The science of การอ่านใจคน: Reading the mind in the eyes

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รัก ท่านใดจะซื้อบ้านใหม่หรือมีบ้านอยู่แล้ว แต่อยู่แล้วไม่มีความสุข เก็บเงินไม่อยู่หรือธุรกิจกำลังประสบปัญหาทั้งที่เคยดีมาก่อน ปรึกษาฟรีครับ รวมถึงท่านที่เจ็บป่วยด้านสุขภาพโดยเฉพาะเส้นเอ็นหรือกระดูก เดินไม่สะดวก เชิญติดต่อมาครับ หากแอดไลน์ไม่ได้ก็เซฟเบอร์ผม ไลน์จะขึ้นเองหรือโทรหรืออีเมล์มาได้ รีบหน่อยครับ มีโควต้าจำกัดจริง (818)399-5757, Line: stevefengshui Email: stevefengshui@gmail.com

ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านเกือบทุกท่านคงจะเคยได้ยินคำว่า Emotional Intelligence (EI) หรือความสามารถของคนเราในการเข้าใจและควบคุมอารมณ์ของตัวเองและของคนรอบข้างมาก่อน [ซึ่งตามนักจิตวิทยาแดเนียล โกลแมน (Daniel Goleman) เป็นความสามารถที่สำคัญในการดำเนินชีวิตกว่า IQ ที่เรารู้จักกันดี] แต่ผมคิดว่าคงจะยังมีคุณผู้อ่านหลายท่านที่ไม่เคยได้ยินคำว่า Social Intelligence (SI) หรือความสามารถในการใช้ EI ที่เรามีในการบริหารสัมพันธภาพทางสังคมที่เรามีกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก หรือคนแปลกหน้าก็ตาม

แดเนียล โกลแมน กล่าวเอาไว้ในหนังสือ Social Intelligence: The New Science of Human Relationships ของเขาว่า คนที่มี SI สูง ส่วนใหญ่จะมีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือ empathy เป็นหลัก ซึ่งคนที่มีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้นสามารถที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับอารมณ์และความรู้สึกของคนอื่นรอบตัวได้ง่าย ซึ่งก็จะทำให้การบริหารสัมพันธภาพทางสังคมง่ายขึ้น รวมทั้งการขจัดความขัดแย้งในสังคมให้หายไปและเพิ่มการเข้าใจจุดยืนที่แตกต่างของคนอื่นง่ายขึ้นตามๆ ไปเช่นกัน

Reading the mind in the eyes

แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีความสามารถของการเอาใจเขามาใส่ใจเรามากน้อยขนาดไหน นักจิตวิทยาเขามีวิธีวัด empathyที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ไหม

มีสิครับ

ศาสตราจารย์ไซมอน บารอน-โคเฮน (Simon Baron-Cohen) นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge) และญาติของนักแสดง ซาชา บารอน-โคเฮน (Sacha Baron-Cohen) ที่เรารู้จักจากหนังฮอลลีวูดหลายเรื่อง ได้คิดค้นวิธีวัด empathy ที่มีพื้นฐานจากความสามารถของคนในการอ่านใจคนอื่นจากดวงตา หรือที่เรียกกันว่า “reading the mind in the eyes” ตามหลักของจิตวิทยานั้น คนที่มีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเราสูงจะสามารถอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของคนรอบข้างได้จากการมองแค่ตาของคนคนนั้นเท่านั้นเอง

แล้วคุณผู้อ่านอยากทราบไหมครับว่า คุณผู้อ่านมีความสามารถในการอ่านใจคนอื่นจากดวงตาขนาดไหน ถ้าคุณผู้อ่านอยากทราบละก็ ผมอยากให้คุณผู้อ่านลองทำแบบฝึกหัดขนาดย่อ (25 จาก 32 ข้อ) ของไซมอน บารอน-โคเฮน ข้างล่างดูนะครับ (ส่วนคำตอบนั้นคุณผู้อ่านสามารถหาได้ที่ตอนท้ายของบทความนี้นะครับ) ป.ล. ผมอยากให้คุณผู้อ่านอ่านคำอธิบายภาษาอังกฤษเป็นตัวประกอบไปด้วยนะครับ เผื่อว่าผมแปลได้ไม่ตรงตัว


a) เกลียดชัง (hateful)
b) อิจฉา (jealous)
c) หยิ่งยะโส (arrogant)
d) ตื่นตระหนก (panicked)
a) ขี้เล่น (playful)
b) ปลอบโยน (comforting)
c) ระคายเคือง (irritated)
d) เบื่อหน่าย (bored)
a) หยิ่งยะโส (arrogant)
b) รำคาญ (annoyed)
c) เสียใจ (upset)
d) หวาดกลัว (terrified)
a) มั่นใจ (convinced)
b) กระวนกระวายใจ (flustered)
c) ปรารถนา (desire)
d) ขี้เล่น (playful)
a) ขบขัน (amused)
b) ผ่อนคลาย (relaxed)
c) อิจฉา (jealous)
d) ยืนยัน (insisting)
a) เป็นกันเอง (friendly)
b) ระคายเคือง (irritated)
c) กังวล (worried)
d) เยาะหยัน (sarcastic)
a) เพ้อฝัน (fantasising)
b) ตระหนกตกใจ (alarmed)
c) กังวล (worried)
d) ใจร้อน (impatient)
a) ไม่สบายใจ(uneasy)
b) เป็นกันเอง (friendly)
c) รู้สึกผิด (guilty)
d) อิจฉา (jealous)
a) ตื่นเต้น (excited)
b) โล่งใจ (relieved)
c) ขี้อาย (shy)
d) สิ้นหวัง (despondent)
a) รำคาญ (annoyed)
b) ไม่เป็นมิตร (hostile)
c) หวาดกลัว (horrified)
d) หมกมุ่น (preoccupied)

(ขอขอบพระคุณ อาจารย์ ณัฐวุฒิ เผ่าทวี)
(อ่านต่อฉบับหน้า)

อ.เดช ญาณทิพย์