ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



จากเกษตรสู่วงการแฟชั่น แบรนด์ Mr.Leaf บนเส้นทางสู่การเป็นแบรนด์รักษ์โลก

อดีตคุณครูที่เติบโตมากับการทำเกษตรกรรมจนได้ผันตัวมาสู่การเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายแต่สร้างสรรค์ จากการแปรรูปใบไม้ที่ร่วงหล่นแล้ว รวมถึงผลผลิตเหลือใช้จากการเกษตร ธุรกิจเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2541 โดยเกิดจากการที่ ปรเมศร์ สายอุปราช ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Mr.Leaf กับเพื่อนชาวญี่ปุ่น เพื่อคิดค้นและสร้างผลิตภัณฑ์ทำมือที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่าง กระเป๋าเครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งใช้นวัตกรรมการผลิตและวัสดุทางเลือกที่ทำจากพืชแทนหนังสัตว์ นั่นคือ ใบสัก ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความคงทนและประสิทธิภาพในการกันน้ำได้อย่างดี

Mr.Leaf ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดหลัก4 อย่าง คือ ความสอดคล้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชน ควบคู่ไปกับนวัตกรรม การออกแบบ และธรรมชาติ ในฐานะที่เป็นวิสาหกิจชุมชน จึงมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่ชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยในปัจจุบันแบรนด์ Mr.Leaf ได้มีการส่งเสริมอาชีพผ่านการจ้างงานช่างฝีมือท้องถิ่นกว่า 40 คน บริษัทยังสนับสนุนการสร้างอาชีพจากงานฝีมือและผลักดันการพัฒนาความสามารถที่พวกเขามีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ในช่วงแรกของการสร้างธุรกิจ เน้นไปที่การเจาะตลาดภายในประเทศเท่านั้น แต่ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความคิดสร้างสรรค์ทำให้แบรนด์ Mr.Leaf ได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าที่รักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลก แบรนด์ Mr.Leaf มีการออกแบบสินค้าที่มีเอกลักษณ์และทันสมัย ซึ่งนอกจากจะมีความคงทนแล้วยังดูดีมีสไตล์ใช้งานได้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทได้ขยายตลาดไปไกลกว่า 17 ประเทศทั่วโลก โดยมียอดสั่งซื้อที่เป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 95% จากยอดขายสินค้าทั้งหมด

และด้วยความต้องการจากลูกค้าทั่วโลกที่เติบโตมากขึ้น จากวิสาหกิจชุมชน แบรนด์ Mr.Leaf ได้พัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อยอดสู่ระดับโลกด้วยความช่วยเหลือจาก เฟดเอ็กซ์ (FedEx) เนื่องจากตลาดที่สำคัญของ Mr. Leaf เริ่มขยายไปสู่ต่างประเทศ การร่วมมือกับพันธมิตรด้านการขนส่งที่เชื่อถือได้และมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง มีส่วนสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน Mr.Leaf จึงตัดสินใจใช้บริการขนส่งสินค้าของ เฟดเอ็กซ์ เพื่อประสบการณ์การขนส่งสินค้าที่ราบรื่นส่งเสริมการขยายตัวของธุรกิจและการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซให้เป็นไปตามความคาดหวังของ Mr.Leaf และลูกค้าของแบรนด์

ปรเมศร์ สายอุปราช กรรมการผู้จัดการ Mr.Leaf กล่าว “เฟดเอ็กซ์ ช่วยเสนอแนวทางเพื่อแก้ปัญหา และสามารถสนับสนุนการจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศให้แก่เราได้เป็นอย่างดี ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ช่วยเหลือเราได้ ตั้งแต่การเตรียมเอกสารไปจนถึงการจัดการด้านศุลกากร ฯลฯ เฟดเอ็กซ์ ทำให้การขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา ในขณะที่ยังทำให้ลูกค้าของเราประทับใจ และที่สำคัญไปมากกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือของเฟดเอ็กซ์ ทำให้เรามีเวลาไปมุ่งเน้นด้านการพัฒนาธุรกิจได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เฟดเอ็กซ์ ได้ช่วยนำส่งผลิตภัณฑ์ของเราไปยังหน้าร้านแบรนด์ Mr.Leaf แห่งแรกในประเทศจีน นอกจากนี้เรายังได้เปิดสาขาเพิ่มอีก 7 แห่งในปีนี้ และเราตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ขยายธุรกิจของเราไปยังประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ในปลายปีนี้ด้วยความช่วยเหลือของ เฟดเอ็กซ์”


