ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 18 กันยายน 2564

ฮือฮา จีนขุดพบหน้ากากทองคำ อายุเก่าแก่กว่า 3 พันปี ในหลุมบูชายัญ

จีนขุดพบหน้ากากทองคำ สภาพสมบูรณ์ อายุเก่าแก่กว่า 3 พันปี ในหลุมบูชายัญ ที่โบราณสถานซานซิงตุยในมณฑลเสฉวน นอกจากนั้นยังพบวัตถุโบราณอื่นๆ กว่า 500 ชิ้น

สำนักงานมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลเสฉวน ของจีนแถลงพบหน้ากากทองคำโบราณ อายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี ในระหว่างการขุดพบโบราณวัตถุหลายร้อยชิ้นที่บริเวณโบราณสถานซานซิงตุย ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยหน้ากากทองคำโบราณนี้ มีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม ถูกค้นพบตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 แต่ทางการจีนเพิ่งนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นักโบราณคดีได้มีการค้นพบโบราณวัตถุมากกว่า 500 ชิ้นที่ซากโบราณสถานซานซิงตุย ในเมืองกว่างฮั่น ห่างจากเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนราว 60 กิโลเมตร โดยในจำนวนนั้น มีหน้ากากทองคำสภาพสมบูรณ์ชิ้นหนึ่งที่มีอายุย้อนไปถึง 3,000 ปี ซึ่งดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก

วัตถุโบราณที่ถูกค้นพบในหลุมบูชายัญแห่งใหม่ 6 หลุมของซากโบราณสถาน เช่น หน้ากากทองคำ สิ่งของที่ทำจากหยกและงาช้าง และเครื่องทองสัมฤทธิ์ต่างๆ ล้วนถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงามและมีรูปลักษณ์เฉพาะตัว

การค้นพบครั้งใหม่ทำให้จำนวนวัตถุที่ถูกค้นพบในซานซิงตุย เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2,000 ชิ้น หลังการขุดค้นหลุมบูชายัญหมายเลข 3 ถึงหมายเลข 8 ที่เริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2020

ทั้งนี้ ซากโบราณสถานซานซิงตุย ถูกค้นพบครั้งแรกในช่วงปลายทศวรรษ 1920 ครอบคลุมพื้นที่ 12 ตารางกิโลเมตร และได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของศตวรรษที่ 20 โดยเชื่อกันว่าเป็นซากปรักหักพังของอาณาจักรที่มีอายุย้อนหลังราว 4,500-3,000 ปี.

Cr ที่มา-ภาพ Xinhuathai, CNN


ไดโนเสาร์ : พบ สายพันธุ์ “ฟันฉลาม” ขนาดยักษ์ชนิดใหม่ในอุซเบกิสถาน

ทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่ ซึ่งเชื่อว่าอาจมีความยาวกว่าไดโนเสาร์ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ (Tyrannosaurus rex) หรือ ทีเร็กซ์ ถึง 2 เท่า และมีน้ำหนักมากกว่า 5 เท่า

ไดโนเสาร์ขนาดมหึมาที่ถูกค้นพบในประเทศอุซเบกิสถาน ได้รับการตั้งชื่อว่า Ulughbegsaurus uzbekistanensis นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันเคยมีชีวิตอยู่บนโลกเมื่อราว 90 ล้านปีก่อน และอาจเคยเป็นหนึ่งในสัตว์นักล่าตัวฉกาจที่ควบคุมห่วงโซ่อาหารในขณะนั้น ก่อนหน้าที่ทีเร็กซ์ ไดโนเสาร์นักล่าชื่อดังจะถือกำเนิดขึ้นบนโลกกว่า 20 ล้านปี

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบกระดูกขากรรไกรบนของไดโนเสาร์ชนิดใหม่นี้ครั้งแรกที่ทะเลทรายคีซีลกุม (Kyzylkum Desert) ในช่วงทศวรรษที่ 1980 แต่ได้ถูกลืมไปจนกระทั่งปี 2019 ที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบมันอีกครั้งในบรรดาฟอสซิลที่พิพิธภัณฑ์เก็บสะสมไว้

นักวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้บอกว่า ไดโนเสาร์ชนิดใหม่นี้น่าจะมีความยาวประมาณ 8 เมตร และหนักกว่า 1 ตัน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์โคเฮ ทานากะ นักวิจัยหลักของการค้นพบครั้งนี้บอกว่า ทีมงานสามารถประเมินรูปร่างของไดโนเสาร์สกุล (genus) และชนิดพันธุ์ (species) ใหม่นี้ ได้จากฟอสซิลกระดูกขากรรไกรบนชิ้นเดียวที่ค้นพบ

เขาอธิบายว่า ในหมู่ไดโนเสาร์เทอโรพอด (theropod) หรือไดโนเสาร์กินเนื้อที่เดินสองขานั้น สามารถใช้กระดูกขากรรไกรบนเป็นตัวชี้วัดขนาดตัวของไดโนเสาร์ได้ เพราะกระดูกส่วนนี้มีความสัมพันธ์กับความยาวของกระดูกต้นขา

“ดังนั้นเราจึงคาดคะเนได้ว่า Ulughbegsaurus uzbekistanensis มีน้ำหนักกว่า 1,000 กก. และมีความยาวประมาณ 7.5 – 8 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าช้างแอฟริกาโตเต็มวัย”

เชื่อว่าไดโนเสาร์คาร์ชาโรดอนโทซอรัสมีขนาดใหญ่กว่าไดโนเสาร์ไทแรนโนซอรัสมาก

งานวิจัยยังระบุด้วยว่าไดโนเสาร์ชนิดใหม่นี้อยู่ในกลุ่มของ “ไดโนเสาร์ฟันฉลาม” ที่เรียกว่า คาร์ชาโรดอนโทซอรัส (carcharodontosaurs) ที่ฟันมีลักษณะคล้ายกับฟันของฉลาม

นอกจากนี้ยังชี้ด้วยว่าไดโนเสาร์ชนิดที่อยู่ในกลุ่มนี้มักมีขนาดใหญ่กว่าไดโนเสาร์ไทแรนโนซอรัสมาก ซึ่งบางตัวอาจมีน้ำหนักมากกว่า 6 ตัน

เชื่อกันว่า “ไดโนเสาร์ฟันฉลาม”สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อราว 80 – 90 ล้านปีก่อน ส่งผลให้ไทแรนโนซอรัสได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ควบคุมระบบนิเวศ และมีขนาดตัวใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นสัตว์นักล่าในอันดับสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือในยุคนั้น


สิ้นทาร์ซานตัวจริง วัย 52 ใช้ชีวิตดื่มกินในโลกศิวิไลซ์ได้ 8 ปี ป่วยมะเร็ง

เดลีเมล์ รายงานว่า โฮ วัน แลง ชาวเวียดนาม ผู้ได้ฉายา ทาร์ซานในชีวิตจริง จากการใช้ชีวิตในป่าเกิน 40 ปี เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ขณะอายุ 52 ปี หลังออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้ 8 ปี

นายโฮ วัน แลง ติดตามพ่อชื่อ โฮ วัน ธานห์ ที่พาครอบครัวหนีสงครามเวียดนามจากการทิ้งระเบิดของกองทัพสหรัฐ ซึ่งทำให้แม่และพี่ชายอีกสองคนของนางแลงเสียชีวิต เข้าไปอยู่ในป่า เขตตราเบา จังหวัดกว๋างหงาย ตอนกลางใต้ของประเทศ ตั้งแต่เมื่อปี 2515 โดยไม่รู้จักวิถีชีวิตของโลกภายนอกนานถึง 41 ปี

