ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 4 มิถุนายน 2565

รัฐนิวยอร์กแจกหุ่นยนต์ ElliQ ให้ผู้สูงวัย ช่วยเหลือต่อสู้กับความเหงา

รัฐนิวยอร์ก เสนอหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า ElliQ ให้กับผู้สูงอายุเกือบพันคน โดยฟีเจอร์ของหุ่นยนต์นี้ มีหน้าที่ช่วยเหลือด้านสุขภาพ การรับประทานยา รวมถึงช่วยเหลือต่อสู้กับความเหงา

สำนักงานเพื่อการสูงวัยแห่งรัฐนิวยอร์ก หรือ New York State Office for the Aging มาแนวใหม่ โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่น เสนอหุ่นยนต์เพื่อมาเป็นเพื่อนกับผู้สูงอายุจำนวนกว่า 800 คน เพื่อหวังแก้ปัญหาความเหงา

หุ่นยนต์ตัวดังกล่าวมีชื่อว่า ElliQ ผลิตโดย Intuition Robotics จากประเทศอิสราเอล ซึ่งภายในมีระบบปัญญาประดิษฐ์ คอยช่วยเหลือด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านสุขภาพ การรับประทานยา การให้ความช่วยเหลือในด้านการติดต่อครอบครัว การแนะนำการออกกำลังกายเบาๆ และยังมีเหตุผลสำคัญก็คือการสร้างความสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุต้องเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป

สาเหตุสำคัญเป็นเพราะมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดสองปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้สูงอายุก็คือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงที่จะต้องอยู่คนเดียวมากกว่าคนในช่วงวัยอื่น

ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง นั่นคือ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์เฟื่องฟูมากขึ้น โดยมีการเติบโตมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการแก้ปัญหาแรงงานจากการเกิดโรคระบาดใหญ่

ที่มา: Business Insider


เปิดข้อดี “กัญชา” รักษาโรคอะไรได้บ้าง

ในที่สุด “กัญชา” ก็ได้ปลดล็อกออกจากยาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ภายใต้เป้าหมาย 3 เรื่อง คือ 1. เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ 2. ให้เกิดเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทั้งในกลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพรและอาหาร รวมถึงส่งเสริมงานวิจัยนวัตกรรม และ 3. เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง ทั้งนี้ประโยชน์ของกัญชารักษาอะไรได้บ้างนั้น เช็กได้ที่นี่

กัญชาออกฤทธิ์อย่างไร

กัญชา มีสารประกอบเรียกว่า Cannabinoids จำนวนมาก โดยมีตัวหลัก คือ THC (Tetrahydrocannabinol) และ CBD (Cannabidiol) ที่สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งสารประกอบทั้ง 2 ชนิดนี้ออกฤทธิ์ต่างกัน

• THC ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้ผ่อนคลาย นอนหลับ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และกระตุ้นให้อยากอาหาร

• CBD มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดอาการชักเกร็ง และมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง

กัญชารักษาโรคอะไรได้บ้าง

ปัจจุบันได้มีการศึกษาพบว่ากัญชารักษาโรคได้มากมาย ซึ่งมีทั้งโรคที่มีงานวิจัยรองรับและโรคที่ยังต้องการงานวิจัยสนับสนุนเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

6 โรค/อาการ ที่กัญชารักษาได้ โดยมีงานวิจัยสนับสนุนชัดเจน

• ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด

• โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา

• ภาวะปวดประสาทส่วนกลาง ที่ใช้วิธีรักษาอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล

• ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

• ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วย AIDS ที่มีน้ำหนักน้อย

• การเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง หรือผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต

4 กลุ่มโรค/ภาวะ ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากกัญชา แต่ยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติม

• โรคพาร์กินสัน

• โรคอัลไซเมอร์

• โรคปลอกประสาทอักเสบอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ปลอกประสาทเสื่อมแข็ง)

