เช้าวันพฤหัสที่ 3 ม.ค. ผมตื่นมาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ปลุกคุณหนูหวานให้ตื่น ส่วนแม่คุณของผมไม่ต้องปลุกมีแต่ผมที่โดนเธอปลุกให้ตื่นประจำ ผมก็ว่านอนสอนง่ายเสมอไม่เคยดื้อดึงและผมก็ไปไล่เบี้ยกับลูกสาวอีกต่อหนึ่งเหมือน Domino พวกเราจัดการธุระส่วนตัวเสร็จและแต่งองค์ทรงเครื่องจนเป็นที่พอใจ ก็เยื้องย่างออกจากห้องลงไปที่ Lobby ของโรงแรม มีกาแฟ น้ำสับปะรด และขนมปังไว้ให้ ก็เห็นบรรดาแขกของโรงแรมต่างขะมักเขม้นบริการตนเอง ผมไปรินกาแฟใส่ถ้วยและขนมปังสองก้อน กาแฟจืดชืดไม่เป็นสับปะรด แม่คุณผมบอกว่า..พ่อลองน้ำสับปะรดหรือยัง ของเขาอร่อยนะ ผมลองจิบดู อื้อฮือ..ใช้ได้ พอเป็นสับปะรดหน่อย
ผมก็แปลกใจและสงกะสัยอยู่ประจำจนกลายเป็นเรื่องหงุดหงิดในบางอารมณ์ เวลาอะไรไม่ดี ไม่ได้เรื่อง ทำไมคนเราชอบไปโทษสับปะรด กาแฟไม่ดีมันก็เรื่องของกาแฟ กับข้าวไม่อร่อยมันก็เรื่องของกับข้าว แทนที่จะโทษของสิ่งนั้นหรือโทษคนทำ กลับไปลงที่..สับปะรด ยังดีนะที่น้ำสับปะรด รสชาติเขาดีทีเดียว ไม่งั้นคงได้ว่า น้ำสับปะรดไม่เป็นสับปะรด ไม่เป็นสับปะรดแล้วจะเป็นอะไร ? จะพูดจะจาอะไรนี่มันต้องให้เกียรติเจ้าของบ้านเขาบ้าง เพราะที่ฮาวายนี่เขาปลูกสับปะรดกันเป็นอุตสาหกรรมการเกษตร สับปะรดก็ต้องเป็นสับปะรดใช่ไหม
ความจริงเรื่องกาแฟไม่เป็นสับปะรดนี้ ผมทราบซึ้งมานานแล้ว ผมดื่มกาแฟที่ Brew เอง มีเครื่อง Coffee Makerและเครื่อง Espresso เพราะผมดื่มกาแฟรสเข้ม ซื้อกาแฟเม็ดแล้วบดใส่โหลไว้ เวลาเดินทาง ผมจะซื้อกาแฟของ STARBUCKS เขามีแบบเป็นซอง บน Packet จะเขียนว่า Starbucks Ready Brew มีสองรสคือ Italian & Colombia ไม่ใช่ Instant 3 in 1 นะครับ เป็นกาแฟเม็ด 100% Arabica Instant Micro Ground หนึ่งแพ็คมีสามซอง หนึ่งซองต่อหนึ่งถ้วย ชอบหวานมันก็หาครีมน้ำตาลเติมเอา ซื้อตามร้าน Starbucks อาจจะแพงไปหน่อย หนึ่งแพ็คราคา $2.99 ถ้าจำไม่ผิด ผมซื้อที่ Costco เป็นห่อใหญ่มี 8 แพ็ค 24 ซอง ราคาอยู่ที่ $18.00 เฉลี่ยแล้วตกแพ็คละ $1.35 ก็เป็นไอเดียที่ดี สะดวกพกพาประหยัดเวลาและสตางค์ด้วย ไม่สงวนลิขสิทธิ์ถ้าท่านจะนำไปใช้ ผมไม่ได้ค่าโปรโมชั่นอะไรทั้งนั้น เพียงแต่แนะคนคอกาแฟเดียวกันก็เท่าน้านเอง
