อยู่เพื่อบิน
สุรัตน์ เทียนประภา



อะไรคือรถบิน

เราต่างก็รู้ว่า รถบินมาแน่ มาเร็วและมาหลากหลายกว่าที่คาด มันจะมาแทนที่รถที่มีล้อทั้งหมดมั๊ย ?

ไม่หรอก กลุ่มแรกที่รถบินจะมีโอกาสเข้ามาใช้ประโยชน์ได้คือรถยนต์ส่วนตัวที่เราขับไปทำงานทุกวัน แต่มันจะไม่เข้ามาแทนรถที่ใช้เชิงพาณิชย์แน่น เช่น รถบรรทุก หรือรถ 18 ล้อ สรุปสั้นๆ ว่า รถที่บรรทุกน้ำหนักมากจะยังอยู่ตลอดไป มันจะไม่หายไปใหน รถบินจะเข้ามาแทนที่ไม่ได้ เพราะบรรทุกน้ำหนักมากไม่ได้ดี น้ำหนักเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบินทั่วไป รวมไปถึงการสร้างรถบินและเครื่องบินด้วย

ถึงแม้จะมีเครื่องบินหลายประเภทที่บรรทุกน้ำหนักได้มาก อาทิ V22 Osprey และเฮลิคอปเตอร์ยักษ์ C47 Chinook หรือเครื่องบินบรรทุก C130 Hercules เครื่องบินที่กล่าวนี้เป็นเครื่องบินที่ใช้ทางการทหารทั้งสิ้น ค่าใช้จ่ายสูงมาก ไม่เป็นไร บินหนึ่งวันซ่อมสองวันไม่มีปัญหา ไม่มีประสิทธิภาพ (efficiency) เลย ก็ไม่แคร์ แต่สำหรับการใช้งานด้านพลเรือน ประสิทธิภาพเป็นเรื่องใหญ่ รถบินยังไม่มีประสิทธิภาพพอเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้ล้อและบรรทุกน้ำหนักได้มาก รถยนต์จะประหยัดน้ำมันมากกว่าเวลาแล่นบนถนน เพราะถนนช่วยรับน้ำหนักไว้ ส่วนรถบินต้องใช้พลังงานมาก ตลอดเวลา เพื่อพยุงให้บินอยู่บนอากาศ รถบินจะต้องเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงมักจะสร้างด้วยวัสดุผสมประเภทไฟเบอร์กลาส หรือ คาร์บอนไฟเบอร์ แทนการใช้โลหะ

ในยุคแรกเริ่มของการบินนี้ จะมีรถบินออกมาหลายชนิด เพื่อแข่งขันกันให้ได้ส่วนแบ่งตลาด คุณอาจจะมีคำถามว่า ทำไมต้องมีหลายชนิด ก็เพราะว่า มีหลายกลุ่มจากหลายประเทศที่กำลังทุ่มเทเพื่อให้ได้เป็นรายแรกและดีสุด เนื่องจากยังไม่มีกฏเกณฑ์หรือการกำหนดมาตรฐานที่จะต้องปฏิบัติตาม ทำให้แนวคิดในการพัฒนารถบินมีความแตกต่างและหลากหลาย แต่สามารถแยกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่

กลุ่มแรก STOL- short takeoff and landing / บินขึ้นและลงจอดในระยะทางสั้น กลุ่มนี้ลอยนิ่งกลางอากาศไม่ได้ก็จริง แต่มีประสิทธิภาพสูง อาทิ Gyroplane รูปร่างคล้ายและบินเหมือนเฮลิคอปเตอร์ แต่ปลอดภัยกว่า ประหยัดกว่า และถูกกว่า 10 เท่า หรือเครื่องบินเล็กธรรมดาที่ปีกพับได้เมื่อวิ่งบนถนน จอดได้ในโรงรถที่บ้าน ลอยนิ่งไม่ได้เช่นกัน แต่บรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า ประหยัดกว่า บินได้ไกลและเร็วที่สุด

