สวัสดีครับแฟนานุแฟน “ลำนำชีวิต” สำหรับวันนี้ผมขอเสนอบทความพิเศษ เนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2556 ผมได้รับเชิญไปร่วมงานมอบสัมฤทธิบัตรนักเรียนภาคฤดูร้อน วัดมงคลรัตนาราม เมืองเบิร์กเล่ย์ จึงมีเรื่องราวอันน่าประทับใจ..มาเล่าสู่กันฟัง ขอยืมสำนวนพี่เบิร์ธ ธงชัย มาใช้หน่อย ฮาฮา
ก่อนอื่นต้องกล่าวถึงความเป็นมาของโครงการนี้ก่อน พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมงคลเทพโมลี อดีตเจ้าอาวาสวัดมงคลรัตนาราม เมื่อเริ่มสร้างวัด ก็ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนไทยที่เกิดและเจริญเติบโตในสหรัฐอมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างจากคนไทย จึงอยากเห็นเด็กไทยในอเมริกา เจริญเติบโต รู้จักภาษาไทย ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และพุทธศาสนา เพราะในอนาคตเมื่อผู้ใหญ่รุ่นพ่อรุ่นแม่ล้มหายตายจากไป จะได้มีอนุชนไทยได้สืบต่อความเป็นไทยและเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีต่อไป จึงได้ดำเนินการเปิดโรงเรียนพระพุทธสานาวันอาทิตย์ขึ้น ในขั้นแรกก็ใช้พระและครูอาสาสมัครท้องถิ่นช่วยกันสอน ต่อ มา ๆ เมื่อมีเยาวชนมากขึ้น จึงคิดว่าควรจัดการ การเรียนการสอนให้เป็นระบบ เพื่อความยั่งยืนแบบถาวร นับว่าท่านมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
และความฝันที่หวังตั้งใจของของพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็เป็นจริง โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้จัดครูอาสาสมัครประจำการหนึ่งปีมาจัดการ การเรียนการสอน ซึ่งครูอาสาสมัครดังกล่าวเป็นนิสิตปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ทำการคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นครูที่มีความชำนาญเฉพาะทางคือเอก วิชาภาษาไทย ดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย ปีนี้เป็นปีที่ 19 ถ้านับโครงการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีก 8 ปี รวมแล้วมีการจัดการเรียนการสอนมาเป็นเวลา 27 ปี ซึ่งบางคนเป็นนักเรียนตั้งแต่ปีแรกๆ ได้เจริญเติบโตเป็นหนุ่มสาว เรียนจบมีการงานทำ แต่งงานมีครอบครัว มีลูกก็พามาเรียน เรียกว่าเรียนกันมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่จนถึงรุ่นลูก และหวังว่าจะมีรุ่นหลานอีก จึงนับได้ว่า ทางวัดมงคลรัตนารามมีมาตรฐานทางการศึกษาที่เป็นระบบได้รับการยอมรับจากสังคมและชุมชนไทยในเบย์แอเรีย เด็กนักเรียนเขียนได้อ่านออก รู้จักกราบไหว้ บางคนเรียนนาฏศิลป์และดนตรีไทย มีความสามารถแสดงได้ดี ออกงานโชว์ฝีมือได้ไม่แพ้เด็กที่เรียนในเมืองไทย ก็ถือว่าเป็นผลงานของคณะครูแต่ละปี
