ลมหายใจของวัยทอง

จริตสราญ
พินัยกรรม !

ไม่ได้แบ่งปันเรื่องเหลือเชื่อหัศจรรย์ ที่ได้อ่านผ่านตามานานแล้ว...วันนี้เลยขอฉวยโอกาสแจกจ่ายเล่าสู่กันฟัง เว้นวรรคจากภารกิจประจำวันอันจำเจเสียหน่อย...เรื่องนี้ก็มาจากพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มโปรด Small Miracles ของฉันอีกตามเคยนั่นแหละ หากขี้เกียจรอให้ฉันมีอารมณ์เลือกเอามาเล่า...ก็ลองคลิกหาที่ซื้อมาอ่านเองนะคะ คนเขียนและรวบรวมชื่อ Yitta Halberstam & Judith Leventhal... มันนานมากจนจำไม่ได้แล้วว่าซื้อมาจากที่ไหน ?

เนื้อหาของเรื่องมีอยู่ว่า...เซลส์แมนหนุ่มคนหนึ่งชื่อ มิสเตอร์ ทอม สโตนฮิลล์ ต้องขับรถข้ามรัฐ เพื่อไปเสนอขายสินค้า...ระหว่างเส้นทางจากเมืองหนึ่ง มาอีกเมืองหนึ่งก็หลายสิบไมล์โขอยู่ มาถึงช่วงเดินทางกลับบ้านนี่เองแหละ เขาเกิดอาการอยากเข้าห้องน้ำเป็นที่สุด...จำเป็นต้องเร่งสปีดความเร็ว เป็นผลให้ตำรวจไฮเวย์ไล่ตามมา เพื่อให้ตั๋วปรับตามกฎ แต่เมื่อตรวจเช็คประวัติจากใบขับขี่ของเขาแล้ว นับว่าเป็นคนขับรถมือดี ที่ไม่เคยโดนตั๋วปรับมาก่อนเลย หนุ่มเซลส์แมนทอมไม่ได้แก้ตัว แต่ขยายความตามเป็นจริงว่า....

....เขาเร่งสปีดรถ เพราะต้องการไปให้ถึงห้องสุขาโดยด่วน หวังว่าคงจะได้เจอปั้มน้ำมันสักแห่ง...อย่างรวดเร็ว....

ตำรวจไฮเวย์พัทโทรล...เห็นหน้าตาซื่อๆ กับเหตุผลน่าเห็นใจของเขา อนุโลมไม่ออกตั๋ว แค่ตักเตือนให้เขาระมัดระวังเรื่องสปีด พร้อมกับแนะนำสถานที่ปลดทุกข์ใกล้ที่สุด ให้เขาขับลงจากไฮเวย์ แล่นเลียบเข้าเมืองชนบทเล็กๆ นั้นไป ก็จะเจอโบสถ์ประจำเมืองนี้ ที่เขาสามารถเข้าไปใช้ห้องสุขาได้อย่างสะดวกทันการ เซลส์แมนทอมขอบอกขอบใจในไมตรีอันดีของตำรวจผู้นั้น รีบขับรถไปตามเส้นทางที่ได้จดจำไว้ อึดใจใหญ่ก็ได้มาถึงโบสถ์โบราณดูน่าเลื่อมใส...เขาจอดรถได้ก็วิ่งขึ้นบันไดไปเปิดประตูบานใหญ่ออก....

โอ้โห...ข้างในอร่ามสวยงามด้วยแสงไฟ และก้องกังวานด้วยเสียงบรรเลงดนตรีจากเครื่องลำโพง คงเป็นพิธีสวดศพของใครคนหนึ่ง...ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ แต่...แปลกจริงๆ ที่นั่งกว้างขวางในโบสถ์...กลับว่างเปล่า ไม่มีแขกเหรื่อหรือผู้คนให้เห็นเลย !!...

แต่ก็ช่างเถอะ...ศพใครก็ช่าง...ก็เขาไม่ได้มางานศพซะหน่อย เขาต้องการจะมาปล่อยทุกข์...เข้าส้วมเท่านั้นเองนี่นะ.... กำลังหันรีหันขวางมองหาป้ายห้องสุขาอยู่ จู่ๆ ก็มีผู้ชายแต่งตัวดีปรี่เข้ามาหาอย่างรีบร้อนปากก็ร้องบอกว่า...

“คุณครับ...เชิญทางนี้ เชิญมาลงชื่อในสมุดรับแขกก่อนครับ...”

“เอ้อ...เออ...คือว่า...ผม...ผม...เอ้อ...ขอเข้าห้องสุขาหน่อยครับ...” เซลส์แมนทอมละล่ำละลักบอกไป ขณะที่พนักงานต้อนรับคนนั้นแข็งขันต้อนหน้าต้อนหลังอย่างประชิด...แทบว่าจะดึงเขาให้ตามไปติดๆ

“ได้ครับ...อยู่ทางโน้น...แต่ผมขอความกรุณาเถอะ ไปเซ็นชื่อลงในสมุดก่อนละกัน...ทางนี้ครับ...ทางนี้....” หนุ่มเซลส์แมนตัดความรำคาญ...เออ...เซ็นก็เซ็นวะ...ไม่เสียหายอะไร (นี่หว่า...) ซ้ำพนักงานต้อนรับคะยั้นคะยอให้เขาใส่ที่อยู่...เบอร์โทรศัพท์...และบริษัทที่ทำงานลงไปด้วย เสร็จจากลงสมุดเกสต์บุ๊คแล้ว เขาก็แทบวิ่ง...ถลาตรงไปยังห้องสุขาตามเจตนารมย์ที่ได้ตั้งใจไว้... เมื่อเสร็จธุระส่วนตัวก็ต้องรีบเผ่นเดินทางต่อ เพราะอีกตั้งหลายสิบไมล์กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง....