กระทั่งเมื่อปี 2556 โฮ วัน แลงออกมาที่หมู่บ้านโดยยังเชื่อว่า สงครามยังดำเนินอยู่ แต่จำเป็นต้องออกมา เพราะพ่อป่วยหนักต้องหาหมอ ทำให้ตกเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วเวียดนามและเป็นข่าวไปทั่วโลกถึงการเจอทาร์ซานในชีวิตจริง ส่วนนายธานห์ บิดา เสียชีวิตต่อมาในปี 2560 โดยไม่ทราบสาเหตุ

ก่อนหน้านั้นเคยมีชาวบ้านเคยเห็นสองพ่อลูกออกมาเก็บฟืนอยู่ชายป่า จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งใช้เวลาแกะรอยค้นหาอยู่ 5 ชั่วโมงจนเข้าไปพบ และทราบว่า พี่ชายของนายโฮ วัน แลง ชื่อ โฮ วัน ตรี ใช้ชีวิตอยู่ภายนอก เคยชักชวนให้พ่อและน้องออกมาอยู่ในหมู่บ้าน ช่วงที่พ่อเริ่มสุขภาพไม่ดี

ตั้งแต่นั้นมา นายโฮ วัน แลง ใช้ชีวิตใหม่ ซึ่งเพื่อนและผู้สังเกตการณ์เชื่อว่า ความเครียด และการกินดื่มที่ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ

นายอัลบาโร เซเรโซ เพื่อนคนหนึ่งของนายแลง กล่าวว่า การที่นายแลงใช้วิถีชีวิตใหม่ เริ่มกินอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง รวมถึงดื่มแอลกอฮอล์ มีผลเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเพื่อน

“ผมไม่ชอบเลยที่เห็นเขาอยู่ในโลกศิวิไลซ์ ผมห่วงเขาและร่างกายเขาเสมอว่าจะรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนั้น ผมเศร้ามากที่เสียเขาไป แต่ก็มองว่าเขาได้ไปดีแล้ว เพราะป่วยทรมานมาหลายเดือน เขาเป็นมนุษย์ที่น่ารัก การลืมเขามันเป็นไปไม่ได้เลย ผมจะคิดถึงเขาทุกวัน” นายเซเรโซกล่าว

ช่วงที่นายแลงอยู่ในป่ากับพ่อ สองพ่อลูกหาอาหารกินเป็นผลไม้ ขุดมันจากในป่า และข้าวโพดที่ปลูกไว้ ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากเปลือกไม้ และอาศัยในกระท่อมที่สร้างให้อยู่สูงพื้นดิน 5 เมตร

ตอนที่ผู้คนจากภายนอกเข้าไปพบ นายตรัน พูดภาษาชนกลุ่มน้อยได้นิดหน่อย ส่วนนายแลงพูดได้ไม่กี่คำ ทั้งสองได้รับการตรวจร่างกายก่อนจะมาใช้ชีวิตภายนอก ในปี 2556

เมื่อปี 2559 นายแลงเคยกลับเข้าไปยังบ้านในป่า พร้อมนายเซเรโซ ผู้ทำงานให้องค์กร Docastaway องค์กรที่ช่วยเหลือคนที่ต้องการหนีจากความเจริญไปใช้ชีวิตลำพังบนเกาะแห่งหนึ่ง โดยตอนนั้นเซเรโซพานายแลงไปอยู่กระท่อมเดิมกลางป่าหนึ่งสัปดาห์

“เขาตื่นเต้นมากที่พาผมไปยังบ้านที่เขาเคยอยู่ เราสนิทกันเร็วมาก เพราะแลงไม่คิดว่ามีใครจะสนใจทักษะที่เขาเอาตัวรอดในป่า เขามีความสุขมากที่ได้แสดงให้ผมดู” นายเซเรโซเล่าความหลัง

