ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ร้อนจัดระวัง! 'ฮีทสโตรก' ภัยร้ายอันตรายถึงชีวิต ใครเสี่ยง-เลี่ยงอย่างไร เช็กเลย

หน้าร้อนระวัง! ป่วยเป็น ‘ฮีทสโตรก’ หรือ ‘โรคลมแดด’ ภัยร้ายอันตรายถึงชีวิต ใครบ้างที่เสี่ยง และมีวิธีเลี่ยงอย่างไร มาดูกัน

ประเทศไทยเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการ สำหรับสภาวะอากาศในช่วงนี้ ต้องระมัดระวังโรคร้ายที่มาพร้อมอากาศร้อน นั่นคือ “โรคลมแดด” หรือ “ฮีทสโตรก” วันนี้ทีมข่าวสดขอพาทุกคนไปรู้จักโรคลมแดดให้มากขึ้นกัน

โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก คืออะไร

เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อย ๆ สูงเกิน 40.5 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมอง โดยเฉพาะที่สมอง ทำให้เกิดอาการคล้าย “หลอดเลือดสมอง (stroke)” เนื่องจากไม่ได้มีความผิดปกติจากหลอดเลือดโดยตรง แต่เกิดจากความร้อนที่มากเกินไปเลยเรียกว่า ฮีทสโตรก (Heat Stroke)

นอกจากนี้อาจทำให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ เช่นสมอง หัวใจ ปอด ไต และกล้ามเนื้อ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ ถึงขั้นพิการและเสียชีวิต

อาการที่พบได้เบื้องต้น

เมื่อยล้า, อ่อนเพลีย, คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, ความดันต่ำ, หน้ามืด, หมดสติ, เพ้อ, ไม่รู้สึกตัว, หายใจเร็ว, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, กระหายน้ำ, ภาวะขาดเหงื่อ (ร้อนแต่ไม่มีเหงื่อ), อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ใครบ้างที่เสี่ยง

1.คนที่ทำงาน ทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬา ผู้ใช้แรงงานกลางแจ้ง เกษตรกร คนงานก่อสร้าง

2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

3.ผู้สูงอายุ

4.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง

5.ผู้ที่มีภาวะอ้วน

6.ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ

7.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม สภาวะอากาศที่ร้อนจัด ทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว กระตุ้นหัวใจสูบฉีดเร็วและแรงขึ้น อาจช็อกและเสียชีวิตได้

วิธีดูแลสุขภาพ

1.สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี

2.อยู่ในที่มีอากาศถ่ายเท

3.เลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ

4.สวมแว่นกันแดด กางร่ม หมวกปีกกว้าง

5.ดื่มน้ำมากกว่าปกติเพื่อชดเชยการเสียน้ำในร่างกาย

6.งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

7.อย่าทิ้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดไว้กลางแจ้ง เนื่องจากอุณหภูมิภายในรถจะสูงกว่าภายนอก

8. ควรออกกำลังกายในช่วงเช้า หรือเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก และควรมีการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง

หากพบผู้ป่วยจากภาวะอากาศร้อน

1.นำผู้มีอาการเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก

2.เทน้ำเย็นราดลงบนตัวเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดยเร็วที่สุด

3.ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ

4.ไม่ควรใช้ผ้าเปียกคลุมตัว เพราะจะขัดขวางการระเหยของน้ำออกจากร่างกาย

5.รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือสายด่วน 1669 ทันที สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ขอบคุณที่มา โรงพยาบาลสินแพทย์


ฝุ่นควัน PM2.5 ย่ำแย่หนัก เชียงใหม่ ประกาศเขตภัยพิบัติไฟป่าเพิ่มเติม ที่ อ.เชียงดาว

5 เม.ย.2566 - จังหวัดเชียงใหม่ออกประกาศเขตภัยพิบัติภัยฝุ่นควันไฟป่าเพิ่มอีกในพื้นที่ อ.เชียงดาว หมู่ที่ 1,2,5,13 ต.เมืองนะ และ หมู่ที่ 2,4,6 ต.ทุ่งข้าวพวง ครอบคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแดง ที่เกิดไฟไหม้ป่าเป็นวงกว้าง โดยนายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ลงนามในประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง เขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อัคคีภัย ไฟป่า ในพื้นที่อำเภอเชียงดาว ด้วยไฟป่าที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่อำเภอเชียงดาวเป็นสาธารณภัย ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ของประชาชน หรือก่อให้เกิดวัตถุมลพิษหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและการดำรงชีวิตของประชาชนเพื่อประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัยให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เร่งด่วน

อาศัยอำนาจตามความ ข้อ 20 วรรคสาม ของระเบียบ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 ประกอบกับ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการจังหวัดจึงประกาศให้พื้นที่หมู่ที่ 1, 2, 5, 13 ตำบลเมืองนะ - หมู่ที่ 2, 4, 6 ตำบลทุ่งข้าวพวงเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในเขตพื้นที่ประสบภัยดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว และดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่กระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 3 เดือน นับแต่วันที่เกิดภัยประกาศ ณ วันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2566

ขณะที่นายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ขี้นบินปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า และเติมน้ำให้เขื่อนกักเก็บโดยใช้เครื่องบินเกษตร ชนิด CASA จำนวน 4 ลำ บริเวณพื้นที่เป้าหมาย พื้นที่ป่าไม้ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลและเขื่อนแม่กวงอุดมธารา โดยทำการบินบรรเทาผลกระทบทุกวัน

