ลมหายใจของวัยทอง

จริตสราญ
อันเนื่องมาจาก...อัคคีภัย (ต่อ)

มาถึงแล้วค่ะ...กลุ่ม ส.ว. (สูงวัย) เพื่อนๆ ของแม่ฉัน... ด้วยการนำขบวนโดย คุณรัศมี อนันตเสถ ผู้จัดการศูนย์สุขภาพ Day Light Adult Daycare สำหรับผู้สูงอายุ ที่แม่ของฉันเป็นสมาชิกอยู่หลายปีดีดัก รู้ข่าวจากทาง TV ก็นำพลพรรคเพื่อนๆ กลุ่มไม้เท้ากายสิทธิ์ของแม่...มาค้นหาความจริง

ประมาณว่า...เห็นภาพจากข่าวสดทางหน้าจอ...ที่มีแต่ร่างของฉันกับน้องชายถูกหามขึ้นรถแอมบูแลนซ์... แต่...ไม่มีร่องรอยร่างของแม่... เลยต๊กกะใจไปกันใหญ่ คิดว่าแม่ถูกไฟเผามอดไหม้... ไม่เหลือซากไปแล้ว... เลยต้องดั้นด้นตามกันมาพิสูจน์ความจริง... ให้เห็นกับตาว่า... แม่ของฉันยังมีลมหายใจอยู่ ! ...

คิดดูเอาละกันนะคะว่า... คนไข้แต่ละเตียง ได้รับสิทธิให้คนเยี่ยมได้ครั้งละไม่เกิน 3 คน ในขณะที่มีคนไข้อยู่ 3 เตียง... ก็เท่ากับว่ามีคนเยี่ยมเข้ามาในยูนิตนี้ตั้ง 12 คนเข้าไปแล้วนะ จะไม่ให้พยาบาล... พนักงานในบริเวณนี้หน้านิ่วคิ้วขมวดได้ยังไงกัน...

ผู้เยี่ยมกลุ่มนี้มีความกล้าหาญ... เดินควงไม้เท้าตามกันเข้ามาแบบว่า... ไม่ยอมรอคิวให้คนเยี่ยมชุดแรก...กลับออกมาก่อน...เล่นเอาเหล่าพยาบาลหน้าตึง... อึ้งกันไปหมดเหมือนยอมจำนน... เดาไม่ออกจริงๆ ว่า...พวกเธอให้เกียรติในวัยวุฒิ....รึว่า...เกรงกลัวอภินิหารไม้เท้ากายสิทธิ์ของทีม Golden Girls ก็ไม่รู้สิ...ฮา...ฮา...ฮา

เอาแน่ะ...ฉันผล็อยหลับไปเมื่อไหร่...หลับได้ยังไงก็ไม่รู้... ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที...ก็...เฮ้ย... ทำไมหน้าตึง...ปากตึงไปหมด...เพาะถูกพันธนาการไว้ด้วยผ้าขาว เหลือไว้แค่ลูกกะตาและริมฝีปากบวมเจ่อที่เผยอได้เพียงเล็กน้อย มือทั้งสองข้างก็ถูกพันผ้าขาว โหย...นี่มันลักษณะมัมมี่ชัดๆ เลยนี่หว่า... ยังไม่ตาย แต่กลายเป็นมัมมี่ไปครึ่งตัวได้งัย..ย..เนี่ย รู้สึกมึนๆ งงๆ แปลกใจอยู่เงียบๆ... นี่เขาเอาฉันเข้าไปห้อง Surgery ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?... ทำอะไรกันบ้าง ? และเสร็จออกมายังไง ? ทำไม๊...ทำไม...ฉันถึงไม่รู้สึกตัว ไม่รู้เรื่องเอาเลยจริงๆ ....วางยาสลบตอนไหน ยังไม่รู้เล้ย....

หลานสาว Stephanie เห็นฉันฟื้น...กลอกลูกตาไปมา เลยรายงานว่าลูกชายกับลูกสะใภ้คนสวยของฉัน มาถึงตอนที่ฉันถูกเข็นออกมาจากห้อง Surgery แต่ยังไม่ลืมตา เขาจึงฉวยโอกาสไปเยี่ยมคุณยาย...และคุณอาของเขาก่อน แล้วเธอก็รีบออกไปบอกเขาว่า...ฉันตื่นฟื้นแล้ว

พอเขากลับมาที่เตียงของฉัน...เข้ามากอดแสดงความเสียใจยกใหญ่ บอกเล่าถึงข่าวและภาพที่ได้เห็นผ่านหน้าจอช่วงเช้าให้ฟัง...ด้วยน้ำตาปริ่มเชียว! ... แหม...ได้กอด...ได้เห็นหน้าลูก...ก็...เฮ้อ...ชื่นใจ จนต้องพยายามเปล่งเสียงเข้มแข็งขำๆ ออกไปบอกเขาว่า...

