สารพันวรรณนา

อ.ประภาศรี
เมียงมองเมียนมาร์ (ตอนที่ 3)

เปิดประตูอาเซียน คนไทยจะต้องปรับตัวปรับใจ ก่อนก้าวไปข้างหน้าต้องไม่ลืมรากเหง้าศักราช ผู้เขียนนึกถึงคำสอนของคุณพ่อ ท่านสอนลูกทั้งสิบคน จากคุณแม่เดียวกัน ว่าให้อยู่อย่างมีเกียรติ คำว่า เกียรติศักดิ์รักของข้า มอบไว้แก่ตัว ไม่ได้อยู่ที่รถหรูที่ร้อนจนมอดไหม้ ชื่อเสียงเกียรติยศก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีเกียรติคือ มองฟ้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน

ยิ่งเห็นพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง มหาเจดีย์ชเวซิกอง พุกาม พระเจดีย์ชเวมอดอร์ หงสาวดี พระราชวังบุเรงนอง ผู้ชนะสิบทิศ พม่ามีจุดขายเด่น ไม่แพ้ใครในอาเซียน ต่อให้เพิ่งเปิดประเทศล่าสุดก็เถิด

เหลียวมาดูอยุธยาของไทยเรา พันเอก หม่อมราชวงศ์เล็ก งอนรถ ประพันธ์ไว้ว่า

เจ้าอาจเสียพ่อแม่ในวันหน้า

แต่จะเสียอยุธยาหาได้ไม่

เพราะฉะนั้นจงรู้จักรักเมืองไทย

รักษาไว้ให้อยู่คู่ฟ้าดิน

มรดกไทยยังมีจุดขายมหาศาล ถ้าคนไทยภูมิใจในอัตลักษณ์ของเชื้อชาติ จะหล่อหลอมลงในเบ้าหลอมใด หลอมละลายอัตตาตัวตนก็ตามแต่ ความสง่างามภาคภูมิใจ ศิลปวัฒนธรรม มรดกของบรรพบุรุษ มิได้แห้งเหือดหาย คุณธรรมความดีมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะทำให้โลกหมุนแกนไปสู่สันติสุข มนุษยชาติจึงจะอยู่รอด

พระเจดีย์ โบตาทาวน์ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกริมแม่น้ำย่างกุ้ง ทหารพันธมิตรทิ้งระเบิดตูมปี 2486 แทนที่จะย่อยยับ กลับขุดค้นพบสถูปทองคำย่อส่วน มีพระเกศาธาตุบรรจุภายในมณฑปครอบแก้ว มีช่องทางเดินเข้าไปสักการะใกล้ชิด ภายในมีรูปปั้น นัดโบโบยี หรือเทพทันใจ ชาวพม่าเชื่อมั่นว่า หากตั้งจิตอธิษฐาน ขอสิ่งใดจะสมปรารถนาทันใจ วิหารด้านขวาประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัยสวยงามเดิมเคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์

วิธีสักการะเทพทันใจ นิยมถวายมะพร้าวอ่อนและกล้วย จากนั้นเอาเงินสกุลใดก็ได้มาม้วนใส่ในมือตัวเอง 2 ใบ ไหว้ขอพร แล้วดึงกลับมาเก็บไว้ 1 ใบ ให้ก้มหน้าผากไปแตะนิ้วชี้ขององค์พระพุทธรูป เชื่อว่าท่านจะได้รับการประสิทธิ์ประสาทพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คำอธิษฐานจะสมจริง มีมือดีถ่ายภาพไว้ให้ ทำให้พอจะรำลึกคำขอ สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เป็นคำขออัตโนมัติ ขออะไรที่จบลงด้วยอภัยทานจักร่มเย็นเป็นสุขเป็นสูตรสำเร็จของชีวิต