• โรคอื่นๆ ที่มีข้อมูลสนับสนุนทางวิชาการว่าน่าจะได้รับประโยชน์

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจำนวนมากที่พบจากการทดลองว่า สารประกอบ cannabinoids หลายชนิดมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ รวมถึงยับยั้งการสร้างเส้นเลือดใหม่ และยับยั้งการกระจาย แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนในผลการรักษามะเร็งในมนุษย์

ใครที่ไม่สามารถใช้กัญชารักษาโรคได้

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้กัญชารักษาโรคได้ โดยผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้ห้ามใช้กัญชาในการรักษา

• กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

• มีความเสี่ยงสูงในการทำร้ายตนเอง

• โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตจากสารเสพติด โรคจิตเภท

• รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด

• โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคไต ที่มีอาการรุนแรง

• มีประวัติแพ้สารสกัดกัญชา

ทั้งนี้ สารสกัดกัญชาหรือยากัญชารักษาโรค ไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป รวมถึงผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยากัญชา ก็ไม่สามารถซื้อสารสกัดกัญชาใช้เอง แต่ต้องผ่านการวางแผนการรักษาจากแพทย์เท่านั้น

นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์ที่จะใช้กัญชารักษาโรค จะต้องผ่านการอบรมอย่างถูกต้อง ก่อนจะจ่ายผลิตภัณฑ์กัญชาที่ได้รับจากสถานที่ผลิตมาตฐานที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง ซึ่งจะต้องพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่นก่อน เพราะยากัญชาไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการรักษาโรค

อ้างอิงข้อมูล: กระทรวงสาธารณสุข

How to ปลูก-ใช้กัญชา ในครัวเรือน เริ่มให้จดแจ้ง 1 มิ.ย. ผ่านแอป อย.

How to ปลูก-ใช้ “กัญชา” ในครัวเรือนหลังปลดล็อก 9 มิ.ย. 2565 การปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือนนั้นไม่ต้องขออนุญาต เพียงจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” ของสำนักงาน อย. จะเปิดตัวในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ แต่ยังมีข้อควรระวังในการพกติดตัวเดินทางเข้าประเทศ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 และทำให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่ใช่ยาเสพติดประเภท 5 อีกต่อไป

โดยระหว่างที่ ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … ซึ่งจะระบุข้อกำหนดต่าง ๆ รวมถึงบทลงโทษกรณีฝ่าฝืนยังไม่ประกาศใช้นี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้นำมาตรการชั่วคราวออกมาใช้

สำหรับการใช้ในครัวเรือนนั้น

การปลูก

ผู้ปลูกกรณีปลูกใช้เองในครัวเรือนไม่ต้องขออนุญาต เพียงจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 1 มิถุนายน และพร้อมออกใบรับจดแจ้งในวันที่ 9 มิถุนายน หรือจดแจ้งผ่านเว็บไซต์ “ปลูกกัญ” โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

พกติดตัวเดินทาง-นำเข้าจากต่างประเทศ

การนำเข้า เมล็ด และส่วนอื่น ๆ ของต้นกัญชา จะต้องขออนุญาตนำเข้ากับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 ก่อน

ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชา-กัญชง และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา-กัญชง รวมทั้งกรณีนำเข้าเพื่อใช้เฉพาะตัว เช่น ผู้เดินทางนำติดตัวเข้ามาในราชอาณาจักร และการส่งทางพัสดุ/ไปรษณีย์ระหว่างประเทศนั้น ต้องเป็นไปตามกฎหมายของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางจะห้ามนำเข้า

ส่วนกรณีของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอยู่ระหว่างการจัดทำกฎระเบียบเพื่อห้ามนำเข้าและกรณียกเว้น

ข้อควรระวัง และการใช้เพื่อสันทนาการ

สารสกัดที่มีปริมาณ THC มากกว่า 0.2% ยังถือเป็นยาเสพติด

แม้การนำพืชกัญชา กัญชง ไปใช้ในทางสันทนาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะในครัวเรือน หรือสถานที่สาธารณะอย่าง ร้านอาหาร สถานบริการ และสถานบันเทิงนั้นยังไม่มีหฎหมายควบคุมชัดเจน แต่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอ กม. ควบคุมด้านเหตุรำคาญจากกลิ่นและควันของกัญชา กัญชง และอาจกำหนดให้กลิ่นและควันกัญชา กัญชง เป็นเหตุรำคาญ

