ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ขอยื้อเวลาได้อยู่กับลูก แม่เลี้ยงเดี่ยว ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

30 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งการขอความช่วยเหลือ จาก น.ส.สุวนันท์ สุทธิโส แม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้ป่วยมะเร็งกระดูกอ่อนระยะสุดท้าย อยากวอนให้ผู้ใจบุญช่วยค่ารักษาพยาบาล เผื่อตนเองจะได้ยื้อเวลาดูแลลูกได้นานกว่านี้

ผู้สื่อข่าวได้รุดลงพื้นที่ ณ บ้านเลขที่ 267 ม.10 บ้านอาลอ ตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้พบกับ น.ส.สุวนันท์ สุทธิโส (มิ้นท์) อายุ 29 ปี ผู้ป่วยมะเร็งกระดูกอ่อนระยะสุดท้าย นอนป่วยติดเตียง ขาอ่อนแรงขยับไม่ได้ แขนพอขยับได้ ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนลูกชายคนเล็กอายุได้ 7 เดือน ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งกระดูกเป็นมะเร็งกระดูกระยะสุดท้าย ก็รักษามาเรื่อยๆ ต่อสู้กับโรคร้าย ทำงานเลี้ยงลูกได้ จนเมื่อเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมาทรุดหนัก เดินไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องนอนติดเตียง มา 3 เดือนแล้ว

ตอนนี้มาอาศัยอยู่กับพี่สาวตนต้องออกจากงานเพราะโรคได้ลุกลามมากดทับเส้นประสาททำให้เดินไม่ได้ คุณหมอได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่ตนไม่มีงบประมาณในการไปรักษา จึงขอความเมตตาผู้ใจบุญ ช่วยเหลือ ตนยังอยากอยู่ดูแลลูกกับครอบครัว

'ตนมีลูก 2 คน กำลังน่ารักวัย 3 ขวบ และ 8 ขวบ ขอวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือค่ารักพยาบาล ซึ่งตนจะต้องเดินทางจากจังหวัดสุรินทร์ไปรักษาที่ รพ.จุฬาฯ กทม. เพื่อรักษาโรคร้ายนี้ ยังมีความหวังว่าจะกลับมาเดินได้ ดีขึ้น เหมือนกับการรักษาทุกๆครั้งที่ตนสู้มาโดยตลอด ได้กลับมาดูแลลูกๆ ที่ยังเล็ก ที่ตนรักมากที่สุด'

ระหว่างนั้น ลูกชายวัย 3 ขวบ ซึ่งอยู่กับคุณตา ที่อำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ ได้โทรหาแม่ เพราะคิดถึงจะโทรหากันตลอด ตนเล่าว่า สู้เพื่อได้อยู่ลูก ก็ลูกนี่แหละ อยากดูเขา ห่วงเขา ปกติลูกจะอยู่ด้วยตลอดเวลา ไม่เคยห่างกัน นอกจากเขาไปโรงเรียน ตนป่วย เข้าโรงพยาบาลมาหลายครั้งแล้ว แต่สู้กลับมาได้ทุกครั้ง

พร้อมนี้ สมาคมอัสดินทร์ และสายบุญสุรินทร์ทีวี ได้บริจาคเงินช่วยเหลือน้องมิ้น 4,300 บาท และคุณศุภพงษ์ เลื่องลือเจริญกิจ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 9,300 บาท

หากมีผู้ใจบุญ จะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล สามารถโอนเข้าบัญชีธนาคารออมสิน เลขที่ 020344787179 ชื่อบัญชี น.ส.สุวนันท์ สุทธิโส หรือติดต่อ โทร 0983275547 (มิ้น) ขอกราบขอบพระคุณผู้ใจบุญทุกท่านมา ณ โอกาสนี้เพื่อเป็นบุญต่อบุญ อนุโมทนาสาธุบุญนี้ ร่วมกัน สาธุ