และในปีการศึกษานี้มีครูประจำการ 3 ท่าน คือ คุณครูเบญจวรรณ ใจรักษ์ (ครูแนน) สอนวิชานาฏศิลป์ไทย คุณครูณัฐวุฒิ นันทหน่อ (ครูต้าร์) สอนวิชาดนตรีไทย และคุณครูอภิรักษ์ เงินดี สอนวิชาภาษาไทย คุณครูทั้งสามนอกจากจะต้องตระเตรียมการเรียนการสอนในภาคปกติคือสอนนักเรียนในวันอาทิตย์แล้ว ในภาคฤดูร้อนก็มีงานตระเตรียมการเรียนการสอนเป็นภาระหนักเพิ่มขึ้นอีก ปีนี้มีนักเรียนชั้นอนุบาล 12 คน ชั้นกลาง (1) 12 คน และชั้นกลาง (2) 11 คน รวมแล้วมีนักเรียน 35 คน
โรงเรียนภาคฤดูร้อนเปิดตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน สอนอาทิตย์ละ 4 วัน เรียนจบกลางเดือนสิงหาคม นับเป็นเวลา 2 เดือนพอดี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2556 มีงานมอบสัมฤทธิบัตรแด่นักเรียนที่เรียนจบเป็นรุ่นที่ 19 ดังกล่าวแล้ว วันงานมอบสัมฤทธิบัตรนักเรียนชายหญิงตั้งแต่รุ่นจิ๋วและนักเรียนรุ่นกลาง แต่งเครื่องแบบนักเรียนน้ำเงิน-ขาว ซึ่งได้รับความอุปถัมภ์จาก ดร.เพลินใจ กุนทีกาญจน์ ผอ.ศูนย์วัฒนธรรมไทย วัดมงคลรัตนาราม แม้ว่าจะแต่งได้ไม่ครบทุกคนซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มให้มียูนิฟอร์ม ก็ยังดูสวยงามเป็นระเบียบ เด็กๆ นั่งเข้าแถวรอขานชื่อเข้ารับสัมฤทธิบัตรจากท่านพระสิริรัตนธรรมวิเทศ เจ้าอาวาส คลานเข่าเข้าไปกราบและรับสัมฤทธิบัตรอย่างสวยงามน่ารัก มีพระอันดับสวดชะยันโตเพื่อความเป็นศิริมงคล ทั้งผู้ปกครองครูอาจารย์และผู้ที่มาร่วมงานต่างชื่นชมยินดีในความน่ารักไร้เดียงสาของนักเรียน
หลังจากพิธีมอบสัมฤทธิบัตรแล้ว นักเรียนได้แสดงกิจกรรมพิเศษมีการท่องบทอาขยาน การแสดงกลองยาว การละเล่นงูกินหาง รำฉุยฉายพราหมณ์ การฟ้อนรำ การแสดงโปงลาง แม้จะมิใช้นักเรียนนาฏศิลป์โดยตรง แต่เด็กๆทุกคนก็มีความสามารถแสดงได้เป็นอย่างดี อาจจะมีบ้างที่เด็กเล็กบางคนจะแสดงผิดท่าไปบ้าง แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความน่ารักไร้เดียง อุแม่เจ้า !! เด็กอายุระหว่าง 5-6 ขวบ ถึง 10-12 ขวบ ทำได้ขนาดนี้ จะไม่ให้ชื่นชมยินดีกันก็คงจะใจจืดใจดำไปหน่อยละครับ
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า เด็กไทยลูกหลานไทยถ้าไม่ได้รับการปลูกฝัง การถ่ายทอดสิ่งที่ดีงามในความเป็นไทย สักวันหนึ่งเด็กไทยที่เกิดและเติบโตที่อเมริกาคงจะต้องถูกกลืนกินไปด้วยวัฒนธรรมประเพณีกลิ่นนมเนย สูญเสียความเป็นไทยไปอย่างน่าเสียดาย เราก็จะไม่มีผู้สืบต่อ การพาเด็กเข้าวัดตั้งแต่เล็กจึงไม่เป็นการปล่อยโอกาสให้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะในวัดเรามีดีหลายอย่าง ทุกๆ ซัมเม่อร์หากท่านผู้ปกครองมิได้พาลูกกลับเมืองไทยหรือไปเที่ยวที่อื่น ก็ควรพาลูกหลานท่านมาที่วัด ผมขอชมเชยคุณพ่อคุณแม่เด็กหลายท่านที่พาลูกมาเรียนภาษาไทยซัมเม่อร์ เมื่อลูกหลานเข้าห้องเรียนแล้ว พ่อแม่เด็ก ก็มิได้นิ่งดูดาย ช่วยงานวัด ช่วยคุณครูจัดอาหารกลางวันถวายพระ จัดเตรียมอาหารให้เด็กๆ และหลายท่านที่ครบรอบวันเกิดก็ถือโอกาสนี้มาจัดที่วัด ได้ถวายอาหารพระได้เลี้ยงดูเด็กนักเรียนไปด้วย เป็นการฉลองวันเกิดที่มีคุณค่ามาก
