สารพันวรรณนา

อ.ประภาศรี



รักเมืองไทย

วันนี้ที่เมืองไทย ร้อนระอุ แดดเปรี้ยง หลบอยู่ในห้องแอร์ ไม่ก็หนีไปเดินห้าง คิดถึงคณะครูอาสาโครงการจุฬาฯ มาแล้ว ที่โหมโรงไว้ในฉบับก่อนๆ ได้เห็นการเตรียมตัวในกิจกรรมปฏิบัติ หล่อหลอมรวมกันเป็นครูผู้เจนจบหลักสูตรของศูนย์ส่งเสริมการสอนของคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ สู่เกียรติภูมิครูอาสาจุฬาฯ เป็นหนึ่งเดียวกัน อธิษฐานขอให้ทุกคนประสบผลสำเร็จ ได้พบสิ่งที่ดีงาม ได้รับไมตรีจิตมิตรภาพเอิบอาบใจ ไปไหนให้มีแต่คนเมตตา ไม่ต้องถึงขั้นเมตตามหานิยมหรอกนะ ยิ่งภาพยนตร์พี่มากพระโขนง ทำเงินถึงกว่า 400 ล้าน ป่านนี้คง 500 ล้านแล้วกระมัง

พ่อแม่ ลุงป้า น้าอา ปู่ย่าตายายที่เป็นผู้ปกครองของนักเรียนภาคฤดูร้อนวัดไทย เรียกว่ารักกันจริงไม่ทิ้งไม่ขว้าง เพราะมีหัวใจเดียวกัน

พันเอก หม่อมราชวงศ์เล็ก งอนรถ ประพันธ์กลอนว่า

เจ้าเป็นลูกยอดของพ่อแม่

ก็จริงแหล่แต่ชาติสำคัญกว่า
ทางที่ถูกเจ้าเป็นลูกอยุธยา
ก็เหนือกว่าพ่อแม่มาแต่ไร

เจ้าอาจเสียพ่อแม่ในวันหน้า

แต่จะเสียอยุธยาหาได้ไม่

เพราะฉะนั้น จงรู้จักรักเมืองไทย

รักษาไว้ให้อยู่คู่ฟ้าดิน

ที่ยกกลอนนี้มา ต้องการวรรคเดียว ที่เป็นภารกิจสุดฤทธิ์สุดเดชที่บรรดาครูอาสา จะต้องฟันฝ่าให้ตลอดรอดฝั่ง คือวรรคที่ว่า “เพราะฉะนั้น จงรู้จัก รักเมืองไทย” รักด้วยความเข้าใจ มิใช่ความหลง

ความสำเร็จของคณะครูที่สู้เสียสละ เสียเงินเสียทอง (ที่กำลังราคาตกทุกวันตอนนี้) อำลาพ่อแม่ สุดที่รักได้แก่สามีภริยาลูกและญาติมิตร มาใช้ชีวิตอยู่วัด ยังดีที่มีเพื่อนร่วมบุญมาหนุนนำซึ่งกันและกัน ตอนไหนผจญปัญหาอุปสรรค ก็นั่งขีดปฏิทินนับวันกลับ (หวังว่าจะไม่มี) ตอนไหนเห็นความสำเร็จจากความสุขของเด็กๆ ที่มาโรงเรียน เสียงแจ๋ว โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็กๆ ก็ไม่ซุกซน พวกเราทุกคนชอบมาโรงเรียน ชอบเรียนโรงเรียนวัดไทย จิตใจที่อิ่มเอิบต่อความเอื้ออาทรของผู้ปกครองและชาววัด เมตตาธรรมค้ำจุนโลกของคณะสงฆ์ จนความปลื้มปีตินั้นทำให้เวลาเหมือนใส่ปีกบิน ใกล้จะกลับก็ไม่อยากจากไปโดยไม่อาลัยหา

