ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



หนึ่งเดียวในไทย บน Times Square ระดับโลก ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เคานต์ดาวน์แลนด์มาร์กใจกลางกรุงเทพฯ

‘Times Square Of Asia’ ปักหมุดประเทศไทยฉลองโมเม้นท์เคานต์ดาวน์พร้อมคนทั่วโลก

เตรียมนับถอยหลังสู่ค่ำคืนวันเคานต์ดาวน์ โมเม้นท์ความสุขที่ทุกคนรอคอยร่วมกัน วันนี้ เซ็นทรัลเวิลด์ Times Square of Asia ส่งตรงภาพบรรยากาศจากนิวยอร์ก เคานต์ดาวน์แลนด์มาร์กระดับโลกที่ทุกคนรู้จักกันดี โดยปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทยเมื่อภาพ“centralwOrld Bangkok Countdown 2023” ได้ขึ้นไปปรากฎอยู่บนจอ Times Square New York ย่านสำคัญใจกลางมหานครนิวยอร์ก สัญลักษณ์แห่งการเคานต์ดาวน์ระดับโลก

ความเหมือนที่แตกต่างของแลนด์มาร์กเคานต์ดาวน์ระดับโลก 2 แห่ง ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์ก และกรุงเทพมหานคร

Strategic Location ใจกลางเมือง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแลนด์มาร์กทั้ง 2 แห่งนี้ ตั้งอยู่บน Strategic location ใจกลางเมือง เป็นย่านการค้าที่ทุกตารางเมตรมีความสำคัญ ซึ่งสำหรับย่านราชประสงค์ถือเป็นย่านการค้าและท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งที่สุดของไทย และสร้างเม็ดเงินสะพัดต่อปีรวมมูลค่ามหาศาลให้กับประเทศ โดยล่าสุด นิวยอร์กติดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ส่วนกรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 2 เมืองค่าครองชีพสูงที่สุดใน SEA และขึ้นแท่นอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

Time Square ย่านความบันเทิงที่เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของโลก หากนึกถึงโมเม้นท์ฉลองคืนเคานต์ดาวน์ในย่านนี้ 3 สิ่งแรกที่ขึ้นมาทันทีคือ แสงสีเสียง พลุ และจอ LED ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น Mutual points ที่ แลนด์มาร์ก 2 แห่งนี้มีเหมือนกัน ถือเป็นความยิ่งใหญ่ตระการตาที่จะเกิดขึ้นใจกลางมหานคร ไม่ว่าจะเป็นจอ the panOramix จอ LED Digital Interactive หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุดใน SEA ถูกจองคิวจากแบรนด์ดัง และแฟนคลับทั่วโลกด้วย Visibility มหาศาล, โชว์ Lighting & Sound สุดอลังการ คอนเสิร์ตจากศิลปินดังที่มอบความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ และพลุตระการตาที่เซ็นทรัลเวิลด์ปีนี้ จัดเต็มนานกว่า 15 นาที

ประวัติความเป็นมายาวนาน Times Square New York คือจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์การเคานต์ดาวน์ ธรรมเนียม Ball drop สัญลักษณ์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี ซึ่งเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ค.ศ. 1904 จนถึงวันนี้ก็มากกว่า 100 แล้ว และปัจจุบันได้กลายเป็นแลนมาร์กสำคัญของอเมริกา และสำหรับเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ได้รับการขนานนามจากสื่อระดับโลกว่าเป็น Times Square of Asia ใจกลางเมืองหนึ่งเดียวของไทยนั้น ได้จัดขึ้นมากว่า 22 ปีแล้ว โดยถือเป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญของไทยที่จัดมาอย่างยาวนาน และถูกจัดอยู่ในลิสต์ของทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าต้องมาเยือนสักครั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่และเคานต์ดาวน์...

31 ธันวาคมนี้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ฉลองความสุขที่ทุกคนรอคอย กับ centralwOrld Bangkok CountdOwn 2023 – Times Square of Asia เอ็นเตอร์เทนเมนต์เคานต์ดาวน์ที่ดีที่สุดตลอดกาล ปรากฏการณ์เคานต์ดาวน์ระดับโลกที่ดีที่สุดตลอดกาล และเป็น Must visit Countdown Destination in a Lifetime ที่ทุกคนต้องมาเยือน ประตูเปิด 18.00 น. หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ณ ถนนราชดำริ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงดาวน์โหลดแอป Central Life X และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ผ่านปุ่มเข้าร่วม (Join) ในเมนูตั้งค่า (Setting) เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเข้างาน ดาวน์โหลด คลิก https://bit.ly/centrallifexctwcountdown...

