เรื่องเล่าต่อไปนี้.. เป็นเรื่องประเภท..ไร้สารคดี.คอม เป็นอย่างไรก็ติดตามอ่านไปก็จะเห็นจริงอย่างที่ผมว่า และเมื่อหลวมเนื้อหลวมตัวอ่านแล้ว โปรดอย่านึกเสียใจภายหลังว่า..มาโดนเขาหลอกอีกแล้ว เพราะสไตล์การเขียนของผมคือ คิดไป เขียนไป ไม่ใช่วิชาการและสารคดี แต่เป็น..ไร้สารคดี
ฉลองปีใหม่ได้เพียงวันเดียว วันที่ 2 มกราคม ผมกับแม่บ้านก็มีอันชีพจรเหินฟ้าขึ้นเครื่อง Alaska Airline ที่ Oakland Airport แต่เช้าตรู่ ไปฮาวาย ผมยังแปลกใจว่า ไปฮาวายทั้งทีทำไมไม่นั่ง Hawaiian Airline เพราะเป็นเครื่องบินเจ้าถิ่น ทำไมต้องนั่งอลาสก้าแอร์ ไม่มีทางเลือกครับเป็น Flight บังคับ ลูกสาวเขาจองให้ นึกขำในใจว่า ถ้าเครื่องมันพาเราหลงไปอลาสก้า คงได้ไป เซย์ไฮกับซานตาคลอสแน่ๆ เพราะเพิ่งผ่านคริสต์มาสมาได้ไม่กี่วัน แกคงไปไหนไม่ไกลหรอก เฮ้อ !! go so big ไปกันหย่าย..
ไปฮาวายทำไม ก็พาลูกสาวไปรายงานตัวที่ Hawaii University at Manoa เรียกย่อๆ ว่า “UH” อ้อ.. ลืมแนะนำไปลูกสาวผมชื่อ “น้ำหวาน” เรื่องชื่อนี่ก็แปลกอีก ผมมีหลานสาวหลานชายเกิดเมืองไทยหลายคนตามประสาคนครัวใหญ่มีพี่น้องเยอะ ชื่อเจ้าบอลล์ เจ้าจอห์น น้องไนน์ น้องนูนี่ น้องแสตมป์ น้องการ์ตูน จำไม่หวาดไม่ไหว แต่ลูกสาวผมเกิดที่อเมริกาแท้ๆ พ่อตั้งชื่อว่า “น้ำหวาน” เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ก็เรามันชาตินิยมเลือดไทยเข้มข้น จริงป่ะ?
น้ำหวานเรียนจบ AA ที่ Cabrillo Collage Santa Cruz ใกล้บ้าน เมื่อปลายเดือนธันวา 2555 และขอไปเรียนต่อที่ฮาวายทันที แม้จะรู้ว่าค่าใช้จ่ายสูง พ่อแม่ก็ต้องกล้ำกลืนเพราะมีลูกสาวคนเดียว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า เอ้าไปก็ไป แทนที่จะได้เกษียณเร็วๆ พ่อก็ต้องทนจับตะหลิวกับกระทะไปอีก 4-5 ปี ผัดไทยส่งลูกเรียน ทำนองเดียวกับเพลง “ขับรถสองแถวส่งแอ๋วเรียนราม” ประมาณนั้น
เราสามคนพ่อแม่ลูกไปถึง Honolulu Airport, Hawaii ตามเวลาท้องถิ่นบ่ายสองโมงเศษๆ ที่มีเศษคงเป็นเพราะเครื่องบินตกหลุมอากาศบ้าง ติดก้อนเมฆบ้าง หรือไปเฉี่ยวเอาสะไบนางฟ้านางสวรรค์บ้าง อย่างไรก็ตามเรามีชีวิตรอดปลอดภัยถึงฮาวายก็โชคดีแล้ว อากาศที่ฮาวายดีมาก มีฝนโปรยปรายพรำๆ ผิดกับที่แคลิฟอร์เนียซึ่งกำลังหนาวจัด ผมถอดเจ็คเก็ตออกใส่เสื้อยืดตัวเดียวสบายๆ น้ำหวานจัดรายการที่ต้องทำให้เรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้แจกแจงให้ฟัง
หลังจากเช็คเอาท์ได้กระเป๋าแล้วก็จับแท็กซี่ออกจากแอร์พอร์ต ไปเอารถเช่าที่จองไว้ที่ Enterprises Car Rent จองมินิคาร์ไว้กว่าจะยัดกระเป๋าสี่ใบลงไปได้ก็ทุลักทุเลเอาการ นึกบ่นลูกสาวในใจแต่ไม่ได้ออกปากตำหนิ ได้รถแล้วไปมหา’ลัย ไม่ต้องกลัวเป็นกระทงหลงทางเพราะเอา GPS ติดตัวไปด้วย ผ่านประตูทางเข้ามหา’ลัย มีป้ายที่เกาะกลางถนนสามแยก ทำด้วยหินอ่อนอายุคงเก่าพอสมควร ดูขรึมๆ ขลังๆ หมายใจว่าทำธุระเรื่องเรียนให้จบก่อนต้องกลับมาชักภาพไว้เป็นที่ระลึก น้ำหวานบอกว่าวันนี้ต้องไปตรวจสุขภาพก่อน ผมกับแม่บ้านไม่ทราบมาก่อนเลย เพราะยุ่งอยู่กับเรื่องทำมาหากิน ถามเจ้าหล่อนว่า..ตรวจอะไรหรือจ๊ะคุณลูกสาว น้ำหวานบอกว่า..ตรวจ TB จ๊ะพ่อ คราวนี้คุณแม่เอาบ้างว่า..ถ้าตรวจมาจากบ้านเราก็ไม่ต้องเสียเวลา มัวแต่ทำอะไรไม่รู้....