นั่งเรือมาขึ้นท่าวัดงาเฟคยาง หรือเรียกง่ายๆ ว่า วัดแมวกระโดด แทนที่จะตกตะลึงกับความงามวิจิตรศิลป์ของมณฑปทองคำ มีพระพุทธรูปโบราณงดงาม ศิลปะรัฐฉาน มีมงกุฎ สายคาดเอวอลังการ เล่าว่าเป็นตอนพระพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ ทรงเครื่องกษัตริย์ เพื่อแสดงธรรมว่าเครื่องนุ่มห่มอลังการเป็นเพียงเครื่องลวงตา พวกเห่อของฟุ่มเฟือยทั้งหลายควรมาให้ถึงที่นี่ เพื่อจะล้างตาให้แจ่มแจ้งกระจ่างธรรม

ที่บ้านเราย่ำแย่อยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะดวงตามองไม่เห็นธรรม เห็นแต่กระแสสังคมฉาบฉวย ใครมีเงินมีตำแหน่งก็ป้อยอกันเข้าไป เงินจึงเป็นพระเจ้า เบ่งรัศมีบารมีฉาบฉวยภายนอก สังคมเหลื่อมล้ำ ที่จนก็ค่นแค้นแสนสาหัส ที่รวยก็เหมือนอยู่แดนเนรมิต ปลงไปก็เท่านั้น สู้เดินหาแมว อยากดูซิว่า มันกระโดดอย่างไร คนพม่าจึงเรียกว่าวัดแมวกระโดด งาเฟคยาง

มีแมวแม่ลูก นอนอยู่นอกชาน ไม่เห็นกระโดดเลย สงสัยทัวร์เรามาในจังหวะที่แมวแม่ลูกนอนหวด หลับโลด คนต้องกระโดดขึ้นเรือลงเรือเก่งกว่าแมว

ธรรมชาติ ทะเลสาบสวยงามโดยไม่แต่งแต้ม แม่น้ำกว้างอย่างนี้ที่เรียกว่าทะเลสาบ เรือเปิดสัมผัสสายลมแสงแดด มีเก้าอี้นั่ง พร้อมชูชีพ ทางไกลกว่าเดิม เรือติดเครื่อง แต่ก็มีคนแจวค้ำถ่อ นกนางนวล บินถลา ตามมาเป็นฝูงย่อยๆ คิดถึงโจนาธาน ไม่รู้ตัวไหน ร่ำเรียนสมัยวัยวานยังหวานอยู่ ตอนนี้วัยวางใกล้จะวางวาย

วัดมหามัยมุนี วัดนี้ไม่เล่าไม่ได้ ถึงเล่าแล้วก็ต้องเล่าอีก เป็นจุดประทับใจของผู้เขียนโดยเฉพาะ วัดชื่อมหามงคล มหามุนี แปลว่ามหาปราชญ์ พระเจ้าปดุงโปรดให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2327 เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปจากยะไข่ ปางมารวิชัย หน้าตัก 3 เมตร ทรงเครื่องทองแบบกษัตริย์ เดิมอยู่บนยอดเขาสิริคุต พอพระเจ้าปดุงยึดยะไข่ได้ จึงเคลื่อนย้ายมาประดิษฐาน ณ กรุงอมรปุระ สมัยพระเจ้าสีปอ พ.ศ. 2427 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำให้ทองคำที่ปิดอยู่ละลายไหลลงมา เก็บเนื้อทองได้ 700 บาท

คณะเราไปถึงตี 4 กว่า หัวหน้าทัวร์บอกว่า ใครยังอยากนอนก็นอนไป อยากไปสวดมนต์ก็ไปกัน ปรากฏว่าคนเต็มรถ มาถึงเมืองพระจะเอาแต่นอนก็ใช่ที่ เหมือนไปปฏิบัติธรรมวัดถ้ำผาปล่อง หรือที่ไหนๆ ก็ใช้เวลาประมาณนี้ อยากนอนก็อยู่บ้าน ไม่ต้องตะกายขึ้นลงเครื่องบิน

เชื่อไหมว่า พอถึงวัด ถ้าไม่นึกถึงความมืดข้างนอก ทางเดินเข้าไปในซอยปากทางทางเข้าที่สว่างด้วยแสงไฟ มีผู้คนเต็มไปหมด ในชุดพื้นเมือง บ้างมีดอกไม้ พวงมาลัย ธูปเทียน ส่วนใหญ่มาด้วยสองมือ หนึ่งใจ ที่เปี่ยมปลื้มปีติในศรัทธาแห่งสาธุชน