เวลานี้จังหวัดเชียงใหม่มีคุณภาพอากาศแย่เข้าขั้นวิกฤติต่อเนื่องวันนี้พบจุดความร้อนการเผา 146 จุด ยอดจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 ถึงปัจจุบัน ทั้งหมดจำนวน 8,571 จุด โดยพบในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์ พบมากที่สุดคืออำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แจ่ม และแม่แตง ตามลำดับ เว็ปไซด์ https://www.iqair.com ได้รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดการเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดของโลก US AQI พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ อยู่อันดับ 1 มีค่า 291 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจากการรายงานคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ วันนี้เกินค่ามาตรฐานสูงกว่าวานนี้ มากที่สุดพื้นที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ที่เพิ่งประกาศเป็นเขตภัยพิบัติพบ PM2.5 มีค่า 252 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ค่าที่สูงสูดของภาคเหนือเวลานี้อยู่ที่ อ.ปาย 356 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ แจ้งสับเปลี่ยนทีมดับไฟตอดเวลาเพราะทำงานเหนื่อยตลอดเดือน สภาพอากาศเหนือเมืองเชียงใหม่และจังหวัดต่างๆของภาคเหนือเวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันและกลิ่นควันไฟคละคลุ้งท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ข้อมูลจุด hotspot ดาวเทียมต่างๆรายงานตรงกันพบจุด hotspot ทั้งประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก


นักดาราศาสตร์ค้นพบหลุมดำมวลยิ่งยวดมหาศาล ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ 3 หมื่นล้านเท่า

นักดาราศาสตร์ค้นพบหลุมดำมวลยิ่งยวดมหาศาล มวลใหญ่กว่าดวงอาทิตย์กว่า 30,000 ล้านเท่า นับเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 สำนักข่าว CNN รายงานว่า ราชสมาคมดาราศาสตร์ของอังกฤษ เผยแพร่งานวิจัยผลการค้นพบ "หลุมดำมวลยิ่งยวดมหาศาล" ซึ่งมีมวลใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ถึง 30,000 ล้านเท่า อยู่ในกาแล็กซีอันไกลโพ้น ห่างจากโลกหลายร้อยล้านปีแสง นับเป็นหลุมดำมวลยิ่งยวดขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่นักดาราศาสตร์เคยค้นพบมา

ทีมนักดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเดอรัม ของอังกฤษ เปิดเผยว่า เป็นการค้นพบผ่านเทคนิค "เลนส์ความโน้มถ่วง" (Gravitational lens) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ เกิดจากการบิดโค้งของแสงที่เดินทางมาจากระยะทางไกลมากๆ เมื่อแสงผ่านเข้าใกล้วัตถุขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันภาพถ่ายจากกล้องอวกาศฮับเบิล ที่ผ่านการจำลองภาพโดยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ก็ได้ช่วยยืนยันถึงขนาดมหึมาของหลุมดำมวลยิ่งยวดนี้

เจมส์ ไนติงเกล นักจักรวาลวิทยาแห่งคณะฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเดอรัม เปิดเผยว่า การค้นพบครั้งนี้ทำให้นักดาราศาสตร์ตื่นเต้นเกี่ยวกับขนาดใหญ่แบบไร้ขีดจำกัดของหลุมดำ ซึ่งนับเป็นการค้นพบที่จะเป็นแรงบันดาลใจในการสำรวจหลุมดำใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต ขณะที่ตอนนี้นักดาราศาสตร์ได้เริ่มทำการสำรวจหลุมดำนี้อย่างละเอียดมากขึ้น ด้วยกล้องฮับเบิลและซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ DiRAC COSMA8 ขององค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา

ทั้งนี้ หลุมดำมวลยิ่งยวดมหาศาล เป็นวัตถุขนาดใหญ่ที่สุดในจักรวาล และนักดาราศาสตร์ไม่ค่อยได้ค้นพบบ่อยนัก ขณะที่ต้นกำเนิดของมันยังไม่เป็นที่แน่ชัด บางทฤษฎีเชื่อว่า มันก่อตัวขึ้นจากการรวมตัวกันของกาแล็กซีต่างๆ เมื่อหลายพันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ทำให้ดาวฤกษ์ดับ และก่อให้เกิดมวลของหลุมดำ.


ทะเลสาบโป๋ซือเถิงต้อนรับ ‘นกอพยพ’ คืนถิ่นรับอากาศอุ่น

เมื่ออากาศเริ่มอบอุ่น ทะเลสาบโป๋ซือเถิง ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน หลังน้ำแข็งและหิมะที่ห่มคลุมอยู่ละลาย ก็ได้ต้อนรับการกลับมาของนกอพยพจำนวนมาก...

สำนักข่าวซินหัว-เมื่ออากาศเริ่มอบอุ่น ทะเลสาบโป๋ซือเถิง ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน หลังน้ำแข็งและหิมะที่ห่มคลุมอยู่ละลาย ก็ได้ต้อนรับการกลับมาของนกอพยพจำนวนมาก...

อนึ่ง ทะเลสาบโป๋ซือเถิงตั้งอยู่ในแคว้นปกครองตนเองปาอินกัวเหลิง กลุ่มชาติพันธ์ุมองโกลในซินเจียง มีพื้นที่น้ำ 1,646 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบน้ำจืดในแผ่นดินขนาดใหญ่ที่สุดของจีนและเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยและจุดผ่านสำคัญของเส้นทางอพยพของเหล่านกอพยพ...

ทั้งนี้ จากการค่อย ๆ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางระบบนิเวศท้องถิ่นและสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์ป่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนนกอพยพเพิ่มขึ้นทุกปี