ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



“ภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ” ภาวะอันตรายที่ควรรู้จัก

“ภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ” เกิดจากการที่มีลิ่มเลือดไปอุดหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ปอด และอาจแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ไปอุดตันหลอดเลือดฝอยที่ปอด หรืออาจจะหลุดไปอุดทั้งก้อน ทำให้ไม่สามารถเติมออกซิเจนให้เลือดได้ เมื่อออกซิเจนในเลือดต่ำมาก เซลล์ที่อยู่บริเวณที่ไกลหัวใจ เช่น มือ เท้า อาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์เสียหาย จะพบว่ามีปลายมือและปลายเท้าเริ่มมีสีคล้ำ หากลิ่มเลือดไปอุดตันในหลอดเลือดดำลึก จะทำให้มีอาการขาบวม เจ็บ ปวด ทำให้มีการเสื่อมสภาพของลิ้นหลอดเลือดดำและผนังหลอดเลือดดำ ลิ่มเลือดแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ

หากลิ่มเลือดมีขนาดใหญ่ขึ้น บางส่วนแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ลิ่มเลือดที่แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ หรืออาจหลุดไปทั้งก้อนไหลไปยังหัวใจ และไปอุดตันหลอดเลือดแดงไปที่ปอดได้

ปัจจัยเสี่ยง

การนั่งอยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน เช่น การขับรถ การนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน ผู้สูงอายุที่เดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น ทำให้กล้ามเนื้อน่องไม่ได้มีการบีบตัว ซึ่งการบีบตัวของกล้ามเนื้อน่องเป็นตัวช่วยให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจ อาจเป็นความเสี่ยงทำให้เกิดลิ่มเลือดภายในหลอดเลือดดำส่วนลึกบริเวณกล้ามเนื้อน่อง

การนอนอยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน เช่น การนอนโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน หรือผู้ป่วยอัมพาต ทำให้กล้ามเนื้อน่องไม่ได้เกิดการเคลื่อนไหว อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำลึกที่ขา

การตั้งครรภ์ เป็นการเพิ่มแรงดันในหลอดเลือดอุ้งเชิงกรานและขา สตรีที่มีประวัติความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดทางกรรมพันธุ์ จะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำลึกที่ขาขณะตั้งครรภ์ โดยความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำลึกที่สัมพันธ์กับการตั้งครรภ์ สามารถมีได้ยาวนานต่อเนื่องถึงประมาณ 6 สัปดาห์หลังจากตั้งครรภ์

อ้วนหรือน้ำหนักเกิน ทำให้เกิดการเพิ่มแรงดันของหลอดเลือดดำในอุ้งเชิงกรานและขา ทำให้มีการเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ

การสูบบุหรี่ มีผลกับการแข็งตัวของเลือดและการไหลเวียนโลหิต เป็นสาเหตุให้มีความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก

การบาดเจ็บ หรือการผ่าตัด การมีการบาดเจ็บของหลอดเลือดดำ หรือการได้รับการผ่าตัด อาจเป็นสาเหตุให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ

โรคมะเร็ง (cancer) โรคมะเร็งบางชนิดสามารถเพิ่มปริมาณสารในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ รวมถึงการรักษามะเร็งบางชนิดก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ

การเป็นโรคลำไส้อักเสบ (inflammatory bowel disease) อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึก

โรคหัวใจล้มเหลว (heart failure) เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลวจะสูญเสียสมรรถภาพของหัวใจในการสูบฉีดเลือด ผู้ป่วยหัวใจเคลื่อนไหวลดลงเป็นสาเหตุให้มีความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก

ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) หรือการใส่ท่อยืดหยุ่นได้ชนิดบาง (thin, flexible tube) ในหลอดเลือดดำ การใช้ หรือใส่เครื่องมือเหล่านี้ ทำให้เกิดการระคายเคืองผนังหลอดเลือดและลดการไหลเวียนโลหิต เป็นสาเหตุให้มีความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก

การใช้ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทน

การมีประวัติเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำลึก หรือภาวะลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดฝอยภายในปอดมาก่อน

การมีประวัติคนในครอบครัวเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำลึก หรือภาวะลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดฝอยภายในปอด

ผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป

เพศชายที่มีความสูงมาก

สัปดาห์หน้ายังมีเรื่องราวน่ารู้ของการวินิจฉัยภาวะหลอดเลือดดำมีลิ่มเลือดอุดตัน การรักษาและการป้องกัน รอติดตามกันนะครับ

แหล่งข้อมูล

คู่มือความรู้ภาคประชาชนเรื่อง โรคหลอดเลือดดำ โดย ศ. นพ.จุมพล วิลาศรัศมี ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


ญี่ปุ่นปล่อย “ดาวเทียมข่าวกรอง” ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จ-หลังล่าช้าเพราะคลื่นหนาวถล่ม

