สารพันวรรณนา

อ.ประภาศรี



เมียงมองเมียนม่าร์(ต่อ)

พอบอกใครว่าจะไปพม่า เสียงเล่าอ้างก็ไหลมาเทมาเป็นข้อมูลแบบซุปไก่สกัด หากใจคอไม่มั่นคงองอาจ คงถอดใจไม่ไปแล้ว พอได้รับรายการเดินทางจากชัยทัวร์ เจ้าของคืออาจารย์ชัยธวัชว์ ไทยง ครุศาสตร์รุ่นอุษณา กาญจนทัต เพื่อนก็ถอดใจไปทีละคนสองคน บ้างก็ว่า ต้องถอดรองเท้าเดินเข้าวัด สวมถุงเท้า ถุงน่องไม่ได้ทั้งนั้น สารพัดเขาเล่าว่า (ทำให้อยากไปมากขึ้น เพราะเป็นคนหัวแข็ง ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ) ในรายการบินโดย Myanmar Airways บินตีห้าถึง 6.40 น. เวลาพม่าช้ากว่าไทย 30 นาที ถึงสนามบินมิงกาลาดอนย่างกุ้ง (Yangon) อาหารกลางวัน Bangkok Kitchen กุ้งพม่าส่งกลิ่นมาเป็นกิเลสมาร และแล้วเวลา 14.30 น. ข้าวยังไม่ทันเรียงเม็ด ต้องระเห็จขึ้น Air Bagan สายเดียวกับที่กลับกรุงเทพฯ ได้ 2 เดือน ได้ข่าวว่าตกไป 1 ลำ

บินจากสนามบินเฮโฮ (Heho) เมืองหลวงของรัฐฉาน (Shan State) นอนชมทะเลสาบอินเลที่ Myanmar Treasure Resort สวยโดยธรรมชาติ ห้องพักสุขสบาย แถมได้ชมละครโทรทัศน์เรื่อง “แรงเงา” จากเมืองไทย ภาพแจ่มแจ๋ว ภาษาไทยเจื้อยแจ้ว อุส่าห์ “line” กับคุณหน่อง อรุโณทัย ภาณุพันธ์ ว่าเสียดายจัง อดดูแรงเงา ฝากความคิดถึง “ผ.อ.” ด้วย เรื่องนี้ได้รับรางวัลนาฏราชถึง 5 รางวัล

และแล้ว วันรุ่งขึ้นไปขึ้นเครื่องบิน Air Bagan อีก ถึงสนามบินยองอูเมืองพุกาม (Bagan) นอนที่โรงแรม Floral Breeze ที่ไกด์บอกว่าใหม่เอี่ยม และไปได้ห้องมุมที่ใหม่จริงๆ เพราะยังมีกลิ่นสีบางห้อง ต้องย้ายไปอีกฟากหนึ่งก็สุขสบายดี

มาทัวร์เมืองไหน ต้องเชื่อใจในบริการมากกว่าอย่างอื่น ในวัยกระดูกลั่น นั่งก็กร๊อบๆ ลุกก็ดังแกร๊บๆ เงินทองเอาไปไม่ได้ สบายไว้ก่อน ทัวร์นี้มี ส.ว. สูงวัยสวยหวานเต็มรถ ไปไหนที่เต็มเร็วหน้าเดิมๆ บางคนลูกหลานมาไม่ได้ คณะไกด์จะจับจูงดูแลไปป่าเขา น้ำตก และที่แน่ๆ กระเป๋าสิ่งของไม่ต้องขนเอง ถึงเวลานัดสูตร 6-7-8 ปลุก 6 โมง อาหารเช้า 7 โมง ล้อหมุน 8 โมง ลูกทัวร์นิสัยดี แก่เฒ่าก็ตรงเวลาเป๊ะๆ เรื่องอาหารทุกมื้อ บริการในรถ ไม่เลิศไม่ใช่ชัยทัวร์ มัคคุเทศก์จะมีนิสิต บัณฑิต มหาบัณฑิต เป็นผู้ช่วยมัคคุเทศก์ เหมือนมีรุ่นลูกรุ่นหลานมาดูแลผู้ใหญ่ ลูกทัวร์ทริปนี้ มีเช่น พล.อ.วิมล วงศ์วานิช ม.ร.ว. โศภา กาญจนวิชัย เป็นต้น ทุกคนเป็นกันเอง เห็นฝ่ายบริการเหมือนลูกหลาน ไปไหนไปด้วย ไปแล้วก็ไปอีก เช้ามาก็สวัสดีกัน นั่งคละกันไป คนที่ถอนไปไม่มาด้วยแล้วบินขึ้นบินลงเพราะการไปทางรถไกลไม่สะดวกไปได้ช้า