คนเราอยู่ไกลกันคนละฟากฟ้า มาพบกัน ร่วมกิจกรรมกันเพื่อประเทศชาติในต่างแดน มาเกื้อหนุนจุนเจือกัน ชาวพุทธเชื่อกันว่าเพราะเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันมาแต่ชาติปางก่อน ร้องเพลงให้ฟังก็ยังได้ (ดำน้ำนิดหน่อย ขออภัย)

.......คงเป็น รอยบุญมาหนุนนำ รอยกรรม รอยเกวียน หมุนเปลี่ยนเสมอ ให้เราได้มาเจอะเจอ ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย

ขอให้ครูทุกคนเดินไปตามรอยบุญ ที่ทำให้อยู่กันแสนไกลได้มาพบกัน เดินรอยกรรมที่ดีสร้างบุญใหม่เกิดชาติไหนให้ได้มาพบกันอีก ยิ่งเป็นคณะครูด้วยกัน จงรักกัน ฝากรอยบุญไว้ในความทรงจำ การไปกินนอนสอนเด็กด้วยกัน เป็นการสร้างบุญ สร้างมิตรภาพ แต่ขณะเดียวกัน คนเรามาจากต่างที่ต่างวิถีชีวิต เหมือนลิ้นกับฟัน ยิ่งใกล้ชิดก็มีวันกระทบกระทั่งกัน เพลงอภัยทาน ของท่านอาจารย์อำไพ ร้องกันเข้าไว้ ทำนองล่องแม่ปิง “ดอกบัวตอง” ครูจะร้องให้ฟัง

อภัยทานนั้นเป็นสิ่งดีเลิศคุณ

ธรรมะเกื้อหนุนอบอุ่นจิตใจให้คลายทุกข์ทน
แม้ถูกทำร้ายร่างกายหรือหมิ่นตัวตน
อาจถูกเหยียดหยามหรือทำให้ช้ำกมล
ให้อภัยมีผลของทานยิ่งใหญ่
มนุษย์สัตว์ร้ายใดใด
ย่อมยั้งหยุดได้ดั่งพุทธองค์

เพื่อนครูที่รักทุกคน ความรักเป็นสิ่งสวยงามจรรโลงโลก รักที่เจือปนด้วยอัตตา เห็นแก่ตนเป็นที่ตั้งเป็นด้านมืดของหัวใจ รักที่มีแต่จะให้ผู้อื่นคือจิตประภัสสร พระท่านสอนเรื่องอดทนอดกลั้น ทำได้ไม่ยาก ถ้าเราเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ปรับตัวปรับใจแลกเปลี่ยนกัน กลับมากราบศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ สุจริตกุล ผู้ปลูกฝังอปริหานิยธรรม เสมือนฉีดวัคซีนให้ครูของเราทุกรุ่นตลอดมา ผลสำเร็จจะมาจากครูทุกคน

รักเมืองไทย เพราะอะไร ตอบได้กว้างถึงรักคุณเท่าฟ้า หรือสายเลือดฉันเป็นคนไทย รักกตัญญูต่อบ้านเกิดเมืองนอนบรรพชน โลกหมุนเวียนเปลี่ยนแปรไป ตั้งแต่ลมฟ้าอากาศไปถึงวิถีชีวิต

เพลง “ฉันเป็นคนไทย” รุ่นแรก รุ่นบุกเบิก ร้องกันกระหึ่ม เล่นไปจนถึง ฉันเป็นคนลาว ฉันเป็นคนจีน ตามประสาเด็กวัยสดใส ผู้ใหญ่ก็เปี่ยมไปด้วยพลังมุ่งมั่น ยิ่ง “หลวงเตี่ย” ต้นคิดก่อตั้งจนเติบโตมาถึงครูอาสารุ่นที่ 30 ทุกวันนี้ ท่านบอกว่า ลูกหลานคนไทยที่อเมริกา หน้าไทยใจฝรั่ง ทำอย่างไรให้รู้จักรักเมืองไทย รวมกลุ่มชุมชนที่เข้มแข็ง เป็นคนอเมริกันเชื้อสายไทย เหมือนชนชาติอื่นที่เขารวมตัวกันจนมีพลัง มีเสียงดัง มี “Town” ของกลุ่มชาติพันธุ์ เชื้อชาติ