เรื่องยุ่งยากแบบนี้ผมโดนแม่บ้านให้โอวาทประจำว่าทำไมไม่ทำตัวง่ายๆ ยุ่งแต่เรื่องปากท้อง ทำอย่างไรได้มันเป็นนิสัยถาวรแล้ว จะบอกว่าสันดอนขุดง่าย แต่สันดานมันขุดยาก ก็ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องด่าตัวเอง.. ฮ่าฮ่าฮ่า เอ้า..แม่บ้านกับลูกสาวข้ามไปร้าน BreakFast แล้วคงไม่อิ่มเหมือนกัน ทำไง..ผมก็ต้องตามไปร่วมด้วย ระหว่างกินเบรคฟาสท์น้ำหวานบอกว่า พ่อคะ..อิ่มแล้วหวานต้องไปหา Counseling ที่มหา’ลัยนะ ได้เลยจ๊ะลูกรักบอกคำเดียว เดี๋ยวพ่อจัดให้
ประมาณ 11 โมงเช้า เราสามคนก็มาที่ Student Center อยู่ที่ชั้นสามอาคาร Queen Lili’uokalani กลางใจมหา’ลัย มีตัวย่อว่า..CSDC (Counseling and Student Development Center) เป็นอาคารเก่าลวดลายสถาปัตยกรรมออกไปทางยุโรป สีสันทึมๆ ผมมองด้วยความรู้สึกว่าในความเก่านี้มีมนต์เสน่ห์ชวนให้นึกถึงความขลังและศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันแห่งนี้ เหมือนกับสำนักตักกะศิลาในนิทานชาดก น้ำหวานเข้าไปที่ information บอกวัตถุประสงค์ที่มา เจ้าหน้าที่เด็กๆ คงเป็นนิสิตของมหา’ลัยที่เป็น Volunteer เขาแนะนำให้ไปที่ห้อง Counseling ระหว่างรอน้ำหวาน อยู่นั้นก็เห็นคณะ Campus Tour สองสามกลุ่มเข้ามาที่อาคารนี้พอดี ก็นึกอยู่ว่า เราจะมีโอกาสได้ทัวร์แบบนี้ไหมเนี่ย ? ยังคิดไปไม่ไกล น้ำหวานก็เดินร้องไห้ออกมา “เป็นไรลูก ?” แม่บ้านผมเข้าไปโอบกอดซับน้ำตาให้ “แม่คะ counseling เขาพูดไม่ดีเลย หนูต้องเรียนอีก 4 ปี” “อ้าวเป็นไรล่ะ 4 ปีก็ 4 ปีซีจ๊ะ” ผมปลอบลูกสาว “พ่อคะ..หวานเรียน AA มาแล้ว 2 ปี ทำไมต้องมาเสียเวลาเรียนอีก 4 ปี ทำให้พ่อแม่ต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายอีกมาก” พูดไปสะอึกสะอื้นไป “Counseling เขาว่าอย่างไรบอกพ่อกับแม่ให้เข้าใจก่อน” “หวานบอกว่าจะเรียน Subject Marin Biology เขาขอดูเกรดที่จบมา หวานบอกว่าเกรดยังไม่ออก เพราะเพิ่งจบก่อนวันคริสต์มาส ตรงกับฮอลิเดย์โรงเรียนปิดพอดี เจ้าหน้าที่ทาง Cabrillo Collage ที่ซานตาครูซจะส่งมาให้วันจันทร์หน้านี้” เขาถามว่าเรียน Science มาหรือเปล่า หวานบอกว่าไม่ได้เรียน ถ้าไม่ได้เรียนมา ต้องเรียนใหม่อีก 4 ปีเขาพูดแค่นี้ไม่แนะนำอะไรเลย หนูเสียใจค่ะ เท่ากับต้อง start over again” “the more you learn, the more you know” ฮ่าฮ่าฮ่า จำที่เขาโฆษณามาอวดกึ๋นกับลูกสาวซะเลย “ไม่เป็นไร คนนี้พูดไม่ดี ลูกขอพบคนใหม่ก็ได้ ตื๊อไว้ก่อน..พ่อสอนไว้”
