ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



กลัวแล้ว! 12 คอนเซ็ปต์แต่งหน้าผีฮาโลวีน 2020

งานแต่งสุดอลัง "เจ้าสาวชุดดำ" กับธีมงานแต่งงานแบบเทพนิยาย งบไม่มีอั้น!!

สิ้นเดือนตุลาคมนี้มีวันฮาโลวีนที่ทุกคนรอคอย หลายออฟฟิศเตรียมจัดปาร์ตี้ปล่อยผี และนัดกลุ่มเพื่อนไปแฮงก์เอาต์ ใครที่มีแพลนไปปาร์ตี้ ต้องเตรียมซื้อเมคอัพแต่งหน้าฮาโลวีนไว้รอ เพราะบางลุคจะต้องจัดให้ครบ! ถึงจะเริด ไทยรัฐออนไลน์รวบรวมวิธีแต่งหน้าฮาโลวีนจาก YouTuber ไทยมาฝากกันค่ะ

แต่งหน้าฮาโลวีนธีมผี เป็นความเชื่อของชาวเคลต์ (Celts) ที่จัดขึ้นหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว เพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่ฤดูหนาว รวมถึงพิธีกรรมก่อกองไฟเล่าเรื่องผี รำลึกถึงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว กิจกรรมวันฮาโลวีนเป็นความเชื่อที่สืบทอดผ่านวัฒนธรรมจนกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก วันฮาโลวีน 2020 นี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม และเป็นวันลอยกระทงด้วย จึงมีกิจกรรมประกวดการแต่งตัวชิงเงินรางวัล ทั้งธีมแต่งผีไทย ผีฝรั่ง ประชันกันขั้นสุด

12 คอนเซ็ปต์แต่งหน้าผีไปปาร์ตี้ Halloween

จ๊กเกอร์

โจ๊กเกอร์ ในธีมผี มาจากการ์ตูนเรื่องแบทแมน และภายหลังนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ภาพลักษณ์ของโจ๊กเกอร์คือตัวร้ายที่มีพลังพิเศษ ดูจิตๆ มีความน่าสะพรึงกลัว โดยจะทาหน้าสีขาว ทาขอบตาสีดำ และทาปากสีแดงฉีกไปเกือบถึงหู

แม่มด

แม่มด เป็นความเชื่อโบราณ แต่สามารถแต่งให้ดูเป็นแม่มดสวยๆ เก๋ๆ อ่อนเยาว์ได้ โดยแต่งตัวคุมธีม ชุดดำ ปากแดง บล็อกตาด้วยอายแชโดว์สีอมม่วง วาดลายแมงมุมไว้ที่แก้มให้ดูชิคๆ หน่อย อย่าลืมถือไม้กวาดเอาไว้ขี่ด้วย

ซอมบี้

ซอมบี้ เป็นธีมแต่งหน้าฮาโลวีน ผู้ชายก็แต่งได้ดูดี ด้วยเครื่องแต่งกายดูสกปรกเขรอะมอม สร้างสรรค์ให้ดูเหมือนศพที่มีชีวิต แต่งหน้าด้วยสีน้ำตาลหรือดำ ให้เหมือนหลุดขึ้นมาจากหลุมศพ ราดสีแดงให้เต็มตัวเหมือนเลือด เท่านี้ก็เหมือนซอมบี้แล้ว

แดรกคูล่า

แดรกคูล่า เป็นผีดูดเลือดที่ต้องเตรียมอุปกรณ์เยอะหน่อย ได้แก่ เขี้ยว, ผ้าคลุมไหล่ และต้องทารองพื้นขาวๆ ให้หน้าดูซีดๆ และกรีดอายไลน์เนอร์ให้ใต้ตาดูคล้ำหน่อย

แฟรงเกนสไตน์

แฟรงเกนสไตน์ คือศพที่ถูกตัดต่อจากสิ่งมีชีวิตหลายอย่างรวมร่างให้มีชีวิตขึ้นมาได้ แต่งด้วยการหาลิปสติกหรือสีดำมาเขียนตัวเหมือนแผลโดนเย็บ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ระหว่างคิ้ว ให้ดูเหมือนเลือดซิบๆ ออกมา