การปลูกเพื่อจำหน่าย

ปัจจุบัน สธ. ยังไม่มีไกด์ไลน์สำหรับการปลูกกัญชาเชิงพาณิชย์ ในช่วงก่อนที่ พ.ร.บ. จะบังคับใช้ แต่ตามร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … การปลูกเพื่อจำหน่ายมีแนวปฏิบัติดังนี้

ผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขาย ต้องขออนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือผู้ซึ่งเลขาฯ อย. มอบหมาย

ทั้งนี้ใบอนุญาตแต่ละชนิดจะมีค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดใบอนุญาต อาทิ ใบอนุญาตปลูก ค่าธรรมเนียม 50,000 บาท ใบอนุญาตสกัด ค่าธรรมเนียม 50,000 บาท ใบอนุญาตจำหน่าย ค่าธรรมเนียม 5,000 บาท เป็นต้น

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่มีใบอนุญาตเดิมที่ออกตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาต ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะ กัญชง พ.ศ. 2563 และกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาต ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะ กัญชา พ.ศ. 2564 ให้ถือเป็นใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ใหม่นี้ และใช้ได้จนสิ้นอายุใบอนุญาต


CDC สหรัฐฯแนะนำแล้ว คนทำงานใกล้ชิดไวรัสฝีดาษลิง ควรฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ

CDC สหรัฐฯ ออกข้อแนะนำ บุคลากรการแพทย์และนักวิทย์ในห้องแล็บที่ทำงานใกล้ชิดเชื้อไวรัสฝีดาษลิง ควรฉีดวัคซีนต้านไข้ทรพิษ ซึ่งขณะนี้สหรัฐฯ มีวัคซีน 'จินนีออส' ที่ได้รับอนุมัติเมื่อ 2 ปีก่อน

10 Interesting Facts About Earth's Oceans

ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ออกข้อแนะนำเมื่อวันศุกร์ที่ 27 พ.ค. 2565 ตามเวลาท้องถิ่น ให้บุคคลที่ทำงานใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส อย่างเช่นไวรัสฝีดาษลิง (monkeypox) ควรฉีดวัคซีนต้านโรคไข้ทรพิษ หรือโรคฝีดาษ (smallpox) ในขณะที่ตอนนี้ กำลังพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายใหม่เพิ่มขึ้นทั่วสหรัฐฯและยุโรป

ฝีดาษลิง

UK นำหนึ่ง ติดฝีดาษลิงเพิ่มพรวด 71 WHO เตือนแล้ว เสี่ยงระบาด 'ปานกลาง'

CDC ระบุว่า วัคซีนต้านโรคไข้ทรพิษ Jynneos (จินนีออส) ที่ผลิตโดยบริษัทบาร์วาเรียน นอร์ดิค จะนำมาฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์(แล็บ) หลังจากวัคซีน จินนีออส ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสหรัฐฯ เพื่อป้องกันโรคฝีดาษและฝีดาษลิง ในผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อสูง ในปี 2562

ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 10 รายใน 8 รัฐ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย, โคโลราโด, ฟลอริดา, แมสซาชูเซตส์, นิวยอร์ก, ยูทาห์, เวอร์จิเนีย และวอชิงตัน

ที่ผ่านมา โรคฝีดาษลิง จัดเป็นโรคประจำถิ่นที่พบผู้ติดเชื้อมากในทวีปแอฟริกาตอนกลาง และแอฟริกาตะวันตก อีกทั้งเชื้อฝีดาษลิงยังแพร่เชื้อติดต่อยาก ทว่าขณะนี้ได้เกิดการระบาดไปยังหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป และอเมริกาเหนือ จนมีการยืนยันผู้ติดเชื้อและผู้ต้องสงสัยอาจติดเชื้อฝีดาษลิงแล้วจำนวนถึงราว 300 ราย นับตั้งแต่ สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายแรกเมื่อ 7 พ.ค.2565

