ทนายความโจอี้
มาเริ่มทำธุรกิจกันเถอะ - ตอนที่ 3B : ประเภทของธุรกิจในแคลิฟอร์เนีย

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับการจัดตั้งธุรกิจมาสองสามสัปดาห์แล้ว และนี่จะเป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วนะครับ ตอนที่แล้วผมได้กล่าวถึงหุ้นส่วนประเภทต่างๆ ซึ่งได้แก่ การเป็นเจ้าของธุรกิจคนเดียว ห้างหุ้นส่วนสามัญ และห้างหุ้นส่วนจำกัด และในบทความตอนนี้ผมจะกล่าวถึงต่อในเรื่องประเภทของธุรกิจในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งได้แก่ บริษัทจำกัด (LLC) และบริษัท (Corporations) หากคุณพลาดบทความของผมในตอนก่อนหน้านี้ คุณสามารถติดต่อขอข้อมูลย้อนหลังได้ที่หนังสือพิมพ์เสรีชัย หรือที่ผมได้โดยตรงนะครับ และในตอนต่อไปนี้ผมจะกล่าวถึงประเภทของธุรกิจแบบทั่วๆ ไปที่พบในแคลิฟอร์เนียต่อนะครับ

Limited Liability Company: บริษัทจำกัด

บริษัทจำกัด (Limited Liability Company: LLC) คือการผสมผสานระหว่างห้างหุ้นส่วนและบริษัทที่รวมวิธีการเสียภาษีของบริษัทเข้ากับความรับผิดชอบโดยมีขีดจำกัดที่่ปกป้องหุ้นส่วนทุกคน โดยทั่วไปแล้ว ลำพังบริษัทจำกัดนั้นสามารถรับผิดชอบหนี้สินขององค์กรได้ และสมาชิกหรือผู้จัดการบริษัทจำกัดไม่ต้องรับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสมาชิกและผู้จัดการอาจจะรับผิดชอบภาษีที่ยังไม่ได้จ่ายของบริษัทและรับผิดชอบการกระทำผิดต่างๆ ในหน้าที่ของตนและสมาชิกคนอื่นๆ

บริษัทจำกัด (LLC) สามารถมีสมาชิกเพียงแค่หนึ่งคนในการจดทะเบียน หรือมีสมาชิกหลายคนก็ได้ และคนหนึ่งคนสามารถเป็นสมาชิกหลายบริษัทจำกัด (LLC) ก็ได้ ธุรกิจที่จะต้องมีใบอนุึญาตภายใต้ Business and Profession Code นั้นไม่สามารถดำเนินการบริษัทจำกัด (LLC) หากไม่มีข้อยกเว้นบางประการ การก่อตั้งบริษัทจำกัด (LLC) ต้องยื่นขอชื่อบริษัทต่อ Secretary of State

Corporations: บริษัท

บริษัท เป็นองค์กรที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากเจ้าของและผู้ร่วมทุนทั้งหลาย และมีอำนาจเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป สามารถที่จะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้ สามารถฟ้องร้องในชื่อของบริษัท และสามารถทำสัญญาได้ ในขณะที่บริษัทถูกควบคุมโดย General Corporations Law [Corporations Code 100 et seq.] สิทธิ หน้้าที่ของผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามสัญญาที่ทำขึ้น เนื่องมาจากการป้องกัน บริษัทจะรับผิดชอบผู้ถือหุ้นของมัน การจัดตั้งบริษัทจะกำหนดให้มีการจดทะเบียนการก่อตั้งบริษัทกับ Secretary of State การจัดตั้งเทศบัญญัติ การออกหุ้น การดำรงไว้ซื่งผู้ถือหุ้น และมีผู้อำนวยการจดการประชุม ฯลฯ

บริษัทจะถูกจัดการและควบคุมโดยคณะกรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่ต่างๆ กรรมการบริหารจะถูกเลือกโดยผู้ถือหุ้น (shareholders) และเจ้าหน้าที่จะถูกแต่งตั้่งโดยคณะกรรมการบริหาร ในขณะที่เอกสารที่ถูกตั้งขึ้นอาจจำกัดอำนาจหน้าที่ของกรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่ต่างๆ แต่อำนาจในการดำเนินงานในประจำวันของบริษัทจะอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ ต่างๆ นั้น อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นต่างๆ อาจจะช่วยคณะกรรมการบริหารทำงานและถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้

เหตุผลหลักของการเป็นบริษัท คือ เพื่อปกป้องผู้ถือหุ้นจากการรับผิดชอบส่วนบุคคล ดังนั้น ถ้าบริษัทถูกจัดตั้งขึ้นและดำเนินงานอย่างถูกต้อง ผู้ถือหุ้น กรรมการบริหาร และเจ้าหน้าที่ต่างๆ จะไม่ต้องรับผิดชอบหนี้สินในส่วนที่เป็นของบริษัทนั้นๆ อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นอาจจะมีผลกระทบได้ ถ้าบริษัทนั้นจัดตั้งขึ้นไม่อย่างถูกต้อง

ทีนี้คุณได้รู้คร่าวๆ เกี่ยวกับประเภทของธุรกิจแล้ว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหากคุณจะทำตามฝันในการเป็นผู้ประกอบการของคุณ ถ้าคุณได้ติดตามบทความของผมในเรื่องธุรกิจทั้งบทความตอนนี้และก่อนๆ หน้านี้ คุณน่าจะมีความรู้เบื้องต้นในเรื่องประเภทของธุรกิจ และการจัดตั้งธุรกิจแล้ว และที่ผมกล่าวไว้เสมอ ๆ แล้วว่าคุณต้องขยันศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องสำคัญแบบนี้ ผมไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญด้านธุรกิจ ผมเป็นทนายความและผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ทั้งในแง่ดีและร้าย ผมได้ให้ข้อมูลและยกตัวอย่างที่ผมได้เคยเจอมา ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองจะหวังจะให้ธุรกิจนั้นประสบผลสำเร็จ โชคดีนะครับ ผมขออวยพรให้ทุกๆ ท่านที่กำลังไล่ตามความผันของตนเองอยู่


ถ้าคุณมีคำถามใดๆที่ต้องการที่จะได้รับการตอบในบทความในอนาคตหรือถ้า อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ กฏหมายทั่วไป Immigration, Business, Property, และอื่นๆ โปรดติดต่อ ส่งอีเมลมาที่: JC4LAW@HOTMAIL.COM ผู้ที่อาศัยอยู่ใน USA โทรเข้าออฟฟิส หรือ ส่งข้อความถึงผมได้ที่ (818) 505-4921 ... สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยคุณสามารถใช้ LINE ได้ครับ (LINE ID: JC_esq) หรือท่านสามารถเข้าไปที่ website ของเราได้นะครับ มีทั้งภาษาไทย และ อังกฤษที่ : WWW.JC4LAW.COM ....YouTube, search "Joseph Chitmongran"

หรือ FACEBOOK ที่: https://www.facebook.com/ThaiAttorney


Disclaimer: The information contained herein have been prepared for informational purposes only and are not to be considered legal advice unless otherwise specified. If you have a specific question regarding your personal case, please contact the Law Offices of Joseph Chitmongran for a full consultation.