หรือเลือกรับชมผ่านการถ่ายทอดสด ทางช่อง 3HD ตั้งแต่เวลา 22.30-00.30 น., แบบ Multi View ผ่าน FacebookLive และYouTubeLive centralwOrld เวลา 19.00-00.30 น. หรือชมแชร์สดจากเพจ centralwOrld สู่เพจพันธมิตรชั้นนำ อาทิ ข่าวสด, ช่อง 7, เดลินิวส์ออนไลน์, ประชาชาติธุรกิจ, มติชน , Bangkok Post , FEED, GLOBE, GMM25, Manager Online, ไทยรัฐออนไลน์ และ Workpoint, ชมภาพสด ผ่านจอที่บริเวณร้านอาหาร ชั้น 3 โซน Atrium, ผ่านจอ LED ที่ลาน Square B,C (พื้นที่แนะนำสำหรับผู้ใช้รถเข็น) และ Facebook page ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook : CentralWorld... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1833859/


แพทย์เตือน ไอ-จามแรง ทำหมอนรองกระดูกแตกได้ แนะฝึกเกร็งหน้าท้องช่วย

วันที่ 24 ธันวาคม 2565:ในยุคที่ฝุ่น PM 2.5 ยังคงแฝงตัวอยู่ในอากาศ ทำให้ใครต่อใครหลายคน มีอาการ ไอ จาม อยู่เสมอ และพบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยที่หลายคนยังไม่ทราบว่า หากคุณ ไอ จาม แรงๆ อาจส่งผลให้ หมอนรองกระดูกแตกได้ เพราะเรื่องของหมอนรองกระดูกแตกนั้น นอกจากจะเกิดจากพฤติกรรมการนั่งนาน ก้มยกของ และการเกิดอุบัติเหตุแล้ว

พฤติกรรมการ ไอ จาม ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดหมอนรองกระดูกแตกได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีหมอนรองกระดูกเสื่อมอยู่แล้ว อาจทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นทับเส้นประสาท เกิดอาการปวดหลังร้าวลงขาร่วมกับอาการชาขึ้นได้

นายแพทย์ ฐปนัตว์ จันทราภาส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เผยว่า การจามเป็นกลไกของร่างกายที่จะขับสิ่งแปลกปลอมออกมาด้วยความรุนแรง กรณีจามเบาๆ อาจมีอัตราความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าหากจามแรงๆ อัตราความเร็วอาจสูงถึง 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ดังนั้นเมื่อไอ หรือจามแรงๆ ในแต่ละครั้ง จะทำให้เกิดแรงดันในช่องปอดและช่องท้องเพิ่มขึ้นจากการหดตัวอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อที่อยู่รายรอบลำตัวเรา ทำให้หมอนรองกระดูกซึ่งมีหน้าที่รับแรงกระแทก ทำงานหนักขึ้นและเกิดแรงดันที่หมอนรองกระดูกแบบฉับพลัน

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงแรงกระทบกระดูกสันหลังของเรา เมื่อเวลาเราไอหรือจาม ควรฝึกเกร็งหน้าท้องไว้ เพื่อให้หน้าท้องรับภาระน้ำหนักแทนกระดูกสันหลัง จะทำให้กระดูกสันหลังรับน้ำหนักน้อยลง และไม่เกิดภาวะหมอนรองกระดูกแตก หรือหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นได้


รู้จัก “ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง” คืออะไร ป้องกันได้หรือไม่

จากกรณีที่ดาราสาว ใหม่ - สุคนธวา เกิดนิมิตร ตรวจพบ “ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง” ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจเป็นมะเร็งปากมดลูกในอนาคตได้ เรามาทำความรู้จักภาวะนี้ให้มากขึ้น

ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง คืออะไร

สำหรับ “ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง” ที่ดาราสาวตรวจพบคือมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยพบภาวะเนื้อบริเวณมดลูกผิดปกติ อยู่ในระยะขั้น 3 คือขั้นสูงสุด ซึ่ง รศ.นพ.ชัยยศ ธีรผกาวงศ์ ภาควิชาสูติศาสตร์–นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้อธิบายถึงภาวะก่อนเป็นมะเร็งของปากมดลูกไว้ดังนี้