มา “ถึง” พม่าก็ที่วัดนี้ ถ้ามัวนอนอยู่บนเตียง บอกตรงๆ ว่าเสียดายแทน เสียงสวดกระหึ่ม ภาษาบาลีฟังก็เหมือนวัดบ้านเรา เขาสวดของเขาเราก็สวดของเรา

เบื้องหน้า เขากั้นไม่ให้สตรีเข้าไปรอบฐานพระพุทธรูป ผู้ชายสามารถเอาดอกไม้ เครื่องสักการะไปวางได้ ข้างหน้าเป็นโต๊ะเล็กๆ ปูผ้า มีถาดเครื่องบูชา ผลไม้ สวดกระหึ่มอยู่เป็นชั่วโมงๆ มีคนเข้ามามากขึ้นไม่ขาดสาย ไกด์ว่าเป็นอย่างนี้ทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะเทศกาล

พระผู้ใหญ่ จีวรสีแดงเข้มเมื่อต้องแสงไฟ ปีนอยู่ช่วงชั้นบนสูง พระพุทธรูปส่วนพระพักตร์ตอนบนสุด คือจุดแรกที่ทำความสะอาด ขัดสีฉวีวรรณ จนมันวาววับ จับจีบจีวร มีฆราวาสในชุดหม่อง นุ่งโสร่ง สวมเสื้อแขนยาว พาดผ้าที่ไหล่ คอยส่งผ้า ส่งอุปกรณ์ขัดอย่างบรรจง ขันน้ำพานรอง จับมาขัดหมด เข้าจังหวะเสียงสวด ยิ่งรุ่งสางคนก็เนืองแน่น ลวดลายกระหนกอ่อนช้อย ม้วนก้นหอยส่องประกายสีทองระยับ มีใบโพธิ์ทองห้อยประดับ ยิ่งสวด ยิ่งจ้อง ยิ่งมองแล้วใจแช่มชื้น ที่นั่งก็โอย ลุกก็โอย ลืมเจ็บเหน็บหน่วง หายห่วงตัวตน ผลแห่งความศรัทธาเป็นเช่นนี้เองหนอ

ไปวัดกุโสดอ ฟังชื่อคุ้นๆ ผู้ชนะสิบทิศ พระเจ้ามินดงสร้างเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ปี พ.ศ. 2400 โปรดให้มีจารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ทำด้วยหมึกทอง ถือว่าเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก

วัดไม้สักทอง เป็นมรดกที่วัดได้รับพระราชทานจากพระเจ้ามินดง ที่รับสั่งก่อนสวรรคตว่าให้ยกพระที่นั่งของพระองค์ไปถวายพระสังฆราช พระเจ้าสีปอ จึงโปรดให้รื้อพระที่นั่งไปถวายวัด เดิมเคยปิดทองทั้งหลัง ปัจจุบันเหลือเพียงงานไม้แกะสลัก เดินไปรอบๆ บอกได้แต่ว่าสวยงามเป็นบุญตาที่ได้มาเห็น

ต่อมาไปชมพระราชวังมัณฑะเลย์ สงครามโลกครั้งที่ 3 หนักหนาสาหัส ญี่ปุ่นบุกยึดเป็นกองบัญชาการ อังกฤษมาก็ทำลายล้างหมดสิ้น ต้องสร้างจำลองใหม่ทั้งหมด แล้วไปชมสะพานอูเบ็ง สะพานไม้สักยาวที่สุดในโลก ข้ามทะเลสาบตองตะมาน เป็นไม้สักที่รื้อจากพระราชวังเก่า ผู้เขียนกับอาจารย์เจียรนัย พงษ์ศิวาภัย พอใจนั่งชมอยู่ใต้สะพาน ริมทะเลสาบ ดูวิวทิวทัศน์ ดูชีวิตชาวพม่า มีวิถีชีวิตที่มีความสุขดีเหมือนกัน