ที่มา : Metro


สุดยอด “เสื้อผ้าอัจฉริยะ” ฝีมือนักวิย์จีน ตรวจวัดชีพจร-จับความผิดปกติของร่างกาย

ซินหัว รายงานว่านักวิทยาศาสตร์ชาวจีนได้พัฒนาระบบตรวจสอบสุขภาพอัจฉริยะที่สามารถสวมใส่ไว้

กับตัวได้ทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูง โดยเทคโนโลยีนี้มาในรูปแบบของ “เสื้อผ้าอัจฉริยะ” ที่สามารถตรวจจับการสั่นสะเทือนของร่างกาย วัดชีพจร ระดับการหายใจ และตรวจจับท่าทางการเคลื่อนไหวของมนุษย์จำนวน 6 แบบ ได้แบบเรียลไทม์

ผลวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในแอดวานซ์ แมทีเรียลส์ วารสารวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุศาสตร์ระดับนานาชาติ ระบุว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยืดหยุ่นได้ ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน

และด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ที่นำมาสวมใส่ได้ จึงมีแนวโน้มถูกนำไปประยุกต์ใช้เป็นวงกว้างเพื่อให้ชีวิตของผู้คนสะดวกสบายยิ่งขึ้น อาทิ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ การตรวจสอบสภาพการณ์ และบริการทางการแพทย์

ทั้งนี้ ทีมวิจัยหวังว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความไฮเทค ความแม่นยำ และความสามารถในการทำงานทางไกล ให้กับภาคส่วนด้านการประเมินสุขภาพและการวินิจฉัยโรค


นักโบราณคดีค้นพบทางเดินใต้ดินในอารามเปรู อายุกว่า 3,000 ปี

จากการขุดสำรวจพื้นที่ภายในเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู มานานหลายปี ทีมนักโบราณคดีค้นพบทางเดินใต้อารามเปรูมากกว่า 30 เส้นทาง รวมถึงโครงสร้างที่คาดว่าถูกสร้างขึ้นก่อนคริสตกาลด้วย

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่า ทีมนักโบราณคดีค้นพบเครือข่ายทางเดินใต้อาราม “ชาวิน เดอ ฮวนตาร์” ที่มีอายุมากกว่า 3,000 ปี ทางตอนเหนือ-กลางของเทือกเขาแอนดีส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการปกครองของผู้คนทั่วภูมิภาค

นายจอห์น ริค นักโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขุดค้นหา กล่าวว่า ทางเดินถูกค้นพบในช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และมีลักษณะที่ทำให้เชื่อว่า มันถูกสร้างมาก่อนอุโมงค์เขาวงกตของอารามแห่งนี้

ที่ความสูง 3,200 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทางเดินใต้ดินอย่างน้อย 35 เส้นทาง ถูกค้นพบจากการขุดสำรวจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเส้นทางทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกัน และคาดว่ามันถูกสร้างระหว่าง 1,200 และ 200 ปีก่อนคริสตกาล ภายในตีนเขาของเทือกเขาแอนดีส

“มันเป็นทางเดิน แต่มันแตกต่างมาก มันมีรูปแบบของการก่อสร้างที่แตกต่าง และมันมีลักษณะหลายอย่างจากยุคก่อนหน้า ซึ่งพวกเราไม่เคยเห็นในทางเดินอื่นมาก่อน” ริค กล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่า ทีมนักโบราณคดีค้นพบเครือข่ายทางเดินใต้อาราม “ชาวิน เดอ ฮวนตาร์” ที่มีอายุมากกว่า 3,000 ปี ทางตอนเหนือ-กลางของเทือกเขาแอนดีส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการปกครองของผู้คนทั่วภูมิภาค

นายจอห์น ริค นักโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขุดค้นหา กล่าวว่า ทางเดินถูกค้นพบในช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และมีลักษณะที่ทำให้เชื่อว่า มันถูกสร้างมาก่อนอุโมงค์เขาวงกตของอารามแห่งนี้