– ซินหัวและ นาซาสเปซไฟล์ต รายงานว่าญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวดขนส่งดาวเทียมเรดาร์รวบรวมข่าวกรองออกจากศูนย์อวกาศทาเนงาชิมะ ในจังหวัดคาโงชิมะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

รายงานระบุว่า บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ จำกัด ผู้รับผิดชอบการปล่อยจรวดเอช 2 เอ หมายเลข 46 ระบุว่าจรวดดังกล่าวซึ่งบรรทุกดาวเทียมเรดาร์รวบรวมข่าวกรองชื่อว่า “ไอจีเอส-เรดาร์ 7” (IGS-Radar 7) ทะยานออกจากศูนย์อวกาศ เมื่อเวลา 10.50 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น

ด้านศูนย์ข่าวกรองดาวเทียมของรัฐบาลญี่ปุ่น เผยว่าดาวเทียมเรดาร์ดาวนี้มีระบบติดตามด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถจับภาพบนพื้นผิวโลกในเวลากลางคืนและช่วงที่มีสภาพอากาศรุนแรงได้

ทั้งนี้ ดาวเทียมดวงดังกล่าวเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดหลังถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศราว 20 นาที และจะเข้าแทนที่ดาวเทียมไอจีเอส 5 (IGS 5) ทั้งนี้ การปล่อยจรวดข้างต้นล่าช้าไป 1 วัน เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายหลังมีคลื่นความหนาวเย็นพัดเข้าสู่ญี่ปุ่น


กรมอุทยานฯ เตรียมพร้อม ขสป.ภูเขียว เสนอขึ้นทะเบียนมรดกแห่งอาเซียน

กรมอุทยานฯ นำคณะกรรมการนานาชาติ ลงพื้นที่ ขสป.ภูเขียว ยันพร้อมสามารถประกาศขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน เสร็จสิ้นในปี 2566 นี้

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ตน พร้อมด้วย นายอร่าม ทัพหิรัญ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) และ คณะตัวแทนผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติจากศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย นางรัศมี ศิระวงศ์, นายโรเบิร์ต มาสเตอร์ ,นายทวี หนูทอง และสมาชิกประเทศกลุ่มอาเซียน ร่วมเดินทางลงพื้นที่ ระหว่างวันที่ 23 – 25 ม.ค. 66 เพื่อประชุมการนำเสนอพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า(ขสป.) ภูเขียว (ทุ่งกะมัง) ให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน ณ หอประชุมสุรพลพลับพลึง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ

นายสิทธิชัย กล่าวว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 65 เห็นชอบให้ประเทศไทย โดยกรมอุทยานฯ นำเสนอพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน คณะกรรมการฯ จากศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบประเมินเพื่อดำเนินการประกาศขึ้นทะเบียนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน

ด้วยคุณสมบัติของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) มีศักยภาพความสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำต้นกำเนิดแม่น้ำชี และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งด้านสัตว์ป่า และพรรณพืช ที่นานาประเทศทั่วโลกให้การยอมรับ และให้ความสำคัญที่จะต้องช่วยกันรักษาและอนุรักษ์สืบไป โดยพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียนจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติในระดับนานาชาติที่สำคัญของอาเซียนระดับภูมิภาค ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น

นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้พื้นที่ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) ยังเป็นแหล่งช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดชัยภูมิ โดยมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ต้นน้ำ สัตว์ป่า พันธุ์พืช และมีจุดรองรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งในการจัดการบริหารพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวภายในสถานีเพาะเลี้ยง หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ จะช่วยให้เกิดการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวภายในจังหวัดชัยภูมิได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ จากการเดินทางสำรวจประเมินพื้นที่พบว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) มีความพร้อมสามารถดำเนินการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียนได้ โดยจะเสร็จสิ้นในปี 2566 นี้ และจะมีการประกาศการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการต่อไป


ค่าฝุ่น PM 2.5 กรุงเทพฯ วันนี้ เท่าไรถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ค่าฝุ่นวันนี้ เป็นคำค้นหาของชาวกรุงเทพฯ ที่ต้องตรวจสอบก่อนออกจากบ้านทุกวัน เพื่อการเตรียมตัวสวมเสื้อผ้า สวมหน้ากากอนามัยแบบกรองฝุ่น รวมถึงการแต่งกายที่มิดชิด ป้องกันฝุ่น PM 2.5 สัมผัสผิวหนัง

