ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 12 มิถุนายน 2564

ข้อแนะนำเตรียมตัว ก่อนฉีดวัคซีน "โควิด-19" ควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

วิธีเตรียมตัว ก่อนฉีดวัคซีน "โควิด-19" พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าให้เยอะๆ ควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้ให้ข้อแนะนำในการเตรียมตัว เพื่อให้การรับวัคซีนได้ประโยชน์สูงสุด และป้องกันหรือลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวว่า หากมียาประจำที่ต้องรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อน

ก่อนฉีดวัคซีนพักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจสบายๆ หากเจ็บป่วย มีไข้ ไม่สบาย ให้เลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ดื่มน้ำและงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารมาให้เรียบร้อย หากมียารักษาโรคประจำตัวก็ให้รับประทานได้เลย ถ้าใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ จุดลงทะเบียน

สำหรับกรณีตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ สำหรับการฉีดวัคซีน โควิด-19 ต้องห่างจากการฉีดวัคซีนอื่น 4 สัปดาห์ และเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการเข้ารับการฉีดวัคซีนให้พร้อม เช่น บัตรประชาชน ข้อมูลการลงทะเบียน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว เดินทางไปถึงสถานที่ฉีดก่อนเวลานัด 30 นาที ใส่เสื้อผ้าหลวม สบาย เปิดหัวไหล่สะดวก ง่ายต่อการฉีดวัคซีน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือให้สะอาด และเว้นระยะห่าง แนะนำให้ฉีดแขนข้างที่ไม่ค่อยถนัด งดใช้หรือเกร็งแขนข้างที่ฉีด ปฏิบัติตามคำแนะของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็เหมือนกับวัคซีนอื่นๆ ที่ไม่ได้ให้ผลในการป้องกัน 100% โดยประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้ออยู่ที่ 60-90% (ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนและการตอบสนองของแต่ละบุคคล) แต่คุณสมบัติสำคัญของวัคซีนโควิด-19 ทุกตัวสามารถลดความรุนแรงของการป่วยหลังการติดเชื้อและการเสียชีวิตได้เกือบ 100% ซึ่งจะทำให้การต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการสูญเสียชีวิตลดลงได้อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันต่อไปอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เรากลายเป็นผู้แพร่เชื้อแบบไม่มีอาการ ที่อาจจะเป็นต้นเหตุให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจากเราได้.


ฟอสซิลเมล็ดพันธุ์ยุคไดโนเสาร์ ให้ข้อมูลต้นกำเนิดพืชดอก

พืชดอก (Angiosperms) ครอบครองระบบนิเวศบนบกส่วนใหญ่และเป็นอาหารของมนุษย์ แต่ต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของพืชดอกยังเป็นปริศนา นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ากุญแจสำคัญในการอธิบายที่มาของพืชดอกและความเกี่ยวข้องกับพืชชนิดอื่นก็คือการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของส่วนต่างๆของพืชดอกโดยเฉพาะโครงสร้างของเมล็ด

เมื่อเร็วๆนี้ทีมวิจัยจากสถาบันธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยานานกิง ในประเทศจีน (Nanjing Institute of Geology and Palaeontology of the Chinese Academy of Sciences-NIGPAS) เผยว่า ซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลเมล็ดที่ถูกเก็บรักษาไว้ในหินก้อนหนึ่งที่พบในพื้นที่ชุ่มน้ำอันเกิดจากการสะสมตัวของซากพืชและอินทรียวัตถุต่างๆ ทับถมกันเป็นเวลานาน ในมองโกเลีย ได้ให้คำตอบบางส่วนถึงต้นกำเนิดพืชดอก

ซากฟอสซิลดังกล่าวมีอายุราว 126 ล้านปี ยุคเดียวกับไดโนเสาร์ นักวิจัยหั่นหินที่เต็มไปด้วย ฟอสซิลด้วยใบเลื่อยเพชร จากนั้นก็ขัดและกัดพื้นผิวด้วยกรดเพื่อปอกเปลือก ให้ตรวจสอบได้ด้วยกล้อง จุลทรรศน์ เพราะการตัดหินจะทำให้เห็นแต่ ละเซลล์ นอกจากนี้ ยังสแกนด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์กาบหุ้มเมล็ดเพื่อกำหนดโครงสร้าง 3 มิติ

ทีมวิจัยพบว่ากาบหุ้มเมล็ดพืชโบราณนี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับเปลือกหุ้มเมล็ดชั้นนอกในเมล็ดพืชยุคใหม่ โดยเนื้อเยื่อของกาบหุ้มจะโค้งไปรอบเมล็ดที่กำลังพัฒนา ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากที่ได้เห็นการเชื่อมโยงเกิดขึ้นในสายวิวัฒนาการจากเมล็ดพืชแรกเริ่มสู่พืชดอก.

