สวัสดีครับทุกๆ คน บทความในสัปดาห์นี้ผมจะพูดถึงข้อมูลทั่วๆ ไป เกี่ยวกับโครงสร้างของธุรกิจในแคลิฟอร์เนีย โครงสร้างทางธุรกิจนี้มีผลในทางกฎหมายที่คุณจะต้องสร้างขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจของคุณ ส่วนเรา่จะเลือกธุรกิจแบบไหนนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง รวมทั้งภาษี หน้าที่ความรับผิดชอบ และอื่นๆ ดังที่ผมกล่าวไปแล้วว่าผมไม่ได้เป็นกูรูด้านธุรกิจ ผมเป็นทนายความและเป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ทั้งดีและร้าย ผมกำลังจะให้ข้อมูลและตัวอย่างที่ผมได้พบเจอมา และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ความพยามของคุณ และดังที่ผมกล่าวไว้เสมอว่าให้ขยันหมั่นศึกษาและหาข้อมูลก่อนที่คุณจะทำการตัดสินใจกระทำการสำคัญใดๆ
ที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้คือรูปแบบของโครงสร้างทางธุรกิจในแคลิฟอร์เนีย
Sole Proprietorships: ธุรกิจที่เป็นเจ้าของเพียงคนเดียว
Sole Proprietorships (ธุรกิจที่เป็นเจ้าของเพียงคนเดียว) คือ รูปแบบโครงสร้างทางธุรกิจที่คนคนเดียวเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว รับผิดชอบหนี้สินและทรัพย์สินต่างๆ ของธุรกิจเพียงผู้เดียว ดังนั้น ธุรกิจประเภทนี้จึงมีความเสี่ยงต่อทรัพย์สินทางธุรกิจและทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ที่เป็นเจ้าของ ในขณะที่ธุรกิจประเภทนี้จะดำเนินการโดยเจ้าของเพียงคนเดียว รัฐแคลิฟอร์เนียนั้นจะถือว่าสามีและภรรยาเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน
General Parnerships : ห้างหุ้นส่วนสามัญ
ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือห้างหุ้นส่วนโดยทั่วๆ ไป คือ องค์กรที่มีตั้งแต่บุคคลสองคนขึ้นไปร่วมดำเนินธุรกิจด้วยกัน แคลิฟอร์เนียได้ให้คำจำกัดความของ “บุคคล” ว่ารวมถึงแต่ละคน หุ้นส่วน บริษัท (Corporation) บริษัทจำกัด (Limited Liability Company) และองค์กรอื่นๆ หุ้นส่วนแต่ละคนจะมีส่วนร่วมในการจัดการและควบคุมกิจการนั้นๆ ตามส่วนของหุ้นส่วนที่ตกลงกันไว้ ดัีงนั้น อำนาจของหุ้นส่วนจึงอาจมีข้อจำกัดตามสัญญาทึ่ทำกันไว้ในครั้งแรก และหุ้นส่วนทุกคนจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกันในธุรกิจนั้นทั้งทรัพย์สินและหนี้สิน และความรับผิดชอบนั้นจะไม่จำกัดอยู่แค่ส่วนของเปอร์เซ็นต์ที่มีอยู่ในกิจการนั้น
เพราะว่าความรับผิดชอบในเรื่องหนี้สินนั้นเป็นความรับผิดชอบร่วมกันไม่แบ่งว่าใครมีหุ้นมากน้อย เพราะเจ้าหนี้อาจจะเรียกเก็บหนี้ทั้งหมดร้อยเปอร์เซนต์จากหุ้นส่วนที่มีหุ้นอยู่ในธุรกิจน้อยกว่าได้ นี่เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเพราะว่าหุ้นส่วนแต่ละคนสามารถเป็นตัวแทนหุ้นส่วนทุกคนในการทำธุรกรรมต่างๆ (ในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจที่ตนเองถือหุ้นอยู่) กับบุคคลที่สามได้ อย่างไรก็ตามหุ้นส่วนที่รับผิดชอบไปก่อนทั้งหมดนั้นสามารถที่จะเรียกร้องให้หุ้นส่วนทั้งหมดมาร่วมรับผิดชอบหนี้สินในส่วนของเปอร์เซ็นต์หุ้นตามที่ตกลงกันไว้ในเบื้องต้นได้
(Taxation)ภาษี - ในเอกสารการเสียภาษี หุ้นส่วนทุกคนจะต้องรายงานจำนวนหุ้นที่มีในห้างหุ้นส่วนไม่ว่าจะมีกำไรหรือไม่ ห้างหุ้นส่วนสามัญนี้ไม่ต้องเสียภาษีของตัวห้างหุ้นส่วนเอง แต่ต้องรายงานข้อมูลต่างๆ ในฟอร์ม K-1 ซึ่งต้องเปิดเผยรายได้รายจ่ายของห้างหุ้นส่วนตามที่หุ้นส่วนแต่ละคนมีหุ้นอยู่
ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnerships)
ห้างหุ้นส่วนจำกัด จะมีประเภทของหุ้นส่วนอยู่ 2 จำพวก ได้แก่ หุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิด (general partner) และ หุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิด (limited partner)
หุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิด (general partner) จะจัดการ ควบคุมการดำเนินการ และรับผิดชอบหนี้สินขององค์กร โดยอำนาจหน้าที่จะถูกควบคุมโดย California Uniform Partnership Act of 2008 (CULPA) และสัญญาข้อตกลงของห้างหุ้นส่วน
หุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิด (limited partner) จะไม่เข้าร่วมในการจัดการ ควบคุมการดำเนินการขององค์กร และหนี้สินจะถูกจำกัดตามหุ้นส่วนการลงทุนในห้างหุ้นส่วนนั้นๆ แต่อย่างไรก็ดี หากหุ้นส่วนประเภทนี้เข้าร่วมในการจัดการและควบคุมการดำเนินการของห้างหุ้นส่วนแล้ว หุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิดนี้จะต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดขององค์กรทันที
ภายใต้กฏหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ห้างหุ้นส่วนจำกัดนี้จะถูกควบคุมโดย California Uniform Limited Partnership Act of 2008 (CULPA) พร้อมกับมีข้อยกเว้นบางประการ CULPA จะกำหนดให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องจดทะเบียนหุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิด (limited partnership) และต้องมีสัญญาข้อตกลงของห้างหุ้นส่วน
ข้อกำหนดในการลงทุนหุ้นส่วน (Capitalization Requirement) - หุ้นส่วนทั้งสองประเภทนี้ ต้องมีส่วนร่วมต่อห้างหุ้นส่วน ส่วนร่วมนี้อาจรวมถึงทรัพย์สินที่จับต้องได้หรือทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างจับต้องไม่ได้ หรือผลประโยชน์อื่นๆ ต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด เช่น เงิน การดำเนินการในการบริการ ตั๋วแลกเงิน สัญญาในการดำเนินการบริการ หรือ ข้อตกลงอื่นๆ ในการลงหุ้นเป็นเงินสดหรือทรัพย์สิน
ภาษี - เช่นเดียวกับ ห้างหุ้นส่วนสามัญ (general partnership) ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ การรายงานภาษีขององค์กรแบบแยก และต้องรายงานข้อมูล แบบฟอร์ม K-1 นอกจากนั้นห้างหุ้นส่วนจำกัดในแคลิฟอร์เนียจะต้องจ่ายค่า “franchise” ประจำปีขั้นต่ำ $800 ตามข้อกำหนดของ LLC หรือ Corporation ในขณะที่รายได้ของห้างหุ้นส่วนนั้นกระจายไปยังหุ้นส่วนต่างๆ และ หุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิด (general partner) อาจมีการหักค่าลดหย่อนภาษีจากแหล่งอื่นๆได้ ส่วนความสามารถในการหักค่าใช้จ่ายของ หุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิด (limited partner) จะถูกควบคุมโดยกฎ “passive activity” ของสรรพากร (Internal Revenue Code)
ผมได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นของบทความนี้ว่าผมจะแบ่งบทความตอนนี้ออกเป็นส่วนๆ และในตอนหน้าผมจะกล่าวถึงโครงสร้างของธุรกิจในแคลิฟอร์เนียต่อ โดยผมจะกล่าวถึง Limited Liability Company ซึ่งคือ บริษัทจำกัด และ บริษัท (Corporations) นะครับ ผมขอให้ทุกคนที่ไล่ตามความฝันที่จะเป็นผู้ประกอบการทุกคนโชคดีครับ
ถ้าคุณมีคำถามใดๆที่ต้องการที่จะได้รับการตอบในบทความในอนาคตหรือถ้า อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ กฏหมายทั่วไป Immigration, Business, Property, และอื่นๆ
TEXT: หรือ ผู้ที่อาศัยอยู่ใน USA โปรดส่งข้อความถึงผมที่ (818) 505-4921
LINE: สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยคุณสามารถใช้ LINE ได้ครับ (LINE ID: JC_esq)
EMAIL:โปรดติดต่อส่งอีเมลมาที่:JC4LAW@HOTMAIL.COM
WEB: หรือท่านสามารถเข้าไปที่ website ของเราได้นะครับ มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษที่: WWW.JC4LAW.COM
FACEBOOK at: https://www.facebook.com/ThaiAttorney
และใน YouTube ลองดู "Joseph Chitmongran" นะครับ อย่าลืมตามผมกด "Subscribe" ด้วยนะครับ Thank You!
Disclaimer: The information contained herein have been prepared for informational purposes only and are not to be considered legal advice unless otherwise specified. If you have a specific question regarding your personal case, please contact the Law Offices of Joseph Chitmongran for a full consultation.