วันนี้ Thai Town สง่างาม เพิ่งดูถ่ายทอดที.วี. วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทยที่ลอสแอนเจลิส ปิดถนนคนเดิน มีพาเหรดมีการแสดง มีนักมวยชื่อก้องโลก “บัวขาว” มีมวยไทยที่ฝรั่งมุงดู มีอาหารไทย เห็นปิ้งย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง นี่แหละหัวใจคนไทย

โลกเราแคบลงมากแล้ว ติดต่อแค่มือกดนิ้วเปิดปุ๊บติดปั๊บ ประชาชนโลกผนึกรวมเชื้อชาติสู่สัญชาติ เหมือนคติดั้งเดิมครั้งจีนแผ่นดินใหญ่ จากแผ่นดินโพ้นทะเล ล่องเรือเสื่อผืนหมอนใบ เดี๋ยวนี้เกรียงไกรเปิดธุรกิจ บินไปเปิดเมืองจีน พม่า ทั่วโลก ความรักแผ่นดินที่อาศัยอยู่ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็น “ผู้อาศัย” แต่หมายความว่าเป็นเจ้าของถิ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ชั่วลูกหลาน มีคติธรรมว่า อยู่พื้นดินไหน ให้ทำประโยชน์และรักแผ่นดินนั้น คนไทยอเมริกันจึงเป็นอเมริกันชนที่ภาคภูมิใจในประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นลักษณะของอเมริกันชน ที่หล่อหลอมรวมกันหลายเชื้อชาติมารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และลูกหลานเชื้อชาติไทยในสหรัฐอเมริกาก็เป็นหนึ่งในอเมริกันชนอย่าสง่างามภาคภูมิ สมดังเพลงชาติอเมริกันที่แปลความตอนจบได้ว่า

ใต้ร่มธงดาริกา พร่างฟ้าพื้นไผทเสรี
อิสระชนนักรบกล้าพลี ถิ่นแดนนี้คือบ้านเรา

เป้าหมายของการสอนให้ “รักเมืองไทย” จึงเป็น “รัก” ล้วนๆ รักที่บริสุทธิ์ รักที่ไม่ต้องครอบครอง รักที่อิสระเสรี ฝรั่งชาติไหนๆ ไปเมืองไทย (ถ้าไม่โชคร้ายเจอคนโฉด) ล้วนติดใจในยิ้มสยาม ความมีน้ำใจไมตรีมิตรภาพ รักทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนไทย

สายใยความรัก จึงเชื่อมโยงสายเลือดไทยให้มองเห็นรากเหง้าเผ่าพันธุ์ สายเลือดข้นกว่าน้ำ ความเป็นคนไทย ไม่จำเป็นต้องกลับไปอยู่เมืองไทย สมัยนี้ขอให้ใจถึงใจ อยู่ไหนไม่สำคัญ ฉะนั้นเนื้อเพลงที่ร้องกันมาตั้งแต่ 30 ปีล่วงแล้ว บทที่ว่า

ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จงรัก ยิ่งชีวี

สร้างคุณงามความดี สมที่เป็นพุทธศาสนิกชน

ควรจะเน้นว่าคือเอกลักษณ์ของคนไทยในเมืองไทยที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ สายเลือดไทยในตัวตนจะกลั่นกรองรายละเอียดด้วยหัวใจน้อยๆ ของเด็กๆ ที่บางคนที่เคยสอนมาตั้งแต่สมัยเป็น “ครูอู๊ด” อยู่วัดไทยลอสแองเจลิส ตอนนี้กลับมาอยู่เมืองไทยตามพ่อแม่มาก็มี เป็นทางเดินชีวิตเป็นรายๆ ไป ทุกคนมีอิสระเสรีภาพ มีทางเลือก เป็นชาวโลกที่อยู่ร่วมโลกกันอย่างสันติสุข ไม่ว่าจะบนพื้นฐานแห่งความแตกต่างหรือความเหมือน วิสัยทัศน์ที่เปิดใจกว้าง สร้างสันติสุขในโลก ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาเป็นฉากหนึ่งของชีวิต ประสบการณ์เปิดหูเปิดตา จากไปไกลๆ เดี๋ยวนี้ชอบเที่ยวอยู่แถวนี้ สิงคโปร์ พม่า เกาหลี จีน ลาว ฯลฯ