กลุ่มที่สอง VTOL- vertical takeoff and landing / บินขึ้นลงทางดิ่ง มีความนิยมสูงและแพร่หลายกว่า เพราะสามารถขึ้นลงทางดิ่ง กลุ่มนี้ทันสมัยใช้เทคโนโลยีใหม่สุดช่วยระบบควบคุมการบิน (Flight Control) ซึ่งมีคุณภาพสูงในเวลานี้และจะดีขึ้นในอนาคต มีแบบให้เลือกมาก จากแบบใบพัดเดียว เช่น flyboard หรือ hoverboard เหมือนในภาพยนต์ Back to the future ไปถึง 8 ใบพัด เช่น Ehang184 รถบินลำแรกของโลกที่รับผู้โดยสารได้

ความฝันที่อยากสร้างรถที่บินได้อย่างปลอดภัย จอดได้ในโรงรถที่บ้าน มีราคาไม่แพง ความฝันนี้แพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลก เกือบทุกประเทศจะมีการพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่นี้ อย่างน้อย 1-2 โครงการ ดังนั้น จะแปลกมั๊ย ถ้าเกิดมีโครงการแบบนี้ในประเทศไทยเช่นกัน

จริงหรือไม่ที่รถบินเหมาะกับทุกคน ไม่เลย รถที่บินได้ แน่นอนต้องดีกว่ารถยนต์ที่ใช้ล้อมาก อย่างไรก็ดี ในทางเทคนิค รถบินก็ยังเป็นเครื่องบินชนิดหนึ่ง ที่ผ่านมา นักบินเท่านั้นที่จะรู้วิธีบิน ที่จริงแล้ว การนำเครื่องบินขึ้นบินนั้นไม่ยาก แต่จะพลาดไม่ได้เลย ถ้าพลาด หมายถึงโหม่งโลก ตัวอย่างเช่น ถ้าลืมเติมน้ำมันรถยนต์ อย่างมากรถยนต์ก็หยุดวิ่ง สามารถเรียกรถลากมาจัดการลากไป แต่ถ้าลืมเติมน้ำมันในรถบิน และคุณรอดมาได้ครบ 32 ถือว่าโชคดีมากๆ

ข้อสำคัญ ที่ต้องกล่าวถึงอีกคือ น้ำหนัก ถ้าเอาของใส่รถยนต์จนหนักมาก อย่างมากก็แค่รถยนต์วิ่งช้าลง และเครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น แต่ถ้าใส่น้ำหนักบนรถบินมากเกินไป จะมีปัญหากับระบบควบคุมการทำงาน เพราะต้องเอากำลังไปช่วยยกน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จนอาจจะเหลือไม่เพียงพอที่จะไปจัดการแก้ปัญหาเมื่อจำเป็น ซึ่งจะส่งผลให้ควบคุมการบินไม่ดีพอหรือไม่ได้เลย และอาจจะถึงขั้นทำให้รถบินตก

อีกประเด็นที่จะต้องกล่าวถึง รถบินและเครื่องบินจะบินไปได้ดี จุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักต้องอยู่ในภาวะสมดุลย์ แต่ถ้าจุดศูนย์ถ่วงไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม รถบิน/เครื่องบินอยู่ในภาวะไม่สมดุลย์ น้ำหนักไปอยู่ด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป จะทำให้รถบิน/เครื่องบินไม่สามารถกลับมาในตำแหน่งที่สมดุลย์ได้เร็วพอ ก็จะตกได้เช่นกัน เครื่องบินหรือรถบินไม่เหมือนรถยนต์ จะให้ผู้โดยสารหรือกระเป๋าสำภาระอยู่ที่ตำแหน่งใดเป็นเรื่องสำคัญ แต่อย่าตกใจ รถบิน/เครื่องบินในปัจจุบันไม่มีปัญหามากในเรื่องนี้ Flight Control หรือระบบควบคุมการบินใช้เทคโนโลยีใหม่ มีความไวสูง สามารถจับปัญหาต่างๆ รวมทั้งความไม่สนใจหรือความผิดพลาดของผู้ขับได้ทันที ผู้ขับจะต้องแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องเสียก่อนจึงจะบินขึ้นได้

