างกาย หากว่าผู้เข้าร่วมทดสอบนั้นกินอาหารเช้า

ขณะที่การวิจัยก่อนหน้านี้ได้ค้นพบว่า หากคุณนอนไม่หลับต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆ อาจทำให้คุณมีปัญหาเรื่องของการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ แต่ผลการวิจัยล่าสุดได้ออกมาบอกว่า ร่างกายของเราสามารถฟื้นตัวได้เพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น

ด้าน “แฮร์รี สมิท” หัวหน้านักวิจัยของการศึกษา กล่าวว่า “จากการผลการวิจัยที่เกิดขึ้นมันทำให้เราค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ในการที่คุณนอนหลับไม่สนิท ที่จำเป็นจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมให้มากกว่านี้ เพื่อหาผลกระทบที่อาจเกิดกับสุขภาพในอนาคต หากว่ายังไม่สามารถข่มตานอนหลับได้อย่างสนิท”

หัวหน้านักวิจัยคนเดิมยังได้บอกอีกว่า เราจำเป็นต้องศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับการนอนหลับที่อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ในระยะยาว เช่น หากคุณนอนไม่หลับติดต่อกันนานแค่ไหนจึงจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณ หรือการนอนไม่พอติดต่อกันนานแค่ไหนที่จะทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายของเราทำงานได้ลดลง ที่สำคัญผลกระทบต่อร่างกายจะมีอะไรบ้าง นอกจากนี้เราจะต้องออกกำลังกายอย่างไรจึงจะส่งผลดีต่อสุขภาพ เป็นต้น.


รู้เท่าทัน..ป้องกันโรคต้อหินได้

ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกายที่ช่วยในการมอง การอ่าน ใช้ในการรับรู้ เรียนรู้สิ่งต่างๆ และช่วยในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประวันมากมาย เมื่อเวลาผ่านไปหลายๆ ปี ดวงตาของเราอาจเสื่อมสภาพ มีอาการตาพร่า ขุ่นมัว มองไม่ชัด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของอาการผิดปกติทางสายตา โรคทางตาที่ร้ายแรง และเป็นสาเหตุให้ตาบอดมากที่สุดชนิดหนึ่งคือ โรคต้อหิน

รายงานข่าวจากโรงพยาบาลหัวเฉียวระบุว่า โรคต้อหิน (Glaucoma) ถือเป็นโรคทางสายตาที่อันตรายมากที่สุด เพราะสามารถทำให้ตาบอดถาวรได้ เกิดจากความดันภายในลูกตาสูงกว่าปกติ ทำให้ขั้วประสาทตาเสื่อมลงไปเรื่อยๆ หรือเส้นประสาทตาถูกทำลาย โดยอาจมีอาการปวดตา ตาแดง น้ำตาไหล หรือตามัว การมองเห็นแคบลง ซึ่งโรคต้อหินสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน ผู้ที่มีสายตาสั้นหรือยาวมาก ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือโรคที่เกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือด มีประวัติเคยได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาหรือผ่าตัดดวงตา อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถป้องกันได้หากได้รับการดูแลและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง

สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจเช็กและเข้ารับการตรวจความดันลูกตาทุกๆ 1-5 ปี เพื่อไม่ให้ขั้วประสาทตาเสื่อมมากขึ้น ห้ามซื้อยาหยอดตามาหยอดเองโดยเด็ดขาด หากต้องใช้ยาหยอดตาควรได้รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์ก่อนจะดีที่สุด ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น และลดความดันในตาลง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเพื่อบำรุงสายตา หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เพราะอาจทำให้ความดันในตาเพิ่มขึ้นได้ ควรสวมแว่นหรืออุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับแสงแดด หรือทำกิจกรรมที่อาจทำให้ดวงตาได้รับบาดเจ็บและนำไปสู่การเกิดโรคต้อหิน

ปัจจุบันการรักษาโรคต้อหินสามารถทำได้หลายวิธี โดยจักษุแพทย์จะตรวจวินิจฉัยรักษาตามอาการและชนิดของโรค เช่น การใช้ยาหยอดตา การรับประทานยา ยิงแสงเลเซอร์ การผ่าตัด แต่จะเป็นเพียงการชะลอไม่ให้ขั้วประสาทตาถูกทำลายไปมากกว่าเดิม เพราะไม่สามารถรักษาให้ส่วนที่เสื่อมไปแล้วกลับมามองเห็นได้ดีเหมือนเดิม.