เมื่อผู้หญิงได้รับเชื้อเอชพีวี ซึ่งเกือบทั้งหมดได้มาจากการมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่ร่างกายจะสามารถจำกัดมันไปได้เองประมาณ 90% ภายในเวลา 6-12 เดือน ถ้าเชื้อเอชพีวียังคงอยู่อาจจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุปากมดลูกให้กลายเป็นเซลล์ผิดปกติ คือ เป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะ

ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง ระยะที่ 1 มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ประมาณ 1 ใน 3 ของชั้นล่างของเยื่อบุผิวปากมดลูก ซึ่งระยะนี้ผู้ป่วยประมาณ 80% จะหายจากโรคนี้ไปได้เองในระยะเวลาประมาณ 1 ปี การตรวจพบภาวะนี้จากการส่องกล้องขยายปากมดลูกหรือการตัดชิ้นเนื้อตรวจ ในครั้งแรกอาจจะไม่ต้องการรักษาอะไรเลย เพียงการนัดตรวจติดตามเป็นระยะๆ ก็เพียงพอ แต่ถ้าพบว่ายังคงมีรอยโรคเหลืออยู่การรักษามีหลายวิธี เช่น การจี้เย็น จี้ด้วยไฟฟ้า หรือเลเซอร์ ซึ่งให้ผลใกล้เคียงกัน หรืออาจจะใช้การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยก็ได้ โดยขึ้นกับการตรวจพบและดุลยพินิจของแพทย์

ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง ระยะที่ 2 จะมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุปากมดลูกถึง 2 ใน 3 จากชั้นล่าง และภาวะก่อนเป็นมะเร็ง ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดจะพบการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ตลอดความหนาของเยื่อบุปากมดลูก ในระยะนี้แพทย์มักจะให้คนไข้เข้ารับการรักษาเลย เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะพัฒนากลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ในที่สุด โดยใช้วิธีการรักษาแบบเดียวกับการรักษาขอภาวะก่อนเป็นมะเร็ง ระยะที่ 1

ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง ป้องกันได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง กว่าที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูกมักจะใช้เวลายาวประมาณ 10 ปี ความผิดปกติเหล่านี้สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยวิธีแปป สเมียร์ (Pap smear) ปีละ 1 ครั้ง และถ้าสามารถตรวจพบในระยะนี้การรักษาโรคจะทำได้ง่าย มีค่าใช้จ่ายต่ำ และมีโอกาสหายจากโรคเกือบ 100% นอกจากนี้ยังมีภาวะแทรกซ้อนของการรักษาค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยังอาจเก็บมดลูกไว้เผื่อสำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตได้ แต่ก็ยังจำเป็นจะต้องรับการตรวจติดตามหลังการรักษาตามแพทย์นัดทุกครั้ง

ข้อควรรู้ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

1. ผู้หญิงควรเริ่มการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก หลังเริ่มมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 3 ปี หรือเมื่อมีอายุครบ 21 ปี

2. ระยะห่างของการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก ถ้าเป็นการตรวจด้วยวิธีแปป สเมียร์ (Pap smear) ควรทำทุกปี แต่ถ้าตรวจด้วย liquid-based cytology ควรตรวจทุก 2 ปี

3. ถ้าผลการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก เป็นปกติติดต่อกัน 3 ครั้ง และไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก เช่น มีประวัติเคยได้รับยาคุมฉุกเฉิน, มีการติดเชื้อ HIV หรือมีภูมิต้านทานบกพร่องจากการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือได้รับยาเคมีบำบัด, สูบบุหรี่, มีคู่นอนหลายคน, มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นต้น อาจจะเว้นระยะห่างของการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นทุก 2-3 ปี

4. ในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ, รับยาเคมีบำบัด, รับยา steroid อย่างต่อเนื่องหรือติดเชื้อ HIV ควรได้รับการตรวจปีละ 2 ครั้งในปีแรก หลังจากนั้นปีละ 1 ครั้ง

5. ผู้ที่ได้รับการตัดมดลูกแล้วไม่จำเป็นต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก ยกเว้นผู้ป่วยที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะก่อนเป็นมะเร็ง หรือผู้ป่วยที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก ควรได้รับการตรวจภายในอีกอย่างน้อย 10 ปี

