ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



กินยาไมเกรนเอง อันตรายกว่าที่คิด

ไมเกรน (Migraine) คืออาการผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในสมอง ส่งผลให้สารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ผลลัพธ์คือหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองและเยื่อหุ้มสมองขยายตัวจนปวดศีรษะแบบตุบๆ ต่อเนื่อง มักจะปวดศีรษะข้างเดียว ซึ่งต่างจากอาการปวดหัวทั่วไปที่เกิดจากความเครียด (Tension Headache) ที่มีอาการปวดขมับ 2 ข้าง เหมือนมีอะไรมารัดที่ศีรษะ

นายแพทย์ภีมณพัชญ์ธนชาญวิศิษฐ์ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านประสาทวิทยา ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลวิมุตมาไขข้อสงสัยเรื่อง “โรคไมเกรน” พร้อมแนะวิธีป้องกันและการรักษา เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและรับมือโรคนี้ได้อย่างถูกต้อง

ไมเกรน มักเป็นการปวดหัวตุบๆข้างเดียว มีอาการปวดปานกลางถึงรุนแรงต่อเนื่องแต่มักไม่เกิน 3 วันอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาไม่สู้แสงหรือเห็นแสงแวบๆ ในตาก่อนปวด ไมเกรนมักพบในวัยรุ่น วัยทำงาน และวัยเจริญพันธุ์ เพราะเป็นวัยที่มีปัจจัยกระตุ้นมากที่สุด เช่น ความเครียดไลฟ์สไตล์ หรือฮอร์โมน โดยไมเกรนจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า แต่พบได้น้อยในเด็กและกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป เมื่อเป็นไมเกรนแล้ว ปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบของแต่ละคนจะต่างกันไปแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มปัจจัยภายใน ได้แก่ เพศหญิง, ความเครียด, การอดนอน และการออกกำลังกายหักโหม อีกกลุ่มคือปัจจัยภายนอก เช่น ความร้อน, แสงแดด, ควันบุหรี่, กลิ่นน้ำหอม, กลิ่นดอกไม้ และอาหารบางชนิด

สำหรับความเชื่อที่ว่าคนเป็นไมเกรนเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดในสมองนั้น นพ.ภีมณพัชญ์ อธิบายว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าไมเกรนทำให้หลอดเลือดในสมองตีบหรือเส้นเลือดในสมองแตก แต่อาจเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะยาไมเกรนบางชนิดทำให้หลอดเลือดหดตัวแล้วไม่คลายออกซึ่งทำให้เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบจากยาได้ ส่วนอาการเส้นเลือดในสมองแตก มีวิจัยในปี 2013 ที่บอกว่าการปวดไมเกรนอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยง แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองแตกแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการเข้าข่ายโรคไมเกรน แพทย์จะช่วยหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง เบื้องต้นสามารถป้องกันไมเกรนกำเริบด้วยการเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น เลี่ยงแสงแดดและความร้อน ถ้าออกไปข้างนอกก็สวมเสื้อให้มิดชิด ใส่แว่นกันแดด และกางร่ม หรือใครที่ปวดหัวไมเกรนจากควันบุหรี่ก็ต้องอยู่ให้ห่างผู้สูบ เมื่อไมเกรนกำเริบควรอยู่ในที่เงียบ เย็น และแสงน้อยการประคบศีรษะด้วยความเย็นก็ช่วยลดอาการปวดได้

การรักษานั้น แพทย์อาจจ่ายยาป้องกันหรือควบคุมอาการปวดโดยพิจารณาให้คนที่มีอาการปวดเรื้อรัง บางคนแพทย์อาจจ่ายยากลุ่มกันชักโรคหัวใจ ความดัน ยานอนหลับ หรือยากลุ่มซึมเศร้าบางตัวที่ช่วยป้องกันไมเกรนได้ นอกจากนี้ ปัจจุบันเรามียาป้องกันไมเกรนแบบฉีดเข้าผิวหนัง ซึ่งตัวยาจะช่วยยับยั้งสาร CGRPที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวไมเกรนเป็นทางเลือกลดความรุนแรงและความถี่ในการปวดได้ถึงร้อยละ 50 ที่สำคัญคือสะดวกฉีด 1 เข็ม อยู่ได้นานถึง 1 เดือน