ตุ๊กตาผี

ตุ๊กตาผี เป็นธีมผีที่มาจากภาพยนตร์ เลือกใส่เสื้อที่เหมือนชุดนอนทำจากผ้าลูกไม้พลิ้วๆ และมัดผมยาวเป็นเปียไว้สองข้าง ทาตาให้ดูคล้ำโต และฉีกยิ้มแบบน่ากลัวๆ

ผีตายทั้งกลม

ผีตายทั้งกลม เป็นความเชื่อของคนไทยว่าเป็นผีที่มีแรงอาฆาตพยาบาทสูง เตรียมชุดโจงกระเบนห่มสไบ แต่งหน้าซีดขาว ปล่อยผมยาว ทาหน้าคล้ำๆ ซีดๆ อุ้มตุ๊กตาห่อผ้า รับรองว่าหลอนตั้งแต่คิดแล้ว

ผีตานี

ผีตานี ตามความเชื่อ คือผีสาวสวยที่มักเจอตามต้นกล้วย สามารถเลือกเป็นธีมผีแต่งหน้าสวย ห่มสไบเขียว เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากแต่งหน้าโทนน่ากลัว

ผีนางรำ

ผีนางรำ เป็นความเชื่อตามเรื่องเล่าในห้องนาฏศิลป์ของโรงเรียน และยิ่งเพิ่มความสะพรึงกลัวเมื่อถูกนำมาสร้างเป็นละครหลายเรื่อง ด้วยเครื่องแต่งกายแบบนางรำ ทาหน้าขาว และรำอย่างช้าๆ ใครเห็นรับรองว่านอนไม่หลับ

ผีกระหัง

ผีกระหัง เป็นทางเลือกแต่งธีมฮาโลวีนของผู้ชาย ด้วยการเตรียมแต่งตัวแบบคนโบราณ นุ่งโจงกระเบน และตีปีกด้วยกระด้งใบใหญ่ ขี่สากตำข้าวเพื่อเดินทางบินง่ายๆ เหมือนกับแม่มด

ผีกระสือ

ผีกระสือ ต้องเตรียมไส้ ถอดหัว ด้วยการเอาผ้าสีดำมาคลุมตั้งแต่คอลงมา และนำไส้ปลอมทาสีแดง ห้อยประดับ ติดตั้งไฟเรืองแสงให้กะพริบ แค่คิดก็กลัวแล้ว

กุมารทอง

กุมารทอง เป็นวิญญาณเด็กที่มีพลังพิเศษ มักเป็นธีมแต่งผีเด็กๆ ในวันฮาโลวีน โดยหาชุดไทยง่ายๆ แต่งให้กับเด็กผู้ชาย และเกล้าจุกมัดมวย ทาผิวขาวๆ เหมาะเดินคู่กับผีสาวชุดไทย

ไม่ว่าคุณจะเลือกแต่งหน้าฮาโลวีนธีมไหน ที่สำคัญต้องใช้เครื่องสำอางที่ปลอดภัยกับผิว และมีน้ำยาล้างเครื่องสำอางให้พร้อม หากกลับจากปาร์ตี้ฮาโลวีนแล้วอย่าลืมล้างหน้าล้างตาก่อนเดินทางกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นแล้วเจอใครกลางค่ำกลางคืนคนอื่นเขาจะตกใจเอา..