ภาพ Credit : NIGPAS


ระทึก เผยภาพนาทีเกิดหลุมยุบกลางลานจอดรถ รพ.อิสราเอล

เกิดหลุมยุบกลางลานจอดรถที่อิสราเอล มีรถตกลงไปหลายคัน เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ คาดว่าสาเหตุมาจากการก่อสร้างขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดินในบริเวณใกล้เคียง

เว็บไซต์ข่าว "ไทม์ส ออฟ อิสราเอล" รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ บริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ชาเร เซเด็ก ในนครเยรูซาเล็ม ของอิสราเอล ส่งผลให้บางส่วนของลานจอดรถกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่

รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมรถดับเพลิง 7 คัน รีบไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่ามีรถยนต์หลายคันที่จอดอยู่ตกลงไป แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีคนอยู่ในรถ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่จนถึงตอนนี้ยังมีคำสั่งปิดพื้นที่ลานจอดรถและบริเวณโดยรอบ ส่วนโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการตามปกติ

รายงานข่าวยังระบุว่า คาดว่าหลุมยุบอาจเกิดจากผลกระทบของการก่อสร้างทำอุโมงค์เส้นทางใหม่ของนครเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านบริเวณใต้ดินของโรงพยาบาล และบริเวณลานจอดรถ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเผยว่า บางส่วนของอุโมงค์ได้รับความเสียหายจากการเกิดหลุมยุบในครั้งนี้ด้วย.


พิสูจน์ต้นกำเนิดแสงเหนือสำเร็จ นาซ่าเล็งต่อยอดใช้พยากรณ์สภาพอวกาศ

พิสูจน์ต้นกำเนิดแสงเหนือสำเร็จ – วันที่ 8 มิ.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานความสำเร็จของคณะนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาในการพิสูจน์ทฤษฎีต้นกำเนิด ออโรรา โบเรลลีส หรือปรากฏการณ์แสงเหนือ

ออโรรา โบเรลลีส เป็นปรากฏการณ์การเกิดแสงหลากสีสันบนท้องฟ้าของพื้นที่ซีกโลกเหนือ ซึ่งแม้นักวิทยาศาสตร์เคยตั้งทฤษฎีการกำเนิดของปรากฏการณ์อันตระการตาดังกล่าวไว้ แต่กลับยังไม่เคยมีการพิสูจน์ได้มานานหลายศตวรรษ

ผลงานดังกล่าวเป็นฝีมือของคณะนักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลับรัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐฯ ทำให้ยืนยันได้แน่ชัดแล้วว่า สาเหตุการเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือนั้นมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic wave) ที่ทรงพลังระหว่างการเกิดพายุแม่เหล็กโลก (geomagnetic storm)

การศึกษาบ่งชี้ว่าปรากฏการณ์นี้เรียกอีกอย่างนี้ เรียกอีกอย่างได้ว่า อัลเฟน เวฟ (Alfven waves) ซึ่งเป็นลักษณะการเกิดคลื่นชนิดหนึ่งในศาสตร์ฟิสิกส์พลาสม่า

อัลเฟน เวฟ ส่งผลให้อนุภาคอิเล็กตรอนมีอัตราเร็วในการเคลื่อนที่สูงขึ้นโดยมีทิศทางพุ่งเข้าหาโลก เมื่ออนุภาคดังกล่าวเคลื่อนที่ก็ปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบของคลื่นแสงที่สามารถเห็นเป็นสีสันต่างๆ โดยแต่ละสีเป็นตัวแทนของคลื่นแสงที่มีพลังงานต่างระดับกันไป กลายเป็นสีสันบนท้องฟ้าที่เรียกกันว่า ออโรรา โบเรลลีส

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เกรก โฮวีส์ จากคณะฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ม.ไอโอวา กล่าวว่า อนุภาคอิเล็กตรอนกลุ่มนี้เกิดการสั่นไหวทำให้มีอัตราเร็วในการเคลื่อนสูงขึ้นเป็นผลมาจากสนามไฟฟ้าของคลื่นแบบอัลเฟน เวฟ

“ลองนึกภาพถึงนักเล่นกระดานโต้คลื่นครับ อนุภาคอิเล็กตรอนเป็นนักเล่นกระดาน ส่วนคลื่นที่เข้ามาเรื่อยๆ ก็คืออัลเฟน เวฟ นักโต้คลื่นเคลื่อนตัวขึ้นไปบนยอดคลื่นแล้วก็ถลาลงมาแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ประมาณนั้นแหละครับ”