โรงพยาบาลรามาธิบดี บูรณาการความร่วมมือทางการแพทย์ เผยผลสำเร็จการปลูกถ่ายไตด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ครั้งแรกในอาเซียน

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic Assisted Kidney Transplantation) ครั้งแรกของประเทศไทยและกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สืบเนื่องจากความร่วมมือภายใต้โครงการ MFA-MU Capacity Building for Medical and Health Science Education Hub ระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อบูรณาการความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้เท่าทันการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และผลักดันศักยภาพวงการแพทย์ไทยสู่มาตรฐานสากล

หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด คือ หนึ่งในรูปแบบของเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบแผลเล็กที่เรียกว่า “Minimally Invasive Surgery” ที่สามารถลดข้อจำกัดของมนุษย์และการผ่าตัดผ่านกล้อง (laparoscopic Surgery) เช่น การเข้าถึงอวัยวะภายในที่แคบและมองเห็นยากได้เป็นอย่างดี โดยมีอัตราขยายการมองเห็นมากกว่าสายตามนุษย์ถึง 10 เท่า สามารถเย็บแผลและห้ามเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะทำการผ่าตัดในท่านั่งซึ่งช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบทั่วไป และการผ่าตัดผ่านกล้องที่จะต้องผ่าตัดในท่ายืนเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตาม หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดมีข้อจำกัดและยังไม่สามารถทดแทนบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทั้งหมด

รองศาสตราจารย์นายแพทย์สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ หัวหน้าศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า “ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นศูนย์ที่ให้บริการปลูกถ่ายไตมากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเป็นต้นแบบทางการรักษาและฝึกอบรมให้กับโรงพยาบาลในกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันทั่วประเทศ โดยความสำเร็จของการปลูกถ่ายไตด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความก้าวหน้าทางการแพทย์ไทย”

ความสำเร็จของการปลูกถ่ายไตด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดให้กับผู้ป่วย 3 รายแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในครั้งนี้เป็นการผ่าตัดร่วมกันระหว่างทีมคณะแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Rangueil University Hospital ประเทศฝรั่งเศส โดยผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ยอยู่ที่ 9 วัน และไตสามารถทำงานได้อย่างดี นอกจากนี้ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดยังถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการผ่าตัดในหลากหลายสาขา เช่น ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ ศัลยศาสตร์ทั่วไป ศัลยศาสตร์มะเร็ง ศัลยศาสตร์ตับ ศัลยศาสตร์ปลูกถ่ายอวัยวะ และศัลยศาสตร์ทรวงอก เป็นต้น

ทั้งนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำสมัยอย่างหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เข้ามาช่วยลดข้อจำกัดและเพิ่มศักยภาพในการรักษาพยาบาลในหลากหลายสาขา คาดการณ์ว่าในอนาคตหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดจะเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในทางการแพทย์ มูลนิธิรามาธิบดีฯ เล็งเห็นถึงผลประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพทางการรักษาพยาบาลแก่คนไทย ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและวิจัยเพื่อต่อยอดสู่การเป็นต้นแบบแห่งการรักษา

มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงสานต่อการสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลรามาธิบดี ผ่านการจัดตั้งโครงการระดมทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เพื่อระดมทุนในการซื้อหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดรุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีการรักษาที่มีคุณภาพและเท่าเทียม ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี มูลนิธิรามาธิบดี โครงการระดมทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 879-2-00448-3 ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 026-3-05216-3 ธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 090-3-50015-5 หรือบริจาคออนไลน์ https://www.ramafoundation.or.th สอบถามโทร.02-2011111