'นาซ่า'แถลงข่าวใหญ่ 'SOFIA'ค้นพบน้ำบนพื้นผิวด้านสว่างของดวงจันทร์

เฟชบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ รายงานข่าวด่วนว่า เมื่อเวลาประมาณ 23:00 น. ของวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ตามเวลาประเทศไทย NASA แถลงข่าว การค้นพบน้ำบนพื้นผิวด้านสว่างของดวงจันทร์โดยกล้องโทรทรรศน์ในช่วงอินฟราเรดไกลบนหอสังเกตการณ์ SOFIA

ทำความรู้จักหอสังเกตการณ์ SOFIA

SOFIA (Stratospheric Observatory for Infrared Astronomy) เป็นหอสังเกตการณ์ลอยฟ้าเพียงลำเดียวที่ยังประจำการอยู่ โดยเครื่องบินจัมโบ้เจ็ท Boeing 747SP ลำนี้ ได้ถูกดัดแปลงเพื่อบรรทุกกล้องโทรทรรศน์ขนาดมหึมา 2.7 เมตร (ใหญ่กว่ากล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตร ของหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน) หอดูดาวบินได้นี้จะทำงานที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลระหว่าง 38,000-45,000 ฟุต ซึ่งทำให้อยู่สูงกว่าชั้นบรรยากาศที่บดบังแสงในช่วงคลื่นอินฟราเรดไปมากกว่า 99 เปอร์เซนต์

SOFIA นี้เป็นความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NASA - National Aeronautics and Space Administration) และศูนย์อวกาศเยอรมันนี (German Aerospace Center - DLR)

และด้วยความที่ SOFIA นั้นเป็นหอสังเกตการณ์ลอยฟ้า มันจึงสามารถเดินทางไปได้ทุกที่บนโลก และสามารถเดินทางไปสังเกตการณ์จากมหาสมุทรหรือที่ห่างไกล เพื่อสังเกตปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือน่านน้ำที่ไม่มีกล้องโทรทรรศน์ หรือผู้ใดอาศัยอยู่ได้ เช่น ในวันที่ 29 มิถุนายน 2015 ดาวพลูโตได้โคจรผ่านหน้าดาวฤกษ์ เงาของมันได้พาดผ่านเหนือมหาสมุทรใกล้ประเทศนิวซีแลนด์ SOFIA ได้ทำการศึกษาและสามารถศึกษาชั้นบรรยากาศของดาวพลูโตเอาไว้ได้

นอกจากนี้ การที่ SOFIA นั้นต้องลงจอดบนพื้นดินอยู่เป็นประจำ ทำให้การดูแลรักษาอุปกรณ์นั้นสามารถทำได้ง่ายกว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศมาก และสามารถปรับเปลี่ยนและดัดแปลงอุปกรณ์ให้เหมาะกับสถานการณ์ได้

การสังเกตการณ์ในช่วงคลื่นอินฟราเรด

ตามปกติแล้ว รังสีอินฟราเรดที่มาจากนอกโลกนั้น ส่วนมากจะถูกดูดกลืนโดยชั้นบรรยากาศ โดยเฉพาะจากความชื้นในชั้นบรรยากาศ การสังเกตการณ์จากภาคพื้นในช่วงคลื่นนี้ จึงสามารถทำได้เพียงบนยอดภูเขาสูง และ/หรือในทะเลทรายอันแห้งแล้ง การที่ SOFIA บินอยู่ในชั้นบรรยากาศที่สูง จึงทำให้สามารถสังเกตการณ์ในช่วงคลื่นที่กล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินทั่วไปไม่สามารถสังเกตการณ์ได้

วัตถุท้องฟ้าเกือบทุกชนิดมีการแผ่รังสีในช่วงคลื่นรังสีอินฟราเรด ไม่เพียงเท่านั้น รังสีอินฟราเรดนั้นจะสามารถทะลุผ่านกลุ่มฝุ่นละอองได้ดี ทำให้การศึกษาในช่วงคลื่นนี้สามารถทำให้เรามองเห็นดาวที่ถูกบดบังโดยแถบฝุ่นหนาได้

