สวัสดีครับแฟนแฟนของคอลัมน์บันทึกจากเบย์แอเรีย ผมมีเรื่องราวที่จะเกริ่นกล่าวให้เป็นที่ทราบกันว่า พี่แมว “เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์” เจ้าของคอลัมน์นี้ ได้ตกลงกับผมแกมบังคับเล็กน้อย ซึ่งผมก็เต็มใจอย่างหน้าชื่นตาบาน (ตาบวมด้วยละ) ต่อไป..หน้าบันทึกจากเบย์แอเรียนี้ จะสลับกันเขียนกับผมคนละวีค และอนุญาตให้ผมใช้ชื่อใหม่เป็นคอลัมน์ของผมเอง นัยว่า..เป็นแบ่งเบาภาระของท่าน ส.ว.และเป็นการเปลี่ยนรสชาติเหมือนกับชิมอาหารจานใหม่ โดยพ่อครัวคนใหม่ ส่วนท่านที่ชื่นชอบ..บันทึกจากเบย์แอเรียก็ยังมีอยู่ครับ ไม่ต้องกังวล ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า คอลัมน์นี้ฮิตติดลมบนและมีแฟนคลับติดกันงอมแงมมานานนักแล ไม่ทราบว่า..เมื่อผมรับมาแล้วจะทำเรตติ้งได้เหมือนท่านเจ้าของเดิมหรือไม่ ขอออกตัวไว้ก่อนเพื่อกันความผิดหวัง
ส่วนชื่อในคอลัมน์ใหม่ภายใต้..โลโก้ของผมคือ..ลำนำชีวิต สบาย ๆ ตามสไตล์ของผม มีข่าวในเบย์แอเรียบ้าง เรื่องเล่าประสบการณ์ และผสมผสานลำนำโคลงกลอนตามถนัด ประเภท..ไร้สารคดีการเมืองไม่ยุ่ง การมุ้งไม่เกี่ยว ขอฮาลูกเดียว เอ๊ะ !! ไปจำของใครมาเนี่ยะ และขอประเดิมเฉลิมฉลองด้วยเรื่อง.. “วาเลนไทน์” วันแห่งความรัก ที่จะมาถึงในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ต้องรีบเขียน เพราะวีคหน้า ก็จะเป็นวาระของพี่แมว กว่าจะกลับมาอีกครั้งก็เกรงว่าจะเลยวันสำคัญนี้ไป ผมขอลัดคิวลงก่อนคงไม่ว่ากัน อันว่า..เรื่องประวัติวันวาเลนไทน์นี้ ถ้าเขียนเองก็คงไม่ดีนัก และอาจจะเพี้ยน ๆ ไปบ้าง จึงขออนุญาตคัดย่อส่วนหนึ่งเป็น..บทความจาก.. Setsuko Yoshizuko ที่มา ที่มา : http://www.educatepark.com/
วันวาเลนไทน์ นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรม .. วันวาเลนไทน์ .. วันวาเลนไทน์ นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยัง สืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็กๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการ ที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลายครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญ “วาเลนไทน์” ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สองท่าน นักบุญ วาเลนไทน์ และนักบุญ มาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็กๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับๆด้วย
และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้ นักบุญ วาเลนไทน์ ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศรีษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันวาเลนไทน์ ซึ่งพวกหนุ่มสาวมักจะรีบไปซื้อบัตรส่งทักทายกันส่งใจถึงกัน นับเป็นความนิยมมากขึ้น ประเพณีนี้เข้ามาสู่ประเทศไทยทีละเล็กละน้อย และดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี เป็นประเพณีที่หนุ่มสาวนิยมกันมากเป็นพิเศษที่สหรัฐอเมริกาและที่ประเทศอังกฤษ
ทำไมจึงมีชื่อว่า “ วันวาเลนไทน์ ” และความหมายที่แท้จริงของวันนี้คืออะไร ? และมาจากไหน ?
