เกร็ดรักรอยหงส์ ตอนที่ 9

เอกสารในแฟ้มเป็นจดหมายโต้ตอบสามฉบับระหว่างแสงพลกับผู้ที่ใช้นามว่า “Sindhu” จดหมายทุกฉบับแสงพลแปลเป็นภาษาไทยกำกับไว้โดยละเอียด ทำให้กล้าไม่ต้องเสียเวลาไปอ่านฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ

ระหว่างที่กล้าอ่านอยู่นั้นนานิตก็สนทนาเบาๆ กับออนลาและแสงพลถึงเรื่องจิปาถะเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียด สักพักกล้าก็วางแฟ้มลงและพูดกับนานิตว่า

“เป็นอันว่านายสินธุชาวภารตะคนนี้มาสนใจรีสอร์ทของเรา เพราะเขาต้องการบุกเบิกธุรกิจท่องเที่ยวในกาญจนบุรี เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สุดที่ฉันไม่เคยรู้เลยว่าคนอินเดียจะสนใจมาท่องเที่ยว..พล เจ้ามีความคิดอย่างไร”

“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าเขามาสนใจได้อย่างไร แต่เมื่อมีผู้สนใจเป็นรายแรกและรายเดียวตอนนี้ ผมจึงต้องการมาเรียนถามคุณท่านน่ะครับว่า จะสนใจลูกค้ารายนี้หรือไม่ ถ้าสนใจผมจะได้ประสานงานต่อ...”

แสงพลเว้นระยะพูดไปนิดหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า

“แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อาจจะใช้เวลานาน แต่ก็น่าสนใจนะครับ อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ที่มีชาวต่างชาติสนใจนำนักท่องเที่ยวจากอินเดียมาพักที่นี่”

“เอาล่ะ..ฉันดีใจนะที่อย่างน้อยเราก็มีคนสนใจ แต่วันนี้ฉันคงต้องมาบอกเล่าความจริงบางอย่างที่ฉันก็เพิ่งจะทราบมา ก่อนตัดสินใจเด็ดขาดที่จะขายที่นี่” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อ

“นั่นก็คือ ท้ายรีสอร์ทของเรา เนื้อที่หกไร่ ที่ติดกับทางขึ้นเขา เป็นที่ดินที่พ่อกำนันฉันได้มาจากลูกหนี้โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นที่ที่เป็นเขตอนุรักษ์...พ่อฉันโดนหลอก..เราโดนหลอก..”

ทุกคนตกตะลึง ต่างก็ส่งเสียงอุทาน “อะไรนะครับ” “อะไรนะคะ” พร้อมๆ กัน

กล้าเล่าว่าเมื่อปลายปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่าสงวนได้เรียกเขาเข้าไปพบและแจ้งว่าพื้นที่ในบริเวณรีฟช็องชาโต้อยู่ในเขตอนุรักษ์ และนำเอกสารมาให้เขาดูซึ่งเป็นเอกสารที่แตกต่างจากที่เขาได้มาจากกำนันเลื่อน

“ตอนนั้นฉันตกใจมาก เพราะเพิ่งจะอ่านข่าวว่าทางการเริ่มเอาจริงกับที่ดินบุกรุก แต่ไม่เคยนึกว่าไร่เราจะอยู่ในข่ายละเมิด...ใครจะไปนึก อยู่สิบกว่าปีไม่เคยมีเรื่อง”

“ทำไมคุณไม่เล่าให้ดิฉันฟังบ้างละคะเรื่องใหญ่ขนาดนี้” นานิตมีสีหน้าตกใจ

“ฉันไม่อยากให้เธอกังวล ก็กำลังหาทางออก พอดีมาป่วยเสียก่อน “กล้าไม่อยากจะบอกภรรยาว่านี่คือสาเหตุของความเครียดที่ทำให้เขาล้มป่วยลงในเวลาต่อมา

“อีกอย่างฉันไม่คิดว่าจะมีใครมาสนใจธุรกิจของเรารวดเร็วขนาดนี้ ฉันกะว่าเดือนหน้าจะเล่าให้พลฟังก่อน เพื่อจะได้ไปจัดการคืนโฉนดที่ฉันมีไปให้ทางการเขา ทั้งๆ ที่ฉันไม่แน่ใจว่าของเราโดนหลอกจริงหรือมีใครแกล้งเรา”

“เอ๊ะ ทำไมคุณถึงคิดว่าเรามีคนแกล้งคะคุณกล้า” นานิตเริ่มรู้สึกกังวล

กล้าเงียบไปนิดหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเล่าเรื่องที่เขาเก็บเอาไว้หลายเดือนโดยไม่บอกใครแม้แต่แสงพล

“ช่วงที่มีข่าวทางการประกาศเอาจริงกับพวกใช้ที่อนุรักษ์ป่า มีคนโทรศัพท์ถึงฉัน ขู่ว่าเขารู้มาว่าที่ด้านหลังของรีสอร์ทเราเป็นพื้นที่ในเขตอนุรักษ์ เขาบอกว่าเร็วๆ นี้ทางการคงจะเรียกคืนแต่เขามีทางช่วย หากฉันยอมเสียค่าธรรมเนียมบางอย่าง”