สิ่งที่พิเศษอย่างหนึ่งเกี่ยวกับช่วงคลื่นอินฟราเรด ก็คือในการศึกษาสเปกตรัมของมัน โมเลกุลทุกโมเลกกุลที่มีการหมุน จะสามารถเปลี่ยนพลังงานในการหมุนได้โดยการดูดกลืนหรือปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา คลื่นที่ตรงกับสเปกตรัมในการหมุนของโมเลกุลทั่วๆ ไปนั้นอยู่ในช่วงคลื่นอินฟราเรดถึงไมโครเวฟพอดี การศึกษาสเปกตรัมในช่วงอินฟราเรดจึงสามารถบอกถึงชนิดของโมเลกุลที่พบอยู่ในวัตถุท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไปได้

ตัวอย่างที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็คือโมเลกุลของน้ำ เนื่องจากโมเลกุลของน้ำประกอบขึ้นด้วยอะตอมของไฮโดรเจนสองอะตอมที่ติดอยุ่กับอะตอมของออกซิเจนหนึ่งอะตอมด้วยมุม 104.5 องศา ทำให้โมเลกุลของน้ำมีรูปแบบการหมุนที่แตกต่างออกไป จึงสามารถแผ่สเปกตรัมในการหมุนได้ทั้งในช่วงอินฟราเรด และช่วงไมโครเวฟ สเปกตรัมการหมุนของน้ำในช่วงคลื่นไมโครเวฟนี้เอง ที่เราใช้ในการอุ่นอาหารผ่านทางเตาไมโครเวฟ เนื่องจากเตาไมโครเวฟนั้นปล่อยรังสีที่ตรงกับสเปกตรัมการหมุนของน้ำ โมเลกุลของน้ำจึงสามารถดูดกลืนรังสีไปแล้วเปลี่ยนไปเป็นการหมุนที่เร็วขึ้น ทำให้มีอุณหภูมิที่สูงขึ้น

น้ำบนพื้นผิวของดวงจันทร์

ก่อนหน้านี้เราเคยพบน้ำในหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ที่ไม่มีแสงแดดส่องไปถึง แต่เรายังไม่เคยมีหลักฐานว่าเราสามารถพบน้ำได้นอกไปจากบริเวณหลุมอุกกาบาตที่มืดมิดเหล่านั้น นอกจากนี้ถึงแม้ว่าการศึกษาก่อนหน้านี้อาจมีการค้นพบของหมู่ไฮดรอกซิล (OH) แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ถึงการมีอยู่ของน้ำในพื้นผิวด้านสว่างของดวงจันทร์

แต่การศึกษาของ SOFIA ทำให้ค้นพบสเปกตรัมการดูดกลืนที่เป็นลักษณะเฉพาะของโมเลกุลของน้ำในหลุมอุกกาบาต Clavius ซึ่งเป็นหลุมอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดหลุมหนึ่งที่สามารถเห็นได้จากโลก และอยู่ในบริเวณที่แสงอาทิตย์ส่องถึง ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าแม้กระทั่งบนพื้นผิวด้านสว่างของดวงจันทร์ที่ถูกส่องสว่างโดยแสงอันแรงจ้าจากดวงอาทิตย์ก็สามารถพบน้ำได้เช่นกัน

ด้านสว่างของดวงจันทร์นั้นสามารถมีอุณหภูมิพื้นผิวสูงได้ถึง 127 องศาเซลเซียส (เทียบกับในเงาที่สามารถต่ำได้ถึง -173 องศาเซลเซียส) แต่เดิมเราจึงไม่คาดกันว่าจะมีน้ำหลงเหลืออยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ด้านที่แสงแดดส่องถึง แต่การค้นพบนี้ ยืนยันว่าไม่เพียงแต่น้ำจะสามารถค้นพบบนดวงจันทร์ได้เท่านั้น แต่เราค้นพบว่าบนดวงจันทร์มีน้ำถึง 100 ถึง 412 ppm เทียบเท่ากับน้ำหนึ่งขวด ต่อดินดวงจันทร์ทุกๆ หนึ่งลูกบาศก์เมตร

การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เราค้นพบว่าดวงจันทร์นั้นมีน้ำมากกว่าที่เราคาดคิดเอาไว้แต่เดิม แต่ยังเป็นการท้าทายความเข้าใจเกี่ยวกับกำเนิดของน้ำบนวัตถุในระบบสุริยะ และยังอาจบ่งชี้ว่าน้ำนั้น อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่านั้นมากในเอกภพ ความเป็นไปได้หนึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากอุกกาบาตที่บรรทุกน้ำมาลงยังบนดวงจันทร์ แต่อีกความเป็นไปได้หนึ่งคืออาจจะเกิดจากการรวมตัวกันระหว่างหมู่ไฮดรอกซิล กับหมู่ไฮดรอกซิลด้วยกันอีกหมู่ หรือจากไฮโดรเจนที่มาจากดวงอาทิตย์ เกิดขึ้นมาเป็นน้ำอย่างต่อเนื่องบนพื้นผิวดวงจันทร์

คำถามที่น่าสนใจถัดไปก็คือ น้ำที่ถูกผลิตขึ้นมานั้นสะสมขึ้นมาในปริมาณที่พบอยู่ได้อย่างไร ความเป็นไปได้ก็คือโมเลกุลของน้ำนั้นอาจจะไปแทรกตัวอยู่ระหว่างเม็ดดินบนดวงจันทร์ และถูกปกป้องเอาไว้จากแสงอาทิตย์

นี่เป็นครั้งแรกที่ SOFIA ได้หันกล้องไปยังดวงจันทร์ ตามปกติแล้ว SOFIA จะทำการสังเกตการณ์จางๆ ที่ห่างไกลออกไปเป็นอย่างมาก เช่น กาแล็กซี หลุมดำ หรือกระจุกดาว และการศึกษาดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่สว่างขนาดนี้ และปราศจากซึ่งดาวฤกษ์ที่ระบบกล้องจะสามารถติดตามตำแหน่งและการเล็งได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำกันมาก่อน การศึกษาที่นำไปสู่การค้นพบนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงการ "ทดสอบระบบ" เพื่อจะตรวจสอบว่าระบบกล้องของ SOFIA นั้นจะสามารถติดตามตำแหน่งของดวงจันทร์ได้หรือไม่

เมื่อการทดสอบนำไปสู่การค้นพบเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่านี่ย่อมจะต้องนำไปสู่การสังเกตการณ์ดวงจันทร์เพิ่มเติมในอนาคต และอาจจะนำไปสู่การทำ "แผนที่" ของน้ำบนพื้นผิวของดวงจันทร์ และดาวเคราะห์น้อยอื่นๆ ในอนาคต

การพบน้ำบนดวงจันทร์นั้นมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับโครงการการส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ในอนาคต เช่นโครงการ Artemis ของนาซา ที่วางแผนจะส่งมนุษย์กลับไปเหยียบบนดวงจันทร์อีกครั้ง เนื่องจากน้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ไม่เพียงต่อการดำรงอยู่ของชีวิต แต่ยังอาจจะสามารถนำไปเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานอวกาศได้

นอกจากนี้ หากบนดวงจันทร์มีน้ำในปริมาณที่มากพอนั่นหมายความว่าดวงจันทร์อาจจะเป็นจุดหมายสำคัญของโครงการสำรวจอวกาศในอนาคต ที่อาจจะต้องมาเติมเสบียงในการเดินทางต่อไปยังห้วงอวกาศที่ไกลออกไป

เรียบเรียง : ดร. มติพล ตั้งมติธรรม - ผู้เชี่ยวชาญดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ


สีสันสะพรั่งรอบ "ทะเลสาบชูเซ็นจิ" ตื่นตาใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

สื่อญี่ปุ่นเผยภาพความงดงามของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ "ทะเลสาบชูเซ็นจิ" เมืองนิกโก จังหวัดโทจิงิ ซึ่งเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีได้สวยสะพรั่งที่สุด