มาถึงย่างกุ้ง เมืองเจดีย์ทองคำ มีเงาไม้ ทะเลสาบกลางเมืองกับตึกแถวสไตล์โคโลเนียลซึ่งได้รับอิทธิพลจากอังกฤษ ชาวคณะได้ไปสักการะพระเจดีย์โบตาตาว สร้างเป็นอนุสรณ์บรรจุพระเกศาธาตุพระพุทธเจ้า มี “พระเจ้าทันใจ” ซึ่งชาวพม่าและชาวพุทธทั้งหลายศรัทธามาก ถ้าอธิษฐานใดด้วยจิตใจที่เคารพศรัทธา จะสัมฤทธิ์ผลทันใจ ผู้มาสถานที่นี่จำนวนมากได้เชื่อมั่นบอกต่อกันมา จึงเนืองแน่นด้วยผู้คนไม่ขาดสาย

การเดินทางในพม่า ใช้เครื่องบินไปเมืองต่างๆ ด้วย Myanmar Airways เพราะสะดวกกว่าไปทางรถยนต์ ซึ่งรถติดมากในเมือง ขนาดอยู่ภายในเมือง บางวันก็ต้องตัดรายการออกไปเพราะรถติด หรือไม่ก็รวบรัดดูแบบชะโงก ชะแง้ทัวร์ ในรายการว่ามีชมช้างเผือก 3 เชือกจากยะไข่ เป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง ตรงตามคชลักษณ์ 7 ประการ ก็ไม่ได้ดู แต่ไปทัวร์วัยนี้ บริษัททัวร์ไม่มีขาดทุน ไปแล้วก็ลืม ไปอีกก็สนุกดี

ไปกับทัวร์นี้ เจ้าของนำมาเอง คืออาจารย์ชัยธวัชว์ ไทยง พอคณะเราถึงพม่า 7.25 น. ก็ตัดสินใจเปลี่ยนกำหนดการ ซึ่งเป็นผลดีตอนขากลับถ้ายังไม่ได้ไปมหาเจดีย์ ขากลับมีเวลาน้อยมาก จะน่าเสียดายที่สุด ไม่ได้เดินดูละเอียดอย่างที่เราได้เดินกันรอบพระเจดีย์ มีฉัตรยอดแหลมสูงเสียดฟ้า สร้างในสมัยพระเจ้ามินดง พ.ศ. 2414 สูง 9.90 เมตร ได้มีการสร้างฉัตรใหม่ พ.ศ. 2542 โดยส่วนยอดประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด รวมทั้งทับทิม นิล และบุษราคัม 2,317 เม็ด ปลายยอดประดับด้วยเพชรเม็ดใหญ่ที่สุด ขนาด 72 กะรัต ช่างงดงามเหลือเกิน รอบมหาเจดีย์มีวิหารหลักประจำทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปในอดีต 4 พระองค์ วิหารทิศใต้ประดิษฐานพระโภนาคมน์ ทิศตะวันออก พระกกสันโธ ทิศตะวันตก พระกัสสป ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าในอดีต และองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เป็นชาวพุทธ ชาตินี้ควรได้มาเห็นเป็นบุญตา พระนอนวันโพธิ์ที่ว่ากว้างยาวใหญ่ดูเล็กไปเลยแต่ก็งามแบบไทยได้มาเห็นที่มัณฑะเลย์ กว่าจะมาถึงต้องบินโดย Air Bagan เจ้าเดิม ถึงสนามบินเฮโฮ เมืองหลวงเก่าของรัฐฉาน แล้วขึ้นรถปรับอากาศเดินทางสู่ทะเลสาบฮินเล ใช้เวลาพอสมควร ลงเรือไปที่พักริมทะเลสาบ อากาศดี คนแจวเรือชำนาญการ ท่าสวยเหมือนใช้ขาเดียว

