เกร็ดรักรอยหงส์ ตอนที่ 3

ต่อจากฉบับที่แล้ว


ท้ายความตอนที่แล้ว นักท่องเที่ยวที่มาพักที่รีฟช็องชาโต้ สังขละบุรี ได้รับประทานอาหารเย็นและชมการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมือง ทั้งอาหารและการแสดงเป็นที่ถูกใจของผู้ร่วมงาน โดยเฉพาะชุดแสดงร้องรำของสองชายหญิงที่เป็นคู่รักกันและถูกพรากจากกัน ซึ่งเมื่อการแสดงชุดนี้จบลงก็มีปรากฏการณ์แปลกเกิดขึ้นคือมีลมพัดกรรโชกเกิดเป็นเสียงดังน่ากลัว และได้รับเสียงปรบมือยาวนาน...


__________________________

ขณะที่การแสดงบนเวทีกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอยู่กลางสนามนั้น ภายในห้องเล็กๆ ซึ่งเป็นห้องทำงานของผู้จัดการรีสอร์ทแห่งนั้น หญิงสาวในชุดผ้านุ่งทอสีแดงทับด้วยเสื้อลูกไม้สีขาวกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ ใบหน้าทรงรูปไข่นั้นดูเศร้าสร้อยเมื่อเธอพิมพ์ถึงประโยคที่ว่า “สนใจติดต่อคุณออน ด่วน” เธอก็กดคีย์คำว่า “ส่ง” ลงไปบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

จากนั้นเธอก็เอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ สองมือประสานลงที่ตักพร้อมกับหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า สมองลำดับภาพไปถึงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยเรื่องราวของคุณกล้าและคุณนานิตเจ้าของรีสอร์ท ที่เรียกเธอเข้าไปพบเพื่อแจ้งข่าวที่ทำให้เธอตกใจแทบสิ้นสตินั่นก็คือท่านทั้งสองตัดสินใจจะขายรีสอร์ทที่ทำธุรกิจมานับสามสิบปี โดยคุณนานิตเป็นผู้เริ่มบทสนทนาว่า

“แม่ออนก็รู้ว่าคุณกล้าไม่ค่อยสบาย ระยะหลังนี้โรคหัวใจเขากำเริบขึ้น ฉันคิดว่าจะเข้าไปพักอยู่ที่บ้านในเมือง เพราะว่าใกล้กับโรงพยาบาล เราก็เลยตัดสินใจกันว่า..”

คุณนานิตมีสีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเธอเอ่ยประโยคต่อไปด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“จะขายช็องชาโต้”

“อะไรนะคะคุณแม่ท่าน” ออนลาจำได้ว่าเธอตกใจจนรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจ

เสียงคุณกล้าพูดต่อจากคุณนานิตว่า

“ตกใจหรือแม่ออน ฉันเองก็ไม่อยากจะขายชาโต้นี้เลย สร้างกันมากับมือด้วยความลำบาก ครั้นพอกิจการได้ที่ก็มาป่วยเสีย อยากจะหาคนมาบริหารแทน แต่ว่า..”

ออนลาอยากจะแย้งเสียเหลือเกินว่าก็ทำไมไม่หาคนมาบริหารแทน แทนที่จะขายให้กับคนอื่นไปเช่นนี้

“หากไปหาคนอื่นมาบริหาร ก็คงไม่วายต้องมารับฟังและแก้ปัญหา มันยิ่งจะทำให้ฉันเครียดเพิ่มอาการให้โรคต่อไปอีก สู้ขายทิ้งเสียเลยดีกว่า ภาระฉันกับคุณนิตหมดสิ้นในวันที่เจ้าพลสอบผ่านแล้ว” คุณกล้าอธิบายดั่งรู้ว่าออนลาคิดอะไรอยู่

“ฉันรับรองว่าจะเจรจาขอให้คนที่มาซื้อว่าจ้างลูกจ้างทุกคนต่อ รวมทั้งหล่อนด้วยนะแม่ออน” คุณนานิตเสริมขึ้น

“ถ้าคุณแม่ท่านกับคุณพ่อท่านไปที่ไหน หนูก็ขอตามไปรับใช้ด้วยค่ะ ที่หนูตกใจก็เพราะไม่เคยคิดว่าท่านจะไปจากที่นี่ หนูรู้ว่าที่นี่มีความหมายกับคุณท่านทั้งสองมากเพียงใด”

น้ำตาของออนลามันพรั่งพรูมาจากไหนเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน รีฟช็องชาโต้เป็นเสมือนประวัติรักของท่านทั้งสอง รวมทั้งเป็นประวัติชีวิตของเธอและแสงพลลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วย ด้วยเหตุว่าทั้งเธอและแสงพลอยู่ในความอุปการะของคุณกล้าและคุณนานิตมาตั้งแต่เล็ก

“ขอบใจนะออน ฉันคงไม่เอาอนาคตของเธอไปจมลงกับความชราภาพและความเจ็บป่วยของฉัน ฉันมีเงินมีทองที่จะจ้างคนมาดูแลได้ไม่ยากหรอก แม้ว่าจะไม่ดีเท่าเธอ อย่าเป็นห่วง เธอจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเจ้าของเขาดูแลให้ชาโต้ของเรามีอยู่ต่อไป”

“อย่างไรเสียออนก็ไม่อยู่แน่นอนค่ะท่าน ออนมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อท่านและเพื่อพล ตอนนี้พลเขาเรียนจบแล้ว ออนก็ไม่ห่วงน้องแล้ว คุณแม่ท่านและคุณพ่อท่านต่างหากที่ออนจะต้องเป็นห่วง”