นักบุญ วาเลนไทน์ (Valentine) เป็นสงฆ์คาทอลิกองค์หนึ่งที่ได้ถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คริสตศักราช 270 ในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิโรมัน เกลาดิอุส ที่ 2 ( Clanoius) โดยแท้จริงแล้วท่านนักบุญไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเพณีการเลือกคู่ หรือหาคู่ หรือหาแฟน หรือความรัก ความสนใจระหว่างหนุ่มสาว ท่านก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยเลย ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมจึงเลือกนักบุญองค์นี้มาเป็นองค์อุปถัมภ์สำหรับผู้ที่กำลังหาคู่ เลือกคู่หรือเลือกแฟนกันได้เล่า ? เหตุผลที่ค้นพบได้ก็คือ ที่มาของวันวาเลนไทน์ ไม่ขึ้นอยู่กับคนผู้นี้ แต่ขึ้นอยู่กับวันที่ 14 กุมภาพันธ์
ประเพณีเลือกคู่ หรือหาคู่นี้มีมาแต่โบร่ำโบราณในทุกชาติ ดูเหมือนกับว่าได้เกิดขึ้นพร้อมกับวิวัฒนาการของมนุษย์ก็ว่าได้ ประเพณี วาเลนไทน์ นี้ก็มีต้นเหตุหรือ ที่มาสมัยที่จักรวรรดิโรมันแผ่อิทธิพลไปทั่ว ชาวโรมันสมัย โบราณมีการฉลองเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ ลูแปร์คูส (Lupercus) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และถือว่าเป็นการฉลองใหญ่ ส่วนหนึ่งของการฉลองใหญ่นี้ก็จะเป็นการจัดงานหาคู่ของพวกหนุ่มสาว ซึ่งจัดขึ้นในวันก่อนวันฉลองใหญ่ 1 วัน คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้จะถือโอกาสให้พวกหนุ่มสาวเสนอตัวเป็นคนรักกันชั่วระยะเวลา 1 ปี ช่วงนี้จะเรียกว่าเป็นช่วงทดลองมิตรภาพเพื่อดูว่าทั้งคู่จะมีนิสัยใจคอเข้ากันได้หรือไม่ ชาวโรมันเป็นคนศรัทธาในเทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ก็มีความเชื่อกันว่าพวกตนมีเทพเจ้าองค์หนึ่งซึ่งเขาขอให้เป็นผู้ดูแลความรักของเขาในระหว่างช่วงระยะเวลาการทดลองเป็นคู่รักกัน 1 ปี นั้น เทพเจ้าองค์นี้เป็นหญิงชื่อเทพธิดา Juno Februata ซึ่งตาม เทพนิยายของชาวโรมันเป็นมเหสีของ Jupiter องค์มหาเทพเจ้าทั้งหลาย
ครั้นต่อมา เมื่อชาวโรมันส่วนใหญ่กลับใจมาถือศาสนาคริสต์ (ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 4 ) ประเพณีของหนุ่มสาวที่จะหาคู่เพื่อทดลองเป็นคนรักกัน เพื่อจะแต่งงานกันในเวลาต่อไปนั้นก็ยังนิยมทำกันอยู่ แม้ว่าจะเป็นคริสตชนแล้วก็ตาม ฉะนั้นเขาก็ยังรักษาประเพณีการเลือกคู่ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้นอยู่ตลอดมา เพียงแต่ว่าหนุ่มสาว โรมันชาวคริสต์ได้หันมาเปลี่ยนตัวผู้อุปถัมภ์องค์ใหม่ เพราะคริสตชนไม่นับถือเทพเจ้าหรือเทพธิดาอย่างกาลก่อน เขาจึงหันมาเลือกหานักบุญในคริสตศาสนาที่มี วันฉลองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็มี นักบุญวาเลนไทน์องค์นี้เอง จึงขอยืมชื่อท่านมาเป็นองค์อุปถัมภ์แทนเทพเจ้าเดิมของชาวโรมัน เรื่องราวความเป็นมามีดังนี้ ฉะนั้นถ้าท่านนักบุญมีชีวิตอยู่ท่านอาจรู้สึกงงงวยในตำแหน่งที่หนุ่มสาวได้เลือกตั้งและแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้อุปถัมภ์ โดยที่ท่านไม่ได้รู้เรื่องทางโลกของหนุ่มสาวด้วยเลยแม้แต่น้อย