ใครที่มีอาการปวดหัวเรื้อรัง แนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการให้แน่ชัด ไม่แนะนำให้ไปซื้อยากินเอง เพราะยาหลายตัวอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ และการปวดศีรษะก็ไม่ได้มีแค่ภาวะไมเกรนอย่างเดียว จึงจำเป็นต้องหาสาเหตุและสิ่งที่กระตุ้นอาการของแต่ละคนเพื่อการรักษาอย่างเหมาะสม ยุคนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะกลุ่ม Sandwich Generationที่แบกภาระหนัก แต่ทุกปัญหาก็ย่อมมีทางแก้ เหมือนโรคไมเกรนที่หากดูแลให้ดี พบแพทย์ ทานยา และรู้เท่าทันอาการ อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้น

ปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สามารถติดต่อได้ที่ ชั้น 6 ศูนย์สมองและระบบประสาท หรือโทรนัดหมาย 02-0790068 เวลา 08.00-17.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX


เรียนรู้ ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารกับการลดน้ำหนักแบบไม่อด

ภาวะอ้วนปัจจุบันเป็นปัญหาที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงไปทั่วโลก เพราะโรคอ้วนเป็นโรคที่ซับซ้อนและเรื้อรังซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันมากเกินไปจนอาจทําให้สุขภาพแย่ลง โรคอ้วนสามารถนําไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอีกหลายชนิด ขณะเดียวกันยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอีกด้วย

ข้อมูลจาก รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ เปิดเผยว่า สาเหตุของการมีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนเป็นผลมาจากความไม่สมดุลของการบริโภคพลังงาน (อาหาร) และการใช้พลังงาน (การออกกําลังกาย) สำหรับการวินิจฉัยภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนทําโดยการวัดนํ้าหนักและส่วนสูงของผู้คน และโดยการคํานวณดัชนีมวลกาย (BMI) จากสูตร: น้ำหนัก (กก.)/ส่วนสูง² (ตร.ม.) ค่าดัชนีมวลกายใช้เป็นตัวบ่งชี้ความอ้วน ร่วมกับการวัดค่าเพิ่มเติม เช่น ขนาดรอบเอวซึ่งสามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคอ้วนได้ สําหรับผู้ใหญ่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กําหนดน้ำหนักเกินและโรคอ้วน คือ น้ำหนักเกินหมายถึง BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 25 และ โรคอ้วนมีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 30 สําหรับเด็กต้องพิจารณาอายุเมื่อกําหนดน้ำหนักเกินและโรคอ้วน

สำหรับการลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพควรเริ่มต้นด้วยการวางแผน ซึ่งควรรวมถึงการกำหนดเป้าหมายและการเลือกวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะสม การลดน้ำหนักด้วยการสร้างสมดุลพลังงาน โดยการรับพลังงานจากอาหารให้น้อยกว่าที่ร่างกายใช้ไปในกิจกรรมประจำวัน ร่างกายจะดึงเอาพลังงานสำรองที่สะสมไว้ในรูปของไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ น้ำหนักตัวลดลง แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การคำนวณปริมาณแคลอรีเป็นเรื่องที่ยากและอาจเกิดความผิดพลาดได้ เพราะนอกจากร่างกายของแต่ละคนจะเผาผลาญแคลอรีแตกต่างกันแล้วการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเรื่องที่ยากอีกทั้งยังต้องมีวินัยและความตั้งใจ ด้วยเหตุนี้แนวทางการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร (Meal Replacement, MP) จึงเข้ามามีบทบาทในการควบคุมน้ำหนัก และลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การควบคุมและลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งมีวิธีหลายวิธีที่สามารถทำได้ แต่ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับตัวคุณเอง

ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารช่วยสร้างสมดุลพลังงาน

หลักสำคัญในการลดน้ำหนักคือการสร้างสมดุลพลังงาน โดยการรับพลังงานจากอาหารทดแทนให้น้อยกว่าที่ร่างกายใช้ไปในกิจกรรมประจำวัน เพื่อให้ร่างกายดึงเอาพลังงานสำรองที่สะสมไว้ในรูปของไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การคำนวณปริมาณแคลอรีเป็นเรื่องที่ยากและอาจเกิดความผิดพลาดได้ เพราะนอกจากร่างกายของแต่ละคนจะเผาผลาญแคลอรีแตกต่างกันแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเรื่องที่ยาก อีกทั้งยังต้องมีวินัยและความตั้งใจ

สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารมีประโยชน์หลายด้าน ดังนี้

ควบคุมน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารช่วยให้คุณควบคุมปริมาณแคลอรีที่รับเข้าได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ความสะดวกสบาย การใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารทำให้คุณสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องคำนึงถึงการเตรียมอาหารหรือควบคุมปริมาณอาหารส่วนใหญ่ของมื้ออาหาร

โภชนาการครอบคลุม ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารมักมีสารอาหารที่ครอบคลุม รวมถึงโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ

ลดความอยากอาหาร ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารอาจช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้คุณรับประทานอาหารน้อยลง

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดบางผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารมีส่วนประกอบที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือเสี่ยงต่อเบาหวาน

ความสมดุลของโภชนาการ การใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารช่วยให้คุณรับสารอาหารที่สมดุลโดยไม่ต้องคำนึงถึงการเตรียมอาหารหลายมื้อ

ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร หรือ Meal Replacement ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถบริโภคแทนมื้ออาหารหลัก โดยมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน ประกอบด้วย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงมีแคลอรีต่ำกว่าอาหารปกติ การบริโภคผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารจึงช่วยในการควบคุมพลังงานอาหารที่บริโภคในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

การทดแทนมื้ออาหารตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ อีกทั้งยังมีส่วนผสมและองค์ประกอบของสารอาหารที่แตกต่างกันดังนั้น ก่อนจะซื้อควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนและอ่านฉลากให้ดีก่อนซื้อมาบริโภค ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารต้องมีมาตรฐานตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

เมื่อเร็วๆ นี้ มีผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารจาก ประเทศญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายและมีจุดเด่นต่างๆ ที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนักเพราะให้พลังงานเพียง 200 กิโลแคลอรี/มื้อประกอบไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการในปริมาณเหมาะสมกับการรับประทาน 1 มื้อ เช่น มีปริมาณโปรตีนสูง ถึง 22 กรัม/มื้อ โปรตีนมีคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและช่วยสร้างกล้ามเนื้อในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น และยังช่วยให้อิ่มนาน หิวน้อยลง เพราะร่างกายจะใช้เวลาย่อยนานกว่าคาร์โบไฮเดรตและไขมัน จึงช่วยให้การลดน้ำหนักมีผลลัพธ์ดีขึ้น มีวิตามินและแร่ธาตุ ที่จำเป็น 21 ชนิด เป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การปรับความสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกาย และการเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพมีใยอาหารสูง 10 กรัม ใยอาหารสำคัญต่อระบบย่อยช่วยเพิ่มความอิ่ม ลดความต้องการในการบริโภคพลังงานเพิ่มเติมและช่วยเพิ่มกากอาหาร กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ป้องกันท้องผูก ในบางผลิตภัณฑ์ยังมีเสริมสารแอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) ในปริมาณถึง 250 มิลลิกรัม ซึ่งสารแอลคาร์นิทีนมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และช่วยให้กล้ามเนื้อมีพลังงานและประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังมีรสชาติอร่อย และสะดวกต่อการบริโภค เพียงแค่ชงดื่มก็ช่วยให้อิ่มโดยไม่ต้องงดมื้อใดมื้อหนึ่งไปแม้จะเร่งรีบหรือเคร่งเครียดกับการทำงาน รวมถึงมีรสชาติที่โปรดปราน เช่น กาแฟและโกโก้ เป็นต้น ให้เลือกตามความชอบของแต่ละคน

ข่าวประชาสัมพันธ์สำหรับคุณผู้หญิงอายุ 25-40 ปี ที่มีปัญหาอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ขอเชิญสมัครเข้าร่วมโครงการ “SUNTORY ชวนฟิต พิชิตหุ่น” ตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก โดยไม่ต้องอด ได้สารอาหารครบถ้วน เปิดรับสมัครได้ตั้งแต่วันนี้-15 มิ.ย. 2567 (รับจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด) สมัครเข้าร่วมโครงการและดูรายละเอียดได้ที่ @ LINE ID : @mrp2024 การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะมีความสำคัญต่อสุขภาพดีของเรา

ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์

ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ


พี่สาวสุดสตรอง! แม่ติดธุระด่วนไม่อยากขาดเรียน พาน้องมาเลี้ยงที่โรงเรียนด้วย

ถือเป็นคลิปวีดีโอที่เป็นไวรัลในขณะนี้ เมื่อเด็กน้อยมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียน แม้ว่าทางคุณแม่จะมีธุระด่วนทำให้ต้องเลี้ยงน้องช่วยคุณแม่ แต่น้องก็ไม่ยอมขาดเรียน โดยพาน้องมาเลี้ยงที่โรงเรียน และนั่งเรียนหนังสืออย่างเต็มที่

ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ผ่านผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ yingggzz ซึ่งเป็นคุณครูได้แชร์คลิปสุดน่ารัก โดยระบุข้อความว่า "ไม่รู้คนเป็นครูเเบบเราจะรู้สึกยังไง เเต่สิ่งเดียวบอกกับเด็กเสมอว่า ไม่ว่ายังไงอย่าขาดเรียนนะลูก เเม่ไม่ว่างเอาน้องมาเรียนด้วยเลย เเล้วทำจริ้งงงง55555 ดีนะน้องไม่ดื้อ"

เมื่อคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไปทำให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ น้องแข็งแกร่งมาก มือนึงอุ้มน้อง อีกมือเขียนสมุด หนูลูกเก่งมาก, พี่เก่งมากเลยค่ะ ที่เลี้ยงน้องได้, ก่อนอื่นต้องชื่นชมครูเลยที่ให้โอกาสและเข้าใจความจำเป็นของเด็ก...น้องน่ารักและเก่งมาก ๆ ค่ะ, ไม่มีอะไรที่พี่คนโตทำไม่ได้โดยเฉพาะพี่สาว, เเข็งแกร่งมากเลยพี่สาวคนนี้, สายตามุ่งมั่นลูก หนํจ๋าโตมา โมเม้นท์นี่ต้องอยู่กับหนูทั้งสองนะคะ แล้วหนูจะน่ารักมาก เป็นต้น


เรียกรถตี 3 โชเฟอร์ขับไปหลับไป สาวขอขับเองลุงหลับสบาย

กลายเป็นคลิปไวรัล เมื่อผู้ใช้ติ๊กต็อก may.linya ได้โพสต์คลิปวีดีโอเหตุการณ์ที่เธอได้โบกแท็กซี่จากพัทยามาถึงดอนเมือง โดยเธอเล่ารายละเอียดในคลิปว่า "เรียกแท็กซี่ตอนตี 3 แต่เมื่อเห็นสภาพแล้ว พี่คนขับ ขับไปก็หลับไป เลยต้องขับเองตั้งแต่พัทยา จนถึงดอนเมือง ส่วนลุงคนขับหลับสบายกรนใส่ฉันอีก ขณะที่ฉันหัวฟูขับรถง่วงก็ง่วง"

โดยระบข้อความสั้น ๆ ว่า "ชีวิตตัวเองสำคัญสุด ขับเองสบายใจกว่า"

ทั้งนี้ เมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไปได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ เจ้าของคลิปน่ารักมาก ไม่คิดเยอะ ขอบคุณแทนคุณลุง, นี่สิถึงเรียกว่า มองโลกในแง่บวก คนมีความสุข ไม่ toxic, ลุงคงทำงานหามรุ่งหามค่ำ ดีแล้วเจอคนขับเป็น, แล้วเก็บตังลุงกี่บาทครับ, สรุปใครจ่ายตังคะ55555, เอ็นดูใครก่อนดี 55555555555 เป็นต้น


เจอคาหนังคาเขา! เนียนใช้รถหลวงก่อเหตุ ลัก'การ์ดเรล'ส่งขายของเก่า

20 พฤษภาคม 2567 เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.วันชัย เสริมสุข ร้อยเวร 20 สภ.บ้านฉาง ได้รับแจ้งจากนายสุรศักดิ์ ศิริสุวรรณ นายช่างกรมทาง ว่าพบเห็นพฤติกรรมของคนงานรับเหมาตีเส้นจราจร กำลังก่อเหตุลักราวกันชนของกรมทางบริเวณ ถนนสาย 3376 บ้านฉาง-ชากหมาก พอหลังจากนั้นก็ช่วยกันนำขึ้นรถ 6 ล้อ หมายเลข 82-5792 ปราจีนบุรี ที่เป็นของผู้รับเหมาตีเส้นจราจรซึ่งติดสติกเกอร์ สีสัญลักษณ์กรมทางฯ ขับมุ่งหน้าเข้าเมือง