ต้องขอขอบคุณมายัง มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสถาบันเก่าแก่ ผมก็จบจากบ้านสมเด็จฯ เป็นศิษย์เก่าเช่นกัน ถ้านับก็เป็นรุ่นพี่ ย่อมชื่นชมยินดีที่เห็นหนูๆ น้องๆ มาเรียนในโครงการนี้ ขอขอบคุณคุณครูทั้งสามท่านที่เอ่ยนามมา ท่านได้มีความวิริยะอุตสาหะอบรมสั่งสอน ฝึกฝนและปลูกฝังความเป็นไทยให้กับเยาวชนไทย เหมือนจับปูใส่กระด้ง ใหม่ๆ ก็คงเหนื่อย แต่ตอนนี้ได้เห็นผลงานที่ทำมาก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง มีความปีติอิ่มเอมใจ เยาวชนของเรา ถ้าจะเปรียบไปแล้วก็เหมือนต้นไม้เล็กๆ ที่เราต้องช่วยกันรดน้ำพรวนดิน ให้ต้นไม้ได้หยั่งรากแก้วลึกลงในดิน ซึ่งจะได้น้ำและสารอินทรีย์ในดินมาหล่อเลี้ยงลำต้น และแตกกิ่งก้านสาขาเป็นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา เราก็หวังว่า..ลูกไทย หลานไทย จะเป็นรากไทย สืบต่อดำรงความเป็นไทยให้ยั่งยื่นนานด้วยการช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทย ศิลปวัฒนธรรมไทยอันดีงามให้จีรังยั่งยืนสืบๆ ไป
คุณครูแนน ครูต้าร์ และครูบิ๊ก แม้หมดภาระในเรื่องการเรียนการสอนภาคฤดูร้อนแล้ว แต่ก็ยังคงเหนื่อยต่อไปอีก งานต่อไปของครูคือยังคงสอนนักเรียนภาคปกติในวันอาทิตย์ และยังมีงานใหญ่ชองศูนย์วัฒนธรรมไทย วัดมงคลรัตนาราม รออยู่ คือการแสดงละครใหญ่เรื่อง.. “นางเสือง” (พระเพื่อนพระแพง) ในเดือนตุลาคม ก็ถือว่าเวลาหนึ่งปีที่มาเป็นครูอาสาสมัครนั้น ทั้งหนักและเหนื่อย แต่อย่าเพิ่งหน่าย นับว่าเป็นมหาวิทยาลัยชีวิต ซึ่งหาโอกาสอย่างนี้มิได้ง่ายนัก ควรที่ครูทั้งสามท่านจะภาคภูมิใจเป็นเกียรติประวัติของชีวิต เพราะต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะ อดทนอดกลั้น ในเรื่องหน้าที่การงานและประจวบกับความคิดถึงบ้าน ซึ่งคุณครูทั้งสามก็ได้ผ่านบทเรียนบทนี้มาได้ พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นครูใจเพชร และเป็นเพชรน้ำงามของราชภัฏบ้านสมเด็จฯ ผมมีบทกวีที่กลั่นมาจากใจมอบเป็นของขวัญอันล้ำค่ามาบรรณาการความดีงามของคุณครูทั้งสามท่าน
เหนื่อยก็เหนื่อยหนักก็หนักทั้งรักหน่าย | โอ้ครูไทยในต่างแดนแสนสงสาร |
สอนลูกหลานเด็กไทยด้วยหลักการ | ให้เขียนอ่านภาษาไทยได้มั่นคง |
ทุ่มเทแรงกายใจคล้ายเรือจ้าง | ตั้งความหวังเด็กไทยไว้สูงส่ง |
ปลูกฝังความเป็นไทยให้ยืนยง | เจตจำนงครูฝันไว้ได้เป็นจริง |
เด็กก็เหมือนหน่อไม้ในวัยอ่อน | ครูพร่ำสอนอบรมอย่างยวดยิ่ง |
รดน้ำคำพรวนน้ำใจไม่ทอดทิ้ง | เด็กชายหญิงเป็นไม้งามประจำใจ |
ถึงวันนี้ครูไทยหายเหนื่อยแล้ว | มือที่แจวเรือจ้างช่างยิ่งใหญ่ |
ปณิธานให้เด็กน้อยค่อยก้าวไกล | ปลูกรากแก้วความเป็นไทยให้ยืนนาน |
ในนามชุมชนไทยวัดมงคลรัตนาราม ซานฟรานซิสโก เบย์แอเรีย กระผมขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จฯ และคุณครูทั้งสามท่านที่ได้เสียสละแรงกายแรงใจให้กับวัดมงคลรัตนาราม มีผลงานปรากฏเห็นอย่างเด่นชัดตลอดเวลาที่มาปฏิบัติงาน ขอให้ครูทั้งสามท่านจงประสบความสำเร็จตามที่มุ่งมาดปรารถนา และรักษาปณิธานของความเป็นครูไว้เป็นอุดมการณ์อันสูงสุดต่อไป