หลังจากนั้นต่อมาราว 3 อาทิตย์ จู่ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งจำนงค์แปลกๆ จากทนายความคนหนึ่ง ที่ไม่เคยได้ยินชื่อหรือรู้จักมาก่อนโทรติดต่อให้เขาไปพบยังที่ทำการออฟฟิศว่าด้วยเรื่องของ “พินัยกรรม” ยิ่งทำให้งงเข้าไปใหญ่ พินัยกรรมของใครกัน ? แต่คุณทนายพูดจาหนักแน่นอย่างชัดเจนว่า เขาจะต้องไปเซ็นรับมรดกจากพินัยกรรมนี้ เซลส์แมนคนซื่อตอบไปว่า...น่าจะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นคนโสดโดดเดี่ยวไม่มีญาติพี่น้องและเท่าที่รู้มาบรรพบุรุษก็หาเช้ากินค่ำ ไม่มีทรัพย์สินมรดกใดๆ ไว้เป็นพินัยกรรม !

เมื่อเขาแจงน้ำเสียงแข็งขันขึ้นเรื่อยๆ คุณทนายเลยต้องเรียบเรียงเรื่องราวให้เขาได้กระจ่างว่า... ประมาณ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาชื่อนายทอม สโตนฮิลล์ ได้ไปปรากฏตัวไว้อาลัยเซ็นชื่อลงสมุด ในงานศพของอภิมหาเศรษฐี แสตนเลย์ มัวโรว์ ในเมืองชนบทแห่งหนึ่ง...ใช่สิ...อ้อ...เขานึกได้แล้ว แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องบังเอิญแท้ๆ ถูกต้อง...และมันก็บังเอิญอีกเหมือนกัน ที่เศรษฐีแสตนเลย์คนนี้เป็นเจ้าของธุรกิจเกือบทั้งหมดในเมืองนั้น...ไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้อง....เป็นมนุษย์หน้าเลือดที่น่ารังเกียจของผู้คนในเมืองเล็กๆ นั้น ตอนนอนพะงาบๆ ใกล้ตายคงจะสำนึกถึงความเหี้ยมของตัวเองได้ เลยจ้างให้ทนายความร่างพินัยกรรมไว้ว่า....

....หากมีผู้ใดโผล่ไปไว้อาลัยเป็นเกียรติงานศพของเขา ก็ขอยกพินัยกรรมอันมีทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่ให้กับบุคคลคนนั้นไป...

ปรากฏว่าในงานศพของเศรษฐีแสตนเลย์ ไม่มีประชาชนในเมืองนั้นมาเซ็นชื่อไว้อาลัยให้เขาเลยสักคนเดียว... มีแต่เขา...นายทอม สโตนฮิลล์ คนเดียวเท่านั้นจริงๆ พินัยกรรมจึงตกเป็นของเขาโดยชอบธรรม ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้...ลาภลอยโดยไม่รู้ตัว !

แต่...ปาฏิหาริย์ไม่เกิดขึ้น ในงานศพของฉันแน่ๆ ขอยืนยัน

ไหนๆ ก็ไหนๆ เมนชั่นงานศพทั้งที ขอป่าวประกาศล่วงหน้าไว้ซะเลยว่า... เมื่อถึงเวลางานศพของฉันบ้าง...จะช้า...จะเร็ว...เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมาถึง....ซึ่งฉันมั่นใจเต็มร้อยว่า...จะมีบรรดากัลยาณมิตรมาดูหน้าสั่งลาฉันกันไม่น้อยทีเดียว...

ขอให้...ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส...อารมณ์ดี แข่งกันด้วยสีสันเสื้อผ้าสวยงาม...ตระการตา คล้ายว่าเพลินอยู่ในสวนพรรณบุปผา...

โถ...คุณขา...จะพากันไว้ทุกข์...อมเศร้า...เสียน้ำตากันไปทำไมล่ะค๊า... ก็ฉันหลับสบายไปแล้ว...ไม่ต้องตื่น...ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกะใครทั้งนั้นนี่นะ...มันถึงเวลาอันควร...ที่จะต้องไปแล้ว..ว..ว ควรให้เกียรติตัวเองไปซะดีๆ เกิด...แก่...เจ็บ...ตายมันเป็นเรื่องธรรมด๊า...ธรรมดา ได้มาแล้วก็ต้องไปกันทุกคนแหละ มาแต่ตัว ก็กลับไปแต่ตัว...ไม่มีทรัพย์สินมรดกตกทอดให้ใครซะอีกด้วย... ขอโทษที...มีแต่ความทรงจำดีๆ ที่ห่อหุ้มด้วยพรศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ในจิตใจ ให้ทุกๆ ชีวิตที่ฉันรักและศรัทธา...มีแต่สุขและยิ้มระบายฉายอยู่บนใบหน้า...ทุกๆ เวลาที่คิดถึงฉัน !!

แล้ว...ฉันจะจัดคิวทยอยไปเข้าฝัน... ให้เพื่อนๆ ถูกหวยซูเปอร์ล็อตโต้... รวย...รวย...รวยกันซะให้เข็ดเสียทีเถิด...โอมเพี้ยง !! (เห็นท่า...จะถูกแช่งให้ตายเร็วก็คราวนี้ละกรูเอ้ย..ย..ย)