ตรวจสุขภาพก็ต้องไปที่ Health Service ซึ่งอยู่ในเขตมหา’ลัย ให้แม่บ้านไปกับลูกสาว ผมเองหาที่จอดรถ จอดรถเครื่องยังไม่ทันจะเย็นสองแม่ลูกก็เดินกันกับมาบอกว่า วันนี้ที่นี่ไม่มีหมอ ให้ไปอีกที่หนึ่งเป็นคลินิกทั่วไปขับรถประมาณสิบนาที ไปถึงคนเต็มไปหมด คุณแม่พาคุณลูกสาวไปลงทะเบียน ส่วนผมเองก็สำรวจหาที่กินข้าว เพราะเกือบสี่โมงแล้วยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลย เจอพอดีร้านจีนอยู่ใกล้คลินิกแค่นิดเดียว ก็เพียงแต่หมายตาไว้ รอทำธุระให้ลูกเสร็จก่อน ท้องเริ่มเตือนแล้วเพราะยังไม่ได้อาหารมื้อกลางวันเลย ได้สแน็คบนเครื่องบินมานิดหน่อยเอง เทียบเวลาดูตอนนี้ที่แคลิฟอร์เนียก็ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว ยัง..พอเอาอยู่ รอยู่เป็นนานกว่าจะได้เรียกเข้าไปตรวจ ตรวจเสร็จเขานัดให้มารับผลวันศุกร์ตอนสามโมงเย็น วันนี้วันพรู๊ธ เอ๊ย..วันพุธ ยังมีเวลาอีกสองวัน หาของอร่อยๆ กินกันก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน กองทัพเดินด้วยท้อง
สองแม่ลูกคุยกันระหว่างทานอาหาร ว่าจะต้องไปช็อปกันต่อเพราะที่หอพักนักศึกษามีแต่เตียงกับที่นอนให้ ต้องหาผ้าปูที่นอน หมอน (มุ้งไม่ต้อง) และเครื่องใช้สอยอีกจิปาถะ ตกลงกันไปที่ Ross ที่มีคำขวัญว่า.. Dress for Less แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ ไม่ติดดินอย่าง อัศนี-วสันต์ เพราะฝั่งถนนตรงข้ามมี Wall Mart สองแม่ลูกเปลี่ยนแผนขอไปช็อปที่นั่นแทนเสร็จแล้วจะโทรมาบอกให้พ่อขับรถไปรับ หายกันไปสักชั่วโมงก็มีเสียงตามสายว่าให้ไปรับได้แล้ว ผมถึงหน้า Wall Mart เห็นสองแม่ลูกหอบของพะรุงกันออกมา และมีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับน้ำหวานตามมาด้วยอีกคน ลูกสาวรีบแนะนำว่า พ่อจ๋า..คนนี้เพื่อนใหม่ของหนูชื่อไคยอง เป็นคนเกาหลีเพิ่งรู้จักกันในช็อปปิ้งนี่เอง เธอเข้ามาแสดงความยินดีที่ได้รู้จักผม ผมตอบรับเธอและแถมด้วย วลีสำคัญว่า..อันยองฮาเซโย ยังไม่รู้คำแปลเลย คงเป็นคำทักทายกันน่ะ จำมาจากซีรี่เกาหลีที่กำลังฮิตคนไทยติดกันงอมแงม และนึกในใจว่า แหม..อีหนูลูกพ่อทำไมรวดเร็วจัง เด็กคงต้องชะตากันเนาะ