รู้จักโรคร้ายที่ "เซลีน ดิออน" กำลังเผชิญกับความผิดปกติของระบบประสาท

คงคุ้นเคยกับดีกับบทเพลงเพลง “My Heart Will Go On” เพลงดังในหนังไททานิคขับร้องโดย เซลีน ดิออน (Celine Dion) ศิลปินชื่อดังระดับโลกกับน้ำเสียงที่ชวนให้แฟนๆคิดถึง เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้เธอได้ห่างหายจากวงการพักใหญ่ ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปี 2022 เพราะต้องไปรักษาตัวจากอาการป่วยโรคคนแข็ง (Stiff Person Syndrome)

โรคคนแข็ง Stiff-Person Syndrome (SPS) คือ โรคทางระบบประสาทส่วนกลางในกลุ่มที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ เซลล์ในร่างกายจึงถูกทำลายลง มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ด่างขาว โลหิตจาง รวมทั้งมะเร็งที่อวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ตับ ไทรอยด์ ลำไส้ เต้านม และต่อมน้ำเหลือง เป็นโรคที่พบได้ยากมาก หากเกิดขึ้นในช่วงที่ผู้ป่วยไม่ทันระมัดระวังตัว อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุเป็นอันตรายได้

สาเหตุของโรคคนแข็ง

ปัจจุบันทั้งวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่มีการประเมิน สันนิษฐานจากความจริงที่ว่าในระบบประสาทของมนุษย์จะมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนสารสื่อประสาทกลูตาเมต (Glutamate) ให้เป็นกาบา (GABA) ซึ่งจะควบคุมเซลล์ประสาทสั่งการในการทำกิจกรรมต่างๆ ของร่างกาย ยับยั้งการทำงานของเซลล์ที่มากเกินไป เมื่อความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หรือสารต่อต้านเอนไซม์กลูตามิกดีคาร์บอกซิเลส (Anti-GAD Antibody) ปริมาณกาบาจึงลดลง เซลล์ทำงานตลอดเวลา โดยเฉพาะเซลล์ประสาทสั่งการ (Motor Neuron) โดยเฉพาะบริเวณไขสันหลัง

อาการโรคคนแข็ง

กล้ามเนื้อกระตุก มักจะเกิดในช่วงลำคอ แขน และขา

ไวต่อสิ่งเร้า เช่น เสียงรบกวน การสัมผัส

ตัวแข็ง

สับสน

ท่าทางผิดปกติ

ไม่อยากจะเดิน หรือออกไปไหน

กลัวเสียงรบกวน เช่น สุนัขเห่า แตรรถยนต์

การวินิจฉัยโรคคนแข็ง

แพทย์จะทำการตรวจร่างกายผู้ป่วยด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อยืนยันโรค และหาเนื้องอก หรือมะเร็ง ได้แก่

การตรวจโลหิต

การเจาะน้ำไขสันหลัง

การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG)

การรักษาโรคคนแข็ง

เนื่องจากยังไม่พบสาเหตุของการเกิดโรค จึงไม่มีวิธีรักษาโดยตรง แต่แพทย์จะรักษาตามอาการของผู้ป่วย ได้แก่

การใช้ยา

เบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepines)

บาโคลเฟน (Baclofen)

ยาสลายกล้ามเนื้อ

สเตียรอยด์

สารละลายทางหลอดเลือดดำ


ระวัง! กินมากแต่ไม่ถ่าย เสี่ยงเป็นภาวะอุจจาระตกค้าง

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงกรณีกินมากแต่ร่างกายไม่ถ่ายออกมา เรียกว่า ภาวะอุจจาระตกค้าง สำหรับภาวะอุจจาระตกค้าง จะมีหลายอาการประกอบกันดังนี้