ไปสิงคโปร์ ก็ชอบความสะอาด ความปลอดภัย ระเบียบวินัยที่การอนุรักษ์ธรรมชาติ ไปพม่าอลังการอร่ามเรืองเหลืองไปด้วยมหาเจดีย์และสารพัดเจดีย์ตามทิวทุ่งถึงยอดสูงของภูเขา ไปเมียงมองเมียนมาร์ด้วยสายตามิตรภาพ เปลี่ยนจากเสียงเพลงคุ้นหู

“ไทยครั้งเก่า ถูกชาติอื่นทำลาย จึงฝ่าลงใต้ มาอยู่ในแหลมทองของไทย ยังเขาตามมา ทำลายเผาจนสิ้น มัวระเริงยุ่งเหยิงต่อกันไทยคงสูญแน่” ยิ่งกับพม่า เพื่อนบางคน ชวนไปไม่ยอมไป ไม่อยากเห็นเจดีย์ทองที่มาเผาอยุธยาเอาไปสร้าง ว่าไปโน่น พอไปเห็นมาเอง ทรัพยากรธรรมชาติเขาอลังการงานสร้าง ทั้งเหมือนทอง เหมืองแร่ อัญมณี ก๊าซธรรมชาติ มีสมบูรณ์พูนสุข แต่เขาก็ระทมทุกข์ ปิดประเทศอยู่นาน สถานที่ถูกระเบิดทำลายล้าง เวรกรรมเหมือนเงาตามตัว ไม่ต้องไปเคียดแค้นให้ใจขุ่นข้อง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ควรเห็นใจ ให้อภัย รักกันไว้ ดีกว่าเคียดแค้นชิงชัง

ที่น่าชื่นชมพม่ามากคือการพิทักษ์พระพุทธศาสนา บ้านเมืองพม่าทุกท้องถิ่น เต็มไปด้วยวัดวาอารามอร่ามเรือง ตั้งแต่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์โบตาทาวน์ในย่างกุ้ง วัดมหามัยมุนี มัณฑะเลย์ วัดกุโสดอ ฯลฯ ใหญ่โต มองไปทางไหนล้วนเปล่งประกายทอง พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บนเนินเขาเชียงกุตระ บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า มีความสูง 97.8 เมตร เส้นรอบวง 426 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 57 เมตร ประดับด้วยแผ่นทองคำ 4 หมื่นแผ่น รวมน้ำหนักทอง 8 ตัน อุแม้เจ้า เลิกแค้นพม่ามาเอาทองเราไปได้เลยนึกเสียว่าอังกฤษทำแสบกว่าแยะ บังคับอะไรพม่าทำได้ด้วยระเบิด แต่ทว่าสั่งให้เลิกประเพณีถอดรองเท้าเข้าวัดไม่สำเร็จ จริงเท็จขออ้างไกด์เล่าว่า ขนาดอังกฤษติดประกาศจะไปวัดให้สวมรองเท้าได้ พอทหารอังกฤษมา ชาวพม่านอนเรียงกันเป็นตับ ให้เหยียบบนตัวของตนทั้งรองเท้า ถ้าไม่ยอมถอดก็เข้าถึงฐานเจดีย์ไม่ได้ แค่นี้ทหารอังกฤษก็ต้องยอมถอดรองเท้า จนบัดนี้ทุกคนก็ต้องถอดรองเท้าเหมือนเดิม

สงสัยคุยกับคณะครูอยู่ดีๆ จะไปออกอ่าวเมาะตะมะ เข้าเมืองพม่า กู่ไม่กลับแล้ว ยกยอดไปคราวหน้า ถ้ามีอารมณ์อยากเล่าจะเล่าให้ฟังต่อไป ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่สาธุชนโดยทั่วกัน