“เขาเรียกเท่าไรครับคุณท่าน” แสงพลถาม

“สิบล้าน..แต่ฉันบอกเขาว่าฉันไม่มีให้ และหากเป็นของรัฐจริงฉันก็จะคืน ไม่กี่วันหลังจากนั้นฉันก็ได้รับเอกสารเรียกเข้าพบ”

“แล้วทำไมคุณไม่เรียกพลไปด้วยคะ”

“ตอนนั้นฉันสับสน บอกตรงๆ ฉันอาย ฉันนึกว่าพ่อฉันไปโกงใครเขามาหรือเปล่า ฉันอยากให้เรื่องเงียบที่สุดแล้วก็ขายชาโต้ไปเสีย ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อธุรกิจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ”

กล้าพูดไปก็เริ่มรู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาทันที

“ฉันขอโทษพวกเราด้วยที่ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้ แต่ตอนนี้พวกเรารู้กันแล้ว และฉันก็ขอให้รู้เพียงเท่านี้ คิดขึ้นมาทีไรฉันก็จะปวดหัวมาก”

ท่าทางเหนื่อยล้าและกุมศีรษะของเขาทำให้นานิตลุกจากเก้าอี้มาประคองเขาทันที

“เอาล่ะค่ะ เราจะไม่ซักไซ้คุณอีกแล้ว คุณจะไปเอนหลังพักสักครู่ไหมคะ เรื่องนายสินธุคนนี้เอาไว้คุยต่อทีหลังดีไหมพล ให้คุณพ่อท่านพักผ่อนก่อน”

กล้าโบกมือว่าไม่ต้อง

“ไม่..ไม่..คุยกันต่อเถอะ คุณนิต คุณกลับไปนั่งเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก .. ไหน เล่าต่อซิพล นายสินธุนี่มาสนใจเราได้อย่างไร ขนาดพลบอกเขาสนใจจะทำสัญญาเลยทีเดียวหรือ”

“ครับคุณท่าน แปลกมากเลย ในจดหมายนี้เขาบอกว่าคนของเขาได้ลองมาพักและกลับไปเล่าให้เขาฟังว่าที่นี่สวย น่าจะพานักท่องเที่ยวจากเมืองของมาพักผ่อนมาก”

“นั่นซิ ทำไมบังเอิญว่าเราก็กำลังจะขาย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเห็นประกาศรวดเร็ว แม่ออนเพิ่งโพสต์ประกาศไปไม่ใช่หรือ”

“ค่ะคุณพ่อท่าน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสนใจถึงขนาดจะทำสัญญาเลย พลเช็คบริษัทนี้ดูดีๆ นะ” ออนลากำชับน้องชาย

“พี่ออนเขาเพิ่งโพสต์ในอินเตอร์เน็ต แต่ของผมนั้นเราลงโฆษณาไปในวารสารอสังหาริมทรัพย์ก่อนหน้าแล้วไงล่ะครับท่าน”

กล้าพยักหน้า แสงพลเอ่ยต่อไปว่า

“แต่คุณท่านครับ เราคงต้องเปลี่ยนรายละเอียดเรื่องพื้นที่ของรีสอร์ทแล้วนะครับ เพราะเรารวมหกไร่ด้านหลังไม่ได้แล้ว”

ออนลาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ถึงที่หกไร่ด้านหลังซึ่งเป็นหมู่บ้านของชนกลุ่มน้อยจากเมาะลำเลิง ซึ่งทางรีสอร์ทจัดทำให้เป็นหมู่บ้านโชว์วัฒนธรรม โดยสร้างเป็นกระต๊อบกะทัดรัด มีการแสดงศิลปะหัตถกรรมถักทอผ้า สาธิตการทำอาหารและขนมหวานพื้นเมือง และหมู่บ้านฟ้อนรำกับดนตรี

“คุณท่านคะ เราต้องคืนพื้นที่ด้านหลังเมื่อไรคะ แล้วคนของเราจะไปอยู่ที่ไหนคะ”

“เดี๋ยวก่อนแม่ออน เรื่องนั้นเดี๋ยวเราค่อยพูดกัน ประเด็นใหญ่ตอนนี้คือฉันไม่เห็นเขาเรียกร้องอะไรในจดหมายโต้ตอบนี้ ดูเหมือน นันทาภิราจ คอร์ปอเรชั่นสนใจจะซื้อกิจการทั้งหมด และจะดำเนินการต่อเสมือนตอนเราบริหาร ฉันเข้าใจถูกใช่ไหมพล”

“ใช่ครับคุณท่าน เขาจะรับบริหารต่อทุกอย่าง และให้เราทำสัญญายกลิขสิทธิ์ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์สินทางปัญญา และคนงานให้ทำงานเหมือนเดิม แต่ภายใต้การบริหารของคนของเขาครับคุณท่าน”

“นั่นไงล่ะ คำตอบของเธอ แม่ออน ..”