‘เขาเป็นคนที่น่าทึ่งมากและน่ารักมาก ตอนเราอยู่ในป่าด้วยกัน สิ่งที่ผมใช้เวลานานเป็นหลายชั่วโมงกว่าจะสำเร็จนั้น แลงทำได้ภายในไม่กี่วินาที เขาเหมือนเด็กที่มีทักษะเป็นยอดมนุษย์”

ทริปครั้งนั้นทำให้นายเซเรโซเก็บภาพบันทึกที่นายแลงสะเทือนใจที่ต้องจากป่าที่เคยอยู่ และมองว่า วิถีชีวิตใหม่กับวิถีชีวิตเดิมของนายแลงแตกต่างมากเกินไป และเป็นผลเสียกับสุขภาพของนายแลง


ของขวัญชิ้นโต จีนส่งมอบสนามกีฬาแห่งชาติมูลค่า 4,900 ล้านแก่กัมพูชา

รัฐบาลจีนทำพิธีส่งมอบสนามกีฬาแห่งชาติมรดกเดโช มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ ที่จีนสร้างให้กัมพูชาเตรียมใช้เป็นสนามหลักจัดการแข่งขันซีเกมส์ปี 2566 ให้แก่รัฐบาลกัมพูชาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ นายกฯ ฮุน เซน คุยเลือกคบจีนไม่ผิดพลาด ถือเป็นเพื่อนที่ไว้วางใจได้และน่านับถือ

สนามกีฬาแห่งชาติซึ่งมีชื่อว่า มรดกเดโชพหุกีฬาสถานแห่งชาติ มีความจุ 60,000 ที่นั่ง โดยสร้างเป็นรูปร่างคล้ายเรือสำเภาที่ชาวจีนในอดีตใช้ในการเดินทางมายังภูมิภาคนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพยาวนานระหว่างสองประเทศ โครงการมูลค่าราว 4,910 ล้านบาทเป็นส่วนหนึ่งของความริเริ่มแถบและเส้นทางของจีน และจะใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันหลักของกีฬาซีเกม ที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในปี 2566

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กันยายนกล่าวว่า หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำพิธีส่งมอบสนามกีฬาระหว่างเดินทางมาเยือนกรุงพนมเปญ โดยทอง คูน รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา กล่าวว่า สนามกีฬามูลค่า 150 ล้านดอลลาร์แห่งนี้เป็นสิ่งของมูลค่าสูงที่สุดในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่จีนบริจาคให้แก่กัมพูชา

ด้านนายกฯ ฮุน เซน ซึ่งโดนวิจารณ์เรื่องการพึ่งพาจีนช่วงหลายปีมานี้ กล่าวปกป้องกันรักษาสัมพันธไมตรีกับจีนอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ว่า จีนเป็น "เพื่อนที่ไว้ใจได้และน่านับถือ"

"ผมทำผิดพลาดในการติดต่อกับจีนเพื่อนของเราหรือเปล่า เมื่อเราได้ผลลัพธ์แบบนี้" นายกฯ กัมพูชากล่าวถึงสนามกีฬาแห่งนี้ "นี่คือหมุดหมายใหม่อีกขั้นหนึ่งในมิตรภาพอันแข็งแกร่งระหว่างกัมพูชาและจีน"

ฮุน เซน กล่าวด้วยว่า ระหว่างที่หวัง อี้ มาเยือน กัมพูชาและจีนยังได้ลงนามข้อตกลงใหม่หลายฉบับ ที่จีนให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนโครงการพัฒนาของกัมพูชารวม 250 ล้านดอลลาร์

ด้านหวัง อี้ กล่าวว่า จีนจะยังคงสนับสนุนการขยายโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชา โดยที่จีนไม่เคยตั้ง "เงื่อนไขทางการเมือง" เลยในการร่วมมือกับกัมพูชา

กัมพูชาเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับจีนมายาวนาน และได้รับเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ จีนยังจัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กัมพูชาเกือบ 28 ล้านโดส รวมถึงการบริจาคให้ 4.3 ล้านโดส.