ข้อมูลอ้างอิง: คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์


ยลโฉม “กระเรียนคอดำ” แวะพักหลบหนาว ที่เขตอนุรักษ์ในยูนนานของจีน

ฝูงนกกระเรียนคอดำ ซึ่งเป็นสัตว์หากยากมากที่สุดชนิดหนึ่งของจีน ทยอยอพยพมาพักหลบอากาศหนาว ภายในเขตอนุรักษ์ ที่มณฑลยูนนาน

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองคุนหมิง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ว่า เขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติต้าซานเปา เพื่อนกกระเรียนคอดำ ซึ่งตั้งอยู่ที่มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน รายงานการพบนกกระเรียนคอดำ ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในสัตว์คุ้มครองระดับสูงสุดของจีน บินอพยพมาพักหลบความหนาว เป็นจำนวนอย่างน้อย 1,873 ตัว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ประจำเขตอนุรักษ์แห่งนี้สามารถบันทึกจำนวนนกกระเรียนอพยพได้สูงสุด 2,260 ตัว เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา นับสถิติสูงสุดตั้งแต่การก่อตั้งเขตอนุรักษ์แห่งนี้ เมื่อปี 2533 โดยนกกระเรียนบางส่วน ใช้พื้นที่ภายในเขตอนุรักษ์เป็นสถานีแวะพัก ก่อนบินไปหลบหนาวยังพื้นที่แห่งอื่นต่อไป...

อนึ่ง เขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติต้าซานเปาเพื่อนกกระเรียนคอดำ ตั้งอยู่ที่เขตจาวหยาง ในเมืองจาวทง ของมณฑลยูนนาน จัดเป็นแหล่งอยู่อาศัยและจุดแวะพักช่วงฤดูหนาวของนกกระเรียนคอดำอพยพ ซึ่งมีความสำคัญมากที่สุด บนที่ราบสูงยูนนาน-กุ้ยโจว.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1831645/


นาซาเผย ดาวเคราะห์น้อย 5 ดวง ‘ยกขบวน’ มุ่งหน้ามาโลก ด้วยสปีดเร็วมาก

นาซาเผยมีดาวเคราะห์น้อยถึง 5 ดวง พุ่งตรงมายังโลก ด้วยความเร็วมาก เพราะ 2 ใน 5 ดวง เคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่า 53,000 กม./ชม. และมีดวงหนึ่งจะพุ่งผ่านโลกไปในระยะห่างเพียง 7.7 แสน กม.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) เปิดเผยมีดาวเคราะห์น้อยถึง 5 ดวง พุ่งตรงมายังโลกของเราด้วยความเร็วมาก โดยดาวเคราะห์น้อยดวงที่หนึ่ง 2022YB1 เป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 62-141 ฟุต จะพุ่งผ่านโลกระยะใกล้มากในวันนี้ (26 ธ.ค. 2565) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ และจะผ่านโลกระยะใกล้ที่สุด ด้วยระยะห่าง 2.1 ล้านกิโลเมตร ในขณะที่ดาวเคราะห์น้อย 2022YB1 พุ่งมายังโลกด้วยความเร็วถึง 53,171 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จากนั้น ดาวเคราะห์น้อยดวงที่สอง 2019LTS ซึ่งพุ่งตรงมายังโลกเช่นกัน และจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในวันพรุ่งนี้ (27 ธ.ค.) ด้วยระยะห่าง 6.2 ล้านกิโลเมตร โดยดาวเคราะห์น้อย 2019 LTS มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 288-656 ฟุต และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 53,909 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ต่อมา ดาวเคราะห์น้อยดวงที่สาม 2022YY3 ซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางราว 22-52 ฟุต คาดว่าจะผ่านโลกในระยะใกล้ที่สุดในวันที่ 27 ธ.ค. ในระยะห่าง 1 ล้านกิโลเมตร ด้วยความเร็ว 30,692 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนดาวเคราะห์น้อย ดวงที่สี่ 2022YG1 ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 68-157 ฟุต ได้พุ่งตรงมายังโลกด้วยความเร็วมากถึง 58,198 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะเข้าใกล้ที่สุดในวันพรุ่งนี้ (27 ธ.ค.) ในระยะห่าง 4.3 ล้านกิโลเมตร

และดาวเคราะห์น้อย ดวงที่ห้า 2010XC15 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวน 5 ดวงนี้ เพราะมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 459-984 ฟุต จะพุ่งผ่านโลกในระยะใกล้ที่สุด ในวันที่ 27 ธ.ค. ด้วยระยะห่าง 772,312 กิโลเมตรเท่านั้น และเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 20,312 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ที่มา : hindustantimes