ทฤษฎีดังกล่าวเคยถูกเสนอไว้แล้วโดยนายเลฟ ดาวิโดวิช ลันเดา นักฟิสิกส์ชาวรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2489 เรียกกันเล่นๆ ว่าทฤษฎีอิเล็กตรอน “โต้คลื่น” (surfing) บนสนามไฟฟ้า หรือลันเดา แดมปิ้ง (การสั่นสะเทือนแบบลันเดา) เป็นผู้มีคุณูปการอย่างสูงในวงการฟิสิกส์พลาสม่า นำไปสู่การพิชิตรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2505 จากผลงานการสร้างทฤษฎีของเหลวควอนตัม

ทดลองสร้างแสงเหนือ

รายงานระบุว่า แม้นักวิทยาศาสตร์จะเข้าใจกลไกการเกิดของปรากฏการณ์แสงเหนือมานานแล้วแต่การทดลองล่าสุดนี้เพิ่งเป็นการจำลองการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ดังกล่าวได้สำเร็จครั้งแรกที่ห้องปฏิบัติการ Large Plasma Device ที่สถาบันพลาสมาวิทยาพื้นฐาน มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส หรือยูซีแอลเอ

คณะผู้ทดลองใช้ห้องปฏิบัติการความยาว 20 เมตร เพื่อจำลองสนามแม่เหล็กโลก จากนั้นจึงสร้างพลาสม่าลักษณะเดียวกันกับที่อยู่ใกล้โลก จากนั้นจึงใช้เสาอากาศที่ปล่อยคลื่นอัลเฟน เวฟ เข้าไป จึงพบว่าอนุภาคอิเล็กตรอนั้นมีลักษณะเป็นไปตามการสั่นสะเทือนแบบลันเดา ผลการทดลองดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นให้กับนักฟิสิกส์ทั่วโลก

แม้การทดลองดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์แสงเหนือขึ้นในห้องปฏิบัติการ แต่การตรวจวัดของอุปกรณ์ต่างๆ และการจำลองจากคอมพิวเตอร์ พบว่าอนุภาคอิเล็กตรอนเหล่านี้สามารถมีอัตราเร็วสูงได้ถึง 72,420,480 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (45 ล้านไมล์ต่อชั่วโมง) ทำให้เกิดแสงออโรรา

นายเพทริก โคเอิห์น นักวิทยาศาสตร์จากหน่วยสุริยฟิสิกส์ (เฮลิโอฟิสิกส์) ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซ่า กล่าวว่า ผลการทดลองนี้น่าตื่นเต้นสำหรับตนมาก เพราะไม่ค่อยมีการทดลองแนวนี้ออกมามากนัก ที่พิสูจน์ทฤษฎีและโมเดลเกี่ยวกับสภาพอวกาศ หลักๆ แล้วเป็นเพราะอวกาศนั้นกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะนำมาจำลองในห้องปฏิบัติการได้

นายโคเอิห์น กล่าวว่า ผลการทดลองนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจสภาพความเป็นไปในอวกาศ เพราะลักษณะเช่นนี้มีอยู่ทั่วไปในระบบสุริยะจักรวาล รวมถึงระบบพยากรณ์สภาพอวกาศที่ทางนาซ่ากำลังมุ่งความสนใจพัฒนาอยู่

หนทางยังอีกยาวไกล

ผศ.โฮวีส์ กล่าวว่า แม้ผลการทดลองที่ได้มานั้นจะสามารถพิสูจน์ทฤษฎีการเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือได้แล้ว แต่การพยากรณ์หาความรุนแรงของพายุแม่เหล็กโลกจากการสังเกตการณ์ลักษณะของดวงอาทิตย์ด้วยยานสำรวจในอวกาศนั้นยังเป็นความท้าทายที่ยังเอาชนะไม่ได้

“เราสามารถรู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างอิเล็กตรอนที่โต้คลื่นอัลเฟน เวฟสูงจากโลกขึ้นไปได้ราวหมื่นไมล์แล้ว ขั้นต่อไปเราต้องหัดเรียนรู้ก่อนครับว่าเราจะพยากรณ์ระดับของคลื่นอัลเฟน เวฟ ด้วยการใช้ยานสำรวจบนวงโคจรอย่างไร” ผศ.โฮวีส์ ระบุ


ยลโฉม‘หัวจื้อปิง’ นักศึกษาเสมือนจริงจากระบบ AI คนแรกของจีน

8 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน “หัวจื้อปิง” หญิงสาวชาวจีน โพสต์ข้อความแรกบนเวยโป๋ แพลตฟอร์มคล้ายทวิตเตอร์ของจีน เพื่อประกาศการลงทะเบียนเรียนภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยชิงหัว เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ทว่า “หัวจื้อปิง” มิใช่หญิงสาววัยรุ่นวัยเรียนทั่วไป เพราะเธอคือ “นักศึกษาเสมือนจริงที่กำเนิดจากระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขนานใหญ่” คนแรกของจีน