แม้ว่าออนลาจะโต้แย้ง ทักท้วงและปฏิเสธที่จะทำงานต่อที่ช็องชาโต้ ทว่าทั้งคุณกล้าและคุณนานิตก็ไม่ยินยอม

“อย่าดื้อดึงกับฉัน คิดดูดีๆ หากไม่มีออนช่วยดูแล คนเก่าๆ ก็คงอยู่ไม่ได้ ออนคือที่พึ่งของพวกเขานะ อย่าให้สิ่งที่ฉันสร้างมาด้วยความรักพังไปพร้อมๆ กับงานของชาวบ้านที่นี่ซิออน”

คำปลอบและเหตุผลที่คุณกล้าและคุณนานิตยกมา ทำให้ออนลาปฎิเสธไม่ได้ คุณกล้าสั่งงานให้เธอไปพิมพ์รวมทั้งคำโฆษณาลงหนังสือพิมพ์มาให้เธอทำ หลายวันที่ผ่านมาเธอส่งข้อความประกาศขายรีสอร์ทไปลงตามที่ต่างๆ นับกว่าสิบแห่งแล้ว

เสียงโทรศัทพ์สายตรงดังรัวขึ้นทำให้ออนลาตื่นจากภวังค์ เธอขยับตัวขึ้นนั่งตรงก่อนที่จะยื่นมือไปยกหูโทรศัพท์

“สวัสดีค่ะ ออนลาพูดค่ะ”

เมื่อได้ยินว่าใครพูดอยู่ปลายสายใบหน้าของเธอก็เริ่มมีรอยยิ้มกระจาย

“พล..ดีใจจังที่โทรเข้ามา เป็นไงบ้างหายไปหลายวัน...มีอะไรนะ...ข่าวดีเหรอ..”

แล้วแววตาของเธอก็เบิ่งกว้าง พร้อมๆ กับเสียงอุทาน

“ใครสนใจนะ..นักธุรกิจจากเมืองแขก..ฮ้า..”

หญิงสาวออกจะแปลกใจที่มีผู้สนใจจากอินเดีย

“ทำไมไวนักล่ะ เราเพิ่งส่งประกาศไปลงไม่กี่วันนี้เอง”

ทางโน้นพูดต่ออยู่โดยไม่ปล่อยให้เธอขัดคอครู่ใหญ่ เธอจึงมีโอกาสถาม

“แล้วพลจะเรียนคุณแม่และคุณพ่อท่านเองหรือให้พี่บอก...คืนนี้ท่านเข้านอนแล้ว โอเค..พรุ่งนี้เธอโทรมาแต่เช้าก็แล้วกัน..อะไรนะ จะมาเองพรุ่งนี้..ดีจ้ะ..”

คำถามต่อมาของปลายสายทำให้หญิงสาวหันหน้าไปมองผ่านกระจกด้านข้างของออฟฟิศก่อนจะตอบว่า

“คืนนี้ได้หลายกรุ๊ปจ้ะ ทางเวทีเขาแต่งเพลงร่ำลาผู้คนกันแล้ว ไม่มีใครมีกะใจทำงานกันนักหรอกพักนี้ เขานึกกันตลอดว่าคงจะตกงานกันแน่..จ้ะ..แล้วพบกันพรุ่งนี้”

หญิงสาววางโทรศัพท์ลงด้วยอาการกระฉับกระเฉงกว่าเดิม เธอลุกขึ้นและก้าวเท้าออกไปจากห้องทำงานมุ่งหน้าไปยังด้านหน้าที่มีการแสดงอย่างเร่งรีบ เธอพบชายหนุ่มร่างกำยำผิวคล้ำในชุดแต่งกายพื้นเมืองด้วยผ้าสะโหร่งสีแดงสวมเสื้อเชิร์ตขาวแขนยาวดูสุภาพกำลังยืนคุมอาหารอยู่ข้างเต้นท์เต้นท์หนึ่ง จึงตรงเข้าไปหา

“น่ายชิต มานี่ซิ”

บุรุษที่เธอเรียกว่าชิตหันมาตามเสียงเรียก ครั้นเห็นว่าเป็นใครเขาก็สาวเท้าก้าวมาหาเธออย่างรวดเร็ว

“ครับ คุณออน”

“คุณพลโทรมารายงานว่ามีลูกค้าสนใจจะทำสัญญาซื้อรีสอร์ทเราแล้ว ”

นายชิตผู้มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ ดีใจจังเลย..คุณกล้าท่านตกลงแล้วหรือครับ”

“คุณกล้าท่านยังไม่ทราบหรอก แต่เมื่อคุณพลเห็นชอบ คุณกล้าท่านต้องตกลงแน่ เธอก็รู้ว่าท่านมอบอำนาจให้คุณพลจัดการแทนท่านทุกเรื่องอยู่แล้ว”

ออนลาตอบไปตามจริง คุณกล้าและคุณนานิตไว้ใจน้องชายของเธอมานานแล้ว โดยเฉพาะเมื่อแสงพลเรียนจบนิติศาสตร์และสอบผ่านเนติบัณฑิตได้เมื่อหกเดือนที่ผ่านมา ท่านทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มความไว้ใจและมอบงานที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายให้เขาดูแลทั้งหมด


โปรดติดตามอ่านโอกาสต่อไป