น้ำหวานขอเข้าพบกับ counseling อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นอาจารย์ผู้หญิงญี่ปุ่นมีอายุ หน้าตายิ้มแย้มดูเป็นคนใจเย็น เขาถามว่าเราเป็นคนเชื้อชาติอะไร และมาจากไหน ผมบอกว่าเป็นคนไทย อยู่ที่ซานตาครูซ แคลิฟอร์เนีย เธอก็บอกว่าดีใจที่ได้รู้จัก ทักทายกันเสร็จผมกับแม่บ้านก็ออกมาคอยอยู่หน้าห้อง น้ำหวานเข้าไปสักครู่ก็ยิ้มหน้าบานออกมาซึ่งผิดกับครั้งแรก “พ่อคะแม่คะ กู๊ดนิวค่ะ เขาแนะนำให้ว่า หนูจะเรียนสองปีจบก็ได้ แต่ความรู้หนูไม่กว้าง การจะไปหางานทำก็จำกัด แต่ถ้าหนูเรียนอีก 4 ปี หนูมีทางเลือกเยอะ จะเรียนต่อก็ไปได้อีกหลายสาขา จะทำงานก็มีงานให้เลือก หางานง่าย พรุ่งนี้เขานัดมา campus tour และไปทำ science test ดูผลแล้วจะรู้ว่าหนูต้องเรียนอะไรบ้าง” “เห็นไหม ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เป็นไปไม่ได้ พ่อและแม่ดีใจด้วยนะ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว วันจันทร์ได้เรียน เอ้า..วันนี้ไปฉลองกัน หาของอร่อยกิน ไปช็อปปิ้ง ขับรถ..ซิตี้ทัวร์กัน”
วันศุกร์ที่ 4 ผมต้องตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปเอารถที่จอดไว้ที่ถนน Alawai เพราะวันนี้ 8 เช้ามี Street Cleaning ถ้าเกิน 8 โมงคงได้ Ticket แน่ นึกอยู่ในใจว่าดีนะที่ตื่นเช้าเพราะมีนัดให้ไป Campus Tour ตอน 9 โมงเช้า ย้ายรถออกมาจอดที่ใกล้โรงแรม ยังเช้าอยู่หาที่จอดได้ไม่ยาก หยอดเหรียญกะสักหนึ่งไว้ชั่วโมง แล้วกลับไปที่โรงแรม เห็นว่าแม่บ้านกับลูกสาวเรียบร้อยแล้วผมก็รีบแต่งตัว ดื่มกาแฟ สองแม่ลูกตกลงกันว่าจะพึ่งแมคโดนัลเป็นอาหารเช้า ผมเอาด้วยเพราะไม่อยากถูกหาว่าทำตัวยุ่งยาก ได้แม็คคนละก้อนพร้อมน้ำส้มคั้นกินกันไปในรถและถึงที่นัดหมาย Student Center ตามเวลา คอยสักครู่ก็มีเด็กหนุ่มอายุสัก 24-25 ร่างท้วมๆ ผิวคล้ำ ผมฟันธงเลยว่าต้องเป็น original Hawaiian คือคนที่มีเชื้อสายโพลินีเชี่ยน แล้วก็เป็นจริงเขาเป็นคนฮาวายโดยเชื้อสายและชาติกำเนิด เป็นนักเรียนปีสุดท้ายจะ Graduate ในซัมเมอร์นี้ วันนี้เขามา Volunteer เป็นคนนำเที่ยวชมแคมปัส เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อ..ผมก็จำไม่ได้ซะแล้ว ถ้าชื่อสาวๆ คงจำแม่นกว่านี้ ฮาๆ ไม่น่าเชื่อว่าในทัวร์กลุ่มของเรานี้ มีนักเรียนหญิงแค่สี่คนและผู้ปกครองเท่านั้น และมาจากแคลิฟอร์เนีย มีซานดิเอโก้ แอลเอ ซาน ฟรานซิสโก และครอบครัวผมจากซานตา ครูซ และเท่าที่ฟังเขาถามคนนำทัวร์ สองคนเรียนอินจิเนียร์ ทางด้านไหนก็ฟังไม่ถนัด อีกคนเรียนคอมพิวเตอร์ และน้ำหวานเรียนไบโอโลจี วันนั้นโชคดีมาก คือเปียกโชกน้ำฝนไปตามๆ กัน คนนำทัวร์แจกร่มให้ผมมีโลโก้ของ UH ด้วย แม่บ้านกับน้ำหวานมีร่มมาคนละอัน ตอนทัวร์จบผม (ทำ) ลืมคืนให้เขา จึงให้ลูกสาวไว้ใช้ที่หอพัก ความที่ฝนตกๆ หยุดๆ ตลอดเวลาจึงทำให้ทัวร์ไม่ค่อยสนุก คนพูดตัวใหญ่แต่เสียงเบาฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เสียงลมพัดใบไม้ปลิวยังดังชัดกว่า คณะทัวร์สู้ฝนไม่ได้จำต้องเลิกทัวร์ก่อนกำหนด ทั้งๆ ที่ยังเดินชมไม่ครบทุกคณะ ต่างคนต่างแยกย้ายกันแล้ว น้ำหวานขอตัวไปสอบ Science
ผมกับแม่บ้านไปที่ Food Court มีร้านอาหาร Hawaiian BBQ, India Food, American Ham Burger & Sandwiches, Mexican, Panda Express, Espresso, Jamba Juice ไม่มี Thai Food เลยผมเลือกกินที่ Panda Express สั่งข้าวผัดกับกังเพาไก่ แม่บ้านสั่งเฉาหมิ่น พร้อมด้วยน้ำเปล่าคนละขวด ทานข้าวกันไปคุยกันไปถึงความหลังเมื่อแต่งงานกันและมีลูกคนนี้เมือยี่สิบปีที่แล้ว เราปล่อยให้ลูกอยู่กับคุณย่า พวกเราก็ลุยจ๊อบกันหนักมาก พอมีทุนก็เปิดร้านอาหาร เราไม่ค่อยได้อบรมสั่งสอนเขา หาอาหารให้กิน ตื่นไปส่งและรับกลับจากโรงเรียน มีแต่คุณย่าเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็ก เข้าเรียนอนุบาล เกรดหนึ่ง-ไฮสคูล คอยสอนสั่งลูกจึงได้ภาษาไทยไปด้วย โชคดีที่ลูกเราขยันเรียน ว่านอนสอนง่าย อ่อนหวานน่ารักสมชื่อ ยี่สิบปีแล้วลูกเพิ่งจะจากอ้อมอกพ่อแม่ คิดแล้วก็อดใจหายไม่ได้ แต่ก็ดีใจที่ได้ช่วยทำธุระภาระของลูกจนเสร็จ เดี๋ยวลูกสอบเสร็จแล้วนัดให้มากินข้าวที่นี่ แล้วจะไปรับผลตรวจ TB ได้เอกสารครบวันจันทร์ก็ได้เรียนแล้ว
เหตุผลที่อยากมาเรียนที่ฮาวาย เพราะชอบอากาศดีมาก มาเวเคชั่นแทบทุกปี และนิสัยส่วนตัวชอบบีช ชอบดำน้ำ ดูประการัง ดูพืชและชีวิตสัตว์ใต้ทะเล รักสัตว์และชอบช่วยเหลือสังคม ตอนเรียนไฮสคูลเป็น Volunteer ไปกับ Red Cross และ Animal Shelter ที่ซานตา ครูซก็มีทะเล แต่น้ำเย็นมากไม่อุ่นเหมือนที่ฮาวาย อยากเรียน Marin Biology เรียนจบ AA ที่ Cabrillo Collage ได้ทุนนักเรียนมา 10k ชื่อทุน WUE (western Undergraduate Exchange) และอีกทุนหนึ่งชื่อทุน พ.ก.ซึ่งย่อมาจาก พ่อกู (คงไม่หยาบนะ) หรือพ่อกู้ เพราะทุนไม่พอก็ต้องกู้มาให้ลูกเรียนประมาณนั้น
ฉบับหน้าผมจะเขียนเรื่อง ซิตี้ทัวร์ ท่องทะเลดูโลมา สน๊อคเกอร์ และโพลีนิเชียนคัลเจอร์ แข็งใจติดตามอีกตอนนะครับ