ทะเลสาบเกิดจากลำธารหลายสายไหลมาจากเทือกเขาที่ทอดขนานไปทั้งทิศตะวันตกและตะวันออก รอบๆ ทะเลสาบมีชุมชนชาวอินตาอยู่มากกว่า 200 แห่ง ลงเรือเข้าสู่ที่พัก สวยงามสะอาดไม่เห็นเหมือนคำบอกเล่าแบบซุปไก่สกัด หลังอาหารที่รีสอร์ท ชมความงามของผืนน้ำสะท้อนเงาของพระจันทร์เพ็ญเด่นงาม เปิดทีวีมีละครแรงเงา ชัดแจ๋ว ภาษาไทยแจ่มแจ้ง

รุ่งเช้า นั่งเรือชมฝีพายโดดเด่น ชมสวนลอยน้ำขนาดใหญ่เรียกว่า Floating Garden ปลูกบนทะเลสาบอินเล มีทั้งพริกผักกาด ลอยเป็นแพน่าเอาวิธีนี้มาใช้ตอนน้ำท่วม ไม่ต้องเสียเงินมากมาย ได้ชมเส้นใยบัว มีวิธีจับเส้นเอามาทอเป็นผ้าต่างๆ สวยงาม ไม่แพ้ผ้าไหม เป็นผ้าพันคอ เสื้อผ้าสิ่งของมากมาย

วัดพองดออู หรือวัดพระบัวเข็ม พระที่แกะขึ้นจากกิ่งไม้พระศรีมหาโพธิ์ ลงรักปิดทองเป็นรูปพระเถระนั่งก้มหน้า มีใบบัวคลุมศีรษะ มีเข็มหมุดปักอยู่ตามตัวหลายแห่ง นั่งอยู่บนดอกบัวหงาย มีดอกบัวคว่ำรองรับ เมื่อหงายใต้ฐานจะพบลายลักษณ์ปั้นทรงนูนต่ำรูปดอกบัว ใบบัว และรูปปลา จึงเรียกว่าพระบัวเข็ม

จากนั้นไปชมวัดแมวกระโดด วัดในทะเลสาบอินเล เป็นโรงเรียนศึกษาพระธรรม ทำนองเดียวกับพระปริยัติธรรม พระพุทธรูปมีพุทธลักษณะเป็นเอกลักษณ์ของชาวฉาน ชมความสามารถของแมวกระโดดลอดบ่วง แต่วันที่เราไปแมวนอนกกลูกหลับเฉยเลย ไม่ยอมกระโดด พระที่ฝึกสอนก็หายไปหมด เลยเจอแต่แมวนอนหวดที่วัดในทะเลสาบฮินเล