เจ้าหน้าที่จึงติดตามมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมบ้านฉางพาเลส จึงให้หยุดรถแล้วตรวจค้น พบผู้ก่อเหตุ 3 ราย คือนายวันชัย อายุ 39 ปี เป็นคนขับ นายเกริพล อายุ 28 ปี และนายวีระชัย อายุ 28 ปี พร้อมของกลางคือการ์ดเรลที่เพิ่งถอดมาจำนวน 5 ชิ้น ความยาว 5 เมตรอยู่บนรถ

จากการสอบสวนเบื้องต้น รับสารภาพว่าได้ใช้รถตีเส้นฯมาก่อเหตุเพราะไม่มีใครสงสัย หากใครผ่านมาเห็นก็จะคิดว่ากำลังทำงานจึงง่ายต่อการก่อเหตุ พอหลังจากถอดเสร็จกำลังขับรถเพื่อนำไปขายร้านของเก่าหาเงินใช้จ่ายส่วนตัว แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรบ้านฉางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ทางราชการ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


‘หลวงตาสินทรัพย์’แจงดราม่า รับถวายรถหรู 7 ล้าน-รองเท้าหลุยส์ 5 หมื่น

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 จากกรณี แม่ชีเจิ้น และคณะลูกศิษย์ รวบรวมปัจจัยซื้อรถหรู BMW 750e ราคาเกือบ 7 ล้านบาท ถวาย "หลวงตาสินทรัพย์ จรณธมฺโม" เจ้าของเพจ "พระสิ้นคิด" พระวัดป่าชื่อดัง จ.อุบลราชธานี เพื่อใช้เดินทางกิจนิมนต์ ขณะที่บรรดาลูกศิษย์พากันสาธุเป็นแถว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด "หลวงตาสินทรัพย์ จรณธมฺโม" เจ้าของเพจ "พระสิ้นคิด" ออกคลิปมาชี้แจงกรณี แม่ชีเจิ้น โพสต์ภาพถวายรถหรู BMW 750e มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท โดยระบุว่า ที่ผ่านมาก็รับถวายรถหรูมามากมายกว่า 100 คันแล้ว มีทั้งรถเบนซ์มูลค่าหลายล้านบาท รถตู้ แต่ที่ผ่านมาเมื่อรับถวายแล้วก็ถวายต่อไปที่อื่น ส่วนตัวเป็นแค่สื่อ พร้อมระบุว่า ส่วนตัวเมื่อรับมาแล้วก็ถวายต่อไปเท่านั้น ใช้แค่ไม่นาน ทั้งนี้ เชื่อว่าที่ผ่านมาไม่มีเรื่อง เพราะเลขทะเบียนไม่ได้ออกหวย พอดีรถคันดังกล่าวทะเบียนตรงกับเลขท้าย 2 ตัวงวดวันที่ 16 พ.ค.67 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีการซื้อรองเท้ายี่ห้อหลุยส์วิตตอง คู่ละ 50,000 บาท มาให้ใส่ด้วย

"เราจะปฏิเสธเขาได้มั้ยละ เขาตั้งใจมาทำบุญเนอะ เขามีปิติ เจตนาอันบริสุทธิ์ ถ้าเราบอกว่า กูไม่เอาหรอก คนถวายจิตตกเลย มึงรับไว้แล้วเอาไปให้คนอื่นก็ได้ มึงอย่าโง่ ธรรมทั้งหลายเราไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทำให้ต้องถวายแต่พระองค์ ก็เพราะว่า พระองค์นี้หน้าตาดีกว่าเขา ก็ไม่รู้จะอธิบายไง ก็มาโง่ถามแบบนั้น กูไม่ได้ขอเขานี่ พร้อมหัวเราะชอบใจ" หลวงตาสินทรัพย์ กล่าว พร้อมกล่าวอีกว่า ที่ผ่านบอกตลอดว่าที่เขามาถวายเป็นของๆ กู ฉะนั้นจะดีใจอะไร