ปวดท้อง

ท้องอืด แน่นท้อง ไม่สบายท้อง

คลื่นไส้ อาเจียน

มีเลือดปนอุจจาระเนื่องจากริดสีดวง

รับประทานอาหารได้น้อย เบื่ออาหาร

เรอเปรี้ยว ผายลมบ่อย

ปัสสาวะบ่อยจากการที่กระเพาะปัสสาวะถูกกดทับ

ปวดหลังส่วนล่าง หายใจไม่สะดวก เพราะอุจจาระและลมในช่องท้องมากจนไปดันกะบังลม

วิธีป้องกัน ภาวะอุจจาระตกค้าง

1.ฝึกขับถ่าย ต้องฝึกให้เป็นเวลาทุกวัน

2.ฝึกเบ่งถ่ายอุจจาระ หลายคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องง่าย แต่ร่างกายต้องเบ่งถ่ายอุจจาระให้ถูกวิธี ซึ่งทำได้โดยนั่งบนโถชักโครก โค้งตัวไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย ใช้มือกดท้องด้านซ้ายล่างเอาไว้ วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นลำไส้เคลื่อนตัวได้ดี แต่การฝึกขับถ่าย ร่างกายต้องผ่อนคลาย ไม่ควรเกร็ง

3.ไม่กลั้นอุจจาระ ควรหาห้องน้ำและขับถ่ายทันทีที่ปวด การพยายามเบ่งอุจจาระตอนที่ยังไม่ปวดท้อง การเบ่งอุจจาระแรงจะเพิ่มแรงดันในลำไส้ เมื่อทำบ่อย ๆ ลำไส้โป่งพอง อาจเกิดริดสีดวงทวาร

4.ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยเรื่องระบบขับถ่าย แนะนำให้ดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน โดยจิบระหว่างวัน

5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกผัก ผลไม้ ที่มีกากใยสูง เพราะไฟเบอร์มีประโยชน์ต่อการขับถ่าย ช่วยลด ภาวะอุจจาระตกค้าง ได้

6.เสริมด้วยอาหารกลุ่มโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว แต่ควรเลือกชนิดที่มีน้ำตาลน้อย

7.ออกกำลังกาย นอกจากจะได้ความแข็งแรงของร่างกายแล้ว ยังช่วยให้ลำไส้ได้บีบตัว กระเพาะอาหารย่อยดีขึ้น

อาการท้องผูก แตกต่างจาก ภาวะอุจจาระตกค้าง

นอกจาก ภาวะอุจจาระตกค้าง อาการท้องผูกก็มีลักษณะอาการที่ใกล้เคียง และต้องคอยระมัดระวังไม่ให้เกิด สำหรับอาการท้องผูกนั้นพบได้บ่อย เมื่อลำไส้บีบตัว หรือแม้แต่เคลื่อนตัวช้าตอนที่ย่อยอาหาร จนไม่อาจขับถ่ายอุจจาระออกจากระบบทางเดินอาหาร

การถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือการขับถ่ายนั้นน้อยกว่าที่เคยเป็น

อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง เป็นเม็ดเล็ก

รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่ออก ถ่ายอุจจาระได้ไม่สุด

ถ่ายอุจจาระออกยาก ต้องใช้แรงเบ่ง

มีอาการเจ็บขณะถ่ายอุจจาระ

อาจพบอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือปวดเกร็งบริเวณหน้าท้อง

หากพบว่ามีลักษณะอาการที่กล่าวมาข้างต้นเป็นระยะเวลานาน หรือเกิดติดต่อกัน 3 เดือน จากแค่อาการท้องผูกธรรมดาจะกลายเป็นท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งอาการท้องผูกเรื้อรังจะรุนแรงมากจนเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคริดสีดวงทวาร เกิดแผลแตกรอบ ๆ ทวารหนัก และเกิดอาการลำไส้อุดตัน

สาเหตุท้องผูก

อั้นอุจจาระบ่อย อั้นอุจจาระเป็นเวลานาน

ไม่รับประทานอาหารที่มีกากใย หรือรับประทานอาหารที่มีเส้นใยไม่เพียงพอ

ไม่ค่อยออกกำลังกาย

การรับประทานยาบางชนิดก็มีผลให้เกิดอาการท้องผูกได้เช่นกัน เช่น ยาระงับปวด ยาลดกรด ยารักษาความดันโลหิตสูงบางชนิด ยาบำรุงที่มีธาตุเหล็ก ยาขับปัสสาวะ

ดื่มน้ำน้อย

น้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไป

ปัญหาความเครียด มีปัญหาทางด้านจิตใจ

อาการท้องผูกป้องกันได้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหาร เช่น การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง โดยเฉพาะผัก ผลไม้และธัญพืช

ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8 – 10 แก้วต่อวัน

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ขับถ่ายให้เป็นเวลาในแต่ละวัน

ไม่ควรใช้ยาระบายติดต่อกันเป็นเวลานาน

หากอาการไม่ดีขึ้น แพทย์จะให้การรักษาด้วยการใช้ยาแบ่งออกได้หลายชนิด เช่น เส้นใยหรือไฟเบอร์ มีสารที่มีคุณสมบัติในการดูดน้ำได้ดี อุจจาระนิ่ม ถ่ายออกได้ง่าย ยาระบายกลุ่มกระตุ้น กระตุ้นจังหวะการบีบตัวของลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ยาระบายกลุ่มออสโมซิส ช่วยออกฤทธิ์ดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่ลำไส้ใหญ่มากขึ้น อุจจาระจึงไม่แห้งและแข็ง ลดปัญหาการขับถ่ายออกลำบาก ยาช่วยหล่อลื่นอุจจาระ ยาเหน็บ และการสวนอุจจาระ


ผลสำรวจชี้ "วัยแรงงาน" เผชิญความเครียด วิตกกังวล มีปัญหาสุขภาพจิต 42.7%

จากข้อมูลสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 พบวัยแรงงานอายุ 20-59 ปี ขอรับบริการเรื่องความเครียด วิตกกังวล ไม่มีความสุขในการทำงาน สูงอันดับ 1 รวมกว่า 6,337 สาย จากทั้งหมด 8,528 สาย สะท้อนความต้องการวิธีจัดการกับปัญหาสุขภาพจิต

โดยการสำรวจสุขภาวะของคนทำงาน และปัจจัยสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร ปี 2566 พบพนักงานมีปัญหาสุขภาพจิต 42.7% ในจำนวนนี้มีภาวการณ์ฝืนทำงานแม้มีปัญหาสุขภาพจิต 27.5% ส่วนใหญ่เกิดจาก 5 สาเหตุ

1.คิดว่าไม่มีใครทำงานแทนได้

2.มีงานด่วน

3.กลัวผลกระทบกับผลการประเมิน

4.ความจำเป็นด้านการเงิน

5.รู้สึกว่ายังทำไหวไม่จำเป็นต้องหยุดทำงาน

ที่สำคัญพบว่า พนักงานต้องการนโยบายการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตที่ดีในการทำงาน 6 เรื่อง 1.เพิ่มสวัสดิการด้านการรักษาสุขภาพกายและใจ 41.7% 2.อบรมให้ความรู้และจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ 6.7% 3.เพิ่มสวัสดิการการลา 13.1% 4.ส่งเสริมการพูดคุยสื่อสารและรับฟังปัญหา 11.3% 5.สร้างบรรยากาศและวัฒนธรรมที่ดีในองค์กร 10.1% 6.เพิ่มสวัสดิการทางการเงิน (ค่าตอบแทน อาหาร โบนัส) 6%

ส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญ คือ การดูแลพนักงานที่ดี ไม่เพียงเฉพาะแค่สิ่งแวดล้อมทางด้านกายภาพ (Physical environment) เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องดูแลสิ่งแวดล้อมทางด้านจิตใจ (Psychological environment) ของพนักงานควบคู่ไปด้วย สิ่งสำคัญของการเสริมสร้างสุขภาวะทางจิตที่ดี ต้องครอบคลุมมิติทั้ง 5 ด้าน ที่เรียกว่า “GRACE” ประกอบไปด้วย

G : Growth & Development การสนับสนุนด้านการเติบโตและพัฒนาการ

R : Recognition การแสดงออกและการรับรู้ความสามารถและความสำเร็จ

A : All for inclusion การให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม

C : Care for health & safety การดูแลด้านสุขภาพและความปลอดภัย

E : work-life Enrichment การมีนโยบายด้านความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจ ความรู้สึกถึงความสำเร็จ พนักงานรู้สึกว่าสามารถเติบโตได้ ถือเป็นแนวทางการพัฒนาที่เสริมสร้างสุขภาวะทางจิตที่ดีให้แก่พนักงานได้

แดง เพื่อเร่งดำเนินการติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ชวนเที่ยววันหยุด ชมความงาม ทะเลหมอก "ภูป่าเปาะ" ฟูจิเมืองเลย

28 ก.ค. 2567 เมื่อเวลา 14.00 น. นายสฤษดิ์เดช สิงหเนตรวัฒน์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภูป่าเปาะ หรือฟูจิเมืองเลย เปิดเผยว่า ช่วงหน้าฝนธรรมชาติจังหวัดเลยอุดมสมบูรณ์ เขียวขจี แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้รับความนิยมสูง นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ไกล รวมทั้งประทับใจอากาศเย็นบริสุทธิ์บนเทือกเขา และบางวันหลังฝนตก ยังมีทะเลหมอกทอดยาวขาวโพลนอีกด้วย

นายบุญลือ พรหมหาลา ผู้ใหญ่บ้านผาหวาย และประธานการชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูป่าเปาะ เปิดเผยว่า ภูป่าเปาะ ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย หมู่ 3 ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย ได้รับความนิยมสูงขึ้น สำหรับการขึ้นภูนั้นไม่สามารถนำรถขึ้นไปเองได้ ต้องจอดไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

จากนั้นซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถอีแต๊ก คนละ 60 บาท เหมารถได้เลย 1 คน ก็สามารถขึ้นได้พร้อมประกันชีวิตให้ทุกคน ด้านบนไม่มีน้ำและอาหารขาย จึงควรซื้อตั้งแต่ที่ศูนย์บริการรถจะพาเราขึ้นไปบนภู ซึ่งห่างจากศูนย์บริการประมาณ 2 กิโลเมตร ทางเป็นลูกรัง มีจุดที่ชันบ้าง แต่รถอีแต๊กขึ้นได้สบายมาก

จุดชมวิวจะมี 4 จุด แต่รถจะจอดให้ชมแค่ 3 จุด ส่วนจุดสุดท้ายต้องเดินเท้าต่อจากจุดที่ 3 ขึ้นไปเอง ซึ่งจะต้องเดินผ่านป่าไผ่ไปบนยอดประมาณ 200 เมตร ทางเดินค่อนข้างชันด้านบนจะสามารถเห็นวิวได้ 360 องศาแบบ พาโนราม่า ไฮไลท์ของภูป่าเปาะคือ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

บรรยากาศของวิวทิวทัศน์สวยๆ บนจุดชมวิว ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 910 เมตร จะเจอกับจุดสูงสุดชมดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก ได้ชัดเจนสวยงามตามฤดูกาล รวมไปถึงอากาศที่เย็นสบาย จึงเป็นที่ใฝ่ฝันและต้องการมาเยือนมาเที่ยวของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น

นอกจากนักท่องเที่ยวชาวเอเชียด้วยกันแล้ว ยังมีมาจากคณะทัวร์จากประเทศในแถบยุโรป และหลายชาติ ด้วย มี ททท.สำนักงานมาช่วยประชาสัมพันธ์ อพท.และ อบจ.เลย ด้านอาคาร สถานที่

สำหรับการผลักดันพัฒนายกระดับการท่องเที่ยว เริ่มในปี 2554 ทางชมรมมีรายได้สูงสุดในปี 2559 จำนวน 1.5 แสนบาท/เดือน และลดลงช่วงโควิดและพิษเศรษฐกิจไม่ดี เฉลี่ยรายได้ 7 หมื่นบาท/เดือน สมาชิกที่ลงทะเบียนรถอีแต๊กนำส่ง นทท.จำนวน 84 คัน มีรายได้เฉลี่ย 730 บาท/คน/วัน ซึ่งหักเข้ากลุ่ม/ชมรม 120 บาท/1,000 บาท