ทุกปีในเดือนตุลาคม ชาวฮินเลจะอัญเชิญพระผ่องต่ออูเป็นภาษาพม่าเรียกพระบัวเข็มที่หน้าตาแปลกเป็นปุ่มส่วนบน แล้วมาส่วนกลางลงไปส่วนใหญ่ ดูเหมือนหินทองสามก้อน ขนาดคนโอบสัก 2-3 คน รูปงามตรงแผ่นทอง เป็นศิลปะจากใจไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ประดิษฐ์ งดงามด้วยน้ำใจศรัทธา ถึงเวลาแห่เรือการเวกเป็นขบวนแห่แหนไปรอบทะเลสาบ เหมือนเรือสุพรรณหงส์ แต่ต่างรูปแบบ ของไทยเรียวเพรียวลม ประดิษฐ์เป็นหงส์เหมราช ลวดลายสลักเรียงราย ยามฝีพายจ้ำ มีเสียงเพลงเห่เรือก้องคุ้งน้ำ นกของพม่าเป็นนกการเวกสวยงามอ้วนพีดูน่าเกรงขาม อยู่ในอู่เรือใหญ่โต ดวงตาสีแดงดูฟันฝ่ามุ่งมั่น จงอยปากนกนั้นเล่ายาวแหลม ถ้าจะเห่เรือที่ดูอ่อนโยนละมุนละไม คงต้องลั่นฆ้องทำนองกลองศึก กว่าจะขึ้น เห่...เอย เอื้อนทำนองโอละเห่ เข้ากับสายลมผสมคลื่นรื่นอารมณ์ซาบซึ้งภาพงามตามจังหวะฝีพาย เป็นศิลปะจากหัวใจชาวพุทธเช่นกัน เราก็ทำเต็มที่ เขาก็มีหัวใจเต็มร้อย ไม่มีความเป็นเราเป็นเขา เพราะเป็นหัวใจศรัทธาที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือศรัทธาในพระพุทธศาสนา จากองค์พระมหากษัตริย์ไปจนถึงประชาราษฎร์ ขบวนเรือการเวกจะแห่แหนไปตามรอบๆ ทะเลสาบกว้างใหญ่ไกลโพ้น กว้างกว่าเราแน่ เพราะเป็นแม่น้ำ พม่าเป็นทะเลสาบ ไปพม่าเหมือนมีเลนส์ขยาย ทั้งวัดวาอาราม พระพุทธรูปดูใหญ่ไปหมด เหมือนขยายขนาดภาพ

กว่าจะเดินถึงอู่เรือการเวก ดูไกลแต่ความจริงระยะทางใกล้ ผ่านตลาดเล็กๆ ข้ามสะพานไม้ แต่ทำไมดูไกล คงเป็นเพราะเดินถอดรองเท้า ถอดมาตั้งแต่ประตูเข้าวัด จะเดินกลับไปคว้ารองเท้าก็ไม่ทันคนอื่น ก็เดินมาทั้งเท้าเปล่า เหยียบดิน กรวด หิน ขึ้นสะพานมีตะปูที่ตอกเวลามีรองเท้าไม่รู้สึก ใครจะไปควรหาถุงใส่รองเท้าหิ้วไปด้วยอย่าลืม ที่สำคัญที่นุ่มก็นุ่มเกินไป เพราะเป็นเหมือนน้ำลายเละๆ บางช่วง แต่ไม่ไกลนัก ย่ำๆ กันไป นุ่มหนอ เห็นหนอ ก็เป็นอย่างนี้เองหนอ แล้วก็ถึงโรงเก็บเรือการเวก

นั่งเรือกลับได้ชมหมู่บ้านทอผ้าจากใยบัว นำก้านบัวมาตัดตามขวางให้เหลือใยบัวอยู่ แล้วยืดใยบัวออกเป็นเส้น นำมาปั่น ย้อมสี แล้วนำไปทอ ฝีมือทอสืบทอดแบบโบราณและมีที่เดียวในโลก เขาว่าอย่างนั้น แต่เราว่าของไทยก็มี จำไม่ได้เพราะเห็นเป็นผ้าไทยอย่างเดียวกัน

5 โมงเย็น ล่องเรือไปขึ้นรถแล้วก็ขึ้นเรือบิน บินไปสนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ ขึ้นรถโค้ชปรับอากาศผ่านเมืองอมรปุระ ไปถึงมัณฑะเลย์ รับประทานอาหารเสร็จเข้าที่พัก เป็นรายการที่ครบทุกรสชาติ ที่น่าประทับใจคือไปทางไหนก็มีวัดมีพระ ยิ่งที่วัดบัวเข็มมีการปิดทองพระพุทธรูปหลายร้อยปีต่อเนื่องทับถมกันไปบนองค์พระ เป็นพระพุทธรูปจากองค์เล็กๆ กลมเป็นก้อน พวกฝรั่งเรียกว่า “ลูกบอลทองคำ” ข้างในจะปั้นวิจิตรอย่างไรไม่สนใจ เห็นแต่ทองหุ้มขนาดใหญ่เหลืองอร่าม มีส่วนโค้งเว้า นี่แหละฝีมือปั้นแท้ สวยงามตรงประกาศความศรัทธาของมนุษย์พุทธศาสนิกชน