เครียดมากเกินไป ระวังหมดไฟก่อนวัยอันควร

“ความเครียด” เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่จำกัดเพศหรือวัยแต่การ “เครียดเรื้อรัง” สะสมไปเรื่อยๆ สามารถส่งผลกระทบกับสุขภาพกาย สุขภาพจิตได้ ซึ่งสาเหตุของความเครียด มีได้มากมาย ตั้งแต่เรื่องการงาน การเรียน เพื่อนฝูง ครอบครัว หรือความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านบวก หรือด้านลบ สำหรับบางคน การวางแผนไปเที่ยววันหยุด ก็อาจทำให้เครียดขึ้นมาได้

นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์โรงพยาบาลBMHH-Bangkok Mental Health Hospitalให้ข้อมูลว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย ทั้้งด้านร่างกาย จิตใจ รวมถึงวิถีชีวิต การเข้าสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ย่อมมาพร้อมกับความเครียด ทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว หากไม่สามารถปรับตัวให้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ อาจจะทำให้เกิดการท้อแท้ สิ้นหวัง หมดไฟก่อนวัยซึ่งปัญหาเหล่านี้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใส่ใจติดตามสังเกต และดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยลูกจัดการ ระบายความเครียด

สาเหตุความเครียดของวัยรุ่น “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด”

โดยธรรมชาติแล้ว วัยรุ่น เป็นวัยที่แสวงหาตัวตน การได้รับการยอมรับซึ่งบ่อยครั้งสิ่งนี้ทำให้เกิดการเปรียบเทียบขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบกับเพื่อนพี่น้อง หรือบุคคลอื่นๆ และในสมัยนี้มีการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ซึ่งยิ่งเป็นการทำให้เกิดการเปรียบเทียบได้ง่าย และเด่นชัดยิ่งขึ้น จนสามารถก่อให้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ คิดว่าตัวเองไม่ดีเท่าคนอื่น สิ่งเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดความเครียด เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวัน ที่วัยรุ่นต้องเจออยู่แล้ว สังเกตวัยรุ่นที่บ้าน เข้าสู่ความเครียดมากเกินไปหรือไม่

สุขภาพทางใจ : พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น จากเป็นคนร่าเริง เปลี่ยนเป็นคนเก็บตัว เหม่อลอย ไม่มีสมาธิ เบื่อท้อ เศร้า อาจมีการพูดในเชิงลบ ด้อยค่า กับตัวเองหรือผู้อื่นมากขึ้น รวมถึงการเขียนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ลงโซเชียลมีเดีย

สุขภาพทางกาย : สิ่งที่สังเกตได้ง่ายๆ คือ พฤติกรรมการกินและการนอนบางคนอาจจะกินมากขึ้น กินจนควบคุมไม่ได้ หรือ บางคนอาจจะเบื่ออาหารซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไปจนผิดปกติ สำหรับการนอน บางคนอาจจะนอนมากขึ้น แต่ตื่นมาไม่สดใส หรือบางคนก็อาจจะมีอาการนอนไม่หลับ นอกจากนี้ ความเครียดยังสามารถก่อให้เกิดอาการทางกายอื่นๆ เช่น ปวดหัว ปวดตามตัว ใจสั่น อ่อนเพลีย เป็นต้น

พ่อแม่ รับบท ผู้รับฟัง ไม่ใช่“ผู้ตัดสิน”

คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ควรตระหนักถึงความสำคัญของการรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดี และควรพยายามเปิดใจฟัง โดยไม่ตัดสินว่าสิ่งที่ลูกพูดหรือทำนั้น ผิดหรือถูก การที่ลูกมาพูดคุยด้วย เขาอาจจะแค่อยากมีคนรับฟัง โดยไม่ได้อยากได้คำแนะนำ หรือ คำสั่งสอน บ่อยครั้ง พ่อแม่มักจะหวังดี อยากช่วย จึงด่วนให้คำแนะนำไปโดยที่ลูกยังไม่ได้รู้สึกว่าได้รับการรับฟัง ซึ่งสิ่งนี้ อาจจะทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกตัดสิน และรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะพูดออกไปสิ่งสำคัญ คือ การสื่อสารออกไปว่าพ่อแม่อยู่พร้อมตรงนี้ และคอยสนับสนุนในบางกรณี พ่อแม่อาจจะกระตุ้นให้ลูกคิดถึงแง่มุมต่างๆ ของปัญหา ชวนให้ลูกคิด ช่วยร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา และวิธีการแก้ไข โดยที่ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วก็ตาม แต่ควรให้โอกาสลูกได้คิดได้ตัดสินใจด้วยตนเองด้วย

ความเครียด ถือได้ว่าเป็นภาวะที่ต้องให้ความใส่ใจและถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนอาการบาดเจ็บภายนอกร่างกาย แต่ก็สามารถส่งผลกระทบได้ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

วิธีการดูแลเบื้องต้น มีดังนี้ พยายามแยกแยะว่า เรื่องที่เครียดนั้น เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ หรือ ควบคุมไม่ได้ การคิดต่อไป เกิดประโยชน์แค่ไหน, หากเริ่มรู้สึกว่าจมอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป พยายามดึงตัวเองออกมา ผ่านการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ออกไปเดินเล่น ออกไปเจอเพื่อน, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที เพื่อช่วยบรรเทาความเครียด รวมถึงช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น, นอนหลับพักผ่อน ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเครียดและอารมณ์แจ่มใสขึ้น และรับประทานอาหารมีประโยชน์

หากใครสงสัยว่าตนเองมีภาวะเครียดสะสม เครียดเรื้อรัง และยังจัดการไม่ได้ ควรปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา เพื่อรับการประเมิน และการดูแลรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล


เผ็ดจัดเป็นเหตุ เดนมาร์กเรียกคืนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลีหลายรายการ

เดนมาร์กเรียกคืนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลายรสของบริษัทซัมยาง เกาหลีใต้ ออกจากชั้นวาง โดยให้เหตุผลว่า บะหมี่ดังกล่าวมีรถเผ็ดเกินไป และอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

รามยอน หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แบรนด์ของเกาหลีใต้ ถูกเรียกคืนจากชั้นวางสินค้าของเดนมาร์ก หลังจากหน่วยงานด้านอาหารประกาศเตือนผู้บริโภคให้หลีกเลี่ยงการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าว เนื่องจากมีรสเผ็ดเกินไป และสารแคปไซซิน หรือสารที่ให้ความเผ็ดในพริกอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ โดยมีบะหมี่ 3 รสชาติของบริษัท ซัมยางที่ถูกเรียกคืน ได้แก่ Buldak 3x Spicy & Hot Chicken, รส 2x Spicy & Hot Chicken และรส Hot Chicken Stew

เบื้องต้นรายงานข่าวไม่ได้ระบุว่า เพราะเหตุใดทางการเดนมาร์กจึงดำเนินการเรียกคืนดังกล่าว แต่ทางหน่วยงานด้านอาหารของเดนมาร์กระบุว่า ทางหน่วยงานได้มีการตรวจสอบระดับของสารแคปไซซินในบะหมี่ดังกล่าวและพบว่ามีปริมาณของสารในระดับสูง ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศเตือนไปยังผู้บริโภคที่มีผลิตภัณฑ์นี้อยู่ในความครอบครอง ให้ทิ้ง หรือนำไปขอเงินคืนจากร้านค้าที่ซื้อไป พร้อมย้ำเตือนไปยังเด็กและเยาวชน ว่าอาหารที่มีรสเผ็ดจัดอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการดำเนินการดังกล่าว ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างร้อนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่ชื่นชอบอาหารรสเผ็ด ที่แสดงความเห็นใน “Reddit" ว่า ชาวเดนมาร์กอาจจะอ่อนไหวกับอาหารรสเผ็ดจนเกินไป เพราะชาวเดนมาร์กบางคน แค่ใส่พริกไทยลงในอาหารไปนิดเดียวก็บอกว่าเผ็ดแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงคิดว่ารามยอนรสเผ็ดนี้จะเป็นพิษ

ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าบะหมี่ชนิดนี้เคยถูกเรียกคืนในประเทศอื่นมาก่อนหรือไม่ แต่ยังไม่พบว่าเคยมีการประกาศคำเตือนด้านความปลอดภัยของบะหมี่ยี่ห้อนี้แต่อย่างใด โดยบริษัทซัมยางเป็นบริษัทผลิตอาหารรายใหญ่ของเกาหลีใต้ และยังเป็นผู้ผลิตรามยอนเจ้าแรกของประเทศด้วย


เริ่มต้น 3 ก.ค. 67 นี้ ครม.เห็นชอบ ขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

11 มิ.ย.2567 นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างข้อบังคับการ "รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" ด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องชำระค่าโดยสาร รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

เนื่องจาก สัญญาสัมปทานโครงการ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) กำหนดให้มีการปรับอัตราค่าโดยสารทุกๆ ระยะเวลา 24 เดือน หรือทุกๆ 2 ปี โดยอัตราค่าโดยสารปัจจุบันจะครบกำหนด 24 เดือนในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ทำให้การคำนวณอัตราค่าโดยสารใหม่ ตามดัชนีราคาผู้บริโภค จะมีอัตราเริ่มต้น 17 บาท สูงสุด 45 บาท

ขอบคุณภาพจาก : การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รฟม.ได้เสนอการขึ้นราคาค่าโดยสารให้ ครม.พิจารณา การขึ้นค่าโดยสารเป็นไปตามดัชนีผู้บริโภค ทำให้การขึ้นค่าโดยสารจะมีผลทันทีในวันที่ 3 ก.ค.นี้ โดยอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 17-45 บาท จากปัจจุบันอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 17-43 บาท


จากแกรนด์ไลน์ สู่ลาสเวกัส วันพีซ ฉลองครบรอบ 25 ปี บนโดมยักษ์ Sphere ในสหรัฐอเมริกา

เหล่ากลุ่มหมวกฟางปรากฏตัวแล้ว บนแลนด์มาร์ก Sphere ในลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี ของการ์ตูนยอดฮิตที่มีแฟนคลับทั่วโลก ผ่านโลกของมังงะ อนิเมะ และซีรีส์สุดโด่งดัง

Sphere (สเฟียร์) แลนด์มาร์กทรงโดมครึ่งวงกลม จุดท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญมูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ของเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ที่เปิดตัวในวันเฉลิมฉลองวันชาติของสหรัฐอเมริกา เมื่อ 4 กรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา

หนึ่งในสถานที่เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่จัดงานสำคัญอยู่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานคอนเสิร์ต โรงละครแสดงภาพยนตร์ ละครเวที การแข่งขันกีฬา โถงงานศิลปะ และอีกมากมาย

ล่าสุดในวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ทาง Sphere ได้เนรมิตแลนด์มาร์กครึ่งวงกลมนี้ ให้กลายเป็นแผนที่โลกของมังงะ อนิเมะ และซีรีส์สุดโด่งดังอย่าง One Piece (วันพีซ) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกลุ่มหมวกฟางที่ผจญภัยกับทุกคนมาถึง 25 ปี ซึ่งเป็นผลงานของเออิจิโระ โอดะ ผู้เขียนการ์ตูนวันพีซ ที่ได้รับความนิยม และมีแฟนคลับมากมายทั่วโลก จากนิทรรศการที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ

การเฉลิมฉลองนี้ ทาง Sphere ได้ฉายภาพแผนที่ของโลกวันพีซ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เป็นการผจญภัยสำคัญของกลุ่มหมวกฟางทั้งหมด ตั้งแต่อีสต์บลูจวบจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกเรือหมวกฟางที่มาโผล่อยู่บนโดมแห่งนี้อีกด้วย

โดยกลุ่มหมวกฟางจะเข้ายึดครอง Sphere เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมฉลองในวาระครบรอบ 25 ปีนี้ไปด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 10-16 มิถุนายน 2567 นี้