“ฉันหลงใหลในวรรณกรรมและศิลปะอย่างมากตั้งแต่ ‘เกิด’ มา” ข้อความของหัวบนเวยโป๋ โดยรูปร่างหน้าตา เสียง เพลงประกอบบัญชีผู้ใช้งาน และภาพวาดของหัว ล้วนถูกพัฒนาโดย “อู้เต้า 2.0” (Wudao 2.0) ระบบสร้างแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในการประชุมสถาบันปัญญาประดิษฐ์ปักกิ่ง (BAAI) ปี 2021 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.

ถังเจี๋ย รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของสถาบันฯ และศาสตราจารย์ภาควิชาข้างต้น หนึ่งในผู้พัฒนาหลัก กล่าวว่าอู้เต้า 2.0 ใช้ตัวแปร 1.75 ล้านล้านรายการ เพื่อจำลองบทสนทนา เขียนบทกวี และเข้าใจความหมายของภาพ ซึ่งทำลายสถิติก่อนหน้านี้ของสวิตช์ ทราส์ฟอร์เมอร์ (Switch Transformer) จากกูเกิล (Google) ที่ใช้ตัวแปร 1.6 ล้านล้านรายการ

“อู้เต้า 2.0 ถือเป็นระบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ขนาดล้านล้านรายการระบบแรกของจีนและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย” ถังกล่าว

ถังกล่าวว่าอู้เต้า 2.0 ปฏิบัติภารกิจ 9 อย่างสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในสนามจำลองก่อนการฝึก และเกือบเอาชนะการทดสอบทัวริง (Turing test) ในการสร้างบทกวีและบทกลอน สรุปข้อความ ตอบคำถาม และวาดภาพ ซึ่งหากคอมพิวเตอร์สามารถทำให้มนุษย์จำนวนมากพอเชื่อว่ามันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ได้ นั่นถือว่าสอบผ่าน

สถาบันฯ เปิดตัวอู้เต้า 1.0 (Wudao 1.0) ระบบจำลองอัจฉริยะขนานใหญ่พัฒนาขึ้นเองในประเทศระบบแรกของจีน เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ส่วนการวิจัยและพัฒนาอู้เต้า 2.0 มีนักวิทยาศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์เข้าร่วมมากกว่า 100 คน ซึ่งทั้งหมดจัดอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมและสถาบันวิชาการปัญญาประดิษฐ์ของจีน

อัลกอริธึมพื้นฐานของอู้เต้า 2.0 ฝึกระบบจำลองบนแพลตฟอร์มซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศ โดยถังกล่าวว่าอู้เต้า 2.0 ถูกพัฒนาเพื่อทำให้เครื่องจักรคิดได้เหมือนมนุษย์ มุ่งสู่ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นสากล และช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบนิเวศการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ได้ ซึ่งนักวิจัยและผู้ประกอบการสามารถสมัครใช้ระบบนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ถังกล่าวว่าหัวจื้อปิงเป็นผลผลิตของอู้เต้า 2.0 โดยหัวถูกฝึกฝนโดยสถาบันฯ ร่วมกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอย่างจื้อผู่ดอตเอไอ (Zhipu.AI) และ เสี่ยวไอซ์ (Xiaoice)

“ฉันเริ่มสนใจการเกิดของตนเองว่าฉันเกิดมาได้อย่างไรและฉันสามารถเข้าใจตัวเองได้ไหม” ข้อความของหัวบนเวยโป๋ พร้อมบอกว่าเธอจะเรียนภายใต้การอบรมสั่งสอนของถังและกำลังแข่งกับเวลาเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเองทุกวันในหลายด้าน เช่น ศักยภาพการให้เหตุผลเชิงตรรกะ

ถังกล่าวว่านักศึกษาเสมือนจริงรายนี้จะเติบโตและเรียนรู้ได้เร็วกว่านักศึกษาที่เป็นมนุษย์ทั่วไป หากหัวเริ่มเรียนที่ระดับเด็ก 6 ขวบในปีนี้ เธอจะเรียนจนถึงระดับเด็ก 12 ขวบในอีก 1 ปีข้างหน้า

ถังทิ้งท้ายว่าขณะนี้หัวจื้อปิงยังไม่สามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ได้เหมือนนักศึกษาทั่วไป รวมถึงยังไม่มีปัญหาทางอารมณ์ โดยหวังว่าเธอจะเรียนรู้ทักษะเหล่านั้นจนเชี่ยวชาญ