ค่าฝุ่นกรุงเทพฯ กับผลกระทบต่อสุขภาพ

ค่าฝุ่น PM 2.5 เป็นสิ่งใกล้ตัวคนกรุงเทพมหานครมากที่สุด แม้ว่าจังหวัดอื่นๆ ทางภาคเหนือจะพบค่าฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาต่อสุขภาพบ้างเช่นกัน แต่ก็เป็นค่าฝุ่นที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล และจำนวนประชากรต่อพื้นที่ก็ไม่ได้หนาแน่นเท่ากับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้น กิจกรรมต่างๆ ทั้งการใช้รถยนต์ เครื่องจักร และการเผาวัสดุต่างๆ หากทำพร้อมกันมากๆ ก็ส่งผลเกิดเป็นฝุ่นละอองในอากาศ

ฝุ่น PM 2.5 คือฝุ่นที่มีขนาดน้อยกว่า 2.5 ไมครอน เจ้าฝุ่นเล็กๆ นี้ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอด และภูมิแพ้ เมื่อสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 นี้ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้โรคต่างๆ กำเริบ

ค่าฝุ่นเท่าไรถึงไม่กระทบต่อสุขภาพ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดค่ามาตรฐานสำหรับแต่ละจุดตรวจวัด โดยมีค่ามาตรฐานที่ปลอดภัยดังนี้

- ค่าเฉลี่ยต่อ 24 ชั่วโมง ณ จุดวัด ไม่เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

- ค่าเฉลี่ยต่อปี ณ จุดวัด ไม่เกิน 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

แต่สำหรับประเทศไทยมีค่ามาตรฐาน ดังนี้

- ค่าเฉลี่ยต่อ 24 ชั่วโมง ณ จุดวัด ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

- ค่าเฉลี่ยต่อปี ณ จุดวัด ไม่เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ค่าฝุ่นละอองในอากาศกรุงเทพฯ วันนี้ ดูได้จากที่ไหน

หากคุณต้องการดูรายงานสภาพอากาศกรุงเทพมหานคร หรือดูค่าฝุ่น PM 2.5 ล่าสุดที่ตรงกับวันนี้ เข้าไปดูได้ที่ www.bangkokairquality.com โดยเป็นแอปฯ ที่บอกระดับค่าฝุ่น ณ จุดสถานีตรวจวัดต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ให้คุณได้เตรียมตัวรับมือกับค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ได้ตรงจุด

อีกเว็บไซต์ที่แสดงค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ตรงจุดทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดต่างๆ ที่มีสถานีวัดคุณภาพอากาศ ก็เข้าไปดูได้ที่ air4thai

เกณฑ์ของดัชนีคุณภาพอากาศสำหรับประเทศไทย

สีฟ้า

ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ บ่งบอกค่าฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ว่า “คุณภาพดีมาก” โดยมีค่าคุณภาพอากาศอยู่ระหว่าง AQI 0-25 เหมาะสำหร้บทำกิจกรรมกลางแจ้ง และท่องเที่ยว

สีเขียว

ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ บ่งบอกค่าฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ว่า “คุณภาพดี” โดยมีค่าคุณภาพอากาศอยู่ระหว่าง AQI 26-50 ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และท่องเที่ยวได้ตามปกติ

สีเหลือง

ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ บ่งบอกค่าฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ว่า “คุณภาพปานกลาง” โดยมีค่าคุณภาพอากาศอยู่ระหว่าง AQI 51-100 บุคคลทั่วไปทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ปกติ ส่วนผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก เคืองตา ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง

สีส้ม

ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ บ่งบอกค่าฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ว่า “คุณภาพดี” โดยมีค่าคุณภาพอากาศอยู่ระหว่าง AQI 100-200 ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และท่องเที่ยวได้ตามปกติ

สีแดง

ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ บ่งบอกค่าฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ว่า “มีผลกระทบต่อสุขภาพ” โดยมีค่าคุณภาพอากาศมากกว่า AQI 201 ขึ้นไป ทุกคนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งทุกชนิด หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์

ที่มา : กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรุงเทพมหานคร Bangkokairquality.com


WHO ประกาศคงสถานะโควิด ‘ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก’

องค์การอนามัยโลกประกาศคงสถานะ “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก” ของโควิด-19 ต่อไป หลังการแพร่ระบาดใหญ่ที่กินเวลานาน 3 ปี นับตั้งแต่มีการประกาศสถานะดังกล่าวซึ่งถือเป็นการเตือนภัยด้านสาธารณสุขในระดับสูงที่สุด

องค์การอนามัยโลกออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 มกราคม ว่า นายเท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เห็นด้วยกับคำแนะนำของคณะกรรมการ เมื่อพิจารณาถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ และตัดสินว่าเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่นานาชาติกังวล

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 674,896,956 คน และมีผู้เสียชีวิต 6,759,663 ราย อย่างไรก็ดีเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ในปัจจุบันที่ประเทศต่างๆ ไม่ได้มีการแจ้งรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอย่างละเอียดเช่นเดียวกับในช่วงต้นของการแพร่ระบาด ขณะที่ประชากรโลกส่วนใหญ่ก็หันไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดตามปกติ