ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



เคล็ดลับพิชิตหุ่นสวยอย่างมีความสุขแบบไม่ต้องอด

คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ว่าจะอยู่วัยไหน เชื่อว่าต่างก็อยากมีรูปร่างกระชับ หุ่นฟิตและเฟิร์ม ร่างกายแข็งแรงกันทั้งสิ้น แต่สำหรับหญิงวัยทำงานที่มีภาระหน้าที่หลากหลาย ตารางชีวิตไม่แน่นอน การจะต้องแบ่งเวลาทั้งเรื่องของการทำงานและการใช้ชีวิตอาจจะเป็นเรื่องที่ลำบาก จัดการได้ยาก รวมถึงไม่มีเวลาในการดูแลตัวเองโดยเฉพาะการบริโภคอาหาร เช่น ไม่รับประทานอาหารเช้าที่เป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวันทำงาน รับประทานแค่พออิ่ม ตามใจปาก รับประทานอาหารตามสั่ง หรือฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ รวมทั้งรับประทานอาหารมื้อเย็นมากเกินความจำเป็นของร่างกาย ฯลฯ จนกระทั่งเกิดความไม่สมดุลกันระหว่างพลังงานที่ใช้ไปกับพลังงานที่ได้รับจากการรับประทานอาหาร ประกอบกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ลักษณะการทำงานที่นั่งโต๊ะทำงานนาน ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายน้อยลงทำให้ไขมันเกิดการสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลเสียต่อสุขภาพและเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น โรคอ้วนลงพุง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ รวมทั้งโรคมะเร็งบางชนิด

ข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการมูลนิธิคุณแม่คุณภาพเปิดเผยว่า เมื่อความอ้วนส่งผลทั้งต่อสุขภาพและรูปร่างที่ดี หลายคนมักหาทางลัดด้วยการอดอาหารเพราะเชื่อว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้เร็วที่สุด แต่ความจริงแล้วผลเสียของการอดอาหารมีมากมาย เช่น ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้น้อยลงและสะสมเป็นไขมันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงเพราะร่างกายต้องดึงโปรตีนในกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานแทน และในหลายๆ ครั้ง ก็มักจะเกิดอาการโยโย่เอฟเฟกท์ทำให้เราหิวมากขึ้นรู้สึกหิวตลอดเวลา พอทนไม่ได้ก็จะรับประทานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

อันที่จริงวิธีการลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นด้วยการวางแผนควบคุมน้ำหนัก ซึ่งรวมถึงการกำหนดเป้าหมายและเลือกวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะสม หลักที่ดีในการเริ่มลดน้ำหนักก็คือ การสร้างสมดุลพลังงาน โดยการรับพลังงานจากอาหารให้น้อยกว่าที่ร่างกายใช้ไปในกิจกรรมประจำวัน เพื่อให้ร่างกายดึงเอาพลังงานสำรองที่สะสมไว้ในรูปของไขมันสะสมมาใช้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ น้ำหนักตัวลดลงอย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน การคำนวณปริมาณแคลอรีเป็นเรื่องที่ยากและอาจเกิดความผิดพลาดได้เพราะนอกจากร่างกายของแต่ละคนจะเผาผลาญแคลอรีแตกต่างกันแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเรื่องที่ยาก อีกทั้งยังต้องมีวินัยและความตั้งใจ

ดังนั้นหนึ่งในทางเลือกของผู้คนในยุคนี้ก็คือ ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร (Meal Replacement) ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถบริโภคแทนมื้ออาหารหลักแต่มีแคลอรีต่ำกว่าอาหารปกติ โดยมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน ประกอบด้วย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารในปริมาณที่เหมาะสม การบริโภคผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารจึงช่วยในการควบคุมพลังงานอาหารที่บริโภคในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ อีกทั้งยังมีส่วนผสมและองค์ประกอบของสารอาหารที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนจะซื้อควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนและอ่านฉลากให้ดีก่อนซื้อมาบริโภค ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้อง เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานที่เหมาะสม

เมื่อเร็วๆ นี้ มีผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารจากประเทศญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายและมีจุดเด่นต่างๆ ที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะให้พลังงานเพียง 200 กิโลแคลอรี/มื้อ ประกอบไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการในปริมาณเหมาะสมกับการรับประทาน 1 มื้อ เช่น มีปริมาณ โปรตีนสูงถึง 22 กรัม/มื้อ ที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและช่วยสร้างกล้ามเนื้อในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น มีวิตามินและแร่ธาตุ ที่จำเป็น 21 ชนิด อาทิ วิตามินเอ บี ซี อี กรดโฟลิคไบโอติน เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี ฯลฯ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การปรับความสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงมีใยอาหารสูง 10 กรัม จึงช่วยให้อิ่มท้องนาน และเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใหญ่ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเสริมแอลคาร์นิทีนในปริมาณถึง 250 มิลลิกรัม ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระบวนการดึงไขมันมาเผาผลาญเป็นพลังงาน และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อทำให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น และมีให้เลือกอิ่มอร่อยทั้งรสชาติกาแฟลาเต้และรสโกโก้ จึงช่วยให้ผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพสามารถบริหารจัดการอาหารประจำวันได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักที่ได้ผลดีและคงสภาพอยู่ได้นานไม่กลับมาอ้วนใหม่อีกนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องโฟกัสก็คือ “โภชนาการและการออกกำลังกายที่ดี” โดยจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นโปรตีนเป็นหลักเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงาน

เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีผักและผลไม้ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นและมีกากใยสูงจึงช่วยให้อิ่มท้องนาน นอกจากนี้ ควรควบคุมปริมาณอาหารที่ได้รับในแต่ละวันให้เหมาะกับความต้องการของร่างกาย โดยอาจเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารในบางมื้อเพื่อจำกัดปริมาณแคลอรี หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานและไขมันสูง พร้อมทั้งลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดการสะสมไขมันตามร่างกายได้มากขึ้น ร่วมกับการออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่ง ได้แก่ การวิ่งปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ควบคู่กับประเภทคาร์ดิโอ เช่น ยกเวท โยคะ วิดพื้น ซิทอัพ อย่างน้อย 2-4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงานรวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอหลีกเลี่ยงหรือปล่อยวางจากความเครียดทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง มีรูปร่างสมส่วน ปราศจากส่วนเกินได้อย่างยั่งยืน ขอเชิญชวนสาวๆ ทั้งวัยรุ่นหรือวัยทำงาน อายุระหว่าง 25-40 ปี มาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ “SUNTORY ชวนฟิต พิชิตหุ่น” เพื่อช่วยควบคุมหรือลดน้ำหนักได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องอดอาหาร แถมยังได้รับสารอาหารครบถ้วน สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ LINE ID : @mrp2024 เปิดรับสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้-15 ก.ค. 2567 นี้เท่านั้น รับจำนวนจำกัด

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ชวนบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้ง การบริจาคโลหิต เป็นการสละโลหิตส่วนที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้มาให้กับผู้ป่วย โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ แก่ร่างกาย ทั้งนี้ ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตและสื่อสารองค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย โทร.02-2564300,02-2639600-99 ต่อ 1101, 1760, 1761


หนึ่งวันกับ Sir Paul Smithดีไซเนอร์ระดับโลก พาเที่ยวกรุงเทพฯผ่านภาพยนตร์สั้น

“Bangkok” เมืองหลวงประเทศไทยที่ติดอันดับต้นๆ ของเมืองที่น่ามาเที่ยวที่สุดในโลก เพราะด้วยความหลากหลายของวัฒนธรรม อาหารการกินเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล ตลอดจนความมีน้ำใจของคนไทย สิ่งเหล่านี้หลอมรวมกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างปักหมุดอยากมาเยือนกรุงเทพฯ สักครั้ง เช่นเดียวกับ Sir Paul Smith (เซอร์ พอล สมิธ) ดีไซเนอร์ระดับโลก และผู้ก่อตั้ง Paul Smith (พอล สมิธ) แบรนด์แฟชั่นสัญชาติอังกฤษ ที่เดินทางมาร่วมเปิดแฟล็กชิปสโตร์สาขา CentralEmbassy และไม่พลาดที่จะยลโฉมกรุงเทพฯ

Sir Paul Smith พาไปตามรอยเที่ยวกรุงเทพฯ ย่านเมืองเก่า แบบวันเดย์ทริป ผ่านภาพยนตร์สั้น เพียง 2 นาที ที่จะทำให้เราเห็นกรุงเทพฯ ในมุมที่แตกต่างออกไป พร้อมกับได้รู้จักรูทีนของดีไซเนอร์ผู้คิดนอกกรอบอยู่เสมอ

เปิดเรื่องด้วย Sir Paul Smith นอนอยู่บนลังกระดาษที่วางเรียงรายบนพื้น ณ ร้านขายดอกไม้แห่งหนึ่ง ภาพพ่อค้า แม่ค้า ที่ตื่นแต่เช้าออกมาจัดเรียงดอกไม้ ภาพคนเข็นรถ เพื่อคอยบริการลูกค้าที่มาเลือกซื้อดอกไม้ ภาพดอกไม้นานา ชนิด ดอกบัว ดอกดาวเรือง และภาพวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรือที่แล่นผ่านไป สะท้อนวิถีชีวิตของคนไทยที่เชื่อมโยงกับสายน้ำ

ภาพแสงแดดสีส้มยามเช้า นกกำลังบินเรียบแม่น้ำ คนกำลังเข็นรถข้ามสะพานพุทธ พระสงฆ์ออกบิณฑบาต รถเมล์ รถตุ๊กตุ๊กที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร สื่อถึงการเริ่มต้นเช้าวันใหม่และวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยในเมืองหลวงแห่งนี้

Sir Paul Smith เล่าถึงรูทีนในทุกๆ เช้า ว่า “ฉันมีความสุขที่จะตื่นเช้า เหมือนนกที่ตื่นเช้ามากๆ ฉันตื่นตี 5 เพื่อมาว่ายน้ำ ซึ่งฉันทำมาหลายปีแล้ว สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเริ่มต้นวันใหม่ด้วยจิตใจอันสงบ เพื่อที่คุณจะได้ตั้งสติและมองเห็นสิ่งที่จะทำในวันข้างหน้า และฉันไปทำงานประมาณ 6 โมงเช้า และโดยปกติสิ่งแรกที่ฉันทำคือติดแผ่นไวนิลไว้ บนโต๊ะ และเมื่อถึง 7 โมงครึ่ง วันของฉันก็เต็มไปด้วยพลัง ชีวิต และความยุ่งวุ่นวาย”

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยหลายคนอาจไม่ค่อยได้นึกถึง ร้านขายแสตมป์และเหรียญ อย่าง “ร้านเซียว เซียะ กี่” ร้านแสตมป์แห่งแรกของย่านเจริญกรุงที่เปิดมาแล้วกว่า 80 ปีการได้นั่งดูแสตมป์เก่าที่มีลวดลายหลากหลาย การเดินชมของเก่า งานอาร์ตณ ATT 19 ที่นำตึกเก่าที่มีอายุถึง 120 ปี มาบูรณะใหม่ล้วนสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงไปของประเทศไทยตามกาลเวลา

ภาพยนตร์สั้นนี้ยังทำให้ได้เห็นถึงกิจกรรมโปรดของ Sir Paul Smith กับการเขียนโปสการ์ดเกือบทุกเช้า และความสนุกของการได้เลือกปากกา โปสการ์ดที่เลือก และการสร้างสรรค์ลวดลายโดยสามารถเลือกที่จะวาดภาพอะไรก็ได้ลงไป

ปิดท้ายทริป ณ ออนล๊อกหยุ่น ร้านอาหารเช้าเก่าแก่สไตล์ฝรั่งปนจีนที่เปิดมากว่า 91 ปี สถานที่ที่ Sir Paul Smith นั่งเขียนโปสการ์ด พร้อมจิบกาแฟ

Sir Paul Smith กล่าวทิ้งท้ายว่า “ประเด็นคือกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าที่เราอยู่ตอนนี้เป็นการผสมผสานระหว่างโปสเตอร์เก่าๆ ตึกแปลกๆ ที่มีสิ่งสวยงามอย่างดอกไม้ และฉันยังย้ำในสิ่งที่ฉันพูดอยู่เสมอว่า คุณสามารถหาแรงบันดาลใจได้จากทุกสิ่ง”

ร่วมค้นหาตัวตนอันมีชีวิตชีวาไปกับ Paul Smith แบรนด์แฟชั่นสัญชาติอังกฤษ ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป (CMG) ได้ที่ Paul Smith FlagshipStore ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซีพร้อมทั้งเคาน์เตอร์อีก 3 สาขา ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเซ็นทรัล ภูเก็ตฟลอเรสต้า


ใจหาย! สถานที่ถ่ายหนังดัง ปัจจุบันกลายเป็นเมืองร้าง

วันที่ 25 มิถุนายน 2567 ผู้ใช้ TikTok @boy_travel ได้โพสต์คลิปวิดีโอพาไปชมกองถ่ายร้าง จ.กาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวดังในอดีต ที่ตอนนี้หลายคนคงลืมกันไปแล้ว

โดยในคลิปจะเห็นบรรยากาศด้านนอกกองถ่ายร้าง เป็นกำแพงโบราณทอดยาว ซึ่งเมื่อลองสังเกตใกล้ ๆ ก็เริ่มคุ้นตากับซุ้มประตูขนาดใหญ่ บ้านเรือน รูปปั้น ที่สร้างด้วยศิลปะในยุคกรุงศรีอยุธยา และยังมีสิ่งปลูกสร้าง รูปปั้น ศิลปวัฒนธรรมของพม่าด้วยเช่นกัน เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นกองถ่ายภาพยนตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"

ซึ่งในคลิปจะเห็นสิ่งปลูกสร้าง ปัจจุบันเริ่มอยู่ในสภาพร้าง เช่น เมืองหงสาวดี, กุฏิมหาเถรคันฉ่อง และตำหนักพระนเรศวร เป็นต้น

สำหรับกองถ่ายร้างดังกล่าว ตั้งอยู่ที่กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง จนกระทั่งปิดตัวลงตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557

หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย


รัฐเมินส่งออกไก่...ซ้ำเพิ่มภาระผู้ผลิต

ไม่ใช่ผู้บริโภค แต่เป็นแม่ค้าขายเนื้อไก่ ที่บ่นออกสื่อว่าไก่แพง กรมการค้าภายในก็รีบแอ๊คชั่นเอาใจแม่ค้า สั่งโรงงาน ห้างร้านต่างๆ ทำรายงานเกี่ยวกับปริมาณและราคาของชิ้นส่วนไก่ทุกวัน ทั้งๆที่สถานการณ์ไก่เนื้อในปัจจุบัน ไม่ใช่ช่วงวิกฤตหรือขาดแคลน ถึงขนาดต้องทำอะไรเช่นนั้น

จากตารางแสดงราคาไก่เนื้อ ในช่วง พ.ค.-มิ.ย. ปีที่แล้ว ราคาหน้าฟาร์มสูงถึง 45 บาท/กก. จากนั้นเมื่อกลไกตลาดทำงาน ราคาก็ร่วงต่อเนื่องลงมา จนตกต่ำสุดๆที่ 34 บาท/กก. ในเดือนตุลาคม 2566 สวนทางต้นทุนที่พุ่งสูงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำธัญพืชอาหารสัตว์สูงขึ้นทุกตัว รวมถึงราคาพลังงาน และ สภาพอากาศแปรปรวน ที่มีผลต่อการเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิต ทำให้คนเลี้ยงไก่ประสบภาวะขาดทุน

เมื่อระดับราคาไก่ไม่ดี สถาบันการเงินเริ่มไม่มั่นใจ จึงไม่ปล่อยสินเชื่อ กระทบถึงเงินทุนหมุนเวียน ทำให้โรงงานหลายแห่งขาดสภาพคล่อง ต้องลดกำลังการผลิต และบางแห่งถึงกับต้องปิดเพื่อหนีหนี้ เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากของคนเลี้ยงไก่ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่เห็นกรมการค้าภายในออกมาช่วยเหลือผู้ผลิตแต่อย่างใด

ปัจจุบันไก่เนื้อหน้าฟาร์ม เพิ่งขยับราคามาอยู่ที่ 43 บาท/กก. ยังไม่ใช่จุดสูงสุดที่ 45 บาทเหมือนปีที่แล้ว และการนำราคาในช่วงขาดทุนที่ 34-35 บาท/กก. มาเป็นบรรทัดฐานเปรียบเทียบว่าแพงมาก ก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ซึ่งหากรัฐเข้าใจ ก็จะไม่นำไปสู่การรายงานปริมาณชิ้นส่วนรายวันแน่นอน

ปกติการรายงานปริมาณชิ้นส่วนเป็นรายวันนั้น เป็นหนึ่งในมาตรการกำกับดูแลสินค้าควบคุมในยามวิกฤตหรือสินค้าขาดแคลน แต่ปัจจุบันเนื้อไก่บ้านเราไม่ได้วิกฤต ไม่มีปัญหาขาดแคลน จึงนับเป็นการเพิ่มภาระให้โรงงานและห้างร้านต่างๆ โดยใช่เหตุ ขณะที่ตลาดในประเทศขณะนี้สามารถปล่อยให้กลไกตลาดทำงานไป แพงนักคนไม่กิน หันไปกินอย่างอื่น เดี๋ยวราคาก็ลงเอง เป็นธรรมชาติของซัพพลายดีมานด์ที่รัฐไม่จำเป็นต้องแทรกแซง

พูดถึงตลาดส่งออกบ้าง อุตสาหกรรมไก่ไทยเป็นที่ยอมรับในมาตรฐานโลก และไทยจัดเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่อันดับต้นๆของโลก สามารถผลิตเนื้อไก่ได้ประมาณ 3.5 ล้านตันต่อปี ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ราว 1.1 ล้านตัน/ปี สร้างรายได้เข้าประเทศร่วม 2 แสนล้านบาท ขณะที่ปริมาณเนื้อไก่ที่จำหน่ายและบริโภคกันภายในประเทศมีอยู่ราว 2.4 ล้านตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท

จะเห็นว่า เนื้อไก่ ซึ่งเป็นโปรตีนเนื้อสัตว์ที่ราคาถูกที่สุด สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกมหาศาล จึงค่อนข้างแปลกใจที่กรมการค้าภายใน มีท่าทีกำกับการส่งออกไก่ไม่ให้มากขึ้น สวนทางสิ่งที่ควรจะเป็นในขณะที่ประเทศกำลังต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ที่ถูกที่ควรคือ ต้องสนับสนุนให้ส่งออกไก่ได้มากขึ้น นำเงินตราเข้าประเทศมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เยอะขึ้น อีกทั้งต้องช่วยบริหารจัดการลดต้นทุนการผลิตไก่ไทยให้สามารถแข่งขันด้านราคากับไก่ประเทศอื่นๆได้มากขึ้น ไม่ใช่พะวงว่าส่งออกไก่มากแล้วราคาในประเทศจะสูง หรือกรมไม่รู้จริงๆ ว่าการมีตลาดส่งออกนี่ล่ะ ที่ช่วยให้ราคาไก่เนื้อในประเทศมีเสถียรภาพมากกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ


กินวุ้นเส้น จะทำให้ไม่อ้วน ช่วยการลดน้ำหนักจริงหรือ?

สรุปแล้ว! กินวุ้นเส้นนั้นจะทำให้ไม่อ้วนจริงหรือไม่? ช่วงที่ควบคุมน้ำหนักต้องคุมแป้งคุมน้ำตาล อีกหนึ่งทางเลือกที่ใครหลายคนหันมาทานวุ้นเส้นเพราะเชื่อว่าการ กินวุ้นเส้นที่ทำจากถั่วเขียวนี้ จะไม่ทำให้อ้วน

เรื่องเส้นมันเรื่องใหญ่เพราะไปทางไหนของประเทศไทยก็มีแต่เส้น! ในประเทศไทยมีเส้นมากมายให้เราเลือกสั่งเวลากินก๋วยเตี๋ยวรวมถึง วุ้นเส้น ที่หลายคนคิดว่าดีกว่ากินเส้นต่างๆหรือกินข้าว เส้นใสที่ทำขึ้นมาจากถั่วเขียว น้ำ และส่วนผสมอื่น ๆ เช่น แป้งมันฝรั่ง เมื่อวุ้นเส้นสุก เส้นจะคืนรูป และกลายเป็นเส้นใส วุ้นเส้นนั้นนิยมนำไปประกอบอาหารต่างๆ และนิยมมากสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก จนเกิดเป็นคำถามว่าสรุปกินวุ้นเส้นแล้วอ้วนไหม?

กินวุ้นเส้น จะทำให้ไม่อ้วน ช่วยการลดน้ำหนักจริงหรือ?

กระบวนการทำวุ้นเส้นนั้นเริ่มจากการนำถั่วเขียวมาแปรรูปตามกรรมวิธีเช่นเดียวกับการทำเส้นก๋วยเตี๋ยวจนกลายเป็นแป้งถั่วเขียว ทำให้แยกสารอาหารอย่างโปรตีนที่อยู่ในถั่วเขียวออกเหลือเพียงคาร์โบไฮเดรต ยิ่งไปกว่านั้นบางแบรนด์อาจผสมแป้งมันสำปะหลังเข้าไปเพื่อลดต้นทุนการผลิต ทำให้วุ้นเส้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสารอาหารจำพวกเดียวกับแป้ง ซึ่งถ้าเทียบปริมาณแคลอรี่แล้ววุ้นเส้นดิบจะมีแคลอรีเทียบเท่ากับข้าวสารดิบที่มีปริมาณ 350 แคลอรี ต่อ 100 กรัม แต่หากเป็นวุ้นเส้นสุก ที่อมน้ำไว้แล้ว ก็จะให้พลังงานต่ำ ใกล้เคียงกับขนมจีนที่มีน้ำเป็นส่วนผสมมากเช่นกัน นั่นคือให้พลังงานแค่ 60-80 กิโลแคลอรี่

เมื่อคำนวณแล้ว การกินวุ้นเส้น 1 มื้อ ก็จะให้พลังงานแค่ประมาณ 60-80 กิโลแคลอรี่เท่านั้น แต่กลับทำให้เราอิ่มพอๆ กับการรับประทานข้าวสวย 1 ถ้วย ที่ให้พลังงานมากถึง 120 กิโลแคลอรี่ นอกจากนี้ ในวุ้นเส้นนั้นยังมีใยอาหารสูง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน ช่วยย่อยอาหาร อีกทั้งยังไม่มีไขมัน วุ้นเส้นจึงนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ที่จะช่วยให้เราสามารถควบคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนักได้ โดยการลดปริมาณของแคลอรี่ที่เราได้รับในแต่ละมื้อนั่นเอง วุ้นเส้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก แต่วุ้นเส้นก็มีคาร์โบไฮเดรต ไม่ต่างจากข้าว และเส้นชนิดอื่นๆ ดังนั้นใครจะกินวุ้นเส้นตอนลดน้ำหนักอาจจะต้องคำนวนให้ดี