“ไม่ต้องห่วงแม่นะ... มันไกลหัวใจน่ะ... คิดว่าแม่เข้ามาทำ Baby Face ก็แล้วกัน... รู้ไหม... พอเอาผ้าพันแผลหน้าออกได้เมื่อไหร่... แม่ก็จะหน้าเด้ง...แถมปากบวมๆ นี่ก็จะอวบอิ่ม เหมือน Angelina Jolie อีกด้วยนะ...จะบอกให้....”

เอาซี่...คนไข้สามารถทำให้คนมาเยี่ยมหัวเราะได้ก็แล้วกัน... ลูกชายจะได้ไม่ห่วงกังวล... เพราะได้เห็นกับตาว่า แม่ของเขายังอารมณ์ดีและมี Good Spirit เหมือนเดิม !!

วันรุ่งขึ้น...เราทั้ง 3 คนถูกย้ายขึ้นมาพักรักษาตัวอยู่บนชั้น 4 โดยที่ฉันกับแม่พักอยู่ห้องเดียวกัน มีม่านกางกั้นเขตเป็นส่วนตัวในตอนหลับนอน ส่วนน้องชายถูกแยกไปพักอยู่ฝั่งตรงข้ามของ Hallway บนชั้นเดียวกัน... เขาเดินมาดูอาการแม่เป็นระยะๆ แต่...เฮ้ย...ผิวหน้า แขน และมือไม้กลับขาวเหมือนเดิมได้ไงล่ะ... ที่ฉันเห็นตอนแรกมันดำสนิทยังติดตาอยู่เลย.... เขาให้ความกระจ่างว่า นั่นมันเป็นเขม่าควันไฟตอนที่เขาเข้าไปฉีดน้ำในบ้าน ก่อนที่หน่วยดับเพลิงจะมาถึง... ไม่ใช่ถูกไฟไหม้เกรียม ! ซึ่งถูกพยาบาลสาวชะล้าง Clean up ให้เรียบร้อย... ก่อนที่จะถูกย้าย ร.พ. โล่งอกไปที... และนับว่าโชคดีที่เขาได้รับบาดแผลจากกระจกบาด ที่ขา... ที่คิ้ว... และที่มือไม่สาหัสนักสำหรับลูกผู้ชายอก 2 ศอกครึ่ง ซึ่งต้องได้รับการเย็บแผลไปตามระเบียบ

คนที่โดนหนักกับอัคคีภัยคราวนี้คือ แม่ !

หลังจากเข้าห้อง Surgery ในวันแรกก่อนหน้าฉันกับน้องชายแล้วมา ถึงวันที่ 2 แพทย์ศัลยกรรมมือโปร Dr. Peter Grossman ได้เข้ามาดูแผลของทุกคนอีกครั้ง และได้ออกความเห็นว่า ผลของการ Surgery ของฉันกับน้องชายเป็นที่พึงพอใจ อีกวันสองวันก็กลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้...

แต่...สำหรับแม่นั้น อีก 2 วันจะต้องเข้าห้อง Surgery อีกเป็นรอบที่ 2 เพราะผิวเนื้อที่แขนทั้ง 2 ข้าง ถูกลวกลึกเสียหายมาก จำเป็นต้องซ่อมแซมด้วยผิวหนังของตัวแม่เอง...โดยคุณหมอจะแล่เอาผิวเนื้อหน้าขาของแม่มาปะส่วนที่สึกหรอให้... แค่ได้ฟังก็... รู้สึกเจ็บจี๊ด..ด.. เข้าไปกระทุ้งต่อมน้ำตาให้ได้ไหลพรากแล้วละ...คุณเอ้ย...