“แต่คุณท่านคะ ..ก็ในเมื่อที่หกไร่ตรงนั้น ท่านต้องส่งคืนราชการ แล้วหมู่บ้านพวกนั้นก็ต้องรื้อถอน อพยพคนออกใช่ไหมคะ”

กล้าพยักหน้า “ใช่..ต้องออก อันนี้วันนี้พลจัดการเขียนรายละเอียดทุกอย่างลงไปส่งให้ทางนายสินธุรับรู้ด้วย”

“ครับคุณท่าน แล้วส่วนข้อเสนอราคาที่เขาจะซื้อละครับ”

กล้ายกกระดาษเอกสารขึ้นดูตัวเลขแล้วพยักหน้าช้าๆ

“นับว่าไม่เลว แม้ว่าจะถูกกว่าที่ฉันเคยคิดไว้ แต่ถึงตอนนี้ ฉันไม่เกี่ยง อยากขายให้เร็วที่สุด แต่พลต้องทำรายการให้ละเอียดทุกด้านให้เขาเห็นนะ จำนวนคนงาน หน้าที่คนงาน จำนวนห้องพัก สิ่งที่เรามีให้นักท่องเที่ยว แล้วให้เขาพิจารณา ฉันว่ากว่าจะเรียบร้อยก็คงต้นปีหน้ากระมัง การโอนการทำสัญญามันไม่ง่าย บริษัทเขาที่เมืองไทยนี้ชื่ออะไรนะพล”

“แสงสินธุ ครับ”

“ชื่อแปลก ทำกิจการอะไร”

“เป็นตัวแทนจำหน่ายอัญมณีครับ” กล้าขมวดคิ้ว

“ธุรกิจขายเพชรและพลอย แต่มาสนใจทำธุรกิจรีสอร์ท เออ..แปลกเว้ย..”

แสงพลเองก็ประหลาดใจตั้งแต่เมื่อเขาทราบว่าบริษัทแสงสินธุค้าอัญมณี แล้วมาสนใจอะไรในกิจการรีสอร์ท ....หรือว่า...เพราะที่นี่อยู่ในกาญจนบุรี..เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องบ่อพลอย..จริงซิ..แสงพลเพิ่งนึกได้

หรือว่าดีลนี้จะมีอะไรแอบแฝง มิน่าลูกค้ามิได้ซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการของรีฟช็องชาโต้เลย ไม่ได้ถามรายละเอียดด้วยซ้ำว่าทำไมจึงขาย

คิดมาถึงตรงนี้แสงพลก็เริ่มระแวง ความรอบคอบในอาชีพทนายทำให้เขาหยิบแฟ้มขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

“มีอะไรหรือพล” กล้าถามเมื่อเห็นบุตรบุญธรรมขมวดคิ้วเมื่อสายตาอ่านกระดาษจดหมายนั้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง

“ผมเพียงแต่สงสัยอะไรนิดหน่อยครับ อย่างที่คุณท่านทักน่ะครับ เขาทำธุรกิจเพชรพลอย แต่มาสนใจรีสอร์ท..คุณท่านครับ ขอเวลาผมเช็คอะไรบางอย่างนะครับ แล้วผมจะรีบรายงานท่าน”

“ดีมากพล..ตรวจตราให้แน่ใจ อย่าให้ฉันโดนใครเขาหลอกเอาอีก ฉันคงจะรับไม่ไหวนะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราคุยกันแค่นี้ก่อน คุณนิตคุณไปจัดอาหารกลางวัน วันนี้ฉันจะกินที่นี่ พลล่ะจะอยู่กินด้วยกันไหม”

“ขอบพระคุณครับคุณท่าน ผมต้องกลับเข้าสำนักงานบ่ายนี้ครับ คงต้องลาคุณท่านทั้งสองไปก่อน แล้วผมจะรีบรายงานนะครับ”

“ก็ได้..อ้อ แม่ออน เธอกับฉันจะไปที่หมู่บ้านกัน วันนี้เราจะต้องไปแจ้งเรื่องที่เขาจะต้องอพยพย้ายออกในเร็วๆ นี้”

ออนลาอยากจะถามเหลือเกินว่า แล้วคุณท่านจะให้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะเชื่อว่าตอนนี้คุณกล้าก็คงยังไม่มีคำตอบ ถามไปจะทำให้ท่านไม่สบายใจเพิ่มขึ้นอีก

อย่างไรเสียคืนนี้เธอก็จะต้องปรึกษากับแสงพล ถึงเรื่องผู้คนที่หมู่บ้านท้ายรีสอร์ทว่าจะมีทางให้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนดี

หมู่บ้านศิลปวัฒนธรรมของคนฝั่งโน้น..เมาะลำเลิง...


โปรดติดตามอ่านต่อโอกาสหน้า