Sankei Shimbun สำนักข่าวชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น เผยภาพความงดงามของฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่ "ทะเลสาบชูเซ็นจิ" เมืองนิกโก จังหวัดโทจิงิ โดยเป็นภาพในมุมสูงที่สามารถมองเห็นต้นเมเปิลและมิซูนาระย้อมเป็นสีแดงและเหลือง แซมสลับกับสีเขียวในบางจุด ซึ่งเป็นช่วงที่ถือว่าสวยงามที่สุด และหากว่าต้องการมาชมก็ควรจะต้องไปให้เร็วที่สุด เพราะอีกไม่กี่วันใบไม้เหล่านี้ก็จะร่วงหล่นไปแล้ว

นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลว่า มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากเดินทางมาท่องเที่ยวและชมใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณริมฝั่งทะเลสาบแห่งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาลญี่ปุ่น ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งและอากาศดี จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก และทำให้ปริมาณการจราจรสูงกว่าปกติ

สำหรับ "ทะเลสาบชูเซ็นจิ" เป็นทะเลสาบในอุยานแห่งชาตินิกโก เมืองนิกโก จังหวัดโทจิงิ เกิดขึ้นเมื่อราว 20,000 ปีที่แล้ว เมื่อภูเขาไฟนันไตเกิดการปะทุและไหลลงไปปิดทางแม่น้ำ นอกจากนี้ยังเป็นทะเลสาบที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นจากระดับน้ำทะเล โดยมีความสูงกว่า 1,269 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นทะเลสาบที่มีความลึกเป็นอันดับ 7 ในญี่ปุ่น โดยส่วนที่ลึกที่สุดมีความลึกกว่า 163 เมตร มีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อย่างน้ำตก น้ำพุร้อน วัดและศาลเจ้า ฯลฯ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ การท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนมีกิจกรรมเดินป่า อากาศเย็นสบายเนื่องจากอยู่บนที่สูง ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีหลากสีสันราวเดือนตุลาคมของทุกปี


สวยสุดใจ ใบไม้เปลี่ยนสีที่ "Hakkoda Ropeway" ประเทศญี่ปุ่น

ผ่านพ้นเข้าสู่ช่วงปลายปี เป็นช่วงเวลาของใบไม้เปลี่ยนสีที่มีสีสันสวยงามชวนชมที่ประเทศญี่ปุ่น โดยภาพล่าสุดที่ "Hakkoda

Ropeway" ได้เผยความงามของใบไม้หลากสีสันที่พร้อมใจกับเปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นสีเหลือง ส้ม แดง ไล่ระดับกันอย่างงดงาม ซึ่งที่นี่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน หากผู้ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นอยากจะเดินทางไปชม แนะนำให้รีบไปภายในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนที่ใบไม้จะร่วงโรยไป ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทย ตอนนี้ยังไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ก็ชมความงามผ่านโลกออนไลน์ไปก่อน

สำหรับ "Hakkoda Ropeway" อยู่ในจังหวัดอาโอโมริ ภูมิภาคโทโฮคุ เป็นเส้นทางกระเช้าลอยฟ้าที่ขนส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังด้านบนยอดเขา สามารถชมวิวภูเขาฮักโกดะ มองเห็นเมืองอาโอโมริ และอ่าวมัตสึ ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และช่วงฤดูหนาว ด้านบนก็มีลานสกี รวมถึงเต็มไปด้วย Snow Monster หรือปีศาจหิมะ ที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หิมะจะตกลงปกคลุมต้นไม้จนมีรูปร่างคล้ายๆ ปีศาจ

เทือกเขา Hakkoda ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบโทวะดะ (Lake Towada) โดยเทือกเขา Hakkoda เป็นเทือกเขาที่รวมกันของเทือกเขาทั้งหมด 16 แห่ง โดยมียอดเขาหลัก คือ Mt.Odake มีความสูง 1585 เมตร (5,200 ฟุต) และยังเป็นเทือกเขาภูเขาไฟซึ่งอยู่บริเวณตอนใต้ของจังหวัดอาโอโมริ และตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Towada Hachimantai ที่กินพื้นที่ในสามจังหวัดคือ จังหวัดอาโอโมริ จังหวัดอะคิตะ และจังหวัดอิวาเตะ เทือกเขา Hakkoda ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย

ช่วงเวลาที่สามารถมาชมความงามของธรรมชาติที่นี่ สามารถมาได้ทั้งปี โดยช่วงต้นฤดูร้อน (ราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม) จะเป็นทิวทัศน์ใบไม้สีเขียวสดใส ช่วงปลายเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม จะเป็นวิวใบไม้เปลี่ยนสีไปทั่วทั้งภูเขา ส่วนในช่วงฤดูหนาว จะเห็นเป็นภูเขาสีขาวที่มีหิมะปกคลุม โดยสามารถมาเล่นสกีได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-กลางเดือนพฤษภาคม


สวยสุดใจ ใบไม้เปลี่ยนสีที่ "Hakkoda Ropeway" ประเทศญี่ปุ่น

1. ยางและลมยางรถยนต์

ก่อนเดินทางไกลเราควรตรวจสอบภาพยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานทั้ง 4 ล้อ และไม่ลืมตรวจสอบไปถึงยางอะไหล่ด้วยนะ โดยตรวจสอบทั้งดอกยางและลมยางให้อยู่ใครเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้

2. แบตเตอรี่และระบบไฟ

ควรตรวจสอบแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ปกติ เช็คขั้วต่อ เช็คปริมาณน้ำกลั่น และเช็คกำลังไฟฟ้าที่แบตเตอรี่จจ่ายออกมาโดยใช้เครื่องมือวัด กระแสไฟฟ้าไม่ควรต่ำกว่า 11 โวลต์ เพราะอาจจะสตาร์ทรถไม่ติดได้ โดยควรจะอยู่ในระดับ 13-14.5 โวลต์ หลังจากนั้นให้ทำการเช็คระบบไฟภายในและภายนอกตัวรถทั้งหมด ไฟบอกสถานะต่างๆ ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟเบรก ให้ทำงานเป็นปกติดี

3. ระบบเบรก และโช๊คอัพ

ควรให้ความสำคัญกับระบบเบรกเป็นอันต้นๆในการเช็ค ตรวจสอบน้ำมันเบรก หากพบสิ่งผิดปกติควรรีบแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินทาง หลังจากนั้นก็ตรวจสอบระบบโช๊คว่ายังทำงานได้ดี เพราะการขับรถในระยะทางไกลๆ หากระบบโช๊คมีปัญหาคงทำให้เป็นการเดินทางที่ทรมานมากๆเลยทีเดียว

4. ที่ปัดน้ำฝน

เช้คสภาพยางของที่ปัดน้ำฝนว่ายังใช้งานได้ดีอยู่ เพราะเป้นที่ทราบกันดีว่าเมืองไทยเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้กับสภาพอากาศ หนาวอยู่ดีๆ ก็อาจมีฝนตกลงมาได้ เพราะฉะนั้นการตรวจสอบทุกส่วนให้พร้อมใช้งานก็ไม่เสียหายอะไรจริงไหมค่ะ

5. น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค

ตรวจเช็คปริมาณน้ำมันเครื่องต่างๆในระบบ รวมถึงน้ำในหม้อน้ำ ให้อยู่ในระดับที่มาตรฐานกำหนด

6. อุปกรณ์ฉุกเฉิน

การเดินทางไกลอาจเกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้นได้ การเตรียมพร้อมก็จะทำให้เราสามารถเดินทางได้อย่างอุ่นใจมากขึ้น อุปกรณ์ที่ควรมีติดรถไว้ก็เช่น สายพ่วงแบต สายลากจูง แม่แรงยกรถ เครื่องมือช่าง ไฟส่องสว่าง และอื่นๆที่คิดว่าจำเป็น

7. สภาพผู้ขับขี่

หลังจากตรวจสอบสภาพของรถเรียบร้อยแล้ว ก็อย่างลืมเตรียมสภาพร่างกายของผู้ขับขี่ให้พร้อมเดินทางกันด้วยนะคะ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ก่อนและระหว่างเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง และเพื่อนร่วมทาง