รถบินราคาถูกกว่ารถยนต์ที่มีล้อใหม ? ควรจะถูกกว่ามากถ้ามีจำนวนการผลิตเท่ากัน รถบินส่วนบุคคลขนาดเล็กเกือบทุกรูปโฉมใช้ระบบไฟฟ้า ได้เปรียบกว่าอย่างชัดเจนเพราะน้ำหนักของรถบินต่ำกว่ารถยนต์หลายเท่า รถบินลำแรกของประเทศจีน Ehang184 ซึ่งจะบินรับผู้โดยสารที่เมืองดูไบ (Dubai) เร็วๆ นี้ มีน้ำหนักเพียง 240 กิโลกรัม น้อยกว่าเกือบ 6 เท่าเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นเล็กทั่วไปที่หนักถึง 1400 กิโลกรัม การสร้างรถบินที่จริงแล้วไม่ยากและไม่แพงเท่าที่คิด ไม่จำเป็นที่ต้องใช้อุปกรณ์และส่วนประกอบมากที่จะทำให้บินได้เที่ยงและปลอดภัย ไม่จำเป็นที่ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยที่แข็งแรงเหมือนรถยนต์ เพราะไม่รู้จะไปชนกับใคร ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันความสะเทือนเพราะบินอยู่บนอากาศ อุปกรณ์และส่วนประกอบต่างๆ ที่กล่าวนี้มีน้ำหนักมากและราคาสูง ทำให้ราคาต้นทุนการสร้างรถบินถูกลงได้ และเมื่อเล็กกว่า เบากว่า ก็ไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ใหญ่พลังสูงเพื่อขับบิน ทำให้ได้ประหยัดพลังงานหรือเงินอีก


ทำการเปรียบเทียบชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถ 2 ชนิดได้ดังนี้

รถยนต์/ใช้น้ำมัน
---เครื่องยนต์ยักษ์ ขับเคลื่อน 1400 กก.
---หม้อน้ำ ใบพัด ปั้มน้ำ ถังน้ำมัน ปั้มน้ำมัน
---เกียร์ เพลาเกียร์ กระปุกเกียร์
---ระบบกันสะเทือน หน้า 2 หลัง 2
---เพลาหมุนล้อ 4
---เบรค 4 / ล้อ 4 / ยาง 4
---กันชน หน้า / หลัง
---ท่อไอเสีย

รถบิน/ไฟฟ้า
---เครื่องยนต์เล็ก/ใบพัด 4 ชุด ขับบิน 240 กก.
---ตัวคุมความเร็ว (electric speed controller) 4 ตัว
---แผงควบคุมการบิน (flight control board) 1 แผง

รถบินมีข้อได้เปรียบเพราะใช้ระบบไฟฟ้า ทำนองเดียวกับที่รถยนต์ใช้ระบบไฟฟ้าได้เปรียบรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ระบบไฟฟ้าในรถทั้งสองประเภทเบากว่า ตอบสนองได้เร็วกว่า ใช้ชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่า วิ่งได้เร็วกว่าวิ่งได้เงียบกว่า และที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ ไม่ปล่อยควันพิษเลย ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบไฟฟ้า นอกจากจะน้อยลงและเล็กลงแล้ว ควรผลิตได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าถ้าผลิตในจำนวนเท่ากัน นอกจากนี้ ระบบไฟฟ้ายังมีผลพลอยได้ที่เรามักจะมองข้าม เครื่องยนต์ไฟฟ้าไม่ร้อนมากเวลาทำงาน และการที่ครื่องยนต์ทำงานในอุณหภูมิที่เย็นกว่า โอกาสเสียจะน้อยกว่า มีผลให้ค่าซ่อมบำรุงน้อยลงไปด้วย ลองถามตัวเองดูว่า เราเคยต้องซ่อมพัดลมไฟฟ้าบ่อยมั๊ย ?


---จบ---