“ไคยองเพิ่งจบไฮสคูลโรงเรียนอินเตอร์ที่โซล และมาเรียนต่อ BA @ Pacific University เพิ่งมาถึงฮาวายวันแรกเหมือนกัน ออกมาซื้อคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ พักที่ Student Housing อยู่เยื้องตรงข้ามกับโฮเต็ลที่เราจะไปพักพอดี พ่อให้ไคยองติดรถไปด้วยนะ” น้ำหวานแนะนำพร้อมขออนุญาตแกมบังคับ ฮ่าๆๆ ดีเหมือนกันได้ลูกสาวเพิ่มอีกคน สาวโคเรียหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูคงเป็นเพื่อนกับน้ำหวานจนกว่าจะเรียนจบ ผมชื่นชมความเก่งที่มีอยู่ในตัวเธอ ตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่มาด้วย คงศึกษาเกี่ยวกับโฮโนลูลูมาพอสมควร
ผมพามินิคาร์คู่ใจมาถึงที่พัก..Aqua Waikiki Wave Hotel บนถนน Kuhio อยู่ในเขตดาวน์ทาวน์มีโฮเต็ลระดับห้าดาวและช็อปปิ้งเซ็นเตอร์หรูๆ ระดับอินเตอร์ แม่บ้านเข้าไปเช็คอิน ส่วนน้ำหวานช่วยเอาของไปส่งไคยองที่ Student Housing สักครู่ก็กลับมา ผมกะว่าจะจอดรถที่พาร์คกิ้งของโฮเต็ล แต่สอบถามแล้วคืนละ $23.00 คำนวณดูแล้ว 7 วันคงโดนไปหลายตังค์ พนักงานโฮเต็ลแนะนำให้ไปจอดที่ถนนเลียบคลองชื่อถนน Ala Wai จอดฟรี 24 ชั่วโมง น้ำหวานอาสาไปกับพ่อ มีที่ว่างพอสมควรคงเป็นวีคเดย์ เธอเดินสำรวจเจอป้ายบอกว่าจอดได้ทุกวัน เว้นเช้าวันจันทร์และวันศุกร์หลังแปดโมงเช้า เพราะเป็น Street Cleaning ตกลงว่าตลอดเจ็ดวันผมต้องเดินออกกำลังขาวันละสองรอบ คือกลับจากที่ไปตะลอน ๆ มาทั้งวันเดินกลับโฮเต็ล และตอนเช้า Breakfast แล้วก็เดินจากโฮเต็ลไปเอารถมารับแม่คุณและลูกสาว ไกลบ้างใกล้บ้างแล้วแต่จะมีที่ว่างให้จอด ดีนะที่ลูกสาวผมจองมินิคาร์ไว้ใช้งาน ไม่ต้องใช้เนื้อที่มาก และทำให้ได้เอ็กเซอร์ไซส์ทุกวันที่อยู่ฮาวาย ต้องแท้งกิ้วเจ้าหล่อนที่จัดสรรให้ Flight บังคับอีกแล้วเนี่ยะ
ตารางสัญจรวันนี้คงมีแค่นี้ เวลาที่เหลือก็รื้อเสื้อผ้าออกจากระเป๋า อาบน้ำเตรียมตัวนอนแต่หัวค่ำ เตียงนุ่มๆ สะอาดสะอ้านควีนไซด์สองเตียง เพราะก่อนมาแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ได้งีบบนเครื่องบินนิดหน่อยเอง อยู่โฮเต็ลชั้นห้า ห้องเบอร์ 509 มองออกไปทางหน้าต่างเห็นวิวทิวทัศน์ไฟหลากสี ถนนหลายสายผู้คนยังเดินกันขวักไขว่ท่องราตรี และยังมีอีกหลายอาชีพแอบแฝงมาในยามวิกาล “ราตรียังยาวนาน” ผมปรารภกับตัวเอง วันนี้เหนื่อยนักขอพักก่อน
ก็เป็นไปตามสไตล์ของผู้เฒ่า ทำให้อยากแล้วก็จากไป คงต้องติดตามอีกสักสองสามตอน ในความไร้สาระ ย่อมต้องมีสาระ ท่านผู้อ่านย่อมรู้ดี และวันเสาร์นี้เป็นวันตรุษจีนครับ Happy Chinese New Year, Gong xi fa cai, จินเซีย ยู่อี่ จินนี้ ฮวดไช้ อั่งเป่า ตั่วตั่วไก๊ !! สวัสดีครับ...