ความรักระหว่างหนุ่มสาวนั้นอาจจะเผชิญกับอันตรายบางอย่าง และอาจจะเป็นโอกาสให้พลังและความรักนั้นทำลายความสัมพันธ์อันสูงส่งระหว่างหนุ่มสาวนั้นเอง ความหมายของการมี วันวาเลนไทน์ นี้ก็คือการช่วยหนุ่มสาวหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันด้วยใจบริสุทธิ์
ความหมายเห็นได้ชัดในคำว่า “You are my Valentine” ที่มักจะเขียนลงในบัตรส่งใจถึงกันและกัน ประโยคตามความหมายเดิม หมายถึงว่า “ข้าพเจ้าขอเสนอตัวเป็นเพื่อนสนิทของท่านในช่วงเวลา 1 ปี และข้าพเจ้าพร้อมที่จะตกลงแต่งงานกับท่าน ถ้ามิตรภาพของเรานี้เป็นสิ่งที่ยืนยง”
ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวที่จะช่วยให้ก้าวหน้าในความรักที่แท้จริงนั้น ก็ควรจะประกอบด้วย 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้
1. ให้รู้จักกันทั้งในด้านดี ในด้านเสีย และข้อผิดพลาดซึ่งต่างก็มีอยู่ และยอมรับซึ่งกันและกันในข้อเหล่านั้น
2. ให้เคารพและเห็นใจกัน โดยเสียสละต่อกันเพื่อให้คนรักของตนได้รับความดี และความสุขใจในทางที่บริสุทธิ์งดงาม
3. ให้มีการปรับปรุง และเปลี่ยนนิสัยของตนในส่วนที่บกพร่อง เพื่อจะอยู่กันด้วยความสุขในอนาคต
ลักษณะทั้งสามดังกล่าวนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับหนุ่มสาวไทยไม่เฉพาะ ในวันวาเลนไทน์หรือสำหรับกลุ่มที่นิยมประเพณีต่างประเทศเท่านั้น แต่สำหรับทุกคู่ที่แสวงหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอัน จะนำไปสู่ความรักที่มั่นคงและยั่งยืนชั่วชีวิต
ก็ขออวยพรให้ทุกท่าน สมรักสมหวังสมปรารถนาในวันวาเลนไทน์ ส่วนท่านที่มีแพลนจะวิวาห์พาชื่นกันในวันวาเลนไทน์ ขอแนะนำครับ..เขานิยมกันบินไปจดทะเบียนสมรสที่เขตบางรัก กทม. เพื่อรักที่แสนหวานและยั่งยืน อย่าเผลอไผลไร้สติไปที่จดเขตบางพลัดนะครับ แต่งกันแล้ว เด๋ว..จำมีอันต้องพลัดพรากจากกัน และก่อนจากกัน..ผมขอฝากกลอนหวานๆ หนุกๆ อ่านเล่นเห็นขำ เขียนไว้หลายปีแล้วครับ เอามาปัดฝุ่น แล้วห่อด้วยกุหลาบแดงเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สำหรับทุกท่าน..ภายใต้สำนวน..
วาเลนไทน์..คืนนั้นฉันแต่งหล่อ | กุหลาบแดงสักช่อ |
ขอนัดสาว | |
ทานข้าวเย็นแล้วดูหนังนั่งชมดาว | ลายลมหนาวเคล้า |
คลอพนอกัน | |
ดูพระจันทร์เดือนหงายคืนฟ้าแจ่ม | โฉมแฉล้มอิงแอบ |
แนบอกฉัน | |
โอ้พี่จ้า..มีอะไรใต้เงาจันทร์ | น้องจ๋านั่น..ยายกะ |
ตาทำนาปรัง | |
คืนวันนี้น้องกะพี่มีสุขนัก | คอยวันแห่งความรัก |
ฟื้นความหลัง | |
เห็นเดือนต่ำดาวตกนกคืนรัง | ใยมานั่งดูดาวให้ |
หนาวทรวง | |
วาเลนไทน์..มาฉลองประลองรัก | มาหยุดพักหัวใจที่ |
หนักหน่วง | |
สวรรค์ใกล้แค่เอื้อมแล้วพุ่มพวง | พี่มิลวงหลอกล่อขอ |
แต่งจริง | |
สาวสะบิ้งปกป้องของสงวน | อย่าลวนลามนะพี่จ๋า |
อยู่นิ่งนิ่ง | |
หนุ่มก็อ้อนออเซาะขอแอบอิง | แม่ยอดหญิงขอทำ |
นาอย่างตายาย | |
เสียงตะวาดแหวแหว.. ตาแก่เอ๋ย | แก่จะตาย.. ไฉนเลย |
ทำกระหาย | |
ดูซินี่..ฟัดจนหมอนนุ่นกระจาย | แกฝันร้าย..อีตาบ้า |
วาเลนไทน์ฯ |
อย่าลืมนะครับ..ต่อไปผมกับท่านมีนัดกัน..วีคเว้นวีค ขอฝากงานเขียนไว้ในอ้อมใจด้วย รักพี่แมวอย่างไร ก็ขอให้รักผมสักเสี้ยวหนึ่งของพี่แมว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ สวัสดีครับ