คิดเอาง่ายๆ ว่า.... ผิวเนื้อที่เสียหายแล้วนั่นน่ะ... มันรู้สึกเจ็บปวดจนชาไปแล้ว ตั้งแต่ตอนโดนลวก จะทำอะไรกับมันก็ทำได้... ก็เพราะมันเจ็บของมันอยู่แล้วงัย แต่...ผิวเนื้อหน้าขาอ่อนที่ปรกติ... สบายอยู่ดีๆ นี่สิ ต้องถูกแล่เฉือนออกไปปะแขนสดๆ เนี่ย... โหย..ย... มันโหดบริสุทธิ์ เสียวๆ ใจยังไงก็ไม่รู้ละ

ฉันอดไม่ได้ที่จะถามคุณหมออย่างโง่ๆ ตรงไปตรงมาว่า...แล้วแม่จะเจ็บไหม ? เลยได้คำตอบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมเหมือนกันแหละว่า... ตอนปฏิบัติการแล่ผิวเนื้อนั่นน่ะ จะไม่รู้สึกอะไรแน่นอนเพราะ Surgery ทุกชนิด ต้องวางยาสลบอยู่แล้ว... แต่...ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นแหละ...เจ็บแน่นอน ! โอย...โอย...โอย..ย... สงสารแม่เหลือจะกล่าว... สุดจะรำพัน แม่เจ็บที่ใบหน้า...แขนทั้งสองข้าง...และมือ จากอัคคีภัยแล้วยังต้องมาเจ็บตัวจาก...การถูกแล่เนื้อหน้าขามาปะเสริมผิวเนื้อแขนของตัวเองอีก... ซึ่งมันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยสมานผิวแขนให้เนียนเสมอทั่วกันได้...

นี่ถ้า...ในกรณีนี้คนป่วยเป็นผู้สูงอายุคนอื่นๆ ที่อายุ 84 ปีขึ้นไป... ฉันไม่แน่ใจว่าจะมีความอึด...อดทนรอดผ่านความเจ็บปวดของขบวนการนี้ไปได้หรือไม่ !...

สำหรับแม่... ผู้เป็นวีรสตรีของลูกๆ มาตลอด ฉันเชื่อว่าแม่ของฉัน...มีวิญญาณนักสู้อยู่ทุกลมหายใจ แม่ไม่มีวันพ่ายแพ้อยู่บนเตียง ร.พ. เด็ดขาด ฉันขอการันตี ! ใช่แต่ฉันที่มั่นใจในตัวของแม่อย่างเกินร้อย... ญาติสนิทมิตรสหายในแอล.เอ. ใครๆ ที่รู้จักแม่ของฉันต่างเห็นด้วยเพราะ... พื้นฐานสุขภาพพลานามัยของแม่จัดว่าเยี่ยมสำหรับวัยนี้ ซึ่งเป็นผลดีจากการไฮเปอร์... และการเดินออกกำลังขึ้น-ลงเนินเขาแชโดว์ฮิลส์อยู่เป็นประจำวันละชั่วโมงกว่าๆ

วันสุดท้ายก่อนได้ฤกษ์ออกจากโรงพยาบาล West Hills คุณหมอมาถอดผ้าพันหน้าออก... เหลือไว้แต่มือทั้ง 2 ข้าง ข้างขวาหนักกว่าข้างซ้ายซึ่งฉันแอบกังวลอยู่ลึกๆ จะเสียรูปโฉมยังไง... ก็ขอให้จับปากกาเขียนหนังสือได้ก็แล้วกัน ใจฉันจดจ่อ...อยากเห็นหน้าตัวเองที่แอบนึกสนุก ตั้งความหวังว่า...น่าจะเด้ง ดึ๋งดั๋ง...เออ..เอาแค่น้องๆ เบบี้เฟซก็ยังดี (วะ)

โหย...ผิดหวังจังเบ้อเร้อ... เพราะที่เห็นอยู่ในกระจกเหนืออ่างล้างหน้า...นั่น...มันก็หน้าอูมเดิมๆ ที่มีรอยปื้นเหมือนปานแดงใหญ่เกือบครึ่งแก้มขวา... ที่หน้าผาก... ที่เปลือกตาขวา... ที่รอยหยักระหว่างคิ้ว... และที่ริมหยักของริมฝีปากที่ยังบวมเจ่อ... โอย... อะไรกันนี่... ผมรอบๆ ขอบวงหน้าผากและข้างหูถูกไหม้หงิกคุดแห้งฝังติดหนังหัวเข้าไปอีก... ไม่มีเค้าของ Angelina เมียคุณ Baad Pitt เลยสักนิด... ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเป็นเบบี้เฟซของมนุษย์..หรือ..ลิงตัวเมียกันแน่ !

ออกจาก ร.พ. ไปแล้ว...คงต้องกบดานอยู่แต่ในกรง ไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับผู้คนแล้วละ...พี่น้องเอ้ย !

(ติดตามต่อเสาร์หน้า...)