ที่ความสูง 3,200 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทางเดินใต้ดินอย่างน้อย 35 เส้นทาง ถูกค้นพบจากการขุดสำรวจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเส้นทางทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกัน และคาดว่ามันถูกสร้างระหว่าง 1,200 และ 200 ปีก่อนคริสตกาล ภายในตีนเขาของเทือกเขาแอนดีส

“มันเป็นทางเดิน แต่มันแตกต่างมาก มันมีรูปแบบของการก่อสร้างที่แตกต่าง และมันมีลักษณะหลายอย่างจากยุคก่อนหน้า ซึ่งพวกเราไม่เคยเห็นในทางเดินอื่นมาก่อน” ริค กล่าว

เครดิตภาพ : REUTERS


นักดาราศาสตร์พบหลุมดำมวลยิ่งยวดในกาแล็กซีใกล้ตาย

ทางช้างเผือกเป็นดาราจักรหรือกาแล็กซีชนิดก้นหอยหรือทรงกังหันแบบมีคาน โดยประกอบด้วยดาวฤกษ์จากหลายยุคหลายสมัยและดาวฤกษ์ที่ยังคงก่อตัวใหม่ๆในขณะกาแล็กซีรี (Elliptical Galaxy) ซึ่งมีรูปร่างคล้ายทรงกลมโดยมีกระเปาะตรงใจกลางคล้ายกับกาแล็กซีชนิดก้นหอยนั้น ดาวทุกดวงกลับมีอายุเท่ากัน สิ่งนี้บ่งชี้ว่าในช่วงเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ของกาแล็กซีรี มีคาบการก่อตัวดาวฤกษ์ที่อุดมสมบูรณ์และสิ้นสุดอย่างกะทันหัน

ในกาแล็กซีบางแห่งที่ยุติการก่อตัวดาวฤกษ์ มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งคือหลุมดำมวลยิ่งยวดได้ทำลายก๊าซในกาแล็กซี ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะต่อการก่อตัวดาวฤกษ์ เพื่อทดสอบทฤษฎีนี้ นักดาราศาสตร์จึงตรวจสอบกาแล็กซีที่อยู่ห่างไกล โดยอธิบายว่าแสงที่เราเห็นจากวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 10,000 ล้านปีแสง ต้องเดินทางเป็นเวลา 10,000 ล้านปีเพื่อมายังโลก ดังนั้น แสงที่เห็นในปัจจุบันจะบ่งชี้ว่ากาแล็กซีที่มันจากมามีลักษณะอย่างไร การดูกาแล็กซีที่อยู่ห่างไกลก็เหมือนกับการย้อนเวลากลับไปในอดีต แต่ระยะห่างระหว่างกาแล็กซีเมื่อห่างไกลก็จะดูจางลง ทำให้การศึกษายากขึ้น

การเอาชนะความยากนี้ ทีมวิจัยนานาชาตินำโดยนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโซเคนไดในญี่ปุ่นจึงใช้ฐานข้อมูล Cosmic Evolution Survey (COSMOS) ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์ชั้นนำของโลก ทั้งกล้องโทรทรรศน์วิทยุอัลมา กล้องโทรทรรศน์ซูบารุ โดยสุ่มตัวอย่างกาแล็กซีที่อยู่ห่างออกไป 9,500-12,500 ล้านปีแสง ทำให้ตรวจจับสัญญาณจากหลุมดำมวลยิ่งยวดที่ยังทำงานในกาแล็กซีที่กำลังจะตายในเอกภพยุคแรก การปรากฏตัวของหลุมดำมวลที่ยังมีพลังเหล่านี้ สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงในกาแล็กซีเจ้าบ้าน ซึ่งบ่งชี้ว่าหลุมดำอาจมีผลกระทบในวงกว้างต่อการวิวัฒนาการของกาแล็กซีต้นกำเนิด.

(ภาพประกอบ Credit : National Astronomical Observatory of Japan)